"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
จิตรกรรมฝาผนัง ณ เมืองกรุงเก่า วิกฤตหนัก ได้เวลาสร้าง ‘นักอนุรักษ์ซ่อมสงวน’

 

 

แม้แต่นรกยังถูกทำลาย

 

       ART EYE VIEW---ในจำนวนจิตรกรรมฝาผนัง กว่า 700 แห่ง ตามวัดต่างๆทั่วประเทศ ที่สภาพกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และรอคอยการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน
       
       อ.สมศักดิ์ แตงพันธ์ ผู้คลุกคลีอยู่กับ แวดวงการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังมานานและเป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยาโดยกำเนิด ได้ให้ข้อมูลว่า หากเจาะจงลงไปเฉพาะบ้านเกิดของตน ขณะนี้มีจิตรกรรมฝาผนังมากถึง 30 แห่งที่เปรียบเหมือนผู้ป่วยหนักที่รอคอยหมอไปช่วยเยียวยา
       
       ตลอดมานอกจากปัจจัยอันเกิดจากหลังคารั่ว, ความชื้นภายในอาคารและการเป็นที่อาศัยหรือทางเดินของสัตว์ อาทิ ค้างคาว, มด,ปลวก ฯลฯ ที่ส่งผลให้จิตรกรรมฝนัง อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี มีสภาพทรุดโทรม
       
       อ.สมศักดิ์กล่าววา ปัจจัยอันเกิดจากคนก็มีความสำคัญไม่น้อย นับตั้งแต่ การใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องของช่างที่เข้ามาทำการอนุรักษ์ในแต่ละครั้ง และการขาดการดูแลอย่างถูกต้องของผู้มีหน้าที่ดูแลจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้
       
       “บางแห่งพระท่านไม่เข้าใจ ก็จะใช้เป็นสถานที่เพื่อประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ เช่นทำเป็นที่พักพักอาศัย เดินสายไฟ ไปโดนภาพจิตรกรรม เอานาฬิกา เอาปฏิทินไปแขวนทับ เอาตู้เย็นไปตั้งไว้ใกล้ๆ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปทำความสะอาดผนัง ด้วยการเอาผ้าชุบน้ำไปเช็ดไปถู เพื่อเอาฝุ่นละออง”
       
       ยังไม่นับรวมพวกผู้ใหญ่มือบอน และเด็กมือซน ที่เอาปากกาและดินสอไปขีดไปขีดไปเขียน บ้างสลักชื่อตัวเองลงไป จนปรากฏหลักฐานให้ได้เห็นในจิตรกรรมฝาผนังสำคัญหลายแห่ง แต่ที่หนักไปกว่านั้น คือการถูกทุบทิ้งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใหม่
       
       “กรรมการหรือหมู่บ้าน อาจจะเห็นพ้องกันว่าอยากได้ใหม่ จากเดิมที่เป็นชุมชนเล็กมีฐานะน้อย พอระยะหลังมีฐานะดี ชุมชนใหญ่ขึ้น มีเงินมากขึ้น พอเห็นโบสถ์มันเล็กไป เขาก็อยากได้โบสถ์ที่มันใหญ่ขึ้น แทนที่จะสร้างใหม่ขึ้นมา คนละจุด ก็ไปสร้างตรงเก่า ก็เลยต้องมีการเอาของเก่าออกไป ทำของใหม่ขึ้นมา ได้ใหม่เสียเก่า”
       
       เพราะในแง่หนึ่งการทำเช่นนี้ เป็นการสร้างผลงานให้เจ้าอาวาสหรือผู้ดูแลได้มากว่า
       
       “เพราะการพยายามอนุรักษ์ให้อยู่ในภาพใกล้เคียงของเดิมในอดีต เหมือนว่าพระท่านไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีผลงาน ในการที่จะส่งผลให้ได้มาซึ่งความดีความชอบ เพราะคะแนนที่จะให้ความดีความชอบถูกให้กับพระที่สร้าง ไม่ใช่ซ่อม เช่น องค์นั้นองค์นี้ได้สร้างศาลาการเปรียญนี้ และมีชื่อท่านติดกับตัวอาคารนั้นเลยว่า ท่านได้สร้าง พระหลายท่านก็เลยค่อนไปทาง สร้างใหม่ เพราะถ้าสร้างใหม่ มันก็จะมีอะไรเข้ามาเยอะ ทั้งเรื่องตำแหน่ง ทรัพย์สินเงินทอง”

       
        เมื่อคราวเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 54 ยิ่งเป็นการกระหน่ำซ้ำเติมสภาพย่ำแย่ที่มีอยู่เดิมของจิตรกรรมฝาผนังแต่ละแห่งในอยุธยา 
แม้ว่าในแต่ละปี พื้นที่อยุธยาจะเกิดน้ำท่วมเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไม่หนักถึงขนาดท่วมถึงตัวจิตรกรรมฝาผนัง สำหรับบางวัดที่อยู่ใกล้แม่น้ำและมีเรือสัญจรผ่าน อาทิ วัดเชิงท่าเชิง ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่น้ำท่วมขังจิตรกรรมฝาผนัง ผู้มีความห่วงใยในศิลปกรรมของชาติจึงทำได้เพียงปิดประตูหน้าต่างไม่ให้แรงกระเพื่อมของน้ำจากการสัญจรของเรือไปกระทบชิ้นงานจิตรกรรมฝาผนังเพิ่มขึ้นไปอีก
       
       “ปกติแม้ไม่มีน้ำท่วม จะค่อยๆมีปัญหานู้นปัญหานี้ อยู่แล้ว แต่เปอร์เซ็นต์ของความรุนแรงอาจจะพอสู้ได้ แต่พอน้ำท่วม มันไม่ใช่แค่ความชื้นแต่กลายเป็นความเปียกที่มันสร้างปัญหาให้มากกว่า บางที่น้ำขึ้นสูงระดับจิตรกรรมเลย พอน้ำลดตอนแรกเราก็ดีใจว่าจิตรกรรมฝาผนังยังอยู่ เหมือนกับแป้งที่มันยังติดอยู่กับใบหน้าของเรา ขณะที่หน้าเรายังชื้นอยู่
       แต่พอผ่านเวลาไป ความชื้นเหล่านั้นมันระเหยไป หลายเดือนเข้ามันก็แห้ง เหมือนกับแป้งที่ติดอยู่หน้าเราที่มันจะร่วงแล้ว หลังน้ำท่วมจิตรกรรมฝาผนังหลายๆแห่งมันเป็นอย่างนั้น ซึ่งค่อนข้างน่าตกใจ”

       

 

 

       และผู้หนึ่งที่จะสะท้อนให้เห็นอุปสรรคและปัญหาในขั้นตอนของการเยียวยาผู้ป่วยที่ชื่อว่า ‘จิตรกรรมฝาผนัง’ ได้เป็นอย่างดีคือ
       
       ขวัญจิต เลิศศิริ นายช่างศิลปกรรมอาวุโส กลุ่มงานอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ซึ่งก็เป็นชาวอยุธยาโดยกำเนิดเช่นกัน
       
       โดยหลังน้ำท่วมเมื่อปี 54 เธอเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ในการเข้าไปสำรวจว่า จิตรกรรมรอบเกาะเมืองของอยุธยา ว่ามีวัดไหนบ้างที่อยู่ในขั้นวิกฤต ต้องทำการอนุรักษ์เร่งด่วน
       
       “ปรากฏว่าเราสำรวจพบว่ามี 30 กว่าวัดที่เป็นปัญหา มีประมาณ 15 วัดที่วิกฤตหนัก”
       
       หนึ่งในนั้นมี วัดสุวรรณดาราราม วัดประจำราชวงศ์จักกรี รวมอยู่ด้วย ซึ่ง ขวัญจิต บอกเล่าว่าสภาพวัดในขณะน้ำท่วมนั้น น้ำมีระดับสูงท่วมมิดหัว จนสามารถพายเรือข้ามกำแพงแก้วได้
       
       จากการลงพื้นที่สำรวจด้วยตัวตั้งแต่ยังไม่ได้รับมอบหมาย กระทั่งได้รับมอบหมายและดำเนินการอนุรักษ์ เธอได้สะท้อนให้ฟังว่า อุปสรรคที่สำคัญอันหนึ่งในการอนุรักษ์คือ งบประมาณ
       
       “ต้องยอมรับว่าเงินอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง เราได้น้อยมาก เงินบริจาคน้ำท่วมส่วนใหญ่จะไปลงกับอาคารโบราณสถาน ในส่วนที่เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ซะมาก แต่จิตรกรรมฝาผนัง ค่อนข้างที่จะได้รับความสนใจน้อย
       
       เป็นเพราะว่าหลายคนก็ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องคุณค่า คิดว่าจิตรกรรมฝาผนังเป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่งอาคาร แต่จริงๆแล้ว คุณค่ามันมีมากกว่านั้น เพราะว่าจิตรกรรมฝาผนัง มันก็เหมือนกับจดหมายเหตุที่จะบันทึกเรื่องราวของอดีตเอาไว้”
       
       และอีกอุปสรรคที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การขาดผู้ลงมือปฏิบัติ
       
       “เราหาคนที่จะทำงานด้านนี้ค่อนข้างจะยาก หนึ่งด้วยเรื่องของผลตอบแทนที่น้อย คนที่จบศิลปะมาส่วนหนึ่งก็มุ่งไปทำงานศิลปะที่มันทำเงิน ยิ่งนักศึกษาที่จบใหม่ เขาก็ยิ่งไม่ค่อยที่จะสนใจเข้ามาทำงานตรงนี้ การทำงานอนุรักษ์เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างจะนาน ต้องละเอียดและมีความอดทนสูง
       
       ตอนที่เปิดโครงการใหม่ๆ ดิฉันขอความร่วมมือไปยังวิทยาลัยอาชีวศึกษาอยุธยา ที่ตัวเองเคยเรียน แล้วก็ขอไปที่วิทยาลัยเพาะช่าง เนื่องจากดิฉันเป็นศิษย์เก่าที่นั่นด้วย ขอไปยังอาจารย์ประจำภาควิชา ภาพจิตรกรรมไทยว่า ว่ามีเด็กที่จบการศึกษาแล้วแต่ยังไม่มีงานทำไหม ขอคนที่มีคุณสมบัติเหมาะที่จะมาทำงานตรงนี้ มีความรักในงาน มีความอดทน และยินดีที่จะเข้ามาทำงาน ปรากฏว่าได้เด็กจากอาชีวะอยุธยามาคนเดียว
       
       เด็กยุคหลังๆหาคนที่จะทำงานด้วยใจยาก เขาอยากจะไปทำอะไรที่มันทำเงินได้ อยากไปสร้างสรรค์ผลงาน อยากเป็นศิลปิน ดีกว่าที่จะมานั่งซ่อมงานเก่าๆ ก็เลยกลายเป็นปัญหา ขณะนี้เราก็วิกฤตแล้ว ในอนาคตอีกสัก 5 ปี เราจะขาดแคลนอย่างหนัก คนที่จะมาสืบต่องานอนุรักษ์”
      ในขณะที่ จิตรกรรมฝาผนังหลายแห่ง รวมถึงงานศิลปกรรมในด้านอื่นๆของเมืองไทย อยู่ในสภาพที่ต้องการ การดูแลอย่างเร่งด่วน แต่ขาดทั้งงบประมาณ และผู้ลงมือปฏิบัติ มิหนำซ้ำผู้ลงมือปฏิบัติจำนวนน้อยยังขาดความรู้ความเข้าใจ ต้องอาศัยวิธีครูพักลักจำและการไปดูงานเพื่อกลับมาทำงานอนุรักษ์แบบตามมีตามเกิด
       
       รศ.ดร.กฤษณา หงส์อุเทน อาจารย์ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความรู้ว่า ในระดับสากลและในหลายประเทศ ได้มีพัฒนาไปถึงขั้นการสร้างนักอนุรักษ์เพื่อมาทำงานด้านนี้โดยตรง
       
       หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ได้มีความคิดว่า การอนุรักษ์ที่ถูกต้องคือ การรักษาสภาพ ณ ปัจจุบันของงานศิลปะให้คงอยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นการอนุรักษ์จะมีความระมัดระวังมากเลยที่เดียว ยกตัวอย่างเช่น วัสดุต้องใช้ที่มีความใกล้เคียงกับวัสดุเดิมให้มากที่สุด เช่น กาว หรือสีที่ใช้ในการซ่อม ต้องเป็นสีที่สามารถลบหรือเอามันออกโดยที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับส่วนที่ของดั้งเดิม เขาเรียกว่ากาอนุรักษ์แบบนี้ว่า การอนุรักษ์ซ่อมสงวน (Preventive Conservation)
       
       โดยหน่วยงานที่ดูแล เป็นหน่วยงานของรัฐ เหมือนกรมศิลปากรของบ้านเรา แต่ว่าความแตกต่างจากบ้านเราคือ อาชีพนี้ได้รับการต่อสู้จนมีความสำคัญเทียบเท่ากับอาชีพอื่นๆ และมีการเรียนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และเอก ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่เรียน แค่ประมาณระดับ ปวช.หรือ ปวส.เท่านั้นเอง แต่เดี๋ยวนี้ถูกยกวิทยฐานะให้สูงขึ้น มีการเรียนในมหาวิทยาลัย มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ผ่านการทดลองค้นคว้ามาเรียบร้อยแล้ว แล้วก็แน่ใจว่า ใช้แล้วจะไม่สร้างความเสื่อมหรือความเสียหายให้กับงานศิลปะ เพราะฉะนั้นวิชาชีพมันก็เลยมีความสำคัญ จะต้องมีการเรียนอย่างจริงๆจังๆ ไม่ใช่เรียนแบบครูพักลักจำต่อไป
       
       และการทำงานหรือการอนุรักษ์งานชิ้นหนึ่งเนี่ย มันจะประกอบไปด้วยคนจากหลายสาขาอาชีพที่เป็นการบูรณาการศาสตร์หลายสาขาและศิลปะเข้าด้วยกัน และเขาพัฒนาจนกระทั่งมีหลักสูตรที่เหมาะสมสำหรับที่จะสร้างคนในสายงานอาชีพขึ้นมา ในขณะที่บ้านเรา จริงอยู่ แม้เราจะมีการอนุรักษ์แต่ว่าคนที่อนุรักษ์กลับเรียนจบมาจากสาขา จิตรกรรมมาบ้าง ประติมากรรมบ้าง แล้วคนเหล่านี้เวลาเข้ามาทำงานในกรมศิลปากรก็จะอาศัยภูมิความรู้จากรุ่นพี่ หรือไม่ก็ได้มาจากการไปดูงาน แล้วก็เรียนรู้ด้วยตัวเองจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการอนุรักษ์งานศิลปะ เพราะฉะนั้นจะต่างกับต่างประเทศตรงที่ว่า เรายังไม่มีสาขาวิชานี้เรียนในประเทศไทยเลย ดังนั้นเราควรจะเริ่มมี”
       
       เพื่อที่ว่าเมืองไทยจะได้ได้มีอนุรักษ์ที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาด้านศิลปรรรมของชาติให้ตกผลึก
       จากการได้รับรู้ข้อมูลจาก รศ.ดร.กฤษณา บ่อยครั้งเข้า เป็นแรงบันดาลใจให้ ผศ.ดร.เจษฎาวรรณ วิจิตรเวชการ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เกิดแรงบันดาลใจในการร่างหลักสูตรเพื่อให้มีการเรียนการสอนเพื่อสร้าง ‘นักอนุรักษ์ซ่อมสงวน’ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
       
       ขณะที่เกิดความคิดร่างหลักสูตร เมื่อปี 54 ยังจัด สัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง ‘การอนุรักษ์ซ่อมสงวนภาพจิตรกรรมฝาผนังจากการถูกทำลายด้วยปัจจัยสภาพแวดล้อม' พร้อมกับนำผู้เข้าร่วมสัมมนาลงพื้นที่เพื่อรับทราบถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับจิตรกรรมฝาผนัง ในวัด 7 แห่ง ของ จ.เพชรบุรีและสมุทรสงคราม
       
       ต่อเนื่องมาถึงปี 56 จึงจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อเดียวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการนำผู้เข้าสัมมนาลงพื้นที่ เพื่อรับทราบถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับจิตรกรรมฝาผนัง ในวัด 9 แห่งของ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ๆมีความร่ำรวยในด้านศิลปวัฒนธรรม และเป็นตัวอย่างที่ดีในแง่ ของพื้นที่ๆมีจิตรกรรมฝาผนังที่ถูกทำลาย ด้านหนึ่งเพราะเพิ่งผ่านช่วงเวลาของการถูกทำลายเพราะน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 54 มาได้ไม่นาน
       
       ผศ.ดร.เจษฎาวรรณ ได้กล่าวถึงจุดเริ่มของการร่างสูตร ‘นักอนุรักษ์ซ่อมสงวน’ และความคืบหน้าว่า
       
       “คณะเราเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม แต่เป็นคณะที่อยู่ในมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะวิศวกรรมมีตั้ง 70 แห่งในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เราจึงพยายามที่จะมองหาอัตลักษณ์ของตัวเอง หาจุดยืนของตัวเองว่าจะฉีกแนวออกไปทางแนวไหน ซึ่งดูไปดูมาก็ไม่พ้นว่าเราอยู่ในมหาวิทยาลัยศิลปากร จุดเด่นของมหาวิทยาลัยศิลปากรก็รู้ๆกันอยู่ก็คือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นทางศิลปะ เราก็เลยคิดว่า หลักสูตรที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นการบูรณาการระหว่างศาสตร์กับศิลป์เข้าด้วยกัน
       
       เผอิญว่าเราได้แรงบันดาลใจจาก รศ.ดร.กฤษณา ท่านก็ได้เปรยๆว่า เมืองไทยยังไม่เคยมีหลักสูตรที่สร้างนักอนุรักษ์ที่มีความรู้ความเข้าใจตามหลักสากล ต่อมาจึงได้เกิดร่วมมือกันของอาจารย์จากหลายภาควิชา ที่มีใจรัก และเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ศิลปกรรรมทั้งหลาย อาทิ วิศวกรรมโยธา เทคโนโลยีชีวภาค จุลชีววิทยา สถาปัตย์ ,ทฤษฎีศิลป์ ฯลฯ มารวมกลุ่มกัน ทำหลักสูตรชื่อว่า ‘เทคโนโลยีการอนุรักษ์ซ่อมสงวน’ ซึ่งคิดว่า จะเปิดในระดับ ปริญญาโทมหาบัณฑิต ก่อน
       
       ขณะนี้ถูกบรรจุอยู่ในแผนการเปิดหลักสูตรของมหาวิทยาลัยศิลปากรเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังยกร่างอยู่ มีคณะกรรมการร่างหลักสูตรเรียบร้อยแล้ว กำลังทำการยกร่าง คาดว่าจะเปิดสอนปี 2557 หรือถ้าไม่ทันจริงๆ ก็จะเปิดในปี 2558 แน่นอนค่ะ”
       
       กลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรนี้ เปิดกว้างให้กับทั้งผู้ที่มีความรู้พื้นฐานทางด้านศิลปะที่ต้องการศึกษาเพิ่มทางด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการเรื่องการอนุรักษ์ รวมทั้งคนที่มีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์แต่สนใจทางด้านอนุรักษ์อยากจะมีศึกษาเพิ่มเติม
       
       “ดิฉันคิดว่าหลักสูตรนี้จะเป็นจัดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะทำให้เกิดการอนุรักษ์ซ่อมสงวนอย่างถูกต้อง เพราะอย่างที่บอกไม่เคยมีในเมืองไทยมาก่อน และนักอนุรักษ์ที่เรามีอยู่ ยังมีความเข้าใจผิดเรื่องการอนุรักษ์ค่อนข้างสูงมาก หลายๆคนมีความหวังดี อยากจะอนุรักษ์ แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้อง กลับกลายไปทำลาย และประการที่สอง พอพูดถึงการอนุรักษ์ศิลปกรรมคนก็มักจะมองว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของศาสตร์ทางด้านศิลปะล้วนๆ แต่ในความเป็นจริงการอนุรักษ์ที่ทำจะทำให้เกิดประสิทธิผล คือ มีการผนวกเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนยีเข้ามาใช้ด้วย และ ในต่างประเทศการเรียนการสอนในเรื่องนี้จะอยู่ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ใช่ด้านศิลปะ”
       
       

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ




Create Date : 06 สิงหาคม 2556
Last Update : 6 สิงหาคม 2556 10:49:27 น. 0 comments
Counter : 2852 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.