1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28
เพลิงตะวัน
พิมพ์คำสำนักพิมพ์
อำนาจก็เหมือนดวงตะวัน มองไกลๆ สูงส่ง งดงาม แต่เข้าใกล้เมื่อไร...เผาตัวเองเมื่อนั้น จำนวนหน้า 392 หน้า ราคา 250 บาท ***** ฟาเบีย...ดินแดนแห่งสายหมอก ดินแดนที่กระแสลมแห่งอำนาจกำลังเริ่มพัดเปลี่ยนทิศอย่างเงียบเชียบ เกมอันตรายพลิกชีวิตของธรัส เพียร์ชานน์ ส.ส.หนุ่มอนาคตไกลไปตลอดกาล บีบให้เขาดิ้นรนไปบนกระดานหมากซึ่งมีมืออันทรงอำนาจอยู่เบื้องหลัง มือที่พยายามรักษาความเป็น "ดวงตะวัน" ของตนไว้ ทว่าหมากกระดานนี้มิได้มีผู้เล่นเพียงสองฝ่าย และเมื่อดวงตะวันนั้นมีได้เพียงหน่ึง ใครเล่าที่จะทะยานขึ้นสูงและเปล่งรัศมีของตนเหนือฟากฟ้าฟาเบียได้เป็นคนสุดท้าย? *****Author's Talk บนปกเขียนว่าเรื่องนี้เป็นไพรัชนิยาย แต่จริงๆ แล้วเพลิงตะวันเป็นนิยายเชิงการเมือง-อาชญากรรม-ความรัก ในประเทศสมมติ โทนเรื่องเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างตัวละครหลายฝ่ายในวังวนการเมืองของสาธารณรัฐฟาเบีย โดยมีเรื่องราวส่วนตัวของแต่ละฝ่ายเข้ามาโยงใย ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในชุดที่ จขบ. เรียกว่าฟาเบียซีรีย์ ตามชื่อประเทศในเรื่อง ทีแรกวางโครงการไว้ 3 เรื่องด้วยกัน คือเรื่องของธรัส เอ็นริก และไคลฟ์ แต่ตอนนี้คิดว่าแค่เขียนเรื่องของเอ็นริกให้จบก็ยังไม่รู้เมื่อไรจะได้เขียน (ถึงแม้ยังไงสักวันก็คงต้องเขียนชุดนี้ต่อให้ได้) คนเขียนรู้สึกผูกพันกับนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งคงเพราะอยู่กับมันมานาน และอีกส่วนเพราะนี่คือสิ่งที่อยากนำเสนอและตั้งใจนำเสนอ บ่วงบัลลังก์อาจเป็นจุดเริ่มของการเขียนนิยาย แต่เพลิงตะวันคือเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่สามารถนำเสนอได้อย่างภาคภูมิใจ เพลิงตะวันไม่มีตัวละครสีขาว และไม่มีตัวละครสีดำ ไม่มีพระเอกผู้เปี่ยมอุดมการณ์และทำในสิ่งถูกต้องเสมอ ไม่มีนางร้ายที่ตั้งหน้าร้ายโดยไม่เคยสนใจอะไร ทุกคนคือคนที่มีแรงจูงใจเป็นของตัวเอง...และแลกบางสิ่งบางอย่างไปเพื่อสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ถามว่าเขียนยากไหม ยากมาก ตัวละครรั้นและมีชีวิตของตัวเองจนไม่ยอมเดินไปตามบทที่วางไว้ เป็นเรื่องที่เขียนไปก็ต้องไปอัดเทปอภิปรายไม่ไว้วางใจมานั่งฟังบลิวท์อารมณ์ (ฮา) แต่มาถึงวันที่เขียนจบก็พอใจกับสิ่งที่ตัวเองเขียนไป ไม่อับอายขายหน้า วัสส์อยากให้คนอ่านได้อ่านเล่มนี้ แม้มันยังห่างไกลจากคำว่าเพอร์เฟ็คต์ก็ตาม เพราะเพลิงตะวันเป็นหนังสือที่เขียนแล้วรู้สึกว่า...นี่ละคือสิ่งที่เราอยากนำเสนอ และหลายปีผ่านมานับจากวันที่เขียน ธรัส คริสมา ซาญ่า ก็ยังคงเป็นตัวละครที่คนเขียนภูมิใจ และไม่เคยเป็นแค่ตัวอักษรซึ่งถูกสมมุติขึ้นมาบนหน้ากระดาษเลย ***** Excerpt ... ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตยับยู่ขยับตัวอย่างเชื่องช้าจากการยืนพิงผนัง ‘ห้องขัง’ นิ่ง เขาทิ้งกายลงนั่งบนพื้น เหยียดขาตรงออกไปก่อนจะหลับตาลง หน้าซีดเซียวเริ่มมีแนวหนวดเคราครึ้มเขียว และริมฝีปากที่กดเม้มฉายรอยวิตกกังวล หลายครั้งที่ธรัสนึกว่าตนเองคงจะอัดใจตาย ในความเงียบรอบตัว...ภายในสมองคือพายุป่วนเจียนคลั่งกับเรื่องราวของอนาคตที่แขวนบนเส้นด้าย ...ก็ใครบ้างไม่รักชีวิตตนเอง? ใครบ้างไม่รักอิสรภาพ? ...วันและคืนผ่าน ประตูยังคงปิดล็อก และเป็นไปไม่ได้อยู่เองที่เขาจะหนี... ภวังค์ความคิดของชายหนุ่มสะดุดลงและเขาก็ลืมตาขึ้นทันควันเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออก วินาทีถัดมา ร่างของเจชก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว วางจานเก่าๆใส่อาหารลงบนพื้นและทำท่าจะปิดประตูงับกลับเข้าถ้าธรัสจะไม่เอ่ยขัดขึ้นก่อน “เดี๋ยว ขอฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม?” คำถามนั้นทำให้เจชชะงัก และประตูก็ยังเปิดค้างอยู่แง้มๆแบบนั้น แม้ดวงตาเย็นชาบนหน้ากร้านจัดนั้นจะบอกความรำคาญและระแวงชัดเมื่อเจ้าตัวกระแทกเสียงใส่ ‘เชลย’ “เล่นตลกอะไรอีกล่ะวะ บอกไว้ก่อนนะเว้ย มึงทำตุกติกกูเป่าขมองแหลกแน่!” ตรงกันข้ามกับความระแวง ธรัสยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมเหมือนคนสิ้นแรง ไม่ได้มีอาการจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเมื่อเขาเอ่ยขึ้นเหมือนจะปรารภ “ฉันแค่อยากรู้...ว่าคริธคิดจะทำอะไรกับฉันถ้าไม่ฆ่า” เสียงเปรยนั้นเรียบเนือย... บอกความเหนื่อยอ่อนในอารมณ์ล้าจัด ดวงตาสีเข้มช้อนขึ้นช้าๆและจ้องตรงเข้าในดวงตาของชายผู้นั้น “มันไม่ผิดแผนแกไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าฉันจะรู้หรือเปล่า” “มึงน่ะพล่ามจนน่ารำคาญ” เจชทำหน้านิ่ว สบถออกมาแรงๆ แล้วเขาก็ใช้ปลายเท้าเขี่ยก้นบุหรี่ที่ทิ้งบนพื้นอย่างอยากจะระบายความกดดันหงุดหงิด “จะอยากรู้ไปทำไมกันวะ อย่างกับมึงรู้แล้วจะช่วยอะไรได้” “ก็แค่อยากจะรู้ข่าว” ธรัสหัวเราะต่ำเบาอย่างฝืนๆ เขายกมือขึ้นลูบหน้าก่อนจะย้ำคำ “...แค่อยาก...รู้เรื่องข้างนอก” อารมณ์บนดวงหน้ากร้านชีวิตของอีกฝ่ายแปรเป็นสมเพช ก่อนที่เสียงนั้นจะกระชากด้วยกระแสที่ฟังประหลาดหู “โลกนี้มันนรกทั้งนั้นแหละ! มึงอย่าคิดว่าข้างนอกโน่นจะดีกับมึงกว่าในนี้เลย ไม่มีใครคิดช่วยมึงหรอก!” อากัปกิริยาของเจชทำให้นักการเมืองหนุ่มนิ่งไปเป็นครู่ ในดวงตาที่มองคล้ายตั้งคำถามปรากฏแววตื่นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในความล้า อารมณ์ระแวงและไหวตัวพล่านขึ้นในสมอง ...ไม่มีใครคิดช่วย...นั่นไม่ใช่คำขู่ น้ำเสียงที่เอ่ยประโยคนั้นมีความหมาย... ...แต่เป็นความหมายที่เขายังแปลไม่ออก... ชายหนุ่มหยัดตัวนั่งตรงขึ้น ยกมือขึ้นเสยผมเพียงลวกๆให้พ้นหน้าพลางกัดริมฝีปากเข้านิดอย่างครุ่นคิด คำถามสั้นๆหลุดออกจากปากในวินาทีถัดมาด้วยเจตนาพยายามจะจับต้นชนปลาย...หยั่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น “หมายความว่าเรื่องของฉันไม่เป็นข่าว?” เจชทำเสียง หึ หรืออะไรทำนองนั้นออกจากคอ แล้วเขาก็ออกความเห็นที่ทำให้ธรัสรู้สึกได้ถึงความ...ไม่ชอบมาพากล “มึงนี่มองโลกในแง่ดีจริงว่ะ! ไม่ยักคิดถึงอะไรที่สนุกกว่านั้นมั่งนี่หว่า” ถ้อยคำนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มต้องถามสวนขึ้นมาทันทีอย่างระงับความเครียดเคร่งจนแทบขาดไม่อยู่ ท้ายเสียงงวดเข้าอย่างระแวงเมื่อเค้าเงื่อนบางอย่างเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาในสมอง...รูปร่างที่ไม่น่าพึงใจเอาเสียเลย... ...หรือจะพูดให้ตรงกว่านั้น น่ากลัว! “สนุกสำหรับใคร?” “อ๊ะ ชักฉลาดขึ้นมาอีกแล้วซี...” ชายผู้นั้นจุปากอย่างก่อกวน “ลองคิดต่อไปอีกซักคืนนึงก็น่าจะคิดออกแล้วนะ พระเอก!” “แกหยุดเล่นลิ้นได้แล้วเจช!” ธรัสผลุดลุกพรวดขึ้น ประกายตาแรงร้อนราวไฟจ้องตรงไปอย่างคนที่เครียดจนลานขาด ลืมตัว...ลืมตาย แล้วเขาก็ต้องชะงัก ผงะถอยกลับมาก้าวหนึ่งเมื่อปากกระบอกปืนในมืออีกฝ่ายถูกยกเล็งตรงมาทันที ความโกรธเกรี้ยวท่วมหน้าเจชเมื่อฝ่ายนั้นสบถแรง “อวดดี! มึงอย่ามาทำกล้า นี่ถ้าไม่ติดคำสั่งนาย กูเป่ามึงทิ้งเหมือนหมาข้างถนนไปนานแล้ว ไอ้สวะ!” นักการเมืองหนุ่มยังคงยืนนิ่งขึงเหมือนหุ่นปั้น ลมหายใจสะท้อนแรงด้วยความโกรธและความตระหนกที่ผุดพลุ่งปะปนในอกจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ที่ทรงอำนาจเหนือคือ...สติ...ในสมอง ...หยุด หยุด หยุด! เขาต้องหยุด อย่าปล่อยอารมณ์มีอำนาจเหนือ อย่าปล่อยความเครียดให้ขึ้นมาบังความคิด ...คนตายจำนวนเท่าไรแล้วที่ตายเพราะท้าทายในสิ่งไม่ควรจะท้าทาย กล้าในยามที่ไม่ควรจะกล้า... ...หยุด เพื่อรักษาชีวิต...และเพื่อที่เขาจะยังได้มีวันพรุ่งนี้! ...เพื่อพรุ่งนี้! “ฉันขอโทษ...” เสียงที่หลุดออกไปจากปากเขาสงบนิ่ง อ่อนลงมากมาย และชายหนุ่มก็ถอนใจยาว ละสายตาลงจากหน้ากร้านนั้น มองลงยังปลายเท้าตนเองก่อนจะพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนออกมาจากส่วนลึกของใจ “ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ฉันขอโทษ” “มึงอย่ามาตอแหล พวกมึงมันก็เหมือนกันหมด ขี้โกหกฉิบ...!” เสียงของเจชยังคงกร้าวจัด และปากกระบอกปืนก็ยังจ้องนิ่งมา หากธรัสก็รู้สึกใจชื้นขึ้นนิดเมื่อตวัดตาขึ้นมองอีกครั้งและพบว่ารอยเกรี้ยวกราดในดวงตาของฝ่ายนั้นลดลงไปมากแล้ว เขาไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เจชระบายความขุ่นเคืองออกมากับเสียงสบถด่ายืดยาว และที่สุดฝ่ายนั้นก็ลดปืนลง ก้าวไปดึงอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างนอกประตูขึ้นมาโบกตรงหน้าก่อนจะเน้นคำใส่หน้าเขาอย่างเจตนา “มึงน่ะเสือกเอง...อยากรู้นัก กูก็จะให้มึงรู้ เอ้า! ข่าวดีสมใจมึงไหมล่ะ ใครไม่มีแผ่นดินจะอยู่แน่คราวนี้?” เสียงนั้นปนเค้าหยันเยาะ และหนังสือพิมพ์ก็ถูกขว้างร่อนลงมาตกลงบนพื้นตรงหน้าธรัส พาดหัวข่าว...ทำให้นักการเมืองหนุ่มต้องเบิกตามองเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น และเขาก็เม้มปากเข้า...ไม่อาจเอ่ยอะไรได้แม้เพียงคำด้วยความร้อนพลุ่งพล่านในใจรุนแรง หน้าคมคายแดงจัดด้วยความเคืองแล้วจึงกลับเผือดสีลงจนซีดจัดไม่ผิดกับสีกระดาษขาว...และคราวนี้ด้วยความกลัว “เอาละ มึงอยากออกไป พรุ่งนี้กูก็จะให้ออกไป ทำตัวเป็นพระเอกถูกผู้ร้ายไล่ล่ามามากนักแล้วไม่ใช่หรือ? ลองเป็นผู้ร้ายดูบ้างสิ...” ประกายตาบนหน้ากร้านนั้นวาบแรง ก่อนที่จะแปรเป็นรอยยิ้มหัวน่าชัง “...จะได้รู้รสว่าการถูกตำรวจไล่ล่า...มันสนุกกว่าสักแค่ไหน!” ...
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2549
14 comments
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 10:44:39 น.
Counter : 2775 Pageviews.
โดย: คีตาญชลี (คีตาญชลี ) 15 กุมภาพันธ์ 2549 12:26:32 น.
โดย: วัสส์ 18 กุมภาพันธ์ 2549 21:42:39 น.
โดย: bookmark 19 กุมภาพันธ์ 2549 1:14:08 น.
โดย: หนูปุจฉา IP: 203.113.36.8 21 กุมภาพันธ์ 2549 20:39:10 น.
โดย: วัสส์ 23 กุมภาพันธ์ 2549 20:49:21 น.
โดย: (น้องเล็ก) (Unfair ) 25 กุมภาพันธ์ 2549 20:55:37 น.
โดย: วัสส์ 1 มีนาคม 2549 17:59:36 น.
โดย: ชาจัง IP: 58.9.52.193 4 มีนาคม 2549 22:23:29 น.
โดย: วัสส์ 5 มีนาคม 2549 2:50:26 น.
โดย: จตุรดา IP: 58.10.56.239 5 มีนาคม 2549 11:59:07 น.
โดย: จินตาฯโหมดหัวฟูหลังสอบเสร็จ (จินตานุภาพ ) 10 มีนาคม 2549 19:27:12 น.
โดย: วัสส์ 11 มีนาคม 2549 21:10:19 น.
โดย: หนูแจม IP: 203.118.105.131 22 มีนาคม 2549 21:48:51 น.
เห็นนิยายน้องวัสส์ออกมาทุกเล่ม แล้วภูมิใจจัง
โดยเฉพาะเรื่องที่เคยเห็น เคยอ่าน ตั้งแต่อยู่บนเวบบอร์ดนั่นแหละ
มีความรู้สึกเหมือนเวลาที่เราเจอใครสักคนที่เราคุ้นเคย
เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วตอนนี้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าทึ่งน่ะจ้ะ