เครื่องประดับแห่ง "ความหวัง" งานศิลป์ซ่อนจิตวิทยา
| ช่วงนี้หากใครมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือน "หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร" หรือไปเยี่ยมเยือนเป็นประจำอยู่แล้ว คงแปลกใจกับร้านเครื่องประดับหรูร้านหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางร้านค้าทางศิลปะหลากหลายบริเวณชั้น 4 ของที่นี่อยู่บ้าง
หลายคนอาจเมียงมองเอียงคอสงสัยว่า ทำไมร้านเครื่องประดับร้านนี้ถึงมาลงเอยที่หอศิลป์นี้ได้
"เพราะเราอยากให้รู้ว่าเราไม่เหมือนใคร" คือคำตอบจาก "รักนุช โอกาสเลิศ" เจ้าของร้าน "MON CHER" ร้านเครื่องประดับที่ว่า
"ไม่เหมือน" เพราะคอนเซ็ปต์ของร้าน ไม่ใช่การทำเครื่องประดับที่ใส่เพื่อความสวยงามชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการทำงานศิลปะ สร้างสรรค์เครื่องประดับจากเพชรให้คนมีไว้ติดตัว หรือที่เรียกว่า "Soul Diamond Jewelry"
"ที่สำคัญคือเป็นเครื่องประดับที่จัดทำเพื่อ "เจ้าของ" โดยเฉพาะ เป็นการทำตามตัวตนของผู้สวมใส่ และเชื่อว่าจะช่วยให้เจ้าของ "ได้" ในสิ่งที่หวัง"
ดังนั้น ก่อนทำจึงต้องผ่านกระบวนการ "โป๊ยหยี่ซีเถียว" นำวัน เดือน ปี และเวลาเกิด มาดูดวงแบบจีน ให้ถ้วนถี่ว่าเป็นคนธาตุอะไร
จะว่าไปก็เหมือนดูฮวงจุ้ย-คนที่ปัจจุบันอายุ 30 กว่าปี และศึกษาเรื่องการดูดวงมาตั้งแต่อายุ 12 ปี และดูได้ทั้งจากวัน เดือน ปีเกิด, ลายมือ, ไพ่ยิปซี รวมถึงดูแบบจีนอย่างที่ว่าบอก
"เหมือนกับว่าแต่ละคนก็เหมาะกับบ้านคนละแบบ แต่เราเปลี่ยนจากบ้านเป็นเครื่องประดับ ที่แต่ละคนก็เหมาะกับเครื่องประดับคนละแบบเช่นกัน"
รักนุชที่ในอีกสถานะหนึ่งคือซีเนียร์ เมเนเจอร์ บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส บอกอีกว่า เมื่อรู้ธาตุแล้ว ก็ถึงเวลาของการพูดคุยถึงดีไซน์ที่ชอบ รวมถึงลักษณะพิเศษที่ต้องการ
"บางคนบอกว่าอยากสุขภาพดีขึ้น อยากใจเย็นลง อยากทะเลาะกับเจ้านายให้น้อยกว่านี้" มีมาสารพัดความต้องการละ เธอว่า
แต่..."ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่เครื่องประดับจะทำได้ทุกอย่าง" แม้ 70% จากการติดตามผลจะพบว่าประสบความสำเร็จตามใจอยากก็เถอะ
"สมมุติลูกค้าบอกว่าไม่มีแฟน เราจะบอกเลยเราทำให้คุณมีแฟนไม่ได้นะ แต่ทำให้คนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ คุณได้เยอะขึ้น" จากนั้นก็แล้วแต่เคมี
"ทำให้ผอมลงก็ไม่ได้ ไม่งั้นเจ้าของร้านผอมแล้ว" รักนุชบอกพลางหัวเราะร่วน
"บางคนมาบอกว่าขอให้หายจากมะเร็ง เราก็บอกว่าต้องไปหาหมอ
"แต่เคยมีคนธาตุไฟที่ใจร้อนมาบอกว่าอยากใจเย็นลง เราก็ออกแบบโดยใส่ความเป็นธาตุน้ำลงไปดับไฟ ซึ่งเขาก็บอกว่าใช้แล้วมันได้ผล บางคนมาขอให้ทำยอดขายได้สูงขึ้้น เขาก็ทำได้จริงๆ
"มันเหมือนคอมมิตเมนต์ริงมากกว่า "เพราะเราใส่ความเชื่อ ใส่จิตวิทยาลงไป" ด้วยการบอกลูกค้าให้คุยกับเครื่องประดับทุกวัน
"สมมุติทำแหวนเพื่อใส่ให้รวย เช้าตื่นขึ้นมาก็ทักทายเขา บอกว่าวันนี้เรามารวยด้วยกันนะ มันเหมือนกับปลุกตัวเองให้พยายาม เป็นการให้คำมั่นกับตัวเอง แล้วก็ออกไปทำในสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ"
ส่วนที่เลือกใช้เพชร รักนุชซึ่งที่บ้านทำธุรกิจส่งออกเพชรไปต่างประเทศก็ว่า เพราะนี่คืออัญมณีที่มีพลังด้านบวก อีกทั้งราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด นั่นคืออยู่ที่ชิ้นละ 10,000-30,000 บาท
และแน่นอนว่าทุกชิ้นมีใบรับประกันคุณภาพ ที่นอกจากจะระบุคุณภาพ และรายละเอียดอย่างที่ร้านเพชรอื่นๆ ทำให้แล้ว ยังจะมีการระบุ "ชื่อ" ของเครื่องประดับ รวมถึงกลอนที่แต่งให้ผู้ซื้อเป็นการเฉพาะ แต่ละราย
เพราะนี่ไม่ใช่การทำเครื่องประดับธรรมดา แต่ว่าคืองาน "ศิลปะ" ร้าน MON CHER จึงเหมาะกับการอยู่หอศิลป์ไง "ของอาจจะดูเรียบๆ แต่มันต่างกันตรงที่เราใส่ทั้งใจเข้าไปแบบชิ้นต่อชิ้น
"การเลือกชิ้นนี้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าสวยดี แต่เลือกเพราะว่ามันเป็นของของเรา ของที่เหมาะกับเรา"
มีลูกค้าที่เป็น "สามี" บางคน มาสั่งแหวนให้ภรรยา "เขาเอาวัน เดือน ปี เวลาเกิด ภรรยามาให้ มาคุยอยู่นาน เพราะอยากให้ภรรยาใส่แล้วดี" "เราเห็นแล้วก็รู้สึกดีไปด้วย"
ที่อย่างน้อยงานที่ทำก็สร้างความสุข ความสวยงาม "และแน่นอนให้ความหวังแก่คนที่สวมใส่"
หน้า 24,มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 26 กันยายน 2555 ขอบคุณ มติชนออนไลน์ มติชนรายวัน สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 27 กันยายน 2555 |
Last Update : 27 กันยายน 2555 11:45:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2922 Pageviews. |
|
|