อาลัย...ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ในปี 2529 ผมได้แสดงความยินดีกับท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นกวีซีไรต์ ที่ทำประโยชน์แก่สังคมในด้านที่ตนถนัด
ท่านอังคาร เป็นกวีทั้งเลือด ทั้งเนื้อ เป็นคนแรกแห่งยุคสมัยที่แหวกวงล้อม หรือแหกคอกแห่งฉันทลักษณ์โบราณออกมาแทนที่จะแต่งฉันท์ กาพย์ กลอน ที่รุงรังด้วยภาษาบาลีสันสกฤตแบบเก่า
ท่านอังคารกลับมาใช้คำไทยแท้ที่สามารถสื่อความหมายได้ทันที และถึงอกถึงใจคนในยุคสมัยนี้ ทำให้ผู้เคร่งครัดกับรูปแบบเดิมยอมรับไม่ได้ กระวีกระวาด บางคนถึงกับทนไม่ได้หาว่าท่านอังคารกำลังจะทำลายกวีนิพนธ์ไทยก็มี
ผลงานกวีของท่านอังคารเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเมื่อ อาจารย์ ส.ศิวรักษ์ นำไปตีพิมพ์ใน "สังคมศาสตร์ปริทัศน์ ฉบับปฐมฤกษ์" เมื่อ พ.ศ.2506 เป็นต้นมา โดยที่ก่อนหน้านั้นเป็นที่รู้จักกันในวงแคบแถวหน้าพระลานเท่านั้น
จำได้ว่าเมื่อบทกวีชื่อ "วักทะเล" ตีพิมพ์ครั้งแรก ทั้งคนเขียนและคนพิมพ์ถูกนักภาษา และนักกลอนประเภทสายลมแสงแดดบ่นกันพึม แต่พวกเราชอบกันมาก พากันเดินตามท่านอังคารเป็นแถว
ดังบทกวีที่ว่า
"...คางคกขึ้นวอทอง ...............ลอยล่องท่องเที่ยวสวรรค์
อึ่งอ่างไปด้วยกัน ....................เทวดานั้นหนีเข้ากะลา
ไส้เดือนเที่ยวเกี้ยวสาว .............ชาวอัปสรนอนชั้นฟ้า
ทุกจุลินทรีย์อมิบ้า ...................เชิดหน้าได้ดิบได้ดี
เทพไท้เบื่อหน่ายวิมาน .............ทะยานลงดินมากินขี้..."
ฟังแล้ว "มันส์" อย่าบอกใคร
ผู้อ่านคนหนึ่งเขียนไปถาม ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สมัยยังตอบปัญหาอยู่หน้าห้าสยามรัฐว่า คนเขียนกลอนประหลาดอย่างท่านอังคารเป็นกวีหรือไม่ ท่านตอบว่าถ้าคุณอังคารคิดว่าตนเป็นกวีก็เป็นไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถ้าคนอื่นคิดด้วย ก็เป็นกวีเต็มตัว
อีกคนหนึ่งเขียนโคลงสี่สุภาพไปถามว่า
"อังคารโหรว่าต้อง .................ตามจันทร์
พุธก็ตามงามครัน ...................ห่อนแคล้ว
พฤหัสศุกร์เสาร์วัน ..................เวรเปลี่ยน
จวนจบอาทิตย์แล้ว .................หม่อมเจ้าราหู"
ทำนองขอความเห็นว่า เดี๋ยวนี้มีกวีเกิดขึ้นแล้วคนหนึ่ง ชื่อ อังคาร ก่อนนี้มีเพียง "จันทร์" (ท่านจันทร์จิรายุ รัชนี) เท่านั้น อีกหน่อยก็คงมีกวีชื่อ พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ จนครบอาทิตย์แน่แล้ว หม่อม "ราหู"
(ผู้ที่ดาวราหูกุมลัคน์) จะว่ายังไง
ท่านราหูก็ตอบเป็นโคลงสี่สุภาพเหมือนกันว่า อย่าแหย็ม
"ราหูสุรภาพพ้น .................ดารา อื่นเฮย
เล็งทับร่วมลัคนา ...............โทษให้
อาจบังบดสุริยา .................จันทร์ดับ แสงนอ
จึงมิควรด่วนใกล้ ................เก่งท้าราหู"
กว่าแนวการเขียนกวีแบบแปลกใหม่ของท่านอังคาร จะเป็นที่ยอมรับเป็นหลักเป็นฐานอย่างนี้ ก็ล่วงเลยมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปีจนผู้ได้รับรางวัลจะ "หมดไฟ" อยู่แล้ว แต่เอาเถอะพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย
เมื่อถูกถามว่าดีใจไหมที่ได้รางวัล ท่านอังคารตอบว่าไม่ดีใจ ถ้าได้ฌานสมาบัติไปเกิดในพรหมโลกโน่นแหละจึงจะดีใจมิเสียทีที่ "ลุก" มาแต่นครศรีธรรมราช ดุจดังมหาเถรสังฆราช ปราชญ์เรียนผู้ "หลวก" กว่าคนทั้งปวงแล
ถึงท่านอังคารจะไม่ดีใจ คงไม่ห้ามคนอื่น เช่น ผมจะดีใจแทนในฐานะที่รู้จักคุ้นเคยกัน ขอแสดงมุทิตาจิตมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หวังว่าคงมีกำลังใจผลิตผลงานที่ไพเราะกินใจเหมือนเดิมมาให้อ่านอีกก่อนจะไปเกิดเป็น "พรหมลูกฟัก" ถึงเวลานั้นแล้วไม่มีโอกาสเขียนกวีดอกครับ
จากวันนั้นถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2555 หรือวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นเวลา 29 ปี ท่านอังคารก็ได้ละจากโลกนี้ไปอย่างสงบ พูดตามภาษาของท่านอังคาร ก็ว่าท่านมิได้ไปไหน ก่อนเกิดท่านก็แต่งบทกวีเป็นมาแล้ว เกิดมาก็แต่งกวีอีก ถึงตายไปก็ไม่ได้ไปไหน คงแต่กวีอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ว่าใครจะรู้จะเห็นหรือไม่เท่านั้นเอง
สุดท้ายขอให้ท่านอังคาร อยู่เป็นสุขเถิดไม่ว่าจะอยู่ในภพไหน
หน้า 6
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
อาทิตยวารสิริวิบูลย์ค่ะ
Create Date : 09 กันยายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 9 กันยายน 2555 14:06:34 น. |
Counter : 1811 Pageviews. |
|
|
|