ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
3 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
ไดอารีสีแดง (สาม)

โลกความเป็นจริงเสมือน

นั่นเป็นคำอธิบายที่ผมมีให้กับโลกในสายฝนพรำเมื่อครู่ และสิ่งที่ทำให้ผมหลุดเข้าไปในนั้นย่อมหนีไม่พ้นไดอารีสีแดงที่ตกใส่ศีรษะของผมเข้าอย่างจัง ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะหนักเอาเรื่องก็ตาม แต่สิ่งที่ผมพบหลังจากที่ได้ลูบลูบคลำคลำศีรษะของตนอยู่พักใหญ่ก็คือความแปลกใจอีกครั้ง ซึ่งคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

กะโหลกศีรษะด้านบนสุดของผมขาดหายไปบางส่วน

ผมเริ่มสำรวจรูโหว่อย่างระวัง มันเป็นรูที่เกือบจะเป็นวงกลมขนาดไม่ใหญ่โตนัก ผิวหนังในบริเวณนั้นเรียบลื่น ไม่มีร่องรอยของการผ่าตัดใดใด บางทีไดอารีสีแดงอาจเป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลในรูปแบบหนึ่งที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเชื่อมต่อมันกับสมองของผมผ่านรูเปิดที่อยู่บนยอดของกะโหลกนี้ โดยจะถูกฉายออกมาในรูปแบบของโลกความเป็นจริงเสมือนที่เหมือนจริงอย่างที่สุด ราวกับเป็นสื่อบันเทิงที่หลุดมาจากโลกอนาคต

ถ้าอย่างนั้น ผมจะสามารถเชื่อในห้องปิดตาย เชื่อในความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่ได้หรือไม่ ว่าจะไม่ได้เป็นเพียงโลกความจริงเสมือนอีกแห่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะสร้างปัญหาที่ไม่จบสิ้นขึ้น เหมือนกับการส่องกระจกสองบานโดยให้ตัวเองอยู่ตรงกลาง พวกมันจะสะท้อนภาพเงาไปมาไม่สิ้นสุด ความเป็นจริงที่คิดจึงอาจเป็นเพียงหนึ่งในเงาสะท้อนพวกนั้น และผมยังควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับไดอารีสีแดงเล่มนี้ต่อไปหรือไม่

ในส่วนของคำถามแรก หากยังไม่พบสิ่งโต้แย้งใดใด ผมคงต้องเชื่อมั่นกับความเป็นจริงของห้องนี้ไปก่อน ส่วนคำถามถัดมานั้นผมไม่จำเป็นจะต้องคิดนานเลย

เพราะผมอยากพบเจอกับเธอคนนั้นอีกสักครั้ง

ผมเอนหลังนั่งพิงผนังห้อง เหยียดขาทั้งสองออกให้สบาย ก่อนจะค่อยค่อยยกไดอารีสีแดงขึ้นเหนือศีรษะ แล้วบรรจงวางมันลงอย่างช้าช้า

มันไม่ใช่เหตุการณ์ในสายฝนเหมือนครั้งที่แล้ว บางทีมันอาจจะมีวิธีเลือกดูข้อมูลที่ต้องการได้ แต่ผมยังไม่รู้ สภาพความเป็นจริงเสมือนรอบตัวของผมในครั้งนี้เป็นบันไดที่ไต่สูงขึ้นไป และทอดยาวลงไปราวกับจะไม่สิ้นสุด อาจเป็นภายในตึกสำนักงาน หรือไม่ก็อาคารพักอาศัยที่ไหนสักแห่ง

แล้วผมก็ได้พบเธออีกครั้ง ผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเลยจนกระทั่งได้เห็นภาพ เสียงจึงดังขึ้นติดตามมา เป็นเธอคนเดิมนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งใบหน้า แววตา แม้ว่าทรงผมจะดูต่างไปเล็กน้อย ผมไม่ได้เพียงแค่จดจำได้ แต่ยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดด้วย เธอไม่ได้งดงามจนเลิศลอยแต่ดูน่าคบหา เธอกำลังก้าวเดินขึ้นมาตามขั้นบันได เธอสวมใส่ชุดที่ขับเน้นรูปร่างอีกเช่นเคย ทรวงอกของเธอสะท้อนขึ้นลงตามการเคลี่อนไหว ลมหายใจที่ถี่ขึ้นเพราะการที่ต้องออกแรง คอเสื้อที่กว้างนั้นเผยให้เห็นเนินอกวับแวม

เธอหอบหายใจเล็กน้อย พร้อมกับส่งยิ้มมาทางผม ผมไม่รู้ว่าเธอมองเห็นผม หรือเห็นคนอื่น บางทีอาจจะเป็นเจ้าของไดอารีสีแดงตัวจริงที่กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันนี้ หรือเธออาจเพียงแค่ยิ้มให้กับตัวเองเท่านั้น

เธอผ่านเลยไป และผมก็หันหลังกลับพร้อมเงยหน้าขึ้นมองกระโปรงสั้นกับเงาของสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ เครื่องแต่งกายเล็กเล็กอีกชิ้นที่เรียกว่าชุดชั้นใน พร้อมกับขาเรียวที่ขยับเคลื่อนไหวกระตุ้นจินตนาการของผมให้เตลิดไปไกล
ผมเผลอกลืนน้ำลาย ความรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง

เธอเป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไรกับตัวผมหรือไม่ ผมเคยเป็นใคร และผมจะเป็นอย่างไรต่อไป ไดอารีสีแดงนี้ที่แท้แล้วคืออะไร ความจริงเสมือนพวกนี้มีความหมายอย่างไร เกี่ยวข้องกับตัวผมด้วยหรือไม่ หรือผมจะเป็นหนูทดลองของนักวิทยาศาสตร์ ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวมา ทำไมผมถึงต้องติดอยู่ในห้องที่ไร้ทางออก แล้วผมจะหนีออกจากห้องสีขาวได้หรือไม่ แต่เหนืออื่นใดในตอนนี้

ผมอยากรู้จักเธอ

ผมปวดหัวตุบตับอย่างที่ไม่เคยเป็น ดูเหมือนความรู้สึกสับสนจะสร้างผลกระทบไปถึงร่างกายของผมด้วย ว่าแต่มันเป็นร่างในโลกเสมือนจริงนี้ หรือร่างที่นั่งอยู่ในห้องสีขาวกันแน่ ผมชักไม่แน่ใจ เพราะในตอนนี้บันไดที่ผมกำลังยืนอยู่ก็เป็นจริงพอกันกับผนังที่อบอุ่นสบายภายในห้องนั้น

ผมพลันขนลุกซู่ จู่จู่ก็มีเงาสีดำที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเคลื่อนผ่านไป

เงาสีดำที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ดูเหมือนมันจะแอบติดตามเธอมา ผมมองไม่เห็นรายละเอียดของตัวมันมากนัก ร่างที่เฉียดผ่านไปในขณะที่ผมยืนนิ่งตัวแข็งทื่อนั้นทำให้ผมนึกถึงหลุมดำ มันเป็นบริเวณที่แสงถูกดูดหายเข้าไปด้านใน เหลือเพียงช่องมืดที่เป็นรูปเงา ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังจ้องมองเธออย่างไม่วางตา ก้มมองลอดลึกเข้าไปใต้กระโปรงสั้นนั้น มันเคลื่อนที่ติดตามไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายจากร่างของเธออย่างหื่นกระหาย

ผมต้องทำอะไรสักอย่าง

มีบางสิ่งสะกิดที่ไหล่ข้างซ้ายของผม บันไดหายไป ตัวเธอหายไป ไดอารีสีแดงหล่นลงสู่พื้นห้องสีขาว แต่เงาดำนั้นคล้ายยังคงอยู่อีกชั่วขณะหนึ่ง
เงานั้นหันมาจ้องผมราวกับเป็นอสรพิษที่กำลังหงุดหงิดเมื่อมีบางสิ่งเข้ามารบกวนการล่าเหยื่อของมัน


Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2558 14:00:45 น. 0 comments
Counter : 581 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.