The Night Watch บทความส่งท้าย 108-1000-ศิลป์ โดย รศ.ดร.กฤษณา หงษ์อุเทน
คอลัมน์ : 108-1000 - ศิลป์ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษณา หงษ์อุเทน
| | 1.Rembrandt: Night Watch, 1642, สีน้ำมันบนผ้าใบ, 363x437 ซม. Rijksmuseum, Amsterdam | | | สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้ดิฉันใคร่ขอนำเสนอจิตรกรรมภาพเหมือนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภาพหนึ่งในโลกศิลปะ นั่นคือ กองรักษาการณ์ยามค่ำคืน หรือ The Night Watch (ภาพที่ 1) ของ เรมบรันท์ ฮาร์เมนซ์ ฟาน ไรน (Rembrandt Harmensz van Rijn / ค.ศ. 1606-1669) ยอดจิตรกรเอกของเนเธอร์แลนด์ แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือ สมัยบาโรก มาให้ท่านได้ชม
| | 2.Rembrandt: ภาพเหมือนของชายผู้หนึ่ง, 1632, สีน้ำมันบนผ้าไม้, 63.5x48 ซม. Herzog-Anton-Ulrich-Museum, Braunschweig | | | ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นว่า การตั้งชื่อภาพว่า The Night Watch ของนักประวัติศาสตร์ศิลป์สมัยก่อนได้นำไปสู่ความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะภาพนี้เป็นเพียงภาพเหมือนกลุ่มของสมาชิกสมาคมยิงปืนแห่งอัมสเตอร์ดัม หาใช่ภาพเหมือนของกองร้อยอาสาสมัครป้องกันเมืองดังที่เข้าใจกันแต่เดิมไม่ ภาพเหมือนกลุ่มสมาชิกของสมาคมยิงปืนที่นำโดย นายร้อยเอก Frans Banning Cocq ซึ่งรู้จักกันในนามของ The Night Watch หรือ The Company of Captain Frans Bannig Cocq and Lieutenant Willem van Ruijtenburch ได้รับการยกย่องว่าเยี่ยมยอดมากในด้านการนำเสนอ การจัดวางองค์ประกอบภาพ รวมทั้งการกระจายแสงเงาและสีภายในภาพ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าภาพนี้จะได้รับการยกย่องมากในยุคสมัยของเรา แต่กลับเป็นภาพที่ทำให้ศิลปินมีปัญหากับผู้ว่าจ้างมากที่สุดเช่นกัน เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้มีความรู้สึกว่า ภาพเหมือนนี้ไม่ได้เขียนในแนวประเพณีนิยมตามแบบที่พวกเขาต้องการ ประมาณ ค.ศ. 1632 เรมบรันท์ได้ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากเมืองไลเดน (Leiden) บ้านเกิดเพื่อไปตั้งรกรากที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ในช่วงปีแรกๆ ที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ผลงานส่วนใหญ่ของเรมบรันท์มักจะเป็น ภาพเหมือนของบุคคลสำคัญ หรือ พ่อค้าที่ร่ำรวยในอัมสเตอร์ดัม รูปแบบการเขียนภาพเหมือนในช่วงนี้จะเหมือนจริงราวกับภาพถ่าย ทั้งรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้าอาภรณ์ และเครื่องประดับ ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมเขียนกันมากในอัมสเตอร์ดัมขณะนั้น (ภาพที่ 2)
| | 3.Rembrandt: การบรรยายเรื่องกายวิภาคของนายแพทย์ Nicolaes Tulp, 1632, สีน้ำมันบนผ้าใบ, 169.5x216.5 ซม. Mauritshuis, The Hague | | |
| | 4.Michiel van Miereveld: การบรรยายเรื่องกายวิภาคของนายแพทย์ Willem van der Meer, สีน้ำมันบนผ้าใบ, Museum het Prinsenhof, Delf | | | เรมบรันท์ไม่เพียงจะมีฝีมือยอดเยี่ยมมากในการเขียนภาพเหมือนบุคคลได้อย่างเหมือนจริงตามธรรมชาติเท่านั้น แต่เขายังสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์ส่วนบุคคล พลังแห่งชีวิต จิตวิญญาณ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้เป็นแบบออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของเรมบรันท์จึงขจรไกลไปในไม่ช้า และกลายเป็นศิลปินยอดนิยมที่สุดในอัมสเตอร์ดัม ในช่วงระยะเวลาเพียงปีเดียวคือ ระหว่างปี ค.ศ. 1632-1633 เรมบรันท์ เขียนภาพเหมือนไว้ถึงเกือบ 50 ภาพ ภาพเหมือนซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของเขาในระยะเวลานี้คือ ภาพเหมือนกลุ่มที่มีชื่อว่า การบรรยายเรื่องกายวิภาคของนายแพทย์นิโคเลส ทูล์ป (ภาพที่ 3) หลังจากที่ประเทศเนเธอร์แลนด์สามารถปลดแอกตนเองจากประเทศเสปนได้เป็นผลสำเร็จเมื่อปี ค.ศ. 1648 นอกจากจะประเทศจะได้รับเอกราชแล้ว ประชาชนยังสามารถนับถือคริสต์ศาสนานิกายโปรเตสแตนต์ สาขาแคลวินิสม์ (Calvinism) ได้อย่างอิสรเสรีอีกด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ร่ำรวยขึ้นมาอย่างมหาศาลจากการค้าขายทางทะเลกับทวีปเอเชีย ด้วยเหตุนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 จึงถือกันว่าเป็นยุคทองของประเทศเนเธอร์แลนด์
| | 5.Thomas de Keyser: ภาพเหมือนกลุ่มกองร้อยของนายร้อยเอก Allaart Cloeck, 1632, สีน้ำมันบนผ้าใบ, 220x351 ซม. Rijksmuseum, Amsterdam | | |
| | 6.Rembrandt: ภาพเหมือนตัวเองของศิลปิน, 1640, สีน้ำมันบนผ้าใบ, 102x80 ซม. National Gallery, London | | | ในสมัยนี้ภาพจิตรกรรมนับเป็นศิลปะสาขาที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในประเทศนี้ เพราะชนชั้นกลางที่ร่ำรวยขึ้นมาจากการค้าขายทางทะเลต่างนิยมตกแต่งบ้านเรือนด้วยภาพเขียนหรืองานศิลปะเพื่อยกสถานะทางสังคมของตนให้สูงขึ้นด้วยความมั่งคั่งร่ำรวยและรสนิยมทางศิลปะ นอกจากนั้น ภาพเขียนยังกลายมาเป็นวัตถุมีค่าที่พวกเศรษฐีนิยมซื้อหามาเก็บไว้เพื่อเก็งกำไรอีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้ผู้ที่พอมีพรสวรรค์ทางด้านการเขียนภาพและเขียนภาพด้วยใจรักมากมายหลายคนประสบความสำเร็จในอาชีพการเขียนภาพ และได้หันมายึดอาชีพนี้เป็นหลัก ระหว่างสงครามปลดปล่อยตนเองจากประเทศเสปนได้มีการจัดตั้งกองร้อยอาสาสมัครป้องกันเมืองขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ ต่อมา ถึงแม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่อดีตอาสาสมัครเหล่านี้มักจะหาโอกาสมารวมกลุ่มพบปะกันและฝึกซ้อมตามสมาคมของตนด้วยความภาคภูมิใจอยู่เนืองๆ คนเหล่านี้มักนิยมว่าจ้างจิตรกรให้มาวาดรูปหมู่ของตนเองไว้เป็นที่ระลึกด้วยเช่นกัน ภาพเหมือนหมู่ของอดีตกองร้อยอาสาสมัครป้องกันเมืองจะมีขนาดใหญ่โตมาก เพราะเป็นภาพที่มักนำไปแขวนไว้บนผนังห้องประชุมขนาดใหญ่ แน่นอนที่สุด ทุกคนต่างก็ต้องการให้ภาพเหมือนของตนเองมองเห็นได้ชัดเจนเท่ากับของคนอื่นๆ ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของภาพ เพราะทุกคนถือว่า เมื่ออยู่ร่วมกันในกลุ่ม พวกเขาต่างมีสิทธิเท่าเทียมกันเสมอ และที่สำคัญที่สุด ทุกคนต้องเฉลี่ยเงินกันจ่ายเป็นค่าจ้างเขียนภาพให้แก่ศิลปินในจำนวนเงินที่เท่าๆ กันอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุดก็คือ ให้ภาพของตนเองปรากฏอยู่ท่ามกลางแสงสว่างที่แจ่มชัดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ และความนิยมในภาพเหมือนหมู่ของชาวเนเธอร์แลนด์ในขณะนั้นมีมากจนแม้กระทั่งกลุ่มผู้บริหารองค์กรต่างๆ ก็ยังนิยมว่าจ้างศิลปินให้เขียนภาพเหมือนหมู่ของตนเองไว้ด้วยเช่นกัน โดยทั่วไป ภาพเหมือนหมู่ที่เขียนตามแนวประเพณีนั้นจะมีการจัดวางองค์ประกอบโดยให้บุคคลภายในภาพนั่งหรือยืนเรียงแถวแบบหน้ากระดานหรือจัดแถวเป็นรูปครึ่งวงกลม (ภาพที่ 4 และ 5) และจะกำหนดให้แสงสว่างส่องกระจายเฉลี่ยเท่ากันทั่วทั้งภาพเพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นภาพของทุกคนได้อย่างชัดเจน การจัดวางองค์ประกอบภาพที่เป็นแบบแผนเดียวกันในลักษณะนี้ ทำให้ภาพเหมือนหมู่เหล่านี้ดูแข็งทื่อ ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มีชีวิตชีวา และน่าเบื่อ แต่เมื่อเป็นความต้องการของผู้ว่าจ้าง ศิลปินก็ไม่อาจขัดได้ เรมบรันท์ ซึ่งเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการเขียนภาพเหมือนเดี่ยวและภาพเหมือนหมู่ ก็ได้รับการว่าจ้างให้เขียนภาพเหมือนหมู่ในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน แต่การนำเสนอภาพของเรมบรันท์มักจะอยู่ในลักษณะตามใจศิลปินอยู่เสมอ ความเป็นอัจฉริยศิลปินของเรมบรันท์ทำให้เขารักอิสระทางความคิด และต้องการสลัดตนให้หลุดพ้นจากพันธนาการของระเบียบกฎเกณฑ์และหลักการเขียนภาพที่มีแม่แบบตายตัวและน่าเบื่อหน่าย ด้วยเหตุนี้เขาจึงพัฒนาวิธีการเขียนภาพเหมือนที่เน้นลักษณะอันเป็นปัจเจกบุคคลโดยใช้หลักความแตกต่างระหว่างแสงสว่างและความมืดมาเป็นตัวช่วย (ภาพที่ 6) ดังนั้น อิทธิพลของบรรยากาศในภาพเขียนของศิลปินผู้นี้จึงเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกและสภาวะทางจิตของผู้เป็นแบบได้เป็นอย่างดี เทคนิคการจัดแสงสว่างในภาพเขียนแบบแสงจัดเงาจัดในลักษณะนี้เผยให้เห็นอิทธิพลของ คาราวัจโจ (Caravaggio) จิตรกรเอกสมัยบาโรกของอิตาลี ในผลงานของเรมบรันท์อย่างชัดเจน นอกจากนั้นเรมบรันท์ยังใช้จินตนาการในการสร้างเรื่องราวหรือสถานการณ์ให้เข้ากับอาชีพหรือบุคลิกภาพของผู้ว่าจ้างเพื่อทำให้การนำเสนอภาพเหมือนบุคคลของเขาน่าสนใจมากขึ้น ดังเช่นภาพเหมือนคู่ของตัวศิลปินเองและภรรยา (ภาพที่ 7) เรมบรันท์เลือกนำเสนอภาพเหมือนกลุ่มของสมาชิกสมาคมยิงปืนให้ดูราวกับเป็นภาพกองร้อยอาสาสมัครป้องกันเมืองกำลังเตรียมรวมกำลังพลออกไปรบกับผู้รุกราน ศิลปินกำหนดให้บริเวณฉากหลังของภาพ The Night Watch เป็นสีดำเกือบสนิทเพื่อเน้นภาพบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพผู้นำกลุ่ม ที่จิตรกรกำหนดให้แสงสว่างอันเจิดจ้ามากระทบเพื่อให้การปรากฏกายของพวกเขาเด่นชัดมากยิ่งขึ้น (ภาพที่ 8 และ 9) ด้วยวิธีนี้จึงทำให้ภาพนายร้อยเอกฟรันส์ เบนนิง ค็อค และ นายร้อยโทวิลเลม ฟาน รุยเทนบรูค ในชุดเครื่องแบบที่ประดับประดาด้วยเหรียญตราประจำตำแหน่งอย่างเต็มยศ ซึ่งปรากฏในบริเวณฉากหน้าของภาพ จึงดูราวกับกำลังจะเดินออกมานอกภาพ ในขณะที่ภาพขบวนแห่ของกลุ่มนักยิงปืนที่เคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดของฉากหลัง ดูราวกับกำลังเคลื่อนตัวตามออกมาติดๆ (ภาพที่ 1) เรมบรันท์ให้ความสำคัญกับการจัดวางองค์ประกอบภาพที่เน้นการเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวาของบุคคลภายในภาพเป็นสำคัญ จนไม่ใส่ใจกับความต้องการหลักของผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าใบหน้าของใครจะจมอยู่ในเงามืด หรือ ภาพของใครบางคนจะปรากฏให้เห็นแต่เพียงส่วนของศีรษะที่โผล่ออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม (ภาพที่ 10-12) พลังแห่งการสร้างสรรค์และจินตนาการอันกว้างไกลเหนือขีดจำกัดทำให้ผลงานชิ้นนี้หลุดพ้นจากรูปแบบการเขียนภาพเหมือนจริงที่เป็นแบบแผนตามแนวประเพณี ด้วยอัจฉริยภาพในการจัดวางองค์ประกอบภาพและพลังแห่งชีวิตในทุกอาการเคลื่อนไหวของบุคคลภายในภาพ ทำให้ภาพ The Night Watch กลายมาเป็นตราประทับแห่งความเป็นอมตะของเรมบรันท์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการจัดวางองค์ประกอบภาพในลักษณะนี้ของ Rembrandt จะเผยให้เห็นอัจฉริยภาพของศิลปินผู้นี้อย่างชัดแจ้ง แต่ผลงานชิ้นนี้กลับไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในสมัยนั้น อีกทั้งยังไม่เป็นที่พอใจของบรรดาสมาชิกหลายคน เพราะพวกเขาเห็นว่าไม่ยุติธรรม และพากันแย้งว่า ในเมื่อภาพของพวกเขาบางคนจมอยู่ในเงามืด บางคนแทบจะมองไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ แต่ทำไมพวกเขาต้องออกเงินเป็นค่าจ้างเขียนภาพจำนวน 1,600 เหรียญเท่ากันทุกคน โดยจ่ายเฉลี่ยที่คนละประมาณ 100 เหรียญ เมื่อนำภาพที่ 1 และ ภาพที่ 13 มาเปรียบเทียบกัน จะสังเกตเห็นว่า ภาพ The Night Watch ในปัจจุบันมีขนาดเล็กกว่าในอดีต (ขนาดดั้งเดิม 440x500 ซม. ปัจจุบัน 363x437 ซม.) สาเหตุเพราะ เมื่อปี ค.ศ. 1715 ได้มีการขนย้ายภาพเขียนนี้จากสมาคมยิงปืนไปไว้ในศาลากลางจังหวัด แต่เนื่องจากประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่มีขนาดเล็กกว่าภาพ ทำให้ต้องมีการตัดขอบของภาพออกทุกด้านคือ ด้านบน 25 ซม. ด้านล่าง 50 ซม. ด้านซ้าย 30 ซม. และด้านขวา 10 ซม. หลังจากนั้นภาพนี้ก็ถูกลืมและทอดทิ้งโดยปราศจากการเอาใจใส่เป็นเวลานานกว่าร้อยปี หมายเหตุ: ชื่อเฉพาะภาษาต่างประเทศในบทความนี้สะกดตามคำอ่านในภาษานั้นๆ ปัจฉิมลิขิต: ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน สุดท้ายนี้ ดิฉันมีความเสียใจอย่างยิ่ง ที่ต้องขอเรียนว่า บทความนี้จะเป็นบทความสุดท้ายใน 108-1000-ศิลป์ ความจำเป็นอันเนื่องมาจากเงื่อนไขของเวลาในการปฏิบัติภารกิจด้านการวิจัยของนักวิชาการ ทำให้ต้องขอยุติการพบกันในทุกสัปดาห์ โดยหวังว่าจะเป็นการชั่วคราว ขอขอบพระคุณในไมตรีจิตและมิตรภาพของทุกท่านที่สนใจติดตามคลิกเข้ามาอ่าน หากท่านผู้อ่านยังคงสนใจใคร่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะในลักษณะนี้ต่อไป ดิฉันและ 108-1000-ศิลป์ ก็ยินดีจะกลับมารับใช้ทุกท่านในโอกาสต่อไป ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ด้วยความรักและผูกพันฉันนักเขียนที่มีต่อผู้อ่าน รองศาสตราจารย์ ดร. กฤษณา หงษ์อุเทน
| | 7.Rembrandt: ภาพเหมือนตัวเองของศิลปินและภรรยา (Saskia), ราว 1635, สีน้ำมันบนผ้าใบ, 161x131 ซม. Gemäldegalerie Alter Meister, Dresden | | |
| | 8.รายละเอียดจากภาพที่ 1 | | |
| | 9.รายละเอียดจากภาพที่ 1 | | |
| | 10.รายละเอียดจากภาพที่ 1 | | |
| | 11.รายละเอียดจากภาพที่ 1 | | |
| | 12.รายละเอียดจากภาพที่ 1 | | |
| | 13.ภาพคัดลอกจิตรกรรม The Night Watch บนกระดาษหน้าหนึ่งในสมุดภาพประจำตระกูลของ Frans Banning Cocq, ราว 1650, สีฝุ่น, 14.2x18 ซม. Rijkmuseum, Amsterdam | | | ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ คอลัมน์:108-1000 -ศิลป์ รศ.ดร.กฤษณา หงษ์อุเทน สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 30 พฤษภาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 17:15:53 น. |
Counter : 1199 Pageviews. |
|
|
|