อักษรภาพ ประดิษฐ์เอง ตำนานกำเนิดสรรพสิ่งแต่งเอง และอะไรๆ ที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ทำได้เองนะคร้าบ
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
6 มกราคม 2554

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดยุคแห่งพระอิศวร

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดยุคแห่งพระอิศวร

“พระอิศวร” เป็นหนึ่งในเทพเจ้าสูงสุดฝ่ายชายของฮินดู ที่คนมักสับสนว่าเป็นองค์เดียว กับพระศิวะ ซึ่งก็มีส่วนจริงว่าท่านมาจากหนึ่งเดียวกัน เหมือนพระนารายสามารถแบ่งได้หลายภาคหลายปาง สรุปง่ายที่สุดว่า พระอิศวร คือ “ภาคราชา” ส่วนพระศิวะคือ “ภาคฤษี” จะเห็นได้ชัดเจนว่ารูปปั้นของพระศิวะจะทรงชุดฤษี, มวยผมแบบฤษี, แต่งกายในชุดชีเปลือย หรือโยคีลัทธิทิคัมพรที่ไม่นุ่งห่มเสื้อผ้าโดยถือเอาท้องฟ้าเป็นอาภร (ขณะที่พระพรหมเมื่อมาเกิดยังโลกจะอยู่ในรูปพระฤษีที่นุ่งห่มผ้าเรียบร้อย ดูน่านับถือน่าศรัทธา) ทว่า รูปของพระอิศวรจะแตกต่างจากพระศิวะอย่างชัดเจนเพราะทรงมาในรูปของ “ราชา” ทรงมงกุฎอย่างพระนาราย แต่งกายอย่างพระราชาทั่วไป ทรงมีชายาคือ พระคงคา มิใช่พระอุมาและพระกาลี (พระอุมาและพระกาลี คือ ชายาของพระศิวะ จะมีปรากฏเป็นชายาเมื่อทรงมาในรูปฤษี หรือเบื่อหน่ายชายาทั้งสองจนไปบวชเป็นฤษี) ดังจะอธิบายต่อไปนี้

ยุคของพระอิศวรเริ่มเมื่อใด
ปกติแล้ว โลกมนุษย์จะได้รับการดูแลด้วยมหาเทพสามองค์สำคัญ คือ พระพรหม, พระนาราย และพระศิวะ โดยยุคที่มนุษย์มีกรรมน้อย พระพรหมจะลงมาอยู่ในรูปพระราชาแต่ยุคต่อมา มนุษย์เริ่มมีกรรมมาก ปีศาจที่ดุร้ายจะลงมาเล่นงานมนุษย์ให้ได้รับวิบากกรรมไปตามกรรมของตน เมื่อปีศาจบ้าคลั่งทำร้ายมนุษย์ถึงจุดพอดีแล้ว พระนารายก็จะลงมาปราบเสีย ถัดจากนั้น จึงเข้าสู่ยุคของพระศิวะ ซึ่งเป็นยุคแห่งการทำลายล้าง ทว่า ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการนี้ พระศิวะสามารถมาในรูปของพระอิศวรได้ กล่าวคือเมื่อใดที่ท่านยอมอยู่ทางโลก ดูแลทางโลก ไม่ออกบวช เมื่อนั้นท่านจะอยู่ในฐานะพระราชาหรือพระอิศวร แต่เมื่อใดที่ท่านเบื่อทางโลกแล้วออกบวชจะกลายเป็นพระศิวะ โลกจะได้รับภัยพิบัติมาก โดยมีพระกาลีเป็นผู้ทำกิจภาคทำลายล้าง จนกว่าพระศิวะจะยอมออกมาแล้วอยู่ในฐานะพระอิศวร คือ สึกจากฤษีมาครองเมืองเป็นพระราชา นั่นเอง เมื่อนั้น พระอิศวรก็จะทำกิจหยุดยั้งพระกาลี นับเป็นการจบกระบวนการทำลายล้าง แล้วเข้าสู่การฟื้นฟูเริ่มต้นใหม่

ยุคของพระอิศวรจะเริ่มหลังจากพระนารายทำกิจสิ้นลงแล้ว กล่าวคือ พระนารายจะทำกิจทั้งสิ้น ๑๐ ปาง ก็จบกิจของพระนาราย มหาเทพองค์อื่นจะลงมาทำกิจต่อแล้วจึงเข้าสู่ยุคแห่งการทำลายล้าง นับเป็นการสิ้นพุทธกาลหนึ่งไป ในพุทธกาลนี้ นับเวลาได้ ๕,๐๐๐ ปี แต่พุทธกาลนี้ จะอยู่ในยุคสมัยยาวนาน นับได้สี่ช่วง ซึ่งกินเวลาบนโลกยาวนาน มากกว่าห้าพันปีมากมายนัก พระนารายทั้งสิบปาง จะลงมาเรื่อยๆ ปางที่เก้าคือ พระพุทธเจ้าและปางที่สิบจะมาค้ำพุทธศาสนาช่วงกึ่งกลาง คือ ประมาณ พ.ศ. ๒,๕๐๐ ขึ้นไป จากนั้น ก็หมดยุคของพระนารายทั้ง ๑๐ ปาง มหาเทพองค์ต่อไปที่จะมารั้งหน้าที่ต่อคือ พระอิศวร ซึ่งก็คือ เวลาหลัง พ.ศ. ๒,๕๕๐ ไป จนถึง พ.ศ. ๕,๐๐๐ คือ สิ้นพุทธกาล ก็เริ่มเข้าสู่กลียุค ในกลียุคนี้ พระอิศวรจะไม่อยู่ในฐานะพระราชาอีกต่อไป ท่านจะอยู่ในรูปฤษี หรือในรูปพระศิวะ มหาเทพแห่งการทำลายล้างเต็มตัว ในกลียุคนี้ จะมีพระนารายลงมาอีกรอบหนึ่ง แต่จะมาในรูปกายสีดำ โลกจะมีปีศาจร้ายมากมาย พระกาลีและพระนารายจะปราบ ทำให้เกิดการทำลายล้างมาก ส่วนพระศิวะจะไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก จะทรงเบื่อหน่ายและทิ้งทางโลกเข้าสู่ทางธรรม กลายเป็นฤษีเต็มตัว ยุคแห่งสงครามมืดก็ดำเนินไปเต็มที่

ปัจจุบัน หลายท่านคิดว่าพระอิศวรก็คือพระศิวะ แต่ไม่เข้าใจในความแตกต่างของทั้งสององค์ จริงอยู่ว่าท่านก็คือองค์เดียวกัน แต่อวตารลงมาทำหน้าที่ต่างกัน แต่เมื่อแยกแยะไม่ออก ทำให้คนไม่บูชาพระอิศวร คิดว่าบูชาพระศิวะก็เหมือนกัน แท้แล้วให้ผลต่างกันมาก คือ เมื่อบูชาพระศิวะ ผู้นำที่ดีจะเบื่อหน่ายทางโลกแล้วออกบวชฤษีทิ้งให้ทางโลกจัดการกันเองจนวุ่นวายไปหมด แต่เมื่อบูชาพระอิศวรแล้วผู้นำที่ดีจะยอมรับภาระทางโลก ออก มาดูแลทางโลกในฐานะผู้นำประเทศ (ตามแต่รูปแบบการปกครองของประเทศนั้นๆ) เมื่อบูชาพระศิวะ หมายถึง พระอุมาและพระกาลีก็จะมาร่วมกิจด้วย (กลียุคก็ตามมา) เมื่อบูชาพระอิศวร หมายถึง พระคงคาจะมาร่วมกิจด้วย ภัยพิบัติจะลดทอนลงได้ ดังอธิบายมานี้



Create Date : 06 มกราคม 2554
Last Update : 6 มกราคม 2554 9:17:41 น. 0 comments
Counter : 422 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฉันนะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ฉันนะ's blog to your web]