เธอบอกว่า อาชีพซ่อมภาพในเมืองไทย หากจะทำโดยตรงคงไม่มี เพราะบ้านเราไม่มีวัฒนธรรมการวาดภาพ มานานพอที่จะส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อเป็นมรดกไว้จนเก่า ผิดกับประเทศทางตะวันตกที่ให้ความสำคัญด้านศิลปะมากกว่าพันปีแล้ว ดังนั้น จึงมีภาพเก่าๆ อันทรงคุณค่า ที่จะต้องมีการดูแลและซ่อมแซม ประเทศเหล่านี้จึงมีคนที่ประกอบอาชีพนี้อยู่จำนวนหนึ่ง อุ๊ เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำงานซ่อมภาพว่า เมื่อเข้าทำงานที่พิพิธภัณฑ์ วังสวนผักกาด ได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานที่ฝรั่งเศส ท่านหญิง (หม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร) ซึ่งประทับอยู่ที่นั่น ทรงโปรดให้เธอไปพักที่บ้าน โดยท่านเล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนบ้านท่านคนหนึ่งมีอาชีพเป็นช่างซ่อมภาพเขียนสีน้ำมัน เมื่อได้ยินเช่นนั้น อุ๊ จึงทูลท่านหญิงว่า สนใจ อยากเรียน ซึ่งท่านรับสั่งว่า จะลองเกริ่นถามให้ เพราะเพื่อนท่านซ่อมภาพเป็นอาชีพ ไม่ได้เป็นครูรับสอนใคร และด้วยความเกรงใจท่านหญิง อุ๊ จึงได้กลายเป็นลูกศิษย์คนไทยคนแรกและคนเดียวที่นั่น การเรียนซ่อมภาพกับอาจารย์ที่ฝรั่งเศส เป็นลักษณะจดจำมากกว่า คือ อยากรู้หรือสงสัยตรงไหนให้ถาม ซึ่งเธอก็ทำได้ในระดับที่อาจารย์พอใจ แต่ตัวเธอเองกลับบอกว่า สิ่งที่เรียนมาเป็นเพียงความรู้เล็กๆ ความจริงมันมีเยอะกว่านี้ ที่ไปเรียนคือเรียนจากประสบการณ์ตรง เรียนจากคนที่รู้จริงเท่านั้น ความรู้ของการซ่อมภาพมันเป็นเรื่องเทคนิคและความละเอียดอ่อน
|