5 มิถุนายน 2557 : คุยกันเล่น #31 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามยังฝากไว้ตรงนั้นอยู่


ช่วงงานอินทขีล (25-31 พ.ค. 57 ที่ผ่านมา) ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เชียงใหม่
มีโอกาสมาถ่ายภาพเพียงวันเดียว คือวันเปิดงานที่มีขบวนแห่พระพุทธรูปฝนแสนห่า บนรถบุษบก แห่ไปรอบเมือง
วันเปิดงานอินทขีลของทุกๆ ปี วันนี้จะมีฝนจะตกแรงๆ มีพายุเข้า
แต่เอาเข้าจริงวันนั้นฝนกลับไม่ตกเลย
ยังคิดว่าจะได้ไปเก็บบรรยากาศของงานมาให้ชมกันอีกเป็นระยะๆ
แต่เอาเข้าจริงช่วงวันจัดงาน ในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ฝนตกแรงๆ ทุกวัน มีพายุเข้ามาเกือบทุกวันด้วย
เลยกลายเป็นว่าปีนี้ได้ไปถ่ายภาพของงานอินทขีล เพียงวันเดียว


ช่วงว่างๆ ของวันที่ 25 หลังจากถ่ายภาพในงานพิธีได้ภาพมาพอสมควรแล้ว
เดินหลบแดด มาเดินเล่นถ่ายภาพอยู่ที่ด้านหน้าวิหารพระอาจารย์มั่น
ทางขึ้นวิหาร มีพญานาค 2 ตัว ที่มีลำตัวพาดยาว โค้งไปรูปด้านข้างของบันได
มาเล็งๆ ถ่ายภาพมุมนี้ หวังว่าจะให้ได้เศียรพญานาคทั้ง 2 ตัว ที่มีมุมมองไปยังพระธาตุเจดีย์หลวง
แต่ด้วยที่ว่าติดเลนส์ไปเพียงตัวเดียว ช่วงเลนส์ 15-85 mm.
ทำให้เก็บภาพในมุมนี้ไม่พอ


มุมนี้ตอนแรกๆ ก็นึกว่าจะถ่ายภาพให้ได้องค์ประกอบอย่างที่ต้องการง่ายๆ
แต่ด้วยพื้นที่จำกัดของช่วงความกว้างของบันไดที่ค่อนข้างแคบ
ไม่สามารถวางตัวกล้อง และจัดองค์ประกอบให้ได้ภาพอย่างที่ต้องการเลย


ด้วยพื้นที่การถ่ายภาพจำกัดแล้ว
ยังมีเรื่องเทคนิคการถ่ายภาพอีก ที่เมื่อเลือกถ่ายภาพพระธาตุเจดีย์หลวงเป็นฉากหลัง และเป็นส่วนที่มีค่าแสงมากกว่าตัวพญานาค
ถ่ายภาพแล้วตัวพญานาคยังไงก็จะออกมามืดๆ
ภาพแรกๆ ที่ให้ชมกันด้านบนนั้น ต้องใช้การยิงแฟลชเฉียงๆ เข้าหาตัวพญานาคทางด้านซ้ายมือนี้



กลับมาบ้านแล้ว....
ยังทำให้คิดไปว่า หากได้มุมถ่ายภาพพญานาค ครบทั้ง 2 ต้ว ตามที่คิดไว้แล้ว
แต่จะทำอย่างไร ที่จะให้ภาพของพญานาคทั้ง 2 ตัวมีแสงที่ดูเพียงพอ สวยๆ ด้วย

ได้แต่คิดเองว่าคงจะต้องหาเทคนิคพิเศษกันอีกล่ะ
ที่จะทำให้แสงแฟลชสะท้อนไปกระทบตัวพญานาคทั้ง 2 ตัว ให้ได้

แต่เอาไว้ก่อนกับเรื่องแสงที่จะไปตกที่พญานาคทั้ง 2 ตัว
ขอถ่ายภาพให้ได้พญานาคทั้ง 2 ตัวก่อนดีกว่า

จากภาพเปิดภาพแรก ได้ลองหยิบไปโพสที่ facebook
เพื่อนๆ บอกกันว่ามุมนี้เคยถ่ายภาพแล้ว ต้องใช้กล้องตัว Fullframe กันเพียงอย่างเดียว
(แต่ยังเข้าใจว่า เพื่อนจะคิดไปถึงฉากที่ถ่ายจากหลังวิหารหลวง ซะมากกว่า)

เพื่อนๆ แนะนำว่าลองหาเลนส์ wide ไปถ่ายภาพดูใหม่


รับคำแนะนำกันมาแล้ว แต่มีตัวเลือกเพียงตัวเดียวที่คิดว่าทำได้เลย คือเลนส์ Wide

จากวันนั้น หลายวันต่อมา ช่วงพักเที่ยง แดดยังร้อนเปรี้ยงอยู่เลย
แต่ด้วยความที่อยากจะกลับไปถ่ายภาพใหม่ เลยติดเลนส์ Wide 10-24 mm ไปลองถ่ายภาพกันใหม่
และก็ยังฝากความหวังไว้ด้วยว่า แสงจากดวงอาทิตย์ที่ลงมาตรงๆ จะพอช่วยให้ต้วพญานาค ไม่มืดจนเกินไป

ด้วยแดดที่ร้อนเปรี้ยง เลยกลายเป็นปัญหาในการถ่ายภาพวันนั้นเลย
ยืน-นั่ง บนบันได ที่เคยถ่ายภาพครั้งก่อนไม่ได้ (ร้อนเท้า ร้อนก้น) ทำให้ยืนถ่ายภาพได้ไม่นาน
เรียกว่าเจออุปสรรคอย่างแรง ในการถ่ายภาพวันนั้นเลย

จากที่คิดจะหาตำแหน่งวางมุมกล้องดีๆ และนิ่งๆ ในมุมมองอื่นๆ ที่ถูกจำกัดจากพื้นที่ในการถ่ายภาพด้วยแล้ว

เลยพอได้ภาพชุดแก้มือครั้งที่ 2 เป็นแบบนี้


จากเลนส์ wide 10 mm ถึงแม้จะถ่ายภาพได้มุมกว้างกว่านี้อีกสักหน่อย
แต่ตำแหน่งวางกล้อง หามุมที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แต่ภาพนี้ก็ได้พญานาคตัวขวามือ มาครึ่งหนึ่งแล้ว

เรื่องแสงจากดวงอาทิตย์ที่ลงมาตรงๆ ดูว่า พอจะช่วยให้พญานาคตัวทางขวามือได้รับแสงอยู่พอสมควร ภาพไม่มืดจนเกินไปนัก


กลับลงไปนั่งยังขั้นบันไดขั้นแรก กับตำแหน่งที่ถ่ายภาพแรก (บนสุด) ด้วยหวังว่าจะได้มุมที่พญานาค มองพระธาตุเจดีย์หลวงในระดับสายตาสักหน่อย
เลยทำให้ภาพนี้เก็บตัวพญานาคที่ได้มาเพียงนิดเดียว
จากที่ภาพก่อนยังได้มาครึ่งหนึ่ง
สรุปว่ายังไงก็หมดสิทธื์ เพราะไม่รู้จะถือกล้องอย่างไร ตัวก็ติดกับผนังของบันได จนแทบจะถือกล้องถ่ายภาพไม่ได้อยู่แล้ว


หลบร้อนไปตั้งหลัก แล้วลงกลับมาที่ต่ำกว่าเดิมอีกขั้น
คราวนี้ยิ่งไปใหญ่เลย ตัวพญานาคทางขวามือหายไปจากจอภาพเลย



และก็สุดท้ายที่ต้องใช้วิธีถ่ายภาพด้วยมือเดียว เอื้อมมือถือกล้องออกไปนอกตัวบันได
และใช้นิ้วแตะที่จอภาพ เพื่อเป็นการกดชัตเตอร์เอา
ถึงแม้กล้อง Canon 70d จะหมุนจอภาพออกมาได้
ด้วยตำแหน่งการถ่ายภาพ ณ จุดนี้ก็ยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไร
แต่เอาเป็นว่า ความพยายามที่จะถ่ายภาพพญานาคให้ได้ทั้ง 2 ตัว
และมีฉากหลังเป็นพระธาตุเจดีย์หลวง ก็พอจะได้ภาพถ่ายมาประมาณนี้ (ที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว)


ถ่ายภาพนี้มาให้ชมกันเป็นภาพปิดท้าย ที่จะให้พอเห็นว่าจุดถ่ายภาพครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เลย
ถึงแม้จะมีเลนส์ wide แล้วก็ยังไม่ได้ภาพอย่างที่ต้องการ
และก็ยังคิดว่า หากมีกล้อง Fullframe พร้อมเลนส์ wide มาถ่ายภาพ ก็ยังไม่น่าจะได้ภาพอย่างที่คิดไว้

ทิ้งภาพนี้ไว้เป็นปริศนากันก่อนว่า
จะเห็นแนวทางอะไรกันบ้างหรือเปล่า ?


หากว่าจะตามกลับไปแก้มือครั้งที่ 3 กันอีกรอบ
..... แล้วครั้งที่ 3 ความพยายามที่ยังฝากไว้อยู่ตรงนั้น จะกลับมาเป็นความสำเร็จหรือเปล่า