ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
เทพมารสะท้านมิติ ตอนที่ 4

ชายหนุ่มในชุดสีขาวตัดกับผมยาวสีดำสนิทที่รวบไว้ทางด้านหลัง ก้าวยาวๆ ตรงมายังกระท่อมหลังนี้ ภาพทิวทัศน์ที่ได้พบเห็นทำให้เขาตาเป็นประกาย มุมปากที่ประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยบทกวีออกมา

กระท่อมน้อยตั้งอยู่กลางขุนเขา
ผู้เฒ่ายืนเหม่อมอง
ท้องฟ้าผืนดินผสานเป็นหนึ่งเดียว

เขาก้าวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายชราก่อนจะประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม

“ผู้เยาว์ขอกราบพบท่านผู้อาวุโส จ้าวพยัคฆ์เต๋า”

ชายชรายังคงเหม่อมองไปยังที่ไกลตา คล้ายกับไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับชายหนุ่มผู้นี้ แต่สุดท้ายเขาก็ทอดถอนใจ พร้อมกับหันมา

“...จ้าวพยัคฆ์เต๋านั้นได้จากไปเนิ่นนานแล้ว”

ชายหนุ่มยังคงประสานมืออยู่เช่นเดิม ชายชรายิ้มเศร้าๆ ส่ายหน้าเบาๆ

“เที่ยงธรรมน้อย เจ้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกราวกับเป็นเด็กน้อย เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

“ตอนนี้ข้าคือ จ้าวมังกรคุณธรรม มิใช่เที่ยงธรรมน้อยที่ไม่รู้จักโตผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว”

ชายชราพยักหน้า มองสำรวจดูชายหนุ่มขึ้นๆ ลงๆ ภายใต้ชุดขาวนั้นคือร่างกายที่ถูกฝึกมาอย่างพากเพียร ที่ข้างเอวของเขามีกระบี่ยาวห้อยอยู่ ด้ามของมันเป็นสีขาว ฝักก็เป็นสีขาวสะอาด มีลวดลายเป็นมังกรที่กำลังล่องลอยดุจดั่งมีชีวิต แม้มิได้เห็นตัวกระบี่ที่อยู่ด้านใน ชายชราก็คาดเดาได้ว่ามันต้องเป็นกระบี่ที่ดีเยี่ยมอย่างแน่นอน

“เราไม่มีสิ่งของที่เจ้าต้องการ”

ชายชราพูดช้าๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ดวงตาของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยนี้ไม่อาจหลุดรอดสายตาของชายชราไปได้

“ท่านย่อมทราบดีว่าข้าไม่อาจกลับไปพร้อมคำตอบเช่นนี้”

ชายชราพยักหน้าเป็นทำนองว่าทราบดี ชายหนุ่มพลันประสานมือขึ้นคารวะอีกครั้ง แต่มุมปากของเขากลับมีรอยยิ้มอย่างสมใจ ก่อนเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ เขามีความตั้งใจที่จะให้ชายชราได้รับรู้ว่าฝีมือของเขารุดหน้าไปมากเพียงใดแล้ว

“ผู้เยาว์ต้องขอล่วงเกินแล้ว”

ชายหนุ่มปลดกระบี่ปักลงที่พื้นข้างกาย ก่อนจะก้าวเท้าตรงเข้าหาชายชรา เขาย่อกายลงพร้อมกับเตะกวาดออกเป็นวงไปรอบกาย ชายชรายังคงยืนนิ่งจับจ้องมองการจู่โจมนี้ ปลายเท้าเคลื่อนเฉียดผ่านปลายเท้า

ชายหนุ่มต้องลอบชื่นชมอยู่ในใจ 'พยัคฆ์แม้แก่ชราแต่ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์' ท่าเท้านี้เป็นเพียงท่าหลอก หากฝ่ายตรงข้ามหลบหลีก เขาก็เตรียมจะจู่โจมต่อเนื่อง แต่เมื่อคู่ต่อสู้ไม่ยอมเคลื่อนไหว เขาก็ไม่อาจลงมือ

ชายหนุ่มยืดกายขึ้นพร้อมกับเตะเท้าซ้ายออกอีกสองเท้า จู่โจมเข้าใส่เป็นเส้นตรง ชายชราเพียงยกแขนขวาขึ้นรับ พอแขนกับเท้าสัมผัสกัน ร่างของเขาก็หมุนตามแรงเป็นวงโค้ง หมัดซ้ายจู่โจมเข้าใส่ชายหนุ่ม เขางอขากลับมาเตรียมใช้เข่าตั้งรับหมัดนี้ หมัดพลันแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บพยัคฆ์ คว้าจับพร้อมกับดึงร่างของเขาไปอีกทางหนึ่ง

ชายหนุ่มลอบตื่นตระหนก เขารีบล้มตัวลงใช้สองมือต่างเท้า ก่อนเตะเท้าขวาที่เหลือเข้าใส่ชายชรา เขาจึงยินยอมปลดปล่อยขาข้างนั้นไป ชายหนุ่มรีบกลับตัวยืนขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่มีเมื่อก่อนหน้าหายไปหมดสิ้น เขาก้มมองดูที่สองเท้าของชายชรา ซึ่งยังคงไม่เคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิมแม้เพียงครึ่งก้าว

“เหตุใดเจ้าไม่ใช้กระบี่”

“...ข้าไม่อาจทำเช่นนั้น ท่านใช้เพียงสองมือ จะให้ข้าเอาเปรียบท่านได้อย่างไร”

ชายชราหัวเราะอย่างเบิกบาน

“เจ้าคิดว่าใช้เพียงสองมือ สองเท้า จะจัดการกับเราได้หรือ”

ทันใดนั้นใบหน้าของชายชราพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้ปากยังคงส่งเสียงหัวเราะ แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเมื่อเห็นโอกาสก็ไม่รอช้า เท้าซ้ายขยับ เท้าขวาตามติดจู่โจมเข้าใส่ทันที ชายชรายกแขนซ้ายขึ้นรับเช่นเดิม แต่ครั้งนี้ร่างของเขากลับกระเด็นไปตามแรงจู่โจม

ชายชรารีบยันกายลุกขึ้นมา มือซ้ายกุมอยู่ที่หน้าอก มีเหงื่อออกชุ่มบนใบหน้า อาการบาดเจ็บเหล่านี้ย่อมไม่ได้เกิดจากการจู่โจมเมื่อครู่อย่างแน่นอน

“...ที่แท้ท่านเจ็บป่วยสาหัสอยู่แล้ว...แต่ข้าก็ไม่อาจรามือกลับไปเช่นนี้ หากท่านยินยอมมอบมันออกมา ข้าขอรับรองว่าจะไม่มีใครมารบกวนท่านอีก”

ชายชราฟังออกว่าชายหนุ่มหมายความตามนั้นจริงๆ แต่เขาก็ส่ายหน้า

“ตำราฟ้าดินมิได้อยู่กับเราอีกต่อไปแล้ว”

ชายหนุ่มมองดูชายชราอย่างชั่งใจ

“...หากท่านยินยอมบอกว่าได้มอบให้กับผู้ใด ข้าก็จะจากไปทันที”

“มีเพียงฟ้าดินเท่านั้นที่รู้”

ชายหนุ่มประสานสายตากับชายชรา ก่อนตัดใจว่าเขาคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำตอบให้เป็นอื่นได้ แม้ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่อาจขัดขืนคำสั่งของจ้าวสำนักได้ 'หากไม่อาจนำตำราฟ้าดินกลับมา ก็จงนำศีรษะของจ้าวพยัคฆ์เต๋ามาแทน ไม่เช่นนั้น' ไม่ต้องให้จ้าวสำนักกล่าวจบทุกคนก็เข้าใจ ไม่เช่นนั้นก็จงมอบศีรษะของเจ้ามา

คุณธรรมก้าวเท้าเข้าหาเต๋า ความทรงจำเมื่อครั้งยังเยาว์ผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย ชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้คือผู้ที่ถ่ายทอดวิชาให้กับเขา และเป็นผู้พิทักษ์ในรุ่นก่อนเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ พยัคฆ์ มังกร อินทรี และกิเลน เป็นตำแหน่งของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ ที่รับคำสั่งโดยตรงจากจ้าวสำนักฟ้าดินเท่านั้น

เมื่อหลายสิบปีก่อน ในวันที่จ้าวสำนักคนปัจจุบันขึ้นรับตำแหน่ง เต๋าได้ลอบขโมยตำราฟ้าดินซึ่งเป็นสมบัติวิเศษประจำพรรคแล้วหลบหนีไป มีคำเล่าลือกันว่าในตำราเล่มนั้นซุกซ่อนความลับของสามโลก คือ สวรรค์ เวียนเกิด และบาดาลเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชา เคลื่อนย้ายจักรวาล ที่นับเป็นสุดยอดวิทยายุทธ์อยู่ด้วย

“หยุดก่อน”

เสียงเล็กๆ ดังขึ้น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาหยุดยืนขวางระหว่างทั้งสองเอาไว้ ชายหนุ่มมองดูเธออย่างสนใจ ในขณะที่ชายชราเหม่อมองดูหลานสาวที่ตนเข้าใจว่าได้เดินทางเข้าสู่ป่าไปแล้วอย่างไม่เข้าใจ

“หลายวันมานี้ท่านปู่งดทานเนื้อสัตว์ เมื่อเช้ายังรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำชำระกาย แล้วแต่งชุดขาวอย่างสำรวม แม้ว่าท่านปู่จะไม่พูดอะไร แต่หลานก็พอเข้าใจได้ว่าวันนี้...ว่าวันนี้...”

การุณน้อยไม่อาจเอ่ยคำนั้นออกมาได้ แม้จะเคยได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเยาว์ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีเพียงท่านปู่เท่านั้นที่คอยดูแลเอาใจใส่ แม้จะเข้าใจดีว่าความตายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่อาจเศร้าเสียใจด้วย

“...เด็กโง่เอ๋ย ปู่ไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจ”

“หลานทราบค่ะ”

ชายหนุ่มคาดว่าทั้งสองต้องไม่ใช่ปู่หลานกันทางสายเลือดแน่ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจ้าวพยัคฆ์เต๋ามีครอบครัวด้วย แต่ความผูกพันกลับดูลึกล้ำยิ่งกว่านั้นมากนัก 'หากทั้งหมดที่พูดมาเป็นเรื่องจริง ถ้าเช่นนั้น'

“เด็กน้อย...หากเจ้ายินยอมมอบตำราฟ้าดินออกมา ข้าจะรีบจากไปทันที”

ในเมื่อไม่มีใครอื่นอีกแล้ว ชายหนุ่มจึงคาดว่าผู้ที่ชายชรามอบตำราฟ้าดินให้ไป ย่อมต้องเป็นเด็กน้อยคนนี้แน่ และยังไม่ทันที่ชายชราจะได้กล่าวอะไร เด็กน้อยก็ตอบอย่างฉะฉาน

“ตำราฟ้าดินอยู่ที่เรา แต่ยังไม่อาจมอบให้ท่านได้”

ชายชรามองหน้าหลานสาวอย่างสงสัย 'เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่' แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เธอได้ทำไปตามความต้องการ อย่างน้อยก่อนจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาจะได้เห็นว่าการุณน้อยรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างไร เมื่อเห็นชายชราไม่โวยวาย หรือกล่าวคัดค้าน ชายหนุ่มก็เกิดความสงสัยขึ้น 'ปู่หลานคู่นี้มีแผนอะไรหรือเปล่านะ'

“...แล้วเมื่อไรจึงจะยอมมอบออกมา”

“ท่านต้องติดตามเราทั้งสองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อน”

“ไปยังที่แห่งใด”

“ไปสักการะท่านเทพวานร ผู้ดูแลขุนเขา และผืนป่าแห่งนี้ แล้วหลังจากนั้นเราจะ...นำตำราฟ้าดินออกมา”

'หรือว่าสถานที่แห่งนั้นจะมีกับดักซุกซ่อนเอาไว้' แต่เมื่อเห็นสภาพของชายชรา กับอีกคนหนึ่งที่เป็นเพียงแค่เด็กน้อย ชายหนุ่มจึงยินยอมรับปากในที่สุด เขาถอนดึงกระบี่ของตนเองขึ้นมา ก่อนก้าวติดตามสองปู่หลานไป โดยทิ้งระยะห่างเพียงเล็กน้อย เพื่อป้องกันมิให้ทั้งสองคนนั้นสามารถตกลงวางแผนในระหว่างทางได้

เด็กน้อยประคองชายชราเดินไปอย่างช้าๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะทุเลาลงบ้างแล้ว ครั้งหนึ่งชายชราใช้สายตาบอกหลานสาวของตนให้หลบหนีไป สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้คงพอต้านทานชายหนุ่มไว้ได้สักพัก หากเด็กน้อยใช้วิชาบันไดเมฆาอย่างเต็มที่ ย่อมสามารถหนีพ้นได้ไม่ยาก แต่ดูเหมือนว่าเด็กน้อยมุ่งมั่นที่จะพาปู่ของตนไปยังแผ่นหินนั้นให้ได้ โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

คุณธรรมจ้องมองดูแผ่นหินที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยความพิศวง 'มันเป็นเพียงแค่รูปสลัก หรือว่าเคยมีชีวิตอยู่กันแน่' เด็กน้อยประคองปู่ให้นั่งลงใกล้ๆ ก่อนที่จะเดินลงไปในแอ่งดาวตก เขามองดูการกระทำของสองปู่หลาน ก่อนตัดสินใจขยับไปอยู่ใกล้ๆ กับชายชรา 'ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า'

เด็กน้อยเดินอ้อมไปหลังแผ่นหินเพื่อทำสิ่งที่เธอเคยทำเป็นประจำ เธออยากให้ปู่ของเธอได้เห็นว่า ท่านเทพวานรนั้นสามารถเคลื่อนไหว และคุ้มครองเธอได้จริง เพื่อที่ท่านจะได้จากไปอย่างหมดห่วง และนั่นคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอจะสามารถตอบแทนท่านเป็นครั้งสุดท้ายได้

เด็กน้อยวางมือทั้งสองของเธอลงตรงช่องพร้อมกับภาวนาอยู่ในใจแต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ชายหนุ่มรอคอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม

“เจ้าก็ได้ทำอย่างที่ต้องการแล้ว จงรีบมอบตำราฟ้าดินออกมา”

“...โปรดรออีกสักครู่”

เด็กน้อยตอบโดยที่มือทั้งสองยังคงวางอยู่ที่เดิม 'ขยับสิ ท่านเทพวานร ขยับสิ' ชายชรารวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่กัดฟันกระโดดเข้าใส่ชายหนุ่มอีกครั้ง

“การุณน้อยเจ้ารีบหนีไป”

“แต่ว่า...”

“ปกป้องตำราฟ้าดินเอาไว้ อย่าให้คนพวกนี้ช่วงชิงไปได้ รีบไป”

ครั้งนี้คุณธรรมไม่ลังเลที่จะชักกระบี่ของตนออกมา เสียงกระหึ่มปานมังกรคำรามดังขึ้น เมื่อกระบี่หลุดออกจากฝัก ตัวกระบี่เรียวยาวพุ่งพริ้วราวกับมังกรทะยานฟ้า ชายชราได้แต่ใช้ท่าร่างที่รวดเร็วหลบหลีกไปมา แต่ยิ่งออกแรง สีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลงอย่างรวดเร็ว

เด็กน้อยยังไม่ยอมขยับไปไหน เธอเหม่อมองดูร่างของท่านปู่ที่หมุนตัวไปมาอยู่ในท่ามกลางเงากระบี่ที่พร่างพรายดั่งสายฝน ไม่รู้ว่าเขาจะทนได้อีกนานเท่าใด 'ขยับสิ ขยับสิ ขยับสิ' เงากระบี่พลันสลายหายไป มันแทงทะลุหัวไหล่ข้างซ้ายของชายชรา แต่เขาไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่น้อย มือขวารีบยกขึ้นคีบจับกระบี่เอาไว้

“หนีเร็ว”

น้ำตาของกรุณาไหลลงมาเป็นสาย เมื่อดูเหมือนว่าความหวังดีของเธอกลับทำร้ายเต๋าให้เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม พลันมีเสียง 'คลิ๊ก' ดังขึ้นจากในแผ่นหิน ตัวอักษรประหลาดที่จารึกอยู่ทางด้านหลัง พากันส่องประกายสีทองสลับตำแหน่งไปมาอย่างสับสน พร้อมกับมีกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากทางด้านบน แผ่นคาร์บอไนท์ที่แข็งแกร่งพลันเกิดรอยร้าวขึ้นทั่วทั้งแผ่น

ชายหนุ่มถอนดึงกระบี่อย่างสุดแรง โลหิตสีแดงฉานฉีดพุ่งออกมาจากบาดแผลก่อนที่ร่างของชายชราจะล้มลงไป เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปหาปู่ของเธอ เขาเหลือบมองดูทั้งสอง 'เต๋าคงไม่อาจลุกขึ้นได้อีกแล้ว' จากนั้นจึงหันเหความสนใจกลับไปยังแผ่นหินประหลาดนั้น

ไม่มีเศษหินหรือสิ่งอื่นใดร่วงลงมา คาร์บอไนท์ทั้งหมดคืนสู่สภาพเดิมกลายเป็นควันสีขาวเหล่านั้น พร้อมทั้งมีไอเย็นแผ่กระจายออกมาโดยรอบ พอกลุ่มควันเริ่มจางลงก็ปรากฏเป็นร่างเปลือยเปล่าผิวสีขาวซีดของสูญนั่งคุกเข่าอยู่ในหลุมดาวตก ยังคงมีน้ำแข็งบางๆ จับอยู่ ไอเย็นลอยขึ้นมาจากร่างนั้นให้เห็นเหมือนกับควันบางเบา

โดยไม่รอช้าคุณธรรมส่งเสียงกู่ร้องพร้อมกับพุ่งตัวออกไป 'มังกรทะลวงสวรรค์' นับเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของเขา หนึ่งคนหนึ่งกระบี่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ปรากฏเป็นเงายาวคล้ายกับมังกรพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของสูญทันที

ท่ามกลางความฝันอันยาวนานคล้ายเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบสิ้น ฉับพลันในขณะที่เขากำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่มือของศรัทธากำลังแทงเข้าสู่ร่างของเขา ราวกับมีสายฟ้าวิ่งผ่านไปทั่วร่าง

เสี้ยววินาทีนั้นคล้ายกับร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วทุกสิ่งรอบกายเขาก็มลายหายไป เหลือเพียงความว่างเปล่า ความว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ตัวตนของความว่างเปล่า นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถจดจำได้ มันคือความว่างอย่างถึงที่สุดนั่นเอง

สูญลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เขาพบเห็นคือเงารุ้งที่กำลังพุ่งเข้ามา มังกรร้ายที่กำลังอ้าปากกว้างพร้อมจะฝังคมเขี้ยวของมันเพื่อส่งเขากลับไปยังความว่างนั้นอีกครั้ง 'เช่นนั้นก็ดีแล้ว' แต่ร่างกายของเขากลับเคลื่อนไหวตอบโต้ไปเอง

ปลายกระบี่พุ่งมาถึงแล้ว เขางอนิ้วกลางมือขวาแล้วดีดออก ความเร็วของมันไม่ทำให้ทิศทางของกระบี่เบี่ยงเบนไปแม้แต่น้อย แต่ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกระบี่หักพุ่งออกไปด้านข้าง เขางอนิ้วดีดมือ งอนิ้วดีดมือ กระบี่ยาวก็ถูกหักกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในขณะที่ร่างของชายหนุ่มยังคงพุ่งเข้ามาเช่นเดิม

คุณธรรมทิ้งกระบี่ในมือของตนพร้อมกับเบี่ยงร่างหลบไปทางด้านข้าง เขามองดูเศษกระบี่ทั้งหมดที่ร่วงหล่นอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา 'เจ้าตัวประหลาดผู้นี้ต้องไม่ใช่มนุษย์แน่' เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รีบพุ่งย้อนกลับไปหาสองปู่หลานทันที

“การุณน้อย...”

เสียงแหบเครือของชายชราดังขึ้น เด็กน้อยประคองร่างของเขาเอาไว้ด้วยน้ำตานองหน้า

“ท่านเทพวานรเคลื่อนไหวแล้ว หลานมีคนคอยดูแลแล้ว ท่านปู่สามารถจากไปอย่างวางใจ”

เต๋ายิ้มอย่างสงบ ใบหน้าของเขาไม่มีวี่แววของความเจ็บปวดอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ความลับของเกาะเวียนเกิดแห่งนี้ ต้องให้เจ้าทั้งสองตัดสินใจกันเองแล้ว”

แม้จะยังไม่เข้าใจความหมายในคำสั่งเสียของเต๋า แต่กรุณาก็ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตา แล้วยิ้มอย่างงดงามให้กับท่านปู่เป็นครั้งสุดท้าย

“ค่ะ”

เต๋ายกมือขึ้นลูบหัวหลานรัก เขาเหม่อมองไปยังทิศทางที่สูญยืนอยู่ คล้ายกับจะเป็นการฝากฝังให้คอยดูแลเธอ แต่สายตาของเขากลับทอดยาวเลยผ่านไปไกลบนฟากฟ้า เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปนับว่าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขาอีกแล้ว เขาหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม ลมหายใจสุดท้ายลอยหายไปกับกระแสลม

สูญมองเห็น คลื่นพลังงาน ที่เต๋าสะสมเอาไว้จากการใช้ชีวิตบนเกาะเวียนเกิดแห่งนี้หลายสิบปีถูกปลดปล่อยออกมา ตอนแรกมันคล้ายจะถูกดึงดูดไปทางทิศตะวันตกตามกระแสสายธารของคลื่นพลังงานขนาดยักษ์ที่ล่องลอยอยู่เหนือท้องฟ้า

แต่ทันใดนั้นคลื่นดังกล่าวกลับเกิดการสั่นอย่างผิดปกติ มันสะท้อนกลับไปกลับมา คลื่นกลืนกินคลื่น ลบล้างกันเองจนสูญสลายหายไปหมดสิ้น

สูญเหม่อมองดูสายธารของคลื่นพลังงานขนาดยักษ์ ในหัวของเขายังคงมีเพียงความว่างเปล่า เขาไม่มีความทรงจำใดๆ หลงเหลืออยู่เลย เขาเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร เขาคล้ายจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ

กรุณาค่อยๆ วางร่างของท่านปู่ลง ก่อนที่เสียงของใครคนหนึ่งจะดังขึ้นที่ด้านหลังของเธอ

“รีบส่งตำราฟ้าดินมาได้แล้ว”


Create Date : 21 มีนาคม 2554
Last Update : 21 มีนาคม 2554 8:00:54 น. 1 comments
Counter : 549 Pageviews.

 
สูญฟื้นแล้ว จะเป็นไงต่อเนี่ยยย


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:10:19:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.