อักษรภาพ ประดิษฐ์เอง ตำนานกำเนิดสรรพสิ่งแต่งเอง และอะไรๆ ที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ทำได้เองนะคร้าบ
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
6 มกราคม 2554

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดเจ้ากรรม

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดเจ้ากรรม

“เจ้ากรรม” คือ ผู้ดูแลกระบวนการแห่งวิบากกรรม จัดสรรให้ “นายเวร” เป็นผู้กระทำการลงมือต่อลูกหนี้กรรมของตน สมมุติว่า นาย ก ฆ่า นาย ข ตาย และนาย ข ได้อาฆาตไว้เมื่อถึงวาระที่นาย ก ต้องรับวิบากกรรม แล้ว ผีนาย ข จะตกอยู่ในฐานะ “นายเวร” ทันที โดยต้องไปขึ้นกับเจ้ากรรมผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นหัวหน้าตน แล้วจึงทำงานร่วมกันเรียกว่า “เจ้ากรรมนายเวร” ซึ่ง ปกติ นายเวรจะไม่ค่อยมีฤทธิ์ ต้องขอให้เจ้ากรรมเปิดทางให้ ดังนี้

เจ้ากรรมคือใคร
เจ้ากรรม คือ จิตวิญญาณที่มีบุญบารมีและอิทธิฤทธิ์มาก มีอายุยืนยาวในโลกทิพย์ มากพอที่จะดูแลกระบวนการชำระวิบากกรรมได้ ซึ่งได้แก่ มัจจุราชมาร (ซาตาน), และราหู ซึ่งราหูนี้ มีฐานะตำแหน่งในโลกทิพย์เป็น “เทพแห่งดาวบาปเคราะห์” สามารถประทานบาปเคราะห์ให้แก่มวลมนุษย์ได้ ถ้ามนุษย์ต้องการลดหย่อนผ่อนโทษก็ต้องทำบุญให้แก่พระราหูนี้ ซึ่งพระราหูมีบุญบารมีมากพอที่จะรับทักษิณาทานจากใครๆ ได้ ส่วนมัจจุราชมารนั้น จะใช้อิทธิฤทธิ์เปิดทางให้นายเวรรุมเล่นงานผู้คนที่มีบาปเคราะห์ จากนั้น จะเข้าไปเจรจาต่อรอง หากต้องการหลุดพ้นเคราะห์กรรมก็ต้องตกเป็นบริวารของมัจจุราชมาร หรือซาตาน นั่นเอง ปกติแล้ว สวรรค์จะทำกิจผ่านทาง “พระราหู” ให้เป็นตัวหลักในการจัดการชำระกรรมทั้งหลาย เพราะพระราหูไม่ค่อยยึดมั่นถือมั่นในบริวารพวกพ้อง แม้ว่าจะมีพวกพ้องแต่ก็ถูกพระนารายตัดขาดจากพวกพ้องไปแล้ว จึงมีความเป็นกลางมากพอจะตัดสินโทษมวลสัตว์ได้อย่างเป็นกลาง ข้อเสียอย่างเดียวของพระราหูคือ เป็นอสูรที่เห็นแก่ลาภ มีความละโมบมาก จากครั้งที่ขโมยน้ำอำมฤตนั้น ทำให้พระราหู “รับสินบน” จากมวลสัตว์แล้วลดหย่อนผ่อนโทษให้แก่สัตว์เหล่านั้นได้ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะเมื่อผู้คนให้ของแก่พระราหูแล้ว เขาย่อมได้บุญจากการให้ทานนั้นมาเจือจางกรรมของตนเองลง แต่ส่วนมัจจุราชมารนั้น เนื่องจากเป็นพญามาราธิราชแปลงกายมาในรูปพญายม แม้ไม่โกงกินไม่ละโมบเหมือนพระราหู แต่มีข้อเสียคือ ชอบผูกมัดจิตวิญญาณมวลสัตว์ไว้ในภพมืดทั้งยังลงโทษอย่างทารุณเพื่อให้ทรมานใกล้ตาย เพื่อให้อีกฝ่ายร้องขอชีวิต เมื่อร้องขอชีวิตก็จะให้เพื่อแลกด้วยจิตวิญญาณ นั่นเอง ในการแลกเปลี่ยนของมัจจุราชมารนั้น ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม เพราะผู้แลกกับมัจจุราชมารต้องสูญเสียทุกอย่างทั้งกายและใจ

ด้วยเหตุนี้ สวรรค์จึงแต่งตั้งให้ “พระราหู” ดำรงตำแหน่ง “เทพแห่งดาวบาปเคราะห์” ที่เรียกกันว่า “ดาวราหู” เพื่อให้วิบากกรรมของมนุษย์ได้รับการชำระตรงไปตรงมา ไม่เป็น ไปเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวแบบมัจจุราชมาร และอนุญาตให้พระราหูสามารถรับสินบนได้ (เพราะเขาเป็นอสูร จึงละโมบและชอบกินสินบน) ดังนั้น จึงไม่แปลกว่าทำไมคนไทยจึงนิยมบูชาพระราหูกัน ในขณะที่ฝรั่งจะบูชาซาตาน (แอบบูชา) เมื่อใดคนต้องการอยู่เหนือพรหมลิขิต, เอาชนะธรรมชาติ, เอาชนะกฎแห่งกรรม, เอาชนะสวรรค์, เอาชนะพระเจ้า ก็จะบูชา “ซาตาน” หรือ มัจจุราชมารนี้ เพื่อให้เปลี่ยนแปลงวิถีกรรมไปเสียโดยไม่คำนึงถึงกฎสวรรค์อันใด กล่าวได้ว่า “พระราหู” เป็นหนึ่งในเทพดาวนพเคราะห์ ที่ดูแลบาปกรรมของมวลสัตว์ โดยมีพญามัจจุราชมาร (ซาตาน) คอยแทรกแซงการทำกิจอยู่ แม้พระราหูจะเป็นอสูรแต่ก็นับว่าอยู่ฝ่ายเทพ (อันนี้ต้องเข้าใจให้ชัดแจ้ง) แต่พญามัจจุราชมารแม้จะไม่โกงกิน, ดูเป็นคนดี, ทำสิ่งถูกต้อง, ทำตามกฎระเบียบทุกอย่าง ทว่า เขากำลังทำสิ่งที่ขัดแย้งกับธรรมชาติ ขัดแย้งกับสวรรค์, ขัดแย้งกับพระเจ้า ฯลฯ และอาจนำไปสู่ความล่มสลายได้ในที่สุด อนึ่ง ในการช่วยเหลือมวลสัตว์นั้นไม่มีเลยที่สมดุลธรรมชาติจะปล่อยให้พระโพธิสัตว์ทำได้อย่างอิสระโดยไม่มีกลไกลคานอำนาจ มันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น สวรรค์จึงต้องมี “สิ่งตรงข้าม” คอยสร้างดุลยภาพกับพระโพธิสัตว์ไว้ เพื่อให้มวลสัตว์ได้รับกรรมตามธรรม, ตามจริง ไม่ใช่ตามใจใครคนใดคนหนึ่ง อนึ่ง หากมวลสัตว์ไม่ได้รับกรรมตามจริง ระบบธรรมชาติจะแปรปรวนและผิดไปจากปกติเพราะขาดสมดุล สวรรค์จึงจะส่งเทพองค์ที่มีฤทธิ์ร้ายกาจกว่ามาประทานเคราะห์กรรมให้แก่มวลสัตว์แทน ซึ่งก็คือ “พระเกตุ” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ดาวมฤตยู” ดาวเทพนพเคราะห์ที่ดูแล “ภัยพิบัติและหายนะ” นั่นเอง



Create Date : 06 มกราคม 2554
Last Update : 6 มกราคม 2554 9:19:10 น. 0 comments
Counter : 368 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฉันนะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ฉันนะ's blog to your web]