|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เพียงยึดมั่นในธรรมะ
เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้วจะจบลงเช่นใด ข้อเขียนนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวโดยประมวลจากประสบการณ์ที่ได้พบเห็นมาเท่านั้น
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากข่าวซ้ำซากเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ข่าวเกี่ยวกับพระนักปฏิบัติในพุทธศาสนาก็เป็นประเด็นร้อนไม่น้อย อาจจะร้อนแรงยิ่งกว่า เพราะถึงแม้จะมีข่าวฉาวของคนห่มผ้าเหลืองออกมาเป็นระยะ แต่ไม่ใหญ่เท่าประเด็นนี้
ซ้ำผู้เปิดประเด็นเป็นนักเขียนแนวธรรมะประยุกต์ ที่มียอดจำหน่ายหนังสือเป็นล้านเล่ม (ตามข่าว) เป็นโยมอุปัฏฐากและแนวร่วมที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดเดิมของพระคู่กรณีนั่นเอง
ฉันไม่เคยซื้อหนังสือของเธออ่าน รู้ว่า "ดัง" และเนื้อหาดี เคยไปพลิก ๆ ดูเหมือนกัน แต่ไม่มีเหตุจูงใจให้ซื้อ เพราะเรื่องที่เธอเขียน ก็เป็นเรื่องที่ฉันรู้แล้วทั้งนั้น แต่ปฏิบัติไม่ได้ อันเนื่องมาจากกิเลสหนาเตอะที่กระเทาะออกจากจิตใจยากมาก ส่วนหนึ่ง คงเพราะอายุมากผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะ อะไร ๆ ก็รู้หมด แต่ยังเป็นทุกข์อยู่สม่ำเสมอ เพราะยังหลงวนอยู่ในวงเวียนกรรม (มั้ง)
เท่าที่พบเห็นมา พระดังรูปใดที่ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เรื่องสีกา และเรื่องสารพัดที่เป็นความโสมมของทางโลก เมื่อมีการพิสูจน์หลักฐานกันจริง ๆ แล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นข้อกล่าวหานั้น ยังนึกไม่ออกเลยว่า มีพระรูปใดที่ถูกกล่าวหาในลักษณะนี้ จะถูกใส่ร้ายโดยปราศจากมูลความจริง
ฉันอ่านความคิดเห็นของลูกศิษย์(บางคน)ของหลวงพ่อที่เป็นข่าว แล้วฉันก็ปลงอนิจจัง ฉันคิดว่าตัวเองก็อาจเป็นเช่นนั้น หากไม่ยึดเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นที่ตั้ง ฉ้นคงจะโกรธ ไม่พอใจ หากมีใครมาทำให้พระอาจารย์ที่เคารพนับถือ และคิดว่าท่านเป็นผู้ทำให้เราเห็นทางสว่างในชีวิต ต้องมัวหมองด้วยข้อกล่าวหาที่แม้แต่ทางโลกก็ยังถือว่าร้ายแรง
แต่ฉันคงมีสติยั้งคิดว่า พระอาจารย์ของฉันเป็นเพียงสมณะรูปหนึ่งที่เป็นผู้ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นศาสดาแห่งพุทธศาสนา ซึ่งอาจมีผิดพลาดได้ ใครกล่าวหาท่าน ถ้าไม่เป็นความจริง คนที่กล่าวหาย่อมได้รับกรรมสนองทั้งทางโลกและทางธรรม (ถ้าเราเชื่อเรื่องบาปบุญ) เพราะฉะนั้น การไปยึดถือตัวบุคคลย่อมทำให้เราไขว้เขวได้ง่ายจากหลักธรรม ซึ่งสิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้เราเห็นทางสว่างของชีวิตอย่างแท้จริง
ที่สำคัญก็คือ พระธรรมนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว พระทุกรูปล้วนนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาสอนต่ออีกทอดหนึ่ง เช่นนี้แล้ว เราจะยึดตัวบุคคลได้อย่างไร เพราะตัวบุคคลย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะที่พระธรรมไม่อาจเปลี่ยนแปลง เว้นเสียแต่ว่า จะมีใครนำเอาไปบิดเบือนสอนผิด ๆ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ฉันศรัทธาและเคารพเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของพระหลายรูป เพราะพบว่าคำสอนหลัก ๆ ของพระทุกรูปเหมือนกันหมด คือ เน้นเรื่อง ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้ผ่องใส และฉันอาจมีพระอาจารย์เพียงรูปเดียวที่ฉันเห็นว่าแนวทางการสอนถูกกับจริตของตัวเอง แต่ฉันจะไม่ยึดมั่นในตัวตนของท่านเป็นสรณะ เพราะไม่เช่นนั้น ฉันคงมีกิเลสไม่สิ้นสุด จิตใจฉันคงร้อนรุ่ม เมื่อคิดว่ามีคนไปทำให้ท่านมัวหมอง
เราต่างก็บอกว่าเราเป็นชาวพุทธ เราเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ทำนองนี้ เรามักจะเผลอยกย่องผู้ถ่ายทอดธรรมะให้อยู่เหนือธรรมะโดยไม่รู้ตัว
พระพุทธองค์ตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" เพียงเข้าถึงธรรมะก็เสมือนได้เข้าถึงพระพุทธองค์แล้ว
คนที่เราควรสำนึกบุญคุณคือ พระพุทธ และสิ่งที่เราควรปกป้องคือ พระธรรม ต่างหากเล่า เพราะสองประการนี้คือความจริงแท้แน่นอนที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนพระสงฆ์นั้นลงได้มีข่าวฉาวมาแปดเปื้อนเสียแล้ว ก็ยากที่จะเชื่อว่าไม่มีมูล
โปรดอย่านำเหตุการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับมารผจญเมื่อครั้งพุทธกาลเป็นอันขาด เพราะมันคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
Create Date : 18 กันยายน 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 24 ตุลาคม 2553 15:01:13 น. |
Counter : 706 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 18 กันยายน 2553 15:07:38 น. |
|
|
|
| |
|
|