***การอ่านหนังสือ คือ การเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง*** Open Your Mind by Reading***
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
22 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
แด่...พี่แอ๊ว อดีตนักฟุตบอลทีมชาติผู้จากไป

ข้อเขียนนี้ ขออุทิศให้พี่แอ๊ว อดีตนักฟุตบอลทีมชาติที่ฉันเคยรู้จัก

ฉันยังจำวันแรกที่รู้จักกับพี่แอ๊วได้ ไม่ใช่สิ...วันแรกที่สบตากับพี่แอ๊วต่างหาก ฉันกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่หน้าร้าน เพราะยังไม่ถึงคิวร้องเพลง ไม่มีแขกมาเชิญไปนั่งคุยด้วย

พี่แอ๊วเดินมาจากทางด้านขวา เข้าใจว่าคงไปนั่งร้านอื่นมาก่อนแล้ว มองหน้า...สบตาฉันขณะเดินผ่านเข้าไปในร้าน ฉันสะดุดใจอยู่บ้าง เพราะปกติ แขกที่เข้ามาเที่ยวที่ร้าน หากจะมองหน้าก็เป็นการมองผ่าน ๆ แบบไม่ได้ตั้งใจเสียมากกว่า

แล้วพี่แอ๊วก็ให้เด็กมาเชิญฉันไปนั่งคุยด้วย ฉันจึงรู้ว่า เมื่อคืนก่อน พี่แอ๊วก็มานั่งที่ร้าน เพื่อนพี่แอ๊วที่เป็นนักร้อง บอกฉันภายหลังว่า พี่แอ๊วเป็นนักฟุตบอลทีมทหารอากาศและเป็นทีมชาติด้วย แล้วบอกชื่อ - นามสกุลจริงของพี่แอ๊วให้ฉันรู้ ฉันไม่คุ้นชื่อเลย เพราะนักฟุตบอลทีมชาติยุคนั้น ฉันคุ้นแต่ชื่อของอำนาจ เฉลิมชวลิต ซึ่งก็เป็นทหารอากาศเหมือนกัน เนื่องจากชื่อเขาออกสื่อบ่อย ในฐานะกัปตันทีมหรือไม่ก็เป็นผู้ทำประตูให้ทีมชาติไทยชนะคู่แข่งอยู่เนือง ๆ

ฉันจำชื่อ - นามสกุลจริงพี่แอ๊วได้จนถึงบัดนี้ เพราะฉันเคยเผลอเล่าเรื่องพี่แอ๊วให้น้องชายฉันฟัง เนื่องจากเขาเป็นแฟนฟุตบอลตัวยง พอเขารู้ว่าฉันรู้จักกับพี่แอ๊ว เขาตื่นเต้นมาก เขาบอกว่า พี่แอ๊วเป็นคนยิงประตูให้ไทยชนะพม่า 1- 0 ในการฟาดแข้งครั้งหนึ่ง ทั้งที่ ทีมไทยเป็นรองพม่ามาโดยตลอด

ยุคนั้น ทีมฟุตบอลของพม่าเป็นที่เลื่องชื่อในแถบนี้ พอ ๆ กับทีมมาเลเซีย ฉันไม่ใช่แฟนฟุตบอลยังรู้เรื่องราวเหล่านี้เลย

ฉันได้ไปเที่ยวน้ำตกวังตะไคร้ครั้งแรกในชีวิต เพราะพี่แอ๊วพาไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขา ยังจำได้ว่า พี่แอ๊วสั่งกาแฟร้อนมาให้ดื่มก่อนออกเดินทาง เนื่องจากเกรงว่าฉันจะง่วง แล้วฉันท้องเสีย เพราะไม่เคยดื่มกาแฟร้อนชงละลายน้ำแบบกาแฟขวด เคยดื่มแต่โอเลี้ยงที่ชงถุงแบบกาแฟโบราณฝีมือพ่อ (ซึ่งอร่อยกลมกล่อม หวานเข้มกำลังดี รสชาติที่ฉันไม่เคยเจอจากที่ไหนอีกเลย นับตั้งแต่ครอบครัวอยู่ในสภาพ "แพแตก")

มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่แอ๊วพาฉันไปดูฟุตบอลทีมทหารอากาศเตะกับทีม...(จำไม่ได้) แล้วนักฟุตบอลเตะลูกเข้าประตู ฉันตื่นเต้นใหญ่ ได้ยินเสียงเฮลั่น ฉันก็เลยทำท่าดีใจ หันมาพูดกับพี่แอ๊วว่า "เขาเก่งจังเลยเนาะ" เพราะคิดว่า ทีมทหารอากาศเป็นฝ่ายได้ประตู เห็นพี่แอ๊วทำหน้าเซ็ง ตามองที่สนาม พยักหน้าแล้วทำเสียง "อื้อ" ในลำคอเป็นการตอบรับอย่างเสียไม่ได้

ฉันมารู้ทีหลังว่า นัดนั้น ทหารอากาศแพ้ไป 1- 0   มิน่า พี่แอ๊วถึงไม่ค่อยส่งเสียงเชียร์เหมือนตอนแรก ๆ ฉันนึกอาย ที่ดูไม่ออกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน ว่าก็ว่าเถอะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ดูฟุตบอลสดข้างสนามแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยนะ

พอเริ่มคุ้นเคยกัน พี่แอ๊วจึงเปิดปากเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ว่ากำลังมีปัญหากับภรรยา (ฟังดูคุ้น ๆ ไหม) มันเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ด้วยความเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ พี่แอ๊วจึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะต้องเดินทางบ่อย พี่แอ๊วรู้ระแคะระคายว่ามีบุคคลที่สามเข้าแทรกตรงกลางระหว่างพี่แอ๊วกับภรรยา เลยต้องอยู่กันอย่าง "หวานอมขมกลืน" เรื่อยมา

ฉันนิ่งฟังทุกอย่างที่พี่แอ๊วระบาย เพราะไม่อาจช่วยพี่แอ๊วได้มากกว่านี้

ค่ำคืนหนึ่ง พี่แอ๊วมาที่ร้านแล้วให้เด็กมาบอกฉัน ทันทีที่ฉันทรุดตัวลงนั่ง พี่แอ๊วก็เอ่ยเสียงเครือออกมาว่า "พี่หย่าเมียพี่แล้วนะ" ฉันนิ่งอึ้ง ขณะที่พี่แอ๊วก็นิ่งแต่ฉันได้ยินเหมือนเสียงสูดจมูกของคนที่กำลังร้องไห้ ฉันมองหน้าพี่แอ๊ว นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้ชายร้องไห้

แม้แสงไฟในร้านจะไม่สว่างนวลจ้า แต่สายตาฉันก็ดีพอที่จะเห็นหยาดน้ำตาพี่แอ๊วไหลอาบแก้ม เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวมันก็แห้งเหือดไปเอง น้ำตาผู้ชายคงไม่เยอะเหมือนน้ำตาผู้หญิง เพราะพอได้ระบายออกมาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าพี่แอ๊วจะสะกดความรู้สึกได้

พี่แอ๊วบอกฉันว่า พี่แอ๊วไม่มีอะไรแล้วนะ บ้านก็ยกให้เขาไป เหลือรถเบ็นซ์คันเดียวซึ่งเป็นมรดกของพ่อ (พี่แอ๊วเป็นลูกนายพลฯ แต่พี่แอ๊วมียศจ่าอากาศ) รถคันที่พี่แอ๊วเคยขับมารับฉันไปเที่ยวน้ำตกวังตะไคร้

ฉันเศร้าใจไปกับพี่แอ๊ว ตอนนั้น นึกเจ็บใจตัวเองที่พูดปลอบไม่เป็น ได้แต่นั่งฟังพี่แอ๊วระบายความรู้สึกฝ่ายเดียว

พี่แอ๊วเคยแวะมาหาฉันที่ห้องในคืนฝนตกพรำ ๆ โดยไม่บอกล่วงหน้า วันนั้นเป็นวันมหาสงกรานต์ ร้าน "โทนี่" ที่ฉันร้องเพลงอยู่ไม่เปิดให้บริการ ได้ยินมาว่า ร้านอาหารที่เป็นกึ่งสถานบันเทิงหลายแห่งก็หยุดเช่นกัน เพราะคนส่วนใหญ่กลับบ้านเกิดหรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด

ฉันตกใจที่อยู่ ๆ พี่แอ๊วโผล่มาตอนกลางคืน จัดแจงเปิดม่านหน้าต่าง เปิดประตูห้องไว้ ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่า ฉันมีอะไรกับพี่แอ๊ว พี่แอ๊วบอกว่า เพิ่งกลับจากต่างจังหวัดเลยแวะมาหา เพราะที่ร้านปิด ฉันเลยชวนพี่แอ๊วออกมาหาอะไรทานข้างนอก ไม่ได้หิวหรอก แค่ไม่อยากอยู่กับพี่แอ๊วสองต่อสองเท่านั้นเอง

บางที พี่แอ๊วอาจจะเพิ่งตระหนักว่า ความรู้สึกดี ๆ ที่พี่แอ๊วมีให้ฉันไม่ได้รับการตอบสนองอย่างที่พี่แอ๊วเคยเข้าใจ ระยะหลัง พี่แอ๊วห่างเหินและหายหน้าไปในที่สุด

วันหนึ่ง เพื่อนพี่แอ๊วนำชุดกระโปรงแบบลำลองน่ารัก มีลายปักแบบทางเหนือมาให้ฉัน บอกว่า พี่แอ๊วไปเที่ยวเชียงใหม่เลยซื้อมาฝากฉัน ฉันรู้สึกละอายใจต่อพี่แอ๊ว เพราะพี่แอ๊วยังมีแก่ใจนึกถึงฉัน ทั้งที่ฉันไม่เคยนึกถึงพี่แอ๊วเลย

จนกระทั่ง ฉันไปร้องเพลงที่ระยอง ฉันก็ไม่ได้เจอกับพี่แอ๊วอีกเลย

เมื่อฉันเรียนจบ เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งแถวชิดลม กลางคืน ฉันไปร้องเพลงที่ภัตตาคารแถวลาดพร้าว ฉันนึกถึงพี่แอ๊วขึ้นมาได้ จึงโทรฯ หาพี่แอ๊ว คิดง่าย ๆ ว่าเผื่อพี่แอ๊วจะไปเป็นแขกประจำอีก พี่แอ๊วบอกว่า ตอนนี้ พี่แอ๊วขายรถเบ็นซ์ไปแล้ว หันมาใช้มอเตอร์ไซต์แทนแล้วล่ะ เหมือนพี่แอ๊วจะบอกฉันทางอ้อมว่า คงไม่สะดวกที่จะไปหาอีกแล้ว

ตอนที่ได้ยินพี่แอ๊วพูดแบบนั้น ฉันยังงง ๆ ว่า พี่แอ๊วมาบอกฉันทำไม ในเมื่อฉันไม่ได้สนใจว่า พี่แอ๊วจะมีรถอะไร ฉันแค่อยากให้พี่แอ๊วไปนั่งฟังฉันร้องเพลงเท่านั้น

เมื่อนึกย้อนไป ฉันจึงตระหนักว่า ฉันช่างเป็นผู้หญิงที่ซื่อบื้อและเห็นแก่ตัวเหลือเกิน ฉันไม่เคยนึกถึงจิตใจคนที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้เลย

เพราะเรื่องของเอก เลยทำให้ฉันนึกถึงเรื่องของพี่แอ๊วได้ ฉันค้นหาเรื่องราวของพี่แอ๊วทางกูเกิล จึงได้รู้ว่า พี่แอ๊วจากโลกนี้ไปแล้วด้วยโรคมะเร็งและได้รับพระราชทานเพลิงศพที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุมหาวรวิหาร บางเขน เมื่อต้นปีนี้เอง

ฉันเศร้าใจนะ ตอนพิมพ์อยู่นี่ ยังน้ำตาไหล...แม้เรื่องราวเหล่านี้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่สำหรับฉัน มันเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานเลย หากพี่แอ๊วยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ แล้วฉันไปขอโทษต่อสิ่งที่ฉันทำเหมือนหลอกพี่แอ๊วในอดีต บางที พี่แอ๊วอาจจะหัวเราะด้วยความขบขันก็เป็นได้

พี่แอ๊วเป็นคนดี เป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง ให้เกียรติคนทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฉันไม่เคยเห็นพี่แอ๊วแสดงกิริยาวาจาหยาบคายหรือก้าวร้าว แม้วันที่พี่แอ๊วมาหลั่งน้ำตาต่อหน้าฉันด้วยความเจ็บปวดเพราะผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา พี่แอ๊วก้มหน้ารับสภาพแต่โดยดี

ช่างน่าเศร้านัก ผู้หญิงคนที่พี่แอ๊วนึกถึงยามทุกข์สาหัสคือฉัน ซึ่งไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรกับความทุกข์ใจของพี่แอ๊วมากไปกว่าความรู้สึกของตัวเองเลย

ถึงเวลานี้ ไม่ว่าพี่แอ๊วจะอยู่ในภพภูมิไหน ฉันก็อยากให้พี่แอ๊วรู้ว่า แม้ฉันจะทำเหมือนไม่เคยใยดีต่อความรู้สึกของพี่แอ๊ว แต่ความเป็นสุภาพบุรุษและความดีที่พี่แอ๊วเคยมีต่อฉัน ได้ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจฉันตลอดมา และจะคงอยู่ตลอดไป

 
 ขออนุญาตเวิ่นเว้อ
หลายวันมานี้ ฉันคิดถึงแต่ช่วงเวลาที่พี่แอ๊วย่างเข้ามาในชีวิต เสียดายที่ไม่ได้ทำดีกับเขาให้มากกว่าที่เคยทำ วันที่เขามาหาฉันที่ห้องคืนฝนตกพรำ แล้วฉันร่ำร้องออกมาข้างนอก เพื่อหาร้านอาหารที่มีดนตรีด้วย พี่แอ๊วยังตัวเปียกอยู่เลย แล้วฉันก็ทำท่าราวกับจะเสียหายมากมายหากตัวเองต้องอยู่ตามลำพังกับพี่แอ๊วในที่รโหฐานเช่นนั้น ด้วยการเปิดม่านหน้าต่าง เปิดประตูห้องเสียโล่งโจ้ง
ฉันไม่ได้คิดถึงความรู้สึกและจิตใจของพี่แอ๊วสักนิดว่า เขาจะเสียใจไหม ในเมื่อเขาไม่เคยมีทีท่าล่วงเกินฉันแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด พี่แอ๊วให้เกียรติฉันเสมอ คืนนั้น พี่แอ๊วอาจจะอยากพัก เพราะเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ แต่เขาก็ต้องตามใจฉัน ด้วยการขับรถตระเวนหาร้านอาหารที่มีดนตรีด้วย กว่าจะเจอก็ผ่านมาหลายร้าน
คืนนั้น พี่แอ๊วเงียบขรึมกว่าปกติ แม้ฉันจะพยายามชวนคุย ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วพี่แอ๊วก็ทำตัวหายไปจากชีวิตฉัน ส่งมาเพียงของฝากจากเชียงใหม่
เสียดายอกกว้างของพี่แอ๊วที่ฉันไม่เคยได้ซบ เสียดายอ้อมแขนแข็งแรงที่ฉันไม่เคยได้ซุก ฉันมีผู้ชายที่พร้อมจะให้ความอบอุ่น แต่ฉันกลับมองข้าม มัวไปถวิลหาผู้ชายของคนอื่นที่เขาไม่มีเวลาให้ นอกจากหลังเลิกงานตอนกลางคืนในวันหยุด ช่างโง่งมงายเหลือเกิน



Create Date : 22 กันยายน 2555
Last Update : 27 กันยายน 2555 10:41:17 น. 0 comments
Counter : 1409 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wanalee
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




คนธรรมดาที่กำลังพยายามละกิเลส เพื่อลดความอยากและไม่อยากให้มากที่สุด (ยากนะ แต่จะพยายาม)
New Comments
Friends' blogs
[Add wanalee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.