Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 

อุปสรรคของนักเรียนไทย ก็คือ ภาษาญี่ปุ่น นั่นเองครับ

ขึ้นต้นชื่อเรื่องซะเห็นความยากลำบากอยู่รำไรเลยใช่ไหมครับท่านผู้อ่าน แต่มันเป็นเรื่องจริงที่นักเรียนไทยทุกคนต้องเผชิญครับ นั่นก็คือ การเรียนภาษาญี่ปุ่น (บางคนอาจจะบอกว่ามันยากตรงไหน) แต่สำหรับพวกผมมันยากครับ เพราะอาจารย์ที่สอนสอนภาษาญี่ปุ่นด้วยภาษาญี่ปุ่น (ประมาณแปลไทยให้เป็นไทยประมาณนั้นเลยครับ)

ตัวผมเองนั้นเห็นว่าทุนที่ได้รับต้องมาเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนแล้ว ก็เลยชะล่าใจไม่ได้เรียนเอาไว้ก่อนที่เมืองไทย พอมาถึงคลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงๆ นั้นเราต้องมาเรียนกับชาวต่างชาติอื่นๆ ด้วยครับ ทำให้ผมรู้สึกยากขึ้นไปอีกเท่าตัว

ตอนที่ผมเข้าคลาสแรกเมื่อมาใหม่ๆ คลาสของผมเรียกว่า Nihon-go no Kiso ichi ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น 1 ซึ่งจะเป็นคำศัพท์และประโยคต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วก็ไวยากรณ์ญี่ปุ่นเบื้องต้นจริงๆ คือการเรียงรูปประโยค ประเภท นี่คือดินสอ นั่นคือปากกา และโน่นคือสมุด แต่ก่อนจะไปถึงนั้นจะต้องเรียนอ่านออกเสียงก่อนครับ เหมือนเราท่อง กขค ถึง ฮ หรือว่า abc ถึง z น่ะครับ

ตัวอักษรของภาษาญี่ปุ่นมี 3 แบบ ครับ แบบที่เป็นอักษรญี่ปุ่นจริงๆ และใช้เขียนภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ฮิรางานะ” แบบที่เป็นอักษรญี่ปุ่นจริงๆ แต่ใช้เขียนภาษาต่างชาติ (เช่น ภาษาอังกฤษ เพื่อให้คนญี่ปุ่นอ่านออกเสียงง่าย) เรียกว่า “คะตะคานะ” และสุดท้าย อักษรรูปภาพแบบจีน เรียกว่า “คันจิ” ซึ่งเจ้าคันจินั้น มีรากมาจากประเทศจีน

แต่การออกเสียงนั้นจะมีอยู่อย่างเดียวครับ ใครเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาจะต้องเริ่มจาก การออกเสียงสระ 5 เสียงก่อน ก็คือ อะ อิ อุ เอะ โอะ นั่นเอง ซึ่งจะผันตัวอักษรลงมาเป็นกรุ๊ปๆ กว่าพวกเราจะอ่านออกเสียงตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นได้ครบถ้วนนั้นก็เล่นเอาเรานอนเพ้อเป็น อะ อิ อุ เอะ โอะ คะ คิ คุ เคะ โค มาเป็นอาทิตย์เลยครับ

ตัวอักษรที่คนไทยอ่านยากสุดก็คือตัวควบกล้ำแปลกๆ เช่น ทซึ ผมออกเสียงอยู่เป็นพันๆ ครั้ง (จนถึงทุกวันนี้ยังเพี้ยนอยู่เลยครับ)

ในช่วงแรกๆ เราใช้โรมันจิในการอ่านออกเสียงครับ (โรมันจิ ก็คือ ภาษาคาราโอเกะ นั่นเอง) แต่เราต้องไปทำการบ้านในการจำตัวอักษรฮิรางานะทุกตัวให้ได้ด้วยครับ

มาถึงตรงนี้ ทุกๆคนในคลาสดูลำบากกันถ้วนหน้า ไม่ว่าชาติไหนๆ เพราะเราต้องมาแปลงลิ้นให้ชินกับการออกเสียงโนะๆ เนะๆ ดูเหมือนว่าชาวเกาหลีจะลำบากน้อยที่สุดเพราะการออกเสียงคล้ายๆกันครับ

คนไทยเรามีการออกเสียงหลายเสียงอยู่แล้วพวกเราก็สามารถปรับตัวได้ไม่ยาก ชาติที่ดูว่าจะยากก็คือ ชาวจีนครับ ใครเคยฟังภาษาจีนจะรู้ว่าท่านควบกล้ำไปซะทุกเสียงที่พูด พอมาเจอภาษาญี่ปุ่นซึ่งออกเสียงสั้นๆ ก็ลำบากเอาการครับ พอๆ กับพวกชาวอาหรับเลยครับ ในคลาสจะตลกกันมากทีเดียว พวกฝรั่งก็ออกเสียงกันยากครับ บ่นระงมเลยทีเดียวกว่าจะผ่านพ้นมาได้

มาถึงตอนสอนคำศัพท์เราก็จะเรียนผ่านรูปภาพกันก่อนครับ เพราะอาจารย์ก็ไม่ค่อยจะพูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ประเภทเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงครับ
พอมาช่วงหลังๆ คำศัพท์เริ่มยากขึ้นอธิบายด้วยภาพไม่ได้ อาจารย์อธิบายเป็นญี่ปุ่นก็ไม่เข้าใจ แกก็แปลเป็นอังกฤษไม่ได้ อาจารย์แกก็อาศัย ตัวคันจิ เขียนบนกระดานซะเลยครับ
พวกชาวจีนและเกาหลีก็จะร้องอ๋อกันระงม เพราะทั้งสองประเทศนี้ ใช้ คันจิกันอยู่แล้วครับ
ไอ้คนไทยตาดำๆ อย่างพวกเราก็ตายเลยครับ อ่า แอบมีฝรั่งต่างชาติ พวกรัสเซีย บราซิล อีกสี่ห้าคน ทำตาปริบๆ ตามพวกผมด้วย ลืมบอกไป คลาสผมมีคนไทยสามคนครับ โจ้ ปุ้ม และก็ผม จริงๆ แล้วพวกเราลูกครึ่งจีนกันหมดครับ แต่ไอ้ครึ่งจีนที่มีอยู่ในตัวเรานั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

นอกจากคำศัพท์ก็มาถึงไวยากรณ์ งวดนี้ชาวเกาหลี สบายชาติเดียวครับ เพราะไวยากรณ์ญี่ปุ่นละม้ายคล้ายคลึงกับภาษาเกาหลี แทบจะเป็นภาษาเดียวกัน คำศัพท์บางคำก็ก๊อบปี้กันมาเลยครับ ที่ผมรู้เนี่ยก็เพราะว่า เวลาอาจารย์ถามพวกผู้ชายเกาหลีก็จะเสนอหน้าตอบอาจารย์ตลอดเป็นการอวดภูมิเพื่อนๆ ในคลาสไปในตัว สร้างความหมั่นไส้ให้พวกเรามากพอควร
ไวยากรณ์ญี่ปุ่นจะมี tense เหมือนภาษาอังกฤษ พวกฟอร์มเยอะครับ –ed form –ing form ญี่ปุ่นมีหมดครับ แต่ไอ้เวลาเรียงประโยคเนี่ยภาษาญี่ปุ่นจะเรียงแปลกๆ (จนตอนผมกลับมาเยี่ยมบ้านหลังๆ มาเนี่ย พ่อ แม่ผม ว่าผมพูดภาษาไทยแปลกๆ)

จนกระทั่ง ความอดทนถึงที่สุด พวกผมก็ถึงขีดจำกัด ต้องไปสมัครเรียนกับพวกแม่บ้าน (ที่ผมเคยเล่าพาดพิงไปถึงแล้ว) ซึ่งจะสอนตัวต่อตัว หรือเป็นกรุ๊ปเล็กๆ (แถมฟรีอีกต่างหาก) เพื่อเพิ่มสมรรถนะทางภาษาของพวกผม ไอ้เรื่องดีๆ แบบนี้ พวกผมคิดเองไม่เป็นหรอกครับ โน่น พี่ยุทธ แนะนำมา

พอเริ่มปีกกล้าขาแข็งเรื่องภาษาแล้ว พี่ยุทธก็ลากพวกผมเข้า คาราโอเกะ ครับ เป็นอีกวิธีที่จะฝึกปรือการอ่านภาษาญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี แถมมันส์อีกต่างหาก (พี่ยุทธ กับ ปุ้ม ตอนกลางวันก็แอบกันไปคาราโอเกะบ๊อกซ์กันสองคนอีกต่างหาก) คาราโอเกะเนี่ยพวกเราไปฝึกอ่านเร็วภาษาญี่ปุ่นกันครับ จะได้ความแข็งแกร่งทาง ฮิรางานะ และ คันจิ ไปพร้อมๆ กัน คันจิ ตัวไหนอ่านไม่ออก ก็ดำน้ำเอาครับ (คันจิ คันจิ)

กลับถึงหอเราก็ดูละครญี่ปุ่นกันอีกครับ เราไปลาก ลาร่า สาวชาวออสซี่ที่อยู่ที่นี่มาก่อนเราหนึ่งเดือนแต่เธอสันทัดภาษาญี่ปุ่นม๊ากมาก มาเป็นล่ามให้พวกเราด้วย ทำเอาหญิงปุ้มติดละครไปเลยครับ ส่วนผมน่ะหนักไปทางรายการอื่นๆ ซะมากกว่า นอกจากรายการหื่นๆ ที่ผมดูแบบไม่ต้องอาศัย ลาร่า มาแปลให้แล้ว ก็มีรายการอาหารที่ผมชอบเป็นพิเศษ (ไว้ผมจะเจาะลึกวันหลังครับว่า ทำไมผมถึงติดรายการอาหารที่นี่) แล้วก็ทุกวันจันทร์ตอนกลางคืนผมก็จะต้องดูรายการยอดฮาอีกรายการนึง SMAP x SMAP ครับ (ใครไม่รู้จัก SMAP บอกได้นะครับ เพราะตอนแรกผมก็ไม่รู้จัก)

SMAP เป็นสุดยอดบอยแบนด์ของ J-pop เมื่อก่อน สมัยนี้เริ่มแก่กันแล้วครับ คิดดูครับว่าดังจนมีรายการเป็นของตัวเอง ซึ่งโคตรฮา (ส่วนตัวผมชอบ ชินโกะ) ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มๆ สุดหล่อของญี่ปุ่นจะหลุดเก๊กกันได้ขนาดนั้นครับ เพราะทั้งห้าคนจะมาเล่นตลกเป็นตอนๆ บางตอนใส่ชุดประหลาดๆ ด้วยครับ ผมงี๊ท้องคัดท้องแข็ง สุดยอดกว่าตอนพวกเค้าแบ่งเป็นสองกรุ๊ป เพื่อแข่งทำอาหารเอาใจแขกรับเชิญ เพื่อแย่งชิงรางวัล จูจุ๊บ (เพราะส่วนมากแขกรับเชิญจะเป็นสาวๆ น่ารักครับ) สนุกดี

ที่ผมเล่าออกนอกเรื่องบ้าง ในเรื่องบ้างก็เพราะผมจะขออนุญาติใช้ตอนนี้ กล่าวขอบคุณบรรดาอาจารย์ ทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่ทำให้ผมสามารถสื่อสารกับชาวญี่ปุ่นได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัดมาจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ขอกราบแบบไทยงามๆ ให้อาจารย์ทุกท่านครับ
ซาบซึ้งใจสุดๆ กับ คาราโอเกะบ๊อกซ์ทุกที่ที่พวกเราไปเสียตังค์ เพลงทุกเพลงที่พวกเราร้องและฟัง รวมถึงรายการทีวีทุกรายการที่ทำให้ผมมีวันนี้ครับ (ซึ้งมั๊ยหล่ะ)




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2549
8 comments
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 18:17:12 น.
Counter : 1150 Pageviews.

 

เขียนเก่งมากเลยนะ เขียวยาวด้วยแถมมีสาระอีกต่างหาก ชอบมาอ่าน สนุกดี

Good Day~!!

 

โดย: MOMO 20 พฤษภาคม 2549 3:46:30 น.  

 

เข้ามาอ่านต่อค่ะ....
ชอบพี่เค้าเขียนเหมือนกันเลยค่ะ.... มีสาระและก็สนุกด้วย ชอบมาอ่าน กดADD ไว้เลยทีเดียว.. มาเขียนเรื่อยๆนะค่ะ จะตามอ่าน

 

โดย: MeTaBoLism 20 พฤษภาคม 2549 10:56:36 น.  

 

ขอกราบขอบพระคุณงามๆ สำหรับทุกๆ กำลังใจเลยครับผม
ตอนแรกนึกว่าทำบล๊อกแล้วจะไม่มีคนมาอ่านซะอีกนะเนี่ย
มาอ่านกันบ่อยๆ เพิ่มเรทติ้งแบบนี้ ทำให้ผมมีแรงเขียนเพิ่มขึ้นบานตะไท

เหมือนเดิมครับ อยากให้เล่าเรื่องไหนเป็นพิเศษ ก็ ment ทิ้งไว้ได้โลดครับผม

 

โดย: Ryou-kung 20 พฤษภาคม 2549 14:55:33 น.  

 

โอ่...ตอนนี้เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นไปนิดหน้อยก็ยังมึนๆกับรูปประโยค..ตัวอักษณก็มึนๆอีกนั่นแหละ

แต่ก็คิดว่าน่าจะง่ายกว่า ภาษาไทยนะ(ถ้าไม่ใช่คนไทยมาเรียน ยากพอสมควรเลย)


 

โดย: S.turtle IP: 202.57.173.112 20 พฤษภาคม 2549 22:42:55 น.  

 

ใช่ๆๆชอบดู Smap เหมือนกัน ฮิๆๆๆ เราชอบชินโงะอ่ะ น่าร้ากๆๆๆ ทำอาหารกันเอาใจสาวๆๆทำกันเก่งมากๆๆ ฮิๆๆๆ

 

โดย: แม่บ้านณ.โตเกียว 9 มกราคม 2550 19:47:28 น.  

 

เขียนเก่งมากๆเลยค่ะ สนุกๆๆๆ
อยากไปเรียนญี่ปุ่นมั่งจัง

 

โดย: amp (amp_joe ) 10 มิถุนายน 2551 3:08:05 น.  

 

อ่านสนุก อยากให้มีต่อครับ

 

โดย: artza IP: 124.120.203.68 1 พฤศจิกายน 2551 18:47:48 น.  

 

เพิ่งเข้ามาอ่านตลกดี อยากรู้จังอะว่าการเรียนที่ญี่ปุ่นกับที่ประเทศไทยที่ไหนยากกว่ากันเหรอ

 

โดย: Nuchu_ IP: 65.49.2.26 28 กันยายน 2552 18:39:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Ryou-kung
Location :
Yokohama Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขาวๆ ตี๋ๆ [แต่ตาโตนะฮะ!]
ใส่แว่นกลมๆ กรอบสีฟ้าลูไซด์
ผมสั้นรองทรง
สูงประมาณ 175 ซม ไม่ผอมไม่อ้วน
กำลังหล่อทีเดียวเซียว




Friends' blogs
[Add Ryou-kung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.