| ลายเทพพนม | | | คุณลุงสมคิด บอกด้วยว่า นอกจากประดิษฐ์คิดค้นลวดลายแล้ว ยังต้องพัฒนาเครื่องมือในการทำทองลงหินอีกด้วย เพื่อช่วยลดขั้นตอนในการทำ เช่น ใช้อุปกรณ์ตัดแทนคีมที่จะทำให้มือพองเมื่อใช้ไปนานๆ จากเตาถ่านก็ประยุกต์มาใช้เตาแก๊สแทนเพื่อให้ใช้ได้ง่ายขึ้น และประหยัดขึ้นอีกด้วย รวมถึงยังได้คิดหาเทคนิคการทำใหม่ๆ อีกด้วย เช่น การเข้าด้ามของไม้ที่ใช้เทคนิคการเจาะบริเวณหัวไม้และปลายไม้ เพื่อตอกหมุดยึดตัวด้ามทำให้ไม้สนิทแน่นซึ่งสมัยโบราณเขาจะใช้วิธีเจาะชอนเข้าไปในเนื้อไม้ทำให้ตอกหมุดยาก ตลอดจนกำลังวางแผนที่จะทำเครื่องขัดช้อน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมเพื่อลดเวลาโดยให้อาจารย์จาก ม.ศิลปาหกรช่วยคิดค้น จุดเด่นของทองลงหินคือความสวยงาม คล้ายช้อนทอง น้องๆ ทองเค เวลาขัดใหม่ๆ จะแวววาวมาก ดูแล้วมีคุณค่า ส่วนความแตกต่างของทองลงหินของที่นี่คือความสวยงาม ความปราณีต คุณภาพของมัน ต้องดูงานให้เรียบร้อยอย่าเห็นแก่ได้เพราะเห็นว่าขายดีไม่ใช่ชุ่ยๆ ไป ต้องนึกถึงอกเขาอกเรา นึกถึงถ้าเราเป็นผู้บริโภคเราก็ต้องการซื้อของดีๆ ไม่เช่นนั้นมันจะมีปัญหา เพราะลูกค้าคือผู้มีพระคุณนี่คือหลักการทำงาน ...และด้วยความตั้งมั่นที่จะอนุรักษ์การทำทองลงหินอย่างแน่วแน่ จากความเพียรพยายามในการคิดค้น พัฒนาต่างๆตลอดจนเป็นครูให้กับคนในชุมชน เป็นวิทยากรถ่ายทอดงานหัตถกรรมทองลงหินให้กับนักเรียน นักศึกษา ในวันนี้คุณลุงสมคิด ในวัย 71 ปี จึงได้รับรางวัลเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติครูช่าง จากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป.ในงานเทศกาลหัตถศิลป์ไทยเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี อันเป็นรางวัลแสดงถึงความมุ่งมั่นในการที่จะสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทยให้คงอยู่สืบไป คุณครูสมคิด ยังบอกด้วยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้มีโครงการจะทำโรงงานทองลงหินให้ได้คุณภาพมาตรฐานทั้งความปลอดภัยและอาชีวะอนามัยของผู้ทำงาน ที่สำคัญได้มีการจดทะเบียนตั้งบริษัท บรอนซ์คราฟ จำกัด ขึ้นก็จะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่ทำให้วิชาชีพนี่อยู่ได้ มีคนสานต่ออาชีพช่างทองลงหินต่อไป ขณะเดียวกันก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ยังเหลืออยู่และสามารถประกอบเป็นอาชีพได้ เพราะหากภาครัฐไม่ให้การส่งเสริมและสนับสนุนแล้ว งานศิลปหัตถกรรมทองลงหินก็จะล้มหายไปไม่มีใครต่อยอดในที่สุด
|