***การอ่านหนังสือ คือ การเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง*** Open Your Mind by Reading***
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

ใจดำ ?

หลายปีมานี้ หนังสือที่ได้ชื่อว่าเป็นขายดีเป็นอันดับต้น ๆ นอกจากจะเป็นแนวธรรมะประยุกต์แล้ว ยังมีแนวฮาวทูหรือหลักการพัฒนาตัวเองอีกด้วย

หนังสือประเภทนี้มีเนื้อหาหลากหลายแต่คล้ายกัน คือ มีธีมหลักที่สอนให้คนมองโลกในแง่บวก สร้างพลังให้ตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูง ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการเข้าสังคมแล้ว ยังทำให้บางคนที่กำลังท้อแท้เกิดความฮึกเหิมในการที่จะสู้ชีวิตต่อไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ฉันไปเปิดอ่านคร่าว ๆ ตามร้านหนังสือ เนื้อหาก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ ต่างกันที่ชื่อคนเขียน สำนวน และสไตล์การนำเสนอหรือจัดรูปเล่มเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นของคนไทยหรือต่างประเทศ

มีข้อเขียนอยู่เล่มหนึ่งซึ่งเป็นนักเขียนชาวญี่ปุ่น มีผู้แปลเป็นภาษาไทย เห็นข่าวว่าขายดิบขายดีอยู่ไม่น้อย เพราะมีวางขายอยู่หลายปก ฉันไปเปิดอ่านอยู่เล่มหนึ่ง จำชื่อหนังสือไม่ได้แล้ว อาจเพราะไม่ได้ใส่ใจนัก

มีอยู่ข้อความหนึ่งที่ทำให้ฉันสะดุดความรู้สึกเป็นอันมาก เขาแนะวิธีสร้างพลังบวกให้ตัวเอง บลา บลา มีอยู่ข้อหนึ่ง เขาบอกว่า ให้อยู่ห่างคนที่มองโลกในแง่ร้ายหรือคนที่มีแต่ความทุกข์ (อะไรประมาณนี้) ให้ไกลที่สุด เพราะคนพวกนี้จะทำให้เราเผลอเอาความทุกข์นั้นมาแปดเปื้อนตัวเอง ทำให้จิตใจเราพลอยเศร้าหมองไปด้วย (ทำนองนี้แหละ)

สรุปว่า สอนให้คนคิดเอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง คนที่มีความทุกข์หรือมองโลกในแง่ร้าย อย่าไปคบหรือเข้าใกล้ ว่างั้นเถอะ

ฉันวางหนังสือเล่มนี้คืนสู่ชั้นวางในทันใด ในใจนึกรังเกียจคนเขียนขึ้นมาทันที เขาช่างสอนให้คนเห็นแก่ตัวได้อย่างแนบเนียน หากเขาบอกว่าอยู่ให้ไกลคนที่มีความโกรธและโมโหร้าย ฉันจะไม่กังขาเลย เพราะเป็นความจริงที่ว่า เมื่ออยู่ใกล้คนประเภทนี้ มักจะทำให้เราเกิดความเครียดไปด้วย

แต่นี่ เขาสอนให้เลิกคบคนที่มีแต่ความทุกข์ มันไม่ใจดำไปหน่อยหรือ จริงอยู่ที่ว่า คนที่มีความเศร้าหมองอยู่เสมอ มักทำให้คนรอบข้างพลอยหดหู่ไปด้วย ไม่เหมือนคนที่มีอารมณ์ขัน พูดจาตลกโปกฮา ทำให้เพื่อนหัวเราะมีความสุข ซึ่งทำให้คนชื่นชอบได้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่หากวันใด เขาประสบปัญหาชีวิต ยิ้มไม่ออก ทำให้คนหัวเราะไม่ได้ เขามิกลายเป็นที่รังเกียจของเพื่อนฝูงไปหรือ ในเมื่อใคร ๆ ก็กลัวติดโรคเศร้าหมองจากเขาเสียแล้ว

อันที่จริงคือ เราควรให้ความใกล้ชิดคนประเภทนี้ให้มากด้วยซ้ำ แทนที่จะทอดทิ้งเขาเพราะกลัวจะทำให้ตัวเองพลอยหดหู่ไปด้วย เขาน่าสงสาร ลองนึกถึงว่าวันใดที่เราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้หมองหม่น และต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว สภาพจิตใจจะแย่ขนาดไหน

หรือนี่คือหลักการพัฒนาตัวเองแบบประเทศทุนนิยม ที่ยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ขาดความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ในความทุกข์ มันทำให้ฉันนึกไปถึงองค์กรทางศาสนาแห่งหนึ่ง ที่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยการเน้นให้คนทำบุญกับคนมีบารมีเท่านั้นจึงจะได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากทำบุญกับสัตว์ผู้ยากหรือผู้ไม่มีบารมี จะไม่มีวันได้ขึ้นสวรรค์ ฉันใดฉันนั้น

การสอนคนในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อการพัฒนาตัวเอง หรือเพื่อให้ได้ขึ้นสวรรค์ ล้วนทำให้คนขาดความเมตตาต่อผู้ต้องการความช่วยเหลือ ถ้าคนทั้งโลกคิดแบบนี้กันหมด ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคมจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วโลกจะเป็นอย่างไร ลองจินตนาการดูเถอะ...




เข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลค่ะ

เพิ่งรู้ว่าคนเขียนหนังสือที่ฉันเอ่ยถึงคืออดีตพระมิตซูโอะ ตอนหยิบหนังสือก็ดูชื่อคนเขียนผ่าน ๆ จำชื่อได้ก็ตอนที่เห็นเป็นข่าวนี่แหละ




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2553
0 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2556 23:35:49 น.
Counter : 659 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wanalee
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




คนธรรมดาที่กำลังพยายามละกิเลส เพื่อลดความอยากและไม่อยากให้มากที่สุด (ยากนะ แต่จะพยายาม)
New Comments
Friends' blogs
[Add wanalee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.