นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดม้าแก้ว นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดม้าแก้ว ม้าแก้ว คือ หนึ่งในสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งหมายถึง มนุษย์ที่มีกำเนิดมาจากจิตวิญญาณม้าทิพย์ (เป็นม้าทิพย์มาเกิดเป็นคน) หรือ คนที่มีม้าทิพย์เป็นสัตว์ทิพย์คู่บารมี ซึ่งเหมาะที่จะอยู่ข้างกายของพระเจ้าจักรพรรดิ นิทานเรื่องนี้จะเล่าถึง “กำเนิดม้าแก้ว” ม้าในโลกทิพย์ ไม่มีกายสังขารให้มนุษย์เห็นด้วยตาเปล่าได้ ต้องเพ่งดูด้วยตาทิพย์จึงจะเห็น เรียกว่าเป็นม้าทิพย์ ก็ได้, ผีม้า ก็ได้, หรือ เทพม้า ก็ได้ แล้วแต่จะเรียกกันไป ซึ่งม้าทิพย์นั้นมีกำเนิดมาจาก “มังกร” โดยมังกรจะกำเนิดจากพระโพธิสัตว์อีกที กล่าวคือ เมื่อพระโพธิสัตว์แบ่งภาคออกมาจะให้เกิดเป็นเป็น “มังกรทิพย์” เป็นส่วนใหญ่ ต่อมา มังกรที่ยังมีความดุร้าย, มีความโลเลเลื้อยไปมาอยู่ ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อแก้นิสัยเสียสองประการนี้ ก็จะตายจากความเป็นมังกรแล้วกำเนิดใหม่เป็น “ม้าทิพย์” หรือม้าในโลกที่มีกายสังขารก็ได้ ม้าจะไม่มีหัวมังกรแล้ว จึงเลิกคิดเรื่องอำนาจแล้ว, ไม่มีกงเล็บแล้วจึงไม่เข่นฆ่าสัตว์อื่นกินแล้ว, ไม่มีลำตัวเลื้อยไปมาแล้ว จึงไม่โลเลเข้าข้างคนดีที คนเลวทีอีก เป็นม้าที่มีความเชื่อง ยอมให้คนขี่ได้และเดินตรงทาง กินหญ้าไม่ฆ่าสัตว์อีกต่อไป อนึ่ง เมื่อม้าทิพย์ได้ถือกำเนิดแล้ว จะต้องบำเพ็ญบารมีต่อไปอีก เพื่อขัดเกลาวิสัยเดิมนั้นให้ดีขึ้นเป็นลำดับ จากม้าสีดำที่ยังมีความดุร้ายและใช้ในการขี่ไปเพื่อทำสงคราม ก็จะมีสีทอง คือ ไม่ชอบสงครามแต่เปลี่ยนมาทำการค้า, พัฒนาประเทศของตน พอพัฒนาไปถึงจุดอิ่มตัว ก็จะเบื่อแล้วหันไปสนับสนุนพระพุทธศาสนา ก็จะสำเร็จเป็น “ม้าขาว” จากนั้นก็จะช่วยกิจทางธรรมอย่างเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลกจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งการบำเพ็ญบารมี ก็จะสำเร็จเป็น “ม้าแก้ว” คือ ม้าทิพย์ที่มีกายทิพย์ใสเป็นแก้ว ทั้งมีรัศมีเปล่งประกายพรึกราวกับเพชรฉะนั้น ซึ่งม้าแก้วนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ กายที่ใสนั้นสามารถรับพลังงานต่างสีต่างชนิดเข้าไปได้ เมื่อรับพลังสีดำก็ทำกิจปราบปรามทำลายล้างได้, เมื่อรับพลังสีทองก็ทำกิจพัฒนาทางโลกได้, เมื่อรับพลังสีขาวก็ทำกิจทางธรรมได้ เป็นต้น จึงกลายเป็นดั่งแก้วสารพัดนึกคือ ใช้ทำกิจได้ทุกประการดังใจนึกนั่นเอง อนึ่ง ปกติแล้วม้าทิพย์เป็นสัตว์คู่บารมีขององค์พระกษิติครรภ์ แต่มิใช่พระกษิติครรภ์ทุกองค์ (พระกษิติครรภ์เป็นชื่อหนึ่งที่มีจิตวิญญาณมากกว่าหนึ่งดวงรั้งตำแหน่งนี้อยู่) จะได้ทรงม้าทิพย์เสมอไป จะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดทางการเมืองการปกครอง, อำนาจ มาก่อน แล้วจึงยอมลด, ละ, เลิก จึงจะเปลี่ยนถ่ายจากมังกรมาขึ้นขี่ม้าได้ ซึ่งการได้ขึ้นขี่ม้าแสดงถึงธรรมที่สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ถ้ายังทรงมังกร ก็จะยังพัวพันยุ่งอยู่กับเรื่องทางโลก, การเมืองการปกครองอยู่ไม่จบสิ้น สรุปประเภทของม้าทิพย์ ๑) ม้าดำ เป็นม้าที่สมบูรณ์แล้ว แต่ยังมีกายทิพย์สีดำ ยังทำกิจภาคปราบหรือทำลายล้าง เช่น ทำสงครามอยู่ ยังต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป จนกว่าจะชำระสีกายให้พ้นจากรัศมีสีดำได้หมด ๒) ม้าทอง เป็นม้าที่หมดภารกิจทางการปราบหรือทำลายล้างแล้ว ไม่ทำสงครามแล้ว แต่ยังมีภารกิจทางโลกอยู่ เช่น การพัฒนาประเทศ, การค้าขาย, การสร้างฐานะ, การสร้างอาณาจักร ๓) ม้าขาว เป็นม้ามีตบะทำสมาธิได้ (สัตว์สีขาวมีตบะ) จึงหมดภารกิจทางโลกอย่างแท้จริง ไม่ต้องยุ่งทางโลกอีก ธรรมจึงก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง คือ จะทำกิจสนับสนุนทางธรรมเท่านั้น ๔) ม้าแก้ว เป็นม้าที่หมดภารกิจทางโลกและทางธรรมโดยสิ้นเชิง มีกายทิพย์ใสเหมือนแก้ว แต่มีสีกายเปล่งประกายดุจเพชร และรับพลังปราณจากภายนอกได้ทุกสี ทำกิจได้สารพัดนึก อนึ่ง สัตว์ที่มีกำเนิดจากมังกรได้ชื่อว่าเป็นหลานของพระโพธิสัตว์ทั้งสิ้น เป็นสัตว์ชั้นสูง และมักเป็นพาหนะทรงของพระโพธิสัตว์ จึงเป็นสัตว์มงคลและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง Create Date : 11 ตุลาคม 2553 Last Update : 11 ตุลาคม 2553 9:29:46 น. 1 comments Counter : 417 Pageviews.   Share Tweet โดย: โลกธรรม8 วันที่: 25 ตุลาคม 2553 เวลา:21:00:28 น.   ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก Comment :   *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet