*_* A TrUe FrIeNd Is OnE SoUL In TwO BoDiEs *_*
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
18 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
กาฬโรคภาคสอง (เชื้อร้ายไม่มีวันตาย)

'กาฬโรคปอด' สกัดได้ที่ตัวพาหะ!!

หลังจากที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
มีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ประชาชนยังขวัญเสียไม่หาย แต่ขณะนี้ชาวโลกต้องหันมาตื่นตระหนกกับกระแสการระบาดครั้งใหม่ของ “กาฬโรคปอด”
ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ศพ โดยทางองค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่า เชื้อที่พบเป็นเชื้อชนิดเดียวกันกับ
“กาฬโรคชนิดต่อมน้ำเหลืองอักเสบ”
ที่คร่าชีวิตผู้คนในยุโรปมาแล้วถึง 25 ล้านคนเมื่อหลายร้อยปีก่อน

หากถึงคราวที่ต้องเผชิญกับโรคร้ายนี้อีกครั้งหนึ่ง เราควรทำความรู้จัก
รวมถึงวิธีการป้องกัน ดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคอันตรายนี้

โดย นพ.โอภาส การ์ย กวินพงศ์ ผอ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป
กระทรวงสาธารณสุข ให้ความรู้ว่า กาฬโรคปอดเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เยอซิเนีย เพสทิส (Yersinia Pestis) มีลักษณะ
เป็นแท่ง อยู่ในสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมโดยเฉพาะสัตว์ฟันแทะเพราะทำให้เชื้อเข้าสู่เยื่อในปากได้ง่าย เช่น หนู กระรอก กระต่าย กระแต แมว และสุนัข
มีพาหะที่สำคัญ คือ “หมัดหนู” มีขนาดเล็กไม่กี่มิลลิเมตร สามารถ
กระโดดได้ไกลถึง 1 เมตร หรือ 200 เท่าของขนาดตัวของมันเอง

วิธีการติดต่อจากสัตว์สู่คนมี 2 ทาง คือ

1.ทางมูลหมัด เชื้อแบคทีเรียที่ถูกถ่ายออกมาพร้อมกับมูลของหมัด
อาจเข้าสู่ร่างกายของคนทางบาดแผลได้ และ

2.หมัดกัด เมื่อหมัดไปกัดสัตว์ฟันแทะต่าง ๆ เช่น กัดหนูที่มีเชื้อโรคก็จะทำให้เชื้อแบค ทีเรียเพิ่มจำนวนในตัวหมัดอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดการอุดตันและหากหมัดไปกัดคนเพื่อดูดเลือดอีกก็จะทำให้กลืนเลือดไม่เข้าจึงต้องคายหรือสำรอกเลือดที่ผสมเชื้อแบคทีเรียออกมาเข้าสู่บาดแผลของคนที่มันกำลังดูดเลือดอยู่ จึงทำให้เชื้อโรคเข้าสู่คนได้ 2 ทางหลัก ๆ ได้แก่ ต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือด

สำหรับเชื้อโรคที่เข้าทางต่อมน้ำเหลืองหากถูกหมัดกัดที่บริเวณขาจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตและหากถูกกัดบริเวณแขนก็จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ หรือคอโต โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มีระยะฟักตัวของโรคประมาณ 1-7 วัน จากนั้นจะเริ่มแสดงอาการด้วยการมีไข้ ตามด้วยต่อมน้ำเหลืองโตและแตก เชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เลือดเป็นพิษ
ในที่สุดหากไม่รีบรักษาอาจลุกลามเข้าไปที่เนื้อเยื่อของปอด ทำให้เกิดปอดบวมและเสียชีวิตอย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง ส่งผลให้กาฬโรคปอดมีอัตราการป่วยและเสียชีวิตประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์
ส่วนกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์

นอกจากกาฬโรคปอดจะติดต่อจากสัตว์สู่คนแล้ว ยังสามารถติดต่อได้จากคนสู่คนโดยวิธีการติดต่อเหมือนกับโรคปอดหรือไข้หวัดใหญ่

คือ หลังจากที่เชื้อเข้าปอดคนหนึ่งแล้วจะสามารถติดต่อไปสู่อีกคนหนึ่งได้จากทางเดินหายใจด้วยการไอหรือจาม หรือจากสิ่งของปนเปื้อนเชื้อโรคใหม่ ๆ แต่จะแตกต่างกันตรงที่กาฬโรคปอดติดต่อได้ยากกว่า เนื่องจากผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงมากถ้าไม่เสียชีวิตทันทีก็จะต้องนอนพักรักษาตัวที่บ้านหรือโรงพยาบาลไม่มีโอกาสไปคลุกคลีกับผู้อื่นหรือออกไปเดินนอกบ้านเพื่อแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ ส่วนกลุ่มเสี่ยงคือบุคคล
ที่อยู่ใกล้ชิดหรือบุคคลที่อยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ป่วยขณะติดเชื้อ
เช่น พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง

อาการของกาฬโรคปอดนี้จะมีไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดหัวรุนแรง
ปวดเมื่อยตัว เหนื่อยหอบ ต่อมาจะมีอาการไอถี่ขึ้นและไอเป็นเลือด
ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง

ส่วนเสมหะตอนแรกจะเหนียวใสจากนั้นกลายเป็นสีสนิมหรือแดงสด
ถ้าไม่รีบมาพบแพทย์เพื่อรักษาจะเสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งการวินิจฉัยนั้นทำได้โดยการตรวจเลือด น้ำเหลืองและไขสันหลังหรือการวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยโดยการเก็บเสมหะ
ย้อมสีแกรมและเพาะเชื้อในอาหารเพาะเลี้ยงธรรมดา

ส่วนขั้นตอนการรักษานั้น นพ.โอภาส อธิบายว่า สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ
แพทย์จะรักษาให้หายได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ สเตรปโตมัยซิน (Streptomycin) เตตระซัยคลิน (tetracycline) หรือ คลอแรมเฟนิคอล (Chloram phinicol) หลังจากรับประทานแล้วจะหายป่วยได้ภายใน
7-14 วันหรือขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ

ถึงแม้ประเทศไทยจะปลอดจากโรคนี้มานานกว่า 50 ปีแล้วก็ตาม
แต่หากมีอาการผิดปกติหรือ มีอาการอย่างที่กล่าวไปข้างต้นให้รีบมาพบแพทย์เพื่อให้ยารักษาก่อนที่จะลุกลามรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต

ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือการป้องกันตัวเองให้อยู่ห่างจากโรคร้ายนี้ด้วยการดูแลบ้านเรือนให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะโรคนี้มีหนูเป็นหลักในการเกิดเชื้อโรค
ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกัน 2 ทางได้แก่ ป้องกันไม่ให้หนูเข้าบ้าน หากบ้านไหนมีเศษอาหารเหลือทิ้งหรือสกปรกรกรุงรังก็จะทำให้หนูเข้าบ้านได้
ฉะนั้นเราจึงควรเก็บข้าวของที่ไม่ใช้แล้วทิ้ง อย่าปล่อยไว้ให้เป็นรังหรือที่อาศัยของหนูและเก็บเศษอาหารให้มิดชิด

วิธีกำจัดหนู ถ้าเราไม่สามารถสกัดกั้นหนูได้มีวิธีกำจัดหนู 3 วิธี ได้แก่
ใช้กาวดักหนู กรงดักหนู และวิธีธรรมชาติคือใช้แมวให้กินหนู รวมทั้งควบคุมหมัดของสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว ซึ่งเราสามารถป้องกันหมัดได้ด้วยวิธีทาสารไล่แมลงที่ข้อเท้าและขากางเกง

นอกจากหนูและหมัดที่เป็นตัวการหลักในการนำเชื้อโรคมาสู่คนแล้ว
เราต้องรู้จักดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัยและมีประโยชน์ งดการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหมั่นฝึกฝนปฏิบัติตัวด้านความสะอาดให้ถูกหลักสุขาภิบาลและถูกสุขลักษณะด้วยเพื่อให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ต่อไป.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และ
fwm จากพี่ชายค่ะ








Create Date : 18 สิงหาคม 2552
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 11:22:44 น. 0 comments
Counter : 473 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ZZU@farsai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




*_* ShaRinG BeYoNd BoRdEr *_*


" ไม่ต้องเชื่อ..... แต่

.....ค้นพบได้ด้วยตัวเอง "


" ไม่ต้องเชื่อ.....แต่ต้องทำ

เป็นการไตร่ตรองด้วยเหตุผล "


~มิพานพบฤารู้จัก มิพูดคุยฤารู้ใจ~


" You " came with lonely wind.

That brought along sadness.

I came with a grain of sand.

That bought lonesome to

scatter over the sky.

When the wind blew.

The wave brought sand to shore.

A grain of sand then dreamed that

It would have been sparkle

at the horizon like stars.

But a grain of sand could only dream.

Staring at the stars quietly

with uncertainly through a cold night.

The wind waved goodbye,

left the worthless and

sand staring at the stars.

When the stars moved,

~Heart

Was

Lonely

In

TearS~

Pimp My Profile
Friends' blogs
[Add ZZU@farsai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.