... ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตยับยู่ขยับตัวอย่างเชื่องช้าจากการยืนพิงผนัง ‘ห้องขัง’ นิ่ง เขาทิ้งกายลงนั่งบนพื้น เหยียดขาตรงออกไปก่อนจะหลับตาลง หน้าซีดเซียวเริ่มมีแนวหนวดเคราครึ้มเขียว และริมฝีปากที่กดเม้มฉายรอยวิตกกังวล หลายครั้งที่ธรัสนึกว่าตนเองคงจะอัดใจตาย ในความเงียบรอบตัว...ภายในสมองคือพายุป่วนเจียนคลั่งกับเรื่องราวของอนาคตที่แขวนบนเส้นด้าย ...ก็ใครบ้างไม่รักชีวิตตนเอง? ใครบ้างไม่รักอิสรภาพ? ...วันและคืนผ่าน ประตูยังคงปิดล็อก และเป็นไปไม่ได้อยู่เองที่เขาจะหนี... ภวังค์ความคิดของชายหนุ่มสะดุดลงและเขาก็ลืมตาขึ้นทันควันเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออก วินาทีถัดมา ร่างของเจชก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว วางจานเก่าๆใส่อาหารลงบนพื้นและทำท่าจะปิดประตูงับกลับเข้าถ้าธรัสจะไม่เอ่ยขัดขึ้นก่อน “เดี๋ยว ขอฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม?” คำถามนั้นทำให้เจชชะงัก และประตูก็ยังเปิดค้างอยู่แง้มๆแบบนั้น แม้ดวงตาเย็นชาบนหน้ากร้านจัดนั้นจะบอกความรำคาญและระแวงชัดเมื่อเจ้าตัวกระแทกเสียงใส่ ‘เชลย’ “เล่นตลกอะไรอีกล่ะวะ บอกไว้ก่อนนะเว้ย มึงทำตุกติกกูเป่าขมองแหลกแน่!” ตรงกันข้ามกับความระแวง ธรัสยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมเหมือนคนสิ้นแรง ไม่ได้มีอาการจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเมื่อเขาเอ่ยขึ้นเหมือนจะปรารภ “ฉันแค่อยากรู้...ว่าคริธคิดจะทำอะไรกับฉันถ้าไม่ฆ่า”เสียงเปรยนั้นเรียบเนือย... บอกความเหนื่อยอ่อนในอารมณ์ล้าจัด ดวงตาสีเข้มช้อนขึ้นช้าๆและจ้องตรงเข้าในดวงตาของชายผู้นั้น “มันไม่ผิดแผนแกไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าฉันจะรู้หรือเปล่า” “มึงน่ะพล่ามจนน่ารำคาญ” เจชทำหน้านิ่ว สบถออกมาแรงๆ แล้วเขาก็ใช้ปลายเท้าเขี่ยก้นบุหรี่ที่ทิ้งบนพื้นอย่างอยากจะระบายความกดดันหงุดหงิด “จะอยากรู้ไปทำไมกันวะ อย่างกับมึงรู้แล้วจะช่วยอะไรได้” “ก็แค่อยากจะรู้ข่าว” ธรัสหัวเราะต่ำเบาอย่างฝืนๆ เขายกมือขึ้นลูบหน้าก่อนจะย้ำคำ “...แค่อยาก...รู้เรื่องข้างนอก” อารมณ์บนดวงหน้ากร้านชีวิตของอีกฝ่ายแปรเป็นสมเพช ก่อนที่เสียงนั้นจะกระชากด้วยกระแสที่ฟังประหลาดหู “โลกนี้มันนรกทั้งนั้นแหละ! มึงอย่าคิดว่าข้างนอกโน่นจะดีกับมึงกว่าในนี้เลย ไม่มีใครคิดช่วยมึงหรอก!” อากัปกิริยาของเจชทำให้นักการเมืองหนุ่มนิ่งไปเป็นครู่ ในดวงตาที่มองคล้ายตั้งคำถามปรากฏแววตื่นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในความล้า อารมณ์ระแวงและไหวตัวพล่านขึ้นในสมอง ...ไม่มีใครคิดช่วย...นั่นไม่ใช่คำขู่ น้ำเสียงที่เอ่ยประโยคนั้นมีความหมาย... ...แต่เป็นความหมายที่เขายังแปลไม่ออก... ชายหนุ่มหยัดตัวนั่งตรงขึ้น ยกมือขึ้นเสยผมเพียงลวกๆให้พ้นหน้าพลางกัดริมฝีปากเข้านิดอย่างครุ่นคิด คำถามสั้นๆหลุดออกจากปากในวินาทีถัดมาด้วยเจตนาพยายามจะจับต้นชนปลาย...หยั่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น “หมายความว่าเรื่องของฉันไม่เป็นข่าว?” เจชทำเสียง หึ หรืออะไรทำนองนั้นออกจากคอ แล้วเขาก็ออกความเห็นที่ทำให้ธรัสรู้สึกได้ถึงความ...ไม่ชอบมาพากล “มึงนี่มองโลกในแง่ดีจริงว่ะ! ไม่ยักคิดถึงอะไรที่สนุกกว่านั้นมั่งนี่หว่า” ถ้อยคำนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มต้องถามสวนขึ้นมาทันทีอย่างระงับความเครียดเคร่งจนแทบขาดไม่อยู่ ท้ายเสียงงวดเข้าอย่างระแวงเมื่อเค้าเงื่อนบางอย่างเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาในสมอง...รูปร่างที่ไม่น่าพึงใจเอาเสียเลย... ...หรือจะพูดให้ตรงกว่านั้น น่ากลัว! “สนุกสำหรับใคร?” “อ๊ะ ชักฉลาดขึ้นมาอีกแล้วซี...” ชายผู้นั้นจุปากอย่างก่อกวน “ลองคิดต่อไปอีกซักคืนนึงก็น่าจะคิดออกแล้วนะ พระเอก!” “แกหยุดเล่นลิ้นได้แล้วเจช!” ธรัสผลุดลุกพรวดขึ้น ประกายตาแรงร้อนราวไฟจ้องตรงไปอย่างคนที่เครียดจนลานขาด ลืมตัว...ลืมตาย แล้วเขาก็ต้องชะงัก ผงะถอยกลับมาก้าวหนึ่งเมื่อปากกระบอกปืนในมืออีกฝ่ายถูกยกเล็งตรงมาทันที ความโกรธเกรี้ยวท่วมหน้าเจชเมื่อฝ่ายนั้นสบถแรง “อวดดี! มึงอย่ามาทำกล้า นี่ถ้าไม่ติดคำสั่งนาย กูเป่ามึงทิ้งเหมือนหมาข้างถนนไปนานแล้ว ไอ้สวะ!” นักการเมืองหนุ่มยังคงยืนนิ่งขึงเหมือนหุ่นปั้น ลมหายใจสะท้อนแรงด้วยความโกรธและความตระหนกที่ผุดพลุ่งปะปนในอกจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ที่ทรงอำนาจเหนือคือ...สติ...ในสมอง ...หยุด หยุด หยุด! เขาต้องหยุด อย่าปล่อยอารมณ์มีอำนาจเหนือ อย่าปล่อยความเครียดให้ขึ้นมาบังความคิด ...คนตายจำนวนเท่าไรแล้วที่ตายเพราะท้าทายในสิ่งไม่ควรจะท้าทาย กล้าในยามที่ไม่ควรจะกล้า... ...หยุด เพื่อรักษาชีวิต...และเพื่อที่เขาจะยังได้มีวันพรุ่งนี้! ...เพื่อพรุ่งนี้! “ฉันขอโทษ...” เสียงที่หลุดออกไปจากปากเขาสงบนิ่ง อ่อนลงมากมาย และชายหนุ่มก็ถอนใจยาว ละสายตาลงจากหน้ากร้านนั้น มองลงยังปลายเท้าตนเองก่อนจะพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนออกมาจากส่วนลึกของใจ “ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ฉันขอโทษ” “มึงอย่ามาตอแหล พวกมึงมันก็เหมือนกันหมด ขี้โกหกฉิบ...!” เสียงของเจชยังคงกร้าวจัด และปากกระบอกปืนก็ยังจ้องนิ่งมา หากธรัสก็รู้สึกใจชื้นขึ้นนิดเมื่อตวัดตาขึ้นมองอีกครั้งและพบว่ารอยเกรี้ยวกราดในดวงตาของฝ่ายนั้นลดลงไปมากแล้ว เขาไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เจชระบายความขุ่นเคืองออกมากับเสียงสบถด่ายืดยาว และที่สุดฝ่ายนั้นก็ลดปืนลง ก้าวไปดึงอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างนอกประตูขึ้นมาโบกตรงหน้าก่อนจะเน้นคำใส่หน้าเขาอย่างเจตนา“มึงน่ะเสือกเอง...อยากรู้นัก กูก็จะให้มึงรู้ เอ้า! ข่าวดีสมใจมึงไหมล่ะ ใครไม่มีแผ่นดินจะอยู่แน่คราวนี้?” เสียงนั้นปนเค้าหยันเยาะ และหนังสือพิมพ์ก็ถูกขว้างร่อนลงมาตกลงบนพื้นตรงหน้าธรัส พาดหัวข่าว...ทำให้นักการเมืองหนุ่มต้องเบิกตามองเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น และเขาก็เม้มปากเข้า...ไม่อาจเอ่ยอะไรได้แม้เพียงคำด้วยความร้อนพลุ่งพล่านในใจรุนแรง หน้าคมคายแดงจัดด้วยความเคืองแล้วจึงกลับเผือดสีลงจนซีดจัดไม่ผิดกับสีกระดาษขาว...และคราวนี้ด้วยความกลัว “เอาละ มึงอยากออกไป พรุ่งนี้กูก็จะให้ออกไป ทำตัวเป็นพระเอกถูกผู้ร้ายไล่ล่ามามากนักแล้วไม่ใช่หรือ? ลองเป็นผู้ร้ายดูบ้างสิ...” ประกายตาบนหน้ากร้านนั้นวาบแรง ก่อนที่จะแปรเป็นรอยยิ้มหัวน่าชัง “...จะได้รู้รสว่าการถูกตำรวจไล่ล่า...มันสนุกกว่าสักแค่ไหน!”...
เห็นนิยายน้องวัสส์ออกมาทุกเล่ม แล้วภูมิใจจัง
โดยเฉพาะเรื่องที่เคยเห็น เคยอ่าน ตั้งแต่อยู่บนเวบบอร์ดนั่นแหละ
มีความรู้สึกเหมือนเวลาที่เราเจอใครสักคนที่เราคุ้นเคย
เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วตอนนี้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าทึ่งน่ะจ้ะ