อักษรภาพ ประดิษฐ์เอง ตำนานกำเนิดสรรพสิ่งแต่งเอง และอะไรๆ ที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ทำได้เองนะคร้าบ
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
7 ธันวาคม 2553

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดเซียน

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดเซียน

การบรรลุธรรมระดับเซียน คือ การบรรลุธรรมด้วยตนเองเพื่อกลับไปสู่ “จิตเดิมแท้” ที่ตนได้ถือกำเนิดมาก่อนที่จะเวียนว่ายตายเกิดลงมาเป็นมนุษย์ แต่การบรรลุเซียน ยังนับเป็นการบรรลุธรรมในพุทธศาสนายังไม่ได้ (ทางเต๋านับให้ว่าสำเร็จธรรม แต่ทางพุทธยังไม่นับให้) เนื่องจากเป็นการบรรลุธรรมด้วยตนเองโดยมิได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงนับระดับธรรมให้เป็นเพียงเซียนเท่านั้น ซึ่งผู้บรรลุเซียนนั้น จะมีจิตที่แตกต่างกันไปตาม “บุญบารมี” และ “ดวงจิตที่ส่งลงมาเกิด” เช่น ถ้า พระยูไลแบ่งภาคได้เป็น “พระอวโลกิเตศวร” แล้วลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านจะสลายกายทิพย์แล้วจุติลงในครรภ์ กายทิพย์ของกุมารนั้น จะประสานในร่างเนื้อ แล้วพัฒนาไปตามๆ กัน จึงมักได้กายทิพย์ภายในเป็นกุมารก่อนในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อบำเพ็ญบารมีไปเรื่อยๆ กายทิพย์ไม่เที่ยงสลายแล้วจึงเกิดใหม่ (จิตวิญญาณเก่าสลายแล้วเกิดใหม่ในสังขารเดิม จะเรียกว่าโอปปาติกะ เหมือนกัน) เป็นโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้ ช่วงนี้เองที่นับว่าบรรลุเซียนขั้นต้น จากนั้น เมื่อบำเพ็ญบารมีต่อไป จนสำเร็จกลับไปสู่จิตเดิมแท้ที่ตนแบ่งภาคมา คือ ยูไล ก็จะสำเร็จเซียนขั้นสูง มีกายทิพย์เป็นพระยูไล เหมือนกายทิพย์ดั้งเดิมที่ได้แบ่งภาคมาได้ อนึ่ง ช่วงนี้นั้น ไม่จำเป็นต้องมีครูหรือถ้ามีครูสอน ครูก็ไม่ได้ช่วยให้บรรลุเซียนเลย จะได้ธรรมด้วยตนเองเท่านั้น จึงนับว่าเป็นเซียน คือ สำเร็จได้ด้วยตนเอง ไม่มีครูช่วยให้บรรลุ ต่อเมื่อถูกทำลายสักกายทิฐิแล้ว ยอมจำนนให้คนที่ต่ำกว่าตนสอนธรรมได้ จึงจะนับว่าได้บรรลุธรรมในพุทธศาสนาตั้งแต่ “โสดาบัน” ขึ้นไป จะมี “มรรคแปดครบห้าองค์” ก่อน คือ จะมีมรรคแปดห้าตัว ตั้งแต่สัมมาทิฐิไปจนถึงสัมมาอาชีวะเกิดขึ้น ในขณะที่เซียนจะไม่มีสัมมาอาชีวะได้เลย เพราะไม่มีมรรคแปด ไม่ได้มรรคแปดนั่นเอง เซียนจึงต้องมีชีวิตอยู่อีกแบบต่างจากคนในสังคมทั่วไป เช่น อยู่เฉยๆ ไม่ทำกิจการงานใดๆ แต่สามารถอยู่ใน สังคมได้ตามปกติ จวบจนกว่าจะได้พบผู้ที่ทำลายสักกายทิฐิให้ตนได้ ก็จะสามารถกลับสู่สังคมปกติ มีสัมมาอาชีวะได้ตามปกติได้ วิถีเซียนที่อยู่แตกต่างจากคนในสังคมจะสิ้นไป

ปัจจุบัน ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปจริงๆ มีน้อยมาก ส่วนผู้บรรลุเซียนเริ่มมีมากขึ้น และมักคิดว่าตนตรัสรู้เองแล้ว มักเป็นอาจารย์สอนธรรม จะอยู่โดยไม่ทำอาชีพใดๆ ไม่มีสัมมาอาชีวะ ส่วนคนที่สอนธรรมคนส่วนใหญ่ ไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลย เพียงแต่เข้าใจและจำธรรมะนอกตัวได้ จึงนำมาเล่าต่อ สอนกันต่อไปเท่านั้น แต่เมื่อถามว่าตัวเขาเองใช้วิธีใดทำให้หลุดพ้นทุกข์ ก็จะควานหามั่วไปหมด ว่ากรรมฐานตัวนั้นบ้าง ตัวนี้บ้าง ซึ่งแท้แล้วไม่ใช่เลย เป็นการหลงผิดจึงคลำทางไปมั่วเท่านั้น ผู้ที่สอนคนให้บรรลุได้จริงในยุคปัจจุบันเป็น “เซียน” เสียส่วนใหญ่ แต่จะทำให้คนบรรลุเซียนเช่นตน ไม่อาจทำให้บรรลุถึงโสดาบันขึ้นไปได้ การจะบรรลุโสดาบันขึ้นไปได้นั้น จะต้องมี “ทุกข์ทางโลก” อย่างยิ่งก่อน จนกระทั่งไม่ไหวแล้ว อยากหลุดพ้นจากทุกข์นั้นอย่างเต็มใจ เต็มที่ แล้วจึงยอมจำนนต่อทุกอย่าง เรียกร้องขอธรรมจากใครก็ได้ เมื่อได้ใครสักคนมาทำลายสักกายทิฐิแล้วให้ธรรม แม้ว่าเขาคนนั้นจะบรรลุเซียน ตนก็สามารถบรรลุโสดาบันได้ เพราะถูกเซียนนั้นทำลายสักกายทิฐิให้แล้ว ทว่า คนในปัจจุบันหลงผิดกันมากว่าการบรรลุธรรมสามารถบรรลุได้เองเช่น ไปธุดงค์แล้วนั่งสมาธิแล้วบรรลุธรรมเอง ไม่มีใครช่วยทำลายสักกายทิฐิให้ เมื่อบรรลุเซียนคือได้ธรรมกระจ่างแล้ว จิตกลับสู่ภาวะจิตเดิมแท้แต่ดั้งเดิมที่ตนแบ่งภาคลงมาก่อนเป็นมนุษย์แล้ว (มักได้กายทิพย์เป็นโพธิสัตว์) คิดว่าตนบรรลุอรหันต์แล้ว อย่างนี้มีมาก ไม่เท่านั้น กายสังขารนั้นๆ มักถูกแทรกมารหรือครอบด้วยพรหม ทำให้มีการประพฤติตนแตกต่างไปจากพระอริยบุคคลที่แท้จริง เช่น ทำตัวเหมือนเทพเจ้าเดินดิน ให้คนมารุมล้อมเป็นบริวาร, กราบไหว้, รับลาภสักการะ, สร้างสิ่งต่างๆ ราวกับสร้างสวรรค์บนดิน ซึ่งล้วนผิดทาง ไม่ใช่ทางนิพพาน ไม่ใช่วิถีที่พระอรหันต์จะกระทำเลย

อนึ่ง พึงทราบว่าผู้ที่แบ่งภาคจิตมาจากพระยูไล, พระโพธิสัตว์ จะบรรลุธรรมได้เองแต่จะไม่ใช่พระโสดาบัน เราเรียกการบรรลุธรรมด้วยตนเองครั้งแรกนี้ว่า “เซียน” ซึ่งจะกลับสู่จิตเดิมแท้ จากนั้น ต้องให้ผู้อื่นทำลายสักกายทิฐิตนก่อน จึงจะบรรลุเป็นอริยบุคคลได้



Create Date : 07 ธันวาคม 2553
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 9:53:40 น. 0 comments
Counter : 1046 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฉันนะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ฉันนะ's blog to your web]