Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ชลวาห์กาล ๒๕ (ธัญรัตน์)




ในห้องที่สงบเงียบ ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นห้องนอนของกุศล แต่บัดนี้วันวิวาห์ทำเป็นห้องเก็บอัฐิของผู้เป็นปู่และพ่อ หลังจากที่งานเผาศพของสุเมธเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพราะเธอและมารดา พร้อมกับรวิทย์ลงความเห็นว่า ควรจะจัดพิธีเผาศพก่อน แล้วค่อยจัดงานแต่งงานทีหลัง เพราะดูจะเป็นการไม่เหมาะ

หญิงสาวนั่งพับเพียบซึ่งมีภาพของบิดาและปู่ตั้งอยู่ที่เบื้องหน้า วันวิวาห์มองภาพบิดาด้วยแววตาแห่งการวิงวอน เพื่อหวังให้บิดายกโทษให้ในเรื่องต่าง ๆ ที่เธอได้ทำไม่ดี และเข้าใจในตัวบิดาผิด ๆ

“พ่อคะ...วากราบขอโทษค่ะ ได้โปรดยกโทษให้วาด้วยนะคะ วาเป็นลูกที่ไม่ดี ที่คิดกับพ่อในทางที่ผิด ๆ วาขอให้วิญาณของพ่อ โปรดรับรู้ว่าวาเสียใจ ยกโทษให้วาด้วยนะคะ” เสียงนั้นแทบจะเป็นการรำพึงอยู่ในลำคอเพียงลำพังเท่านั้น

“คุณปู่คะ คุณปู่อยู่ที่ไหนคะ วาเหนื่อยค่ะ วาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ถ้าวิญญาณคุณปู่ยังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ วา ได้โปรดคุณปู่จงช่วยขอร้องให้คุณพ่อยกโทษให้วาด้วยนะคะ วาเสียใจค่ะ เสียใจที่คิดไม่ดีกับคุณพ่อ” หญิงสาวรำพึงกับรูปกุศล แล้วเธอก็ก้มลงกราบรูปปู่และพ่อ แล้วก็นั่งอยู่ในห้องนั้นเงียบ ๆ คนเดียว
ไม่นานความคิดก็ล่องลอยไปถึงใครบางคน ที่เคยลั่นวาจาว่าจะอยู่ช่วยกันจัดงานศพให้ผู้เป็นพ่อเมื่อครั้งก่อนไม่ได้ ถ้าเขาไม่ต้องไปแต่งงาน เขาก็คงจะได้มาร่วมงานศพพ่อของเธอ ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้....

“เขาจะมาได้ยังไง ก็ในเมื่อวันพรุ่งนี้ จะเป็นวันสำคัญของเขาแล้ว ป่านนี้เขาก็คงจะมีความสุขกับว่าที่เจ้าสาวของเขาแล้ว หรือถ้าเขาไม่มีความสุข เขาก็อาจจะเจ็บปวดเหมือน ๆ กับเราในตอนนี้ แต่เราก็เป็นคนเลือกทางออกนี้เองไม่ใช่หรือ แล้วจะมาคร่ำครวญอยู่ทำไม มันสายไปแล้วล่ะวันวิวาห์”

เธออดที่จะคิดถึงเขาไม่ได้ เพราะได้รับการ์ดเชิญงานแต่งงานของเขามาจากไชยันต์ คนสนิทที่เขาส่งมาดูแลงานที่นี่แทนเขา ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเขาแล้ว และไชยันต์เองก็เดินทางไปร่วมงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว โดยมีรวิทย์ฝากการ์ดเชิญของเขาและเธอไปให้ชนะชลด้วย

หญิงสาวอดที่จะคิดไปถึงอิสระของเขาที่กำลังจะหมดไปไม่ได้ และมันก็ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก กับการตัดสินใจของตัวเอง เธออยากจะบอกเขาเหลือเกิน เมื่อในทุก ๆ ครั้งที่ได้ยินคำบอกรักจากเขา เธอเองก็อยากจะบอกว่ารักเขาเช่นกัน และรักจนแทบไม่เหลือที่ให้ใครเข้ามาจับจองในหัวใจได้อีกแล้ว

แต่เพราะความรู้สึกผิดต่อผู้เป็นเพื่อนรักที่คบกันมานาน และไหนจะความรู้สึกผิดต่อบิดาผู้ให้กำเนิด ที่ไม่อาจจะรักกับคนที่ได้ชื่อว่า เป็นคนปลิดชีวิตบิดาตัวเองอย่างเลือดเย็นได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนี้ก็ตามที

แต่เธอเองก็ไม่สามารถ จะมีความสุขอยู่กับคนที่ตัวเองรักได้ ถ้าหากมันต้องสร้างความเจ็บปวดให้กับวิญญาณของผู้ให้กำเนิดที่ล่วงลับไปแล้ว ยิ่งคิดยิ่งพลอยทำให้น้ำตาไหลออกมา อย่างช่วยไม่ได้ แต่เธอก็ต้องรีบหักห้ามน้ำตาเอาไว้ เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าอิสระของตัวเธอเองก็กำลังจะหมดไปเช่นกัน

“คุณวา” ดวงแขที่ค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามาในห้องเรียกเธอเบา ๆ พร้อม ๆ กับนั่งลงใกล้ ๆ เธอ
“แม่มีอะไรคะ” เธอถามพร้อมกับเบือนหน้าหนีมารดา เพราะไม่อยากให้เห็นน้ำตาที่กำลังไหลออกมา

“แม่เชื่อว่าวิญญาณของคุณพ่อ ต้องรับรู้ว่าคุณวาคิดยังไงค่ะ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ เชื่อแม่เถอะ ชีวิตคนเรานั้นสั้นเหลือเกิน สิ่งไหนที่เคยผิดพลั้งไปแล้ว เราก็ควรจะลืมนะคะ เราไม่ควรจำเอาไว้ ถ้าการจดจำนั้น มันจะมาสร้างความเจ็บปวดให้เราภายหลัง เชื่อแม่เถอะแม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน” ดวงแขบอกกับเธอ ประหนึ่งได้ล่วงรู้ว่าในใจเธอนั้นคิดอะไรอยู่ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากเธอ เหมือนหลาย ๆ ครั้ง

“เรื่องของคุณชนะชลก็เหมือนกัน แม่คิดว่าแม่เข้าใจเธอนะคะ ว่าเธอรู้สึกยังไงในตอนนั้น และแม่ก็เชื่อว่าแม่ดูคนไม่ผิด คุณชนะชลไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะตามเอาชีวิตคนถึงขนาดนั้น ถึงเธอจะโกรธคุณพ่อ แต่เธอก็ไม่มีเจตนา ที่จะทำให้คุณพ่อคุณวาตายค่ะ คืนที่เธอรู้ว่าท่านยิงตัวเองตาย สีหน้าเธอดูเศร้าลงไปถนัดตาเลยค่ะ คุณวาอย่าไปโกรธเธอเลยนะคะ ไหน ๆ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว”

“และอีกอย่างคุณชนะชลก็กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณวาอย่าทำให้ความโกรธเคืองของเรา ไปกระทบกระเทือนกับสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตของเธอที่กำลังจะเริ่มต้นเลยนะคะ เชื่อแม่เถอะค่ะ และที่สำคัญที่สุด แม่ไม่อยากให้ลูกแม่มีความรู้สึกที่ไม่ดี กับคนที่เขารักคุณวา และหวังดีกับคุณวามาโดยตลอดอย่างคุณชนะชลเลยค่ะ”

“การที่มีคนมารักและจริงใจกับเราด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้น แม่ถือว่าเป็นโชคของเราอย่างที่สุดแล้วนะลูก คุณวาดูเรื่องของแม่กับคุณพ่อเป็นตัวอย่างสิคะ แม่รักคุณพ่อมากและก็เฝ้ารอว่าสักวันคุณพ่อจะหันกลับมาเห็นใจ และรักแม่บ้าง แต่ในที่สุดแม่ก็ได้แต่รอจนถึงทุกวันนี้ เชื่อแม่เถอะคุณวา” ดวงแขให้ข้อคิดกับเธอ
“แม่เชื่ออย่างนั้นเหรอคะ” เธอถามออกไปทั้ง ๆ แทบจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ฟังไป

“ใช่ค่ะคุณวา แม่เชื่ออย่างนั้น เพราะจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด มันทำให้แม่มั่นใจเป็นที่สุดว่า คุณชนะชลรักคุณวา และก็คงจะรักมาก” ดวงแขให้ความมั่นใจกับเธอ
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรคะ ก็ในเมื่อพรุ่งนี้เขา....” วันวิวาห์หยุดไว้แค่นั้น เพราะไม่อาจจะเอ่ย
“แม่ถึงบอกให้คุณวายกโทษให้เธอไงคะ และลืมเรื่องทั้งหมดซะ แล้วคุณวาก็เริ่มต้นใหม่กับคุณวิทย์ คนดี ๆ อย่างคุณวิทย์ใครได้เป็นคู่ครองก็คงจะมีความสุขไปตลอด” ดวงแขบอกเธอด้วยความรู้สึกมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ จากลูกสาวอีกเช่นเคย นอกจากความเงียบ


“เป็นยังไงบ้างชล ฉันใส่ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวแล้วหล่อมั้ย แต่ความจริงนายไม่ต้องตอบ ฉันก็รู้คำตอบอยู่แล้ว เอ้ย...ขอโทษด้วยนะถ้าเกิดพรุ่งนี้ฉันจะหล่อเกินหน้านายหนะ” สุพงศ์ที่เดินออกมาหาเพื่อนที่นั่งอยู่ระเบียงบ้านชนะชล โดยมีไชยันต์ที่เพิ่งจะถึงเมื่อเช้ามืดร่วมวงด้วย สุพงศ์ทำท่าเดินและหมุนตัวให้เพื่อนดูชุดที่เขาใส่
“เอ่อ...ตามบายเถอะ” ชนะชลบอกออกไป

“อะไรกันวะ นี่คุณเจ้าบ่าวครับ ช่วยกรุณาทำหน้าให้มันมีชีวิตชีวาหน่อยได้ไหมครับ” สุพงศ์บ่นเพื่อนอย่างอารมณ์เสีย
“ใช่ฉันเห็นด้วยกับไอ้พงศ์มันนะ ดูนายทำหน้าสิ เห็นหน้านายแล้วมันทำให้ฉันคิดถึงหน้าคุณหมอวันหมั้นไม่ได้หว่ะ ไม่ได้ต่างกันเลย เอ๊ะ...หรือว่าสองคนนี้จะ...เอ่อ” สุชาติหยุดพูดแล้วก็หันไปหาสุพงศ์ที่มัวแต่เก๊กหล่ออยู่ตรงนั้นนั่นเอง
“ทำไม แกกำลังจะพูดอะไรไอ้ชาติ” เขาอดไม่ได้ที่จะทำเสียงดุใส่เพื่อน ด้วยเหมือนรู้ว่าเพื่อนจงใจจะแหย่ให้เจ็บใจเล่น

“เปล๊า ไม่มีอะไร ฉันก็แค่กำลังจะพูดว่านายกับคุณหมอต่างก็กำลังจะสละโสดก็แค่นั้น ไม่มีอะไร แล้วนายล่ะมีอะไรหรือเปล่า” สุชาติบอกและย้อนถามเขากลับด้วยใบหน้าที่ยียวน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ต่อปากกับเพื่อน ด้วยรู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนได้ล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจเขาบ้างแล้ว
“เอ่อ...พูดถึงคุณหมอ ตอนนี้คงจะกำลังยุ่งสินะ ใช่ไหมไชยันต์” สุพงศ์เดินมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อน

“ก็ยุ่ง ๆ ครับ คุณหมอจัดงานที่บ้านไม่ได้จัดที่โรงแรมเหมือนคุณชล มันก็เลยดูยุ่ง ๆ ไปหมดเลย แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคุณหมอรวิทย์จัดการมากกว่า ส่วนคุณหมอวาก็จะถูกสั่งให้ไปขัดผิวขัดตัว แต่งหน้าทำผมตามเรื่องของผู้หญิงล่ะครับ”

“แต่คุณหมอวาก็ไม่ค่อยอยากจะไปทำเท่าไหร่ แต่ก็ทนคุณหมอรวิทย์รบเร้าไม่ไหว เพราะคุณหมอรวิทย์บอกว่า กลัวว่าที่เจ้าสาวจะสวยน้อยลง คุณหมอวาก็เลยต้องตามใจ แต่ก็เห็นทุกคนมีความสุขและตื่นเต้นกันไปตาม ๆ กันนะครับ เห็นบอกว่านานมากแล้ว ที่ ๆ บ้านไม่ได้จัดงานมงคล ก็ตั้งแต่ที่งานคุณพ่อคุณหมอแต่งโน่นล่ะครับ นี่หมอรวิทย์ก็ฝากขอโทษมาด้ววครับ ที่มาร่วมงานไม่ได้ เพราะยุ่งจริง ๆ เลยครับ” ไชยันต์บอก

“แหม...อย่างหมอวาไม่ต้องทำอะไรก็สวยจะแย่อยู่แล้ว พูดแล้วล่ะมันน่าเจ็บใจจริง ๆ เลย ที่ไอ้ชลมันไม่ยอมชวนไปเที่ยวปากช่องซะตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นหนะเหรอ หมอรวิทย์ก็หมอรวิทย์เถอะ รับรองจะจีบตัดหน้าให้ดู หมออะไรก็ไม่รู้สวยน่าดูเลย จริงไหมวะชล” สุพงศ์ไม่วายจะแหย่เขา
และจากคำพูดเหล่านั้นมันก็ยิ่งตอกย้ำให้ชนะชลรู้สึกเจ็บปวดเป็นทวีคูณกับเรื่องที่ได้ยิน แต่เขาก็เลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้ด้วยความเงียบนั่นเอง



เสียงเซ็งแซ่ของผู้โดยสารขาเข้าที่ทยอยกันเดินออกมาจากประตูห้องผู้โดยสาร บ้างก็หันรีหันขวางมองหาป้ายชื่อที่มารับตัวเอง บ้างก็กรี๊ดกร๊าดแล้วก็วิ่งไปกอดกันและกันในระหว่างผู้ที่มาเยือนกับผู้ที่รอรับด้วยความดีใจ จนดูจะวุ่นวายไม่น้อย แต่หากมันช่างต่างจากกลุ่มหญิงสาวห้าคนที่พากันทยอยเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยมีนุติพรทำหน้าที่เข็นรถที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางใบย่อมหลาย ๆ ใบเดินนำคนในกลุ่มมา

“ไฟล์ไปเชียงรายของเราต้องรออีกตั้งสองชั่วโมงแหนะค่ะคุณป้า” นุติพรบอกผู้อาวุโสที่เดินตามหลังมา
“งั้นป้าว่าเราไปนั่งรอที่ร้านกาแฟแถวโน้นก่อนดีกว่ามั้ย หรือจะไปรอที่ดอนเมืองเลยล่ะคุณแพรว” กิติยาถามลูกสาว “ยังไงก็ได้ค่ะคุณแม่ แต่จะนั่งดื่มอะไรแถวนี้ก่อนก็ดีค่ะ มีร้านให้เลือกเยอะดี นั่งเครื่องมานาน ๆ คุณแพรวก็รู้สึกเหนื่อยเต็มที” กิติกรบอก
“งั้นคุณแพรวไปรอแม่ทางโน้นก่อนนะลูก แม่ขอเข้าห้องน้ำก่อน ไปใครจะไปกับแม่บ้าง” กิติยาถามสามสาวที่มาด้วยกัน

“นกกับวรรณไปกับคุณแม่ก็แล้วกัน เดี๋ยวเรากับยายแพรวจะไปรอที่ร้านก็แล้วกัน” นุติพรบอก แล้วก็แยกจากกลุ่มเพื่อตรงไปร้านกาแฟตามที่ตั้งใจเอาไว้ โดยมีกิติกรเดินมาข้าง ๆ แต่แล้วทั้งสองก็เหมือนจะพบคนรู้จัก ที่กำลังอ่านบอร์ดเที่ยวบินอยู่ไม่ห่างกันมาก
“คุณหมอรวิทย์สวัสดีค่ะ”
“อ้าว...คุณแพรว คุณนุ สวัสดีครับ ไปไหนกันมาครับนี่บังเอิญจริง ๆ เลย” รวิทย์ทักทายพร้อมกับรับไหว้คนทั้งสอง เมื่อหันไปมองผู้ที่เข็นรถมาจอดประชิดตัวเองอย่างจงใจ

“คุณหมอมาทำอะไรแถวนี้คะ” กิติกรถามพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูจะจาง ๆ กว่าหลาย ๆ ครั้งที่รวิทย์เคยเห็น
“ผมมารอรับเพื่อนที่จะมางานแต่งงานครับ แต่ว่ามาเร็วกว่ากำหนดเยอะไปหน่อย เพราะเห็นบอกว่าจะพากันไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยจะมาร่วมงานทีหลัง แล้วคุณแพรวไปไหนมาครับ” เขาถามและก็ยิ้มให้
“คุณแพรวเพิ่งจะกลับจากเวนิชค่ะ” กิติกรตอบ

“อย่าบอกนะครับว่าคุณชนะชลพาคุณแพรวไปฮันนี่มูนที่เวนิชมา แล้วก็อย่าบอกด้วยนะครับว่าคุณนุก็ตามไปกับคุณแพรวด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้น แปลว่าคุณแพรวนี่รักเพื่อนจริง ๆ เลยนะครับ จะไปสวีทกับสามีทั้งทียังหอบเอาเพื่อนไปด้วย” รวิทย์อดแหย่เจ้าสาวหมาด ๆ ไม่ได้ ส่วนกิติกรนั้นก็ยังคงได้แต่ยิ้มจาง ๆ ให้เขาอยู่เช่นนั้น

“ใช่ค่ะพวกเราเพิ่งจะกลับจากไปฮันนี่มูนกับยายแพรวมาค่ะ คุณป้ากับนกกับวรรณก็ไปด้วยนะคะ” นุติพรรีบรับสารภาพแทนเพื่อน “คุณหมอมากับใครคะ แล้วเจอเพื่อนหรือยังคะ” นุติพรถามด้วยความอยากรู้
“อ๋อ...หมอมากับหมอวานั่งรออยู่ร้านกาแฟโน่นครับ ส่วนเพื่อนยังไม่เจอกันเลยครับ เห็นเขาประกาศว่าเครื่องมันดีเลย์อยู่ แล้วคุณชนะชลอยู่ไหนครับ” รวิทย์ถามด้วยความเคยชิน

“พี่ชล...เอ่อ...” “พี่ชลไปเข้าห้องน้ำค่ะคุณหมอ” นุติพรรีบตอบแทนเพื่อน
“คุณแพรวรีบหรือเปล่าครับ ถ้าไม่รีบจะแวะไปทักหมอวาก่อนดีมั้ย แต่ตอนนี้หมอขอไปหาดูก่อนว่าไฟล์เพื่อนดีเลย์ไปกี่นาที เดี๋ยวเสร็จแล้วหมอจะตามไปสมทบที่ร้าน” รวิทย์บอกและก็ชี้ไปทางที่ร้านกาแฟที่วันวิวาห์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
“ได้ค่ะคุณหมอ แล้วพบกันนะคะ...ไปกันเถอะแพรว ไปทักทายคุณหมอหน่อยสิ จะได้เอารูปมาจากเวนิชไปอวดด้วย” นุติพรบอกเพื่อนรักพร้อมกับยิ้มด้วยความดีใจที่คิดอะไรสนุก ๆ ออกมาได้ แล้วก็ออกเดินนำกิติกรไปยังร้านกาแฟ

“แพรวฉันว่าเธอมีโอกาสเอาคืนหมอวาแล้วล่ะ นั่นไงนั่งอยู่ตรงนั้น ฉันรับรองว่าคราวนี้ หมอวาไม่กล้าตอบโต้เธอเหมือนคราวที่แล้วแน่ ๆ เธอเอารูปที่พวกเราเพิ่งจะดูตอนอยู่บนเครื่องมาด้วยใช่มั้ย” นุติพรถามเพื่อนรัก และกิติกรก็เหมือนจะเข้าใจความหมายของนุติพรได้เป็นอย่างดี
“ไปสิฉันจะดูต้นทางให้ เอาให้เจ็บแบบนิ่ม ๆ เลยนะ” นุติพรบอกและยิ้มให้กิติกรที่พยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปยังคนที่ยังคงเป็นศัตรูหัวใจของเธออย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“คุณหมอ...สวัสดีค่ะ...ขอคุณแพรวนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ” กิติกรที่เดินเข้ามากับท่าทางที่อ่อนหวานพร้อมคำพูดที่นุ่มเรียบ และสุภาพผิดจากวันนั้นนัก จนผู้ที่ต้องละสายตาจากหนังสือยากที่จะปฏิเสธคำขอ
“คุณแพรว...เชิญค่ะ” วันวิวาห์บอกตามมารยาท แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ ๆ ก็มาพบกิติกรที่นี่
“คุณหมอรวิทย์บอกว่าคุณหมอมารอรับเพื่อนที่มาจากต่างประเทศ” กิติกรถามขณะนั่งลงที่เก้าอี้

“ค่ะ” วันวิวาห์รับคำแค่นั้น เพราะไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาคุยกับกิติกรได้อีก ด้วยเธอยังไม่ลืมเหตุการณ์วันนั้นเลย และตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่ได้พบกิติกรอีกเลยจนถึงวันนี้ และเหนือสิ่งอื่นใดเธอไม่อาจจะตีหน้าซื่อประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนอย่างกิติกรในตอนนี้ได้

“เอ่อ...คุณแพรวอยากจะมาขอโทษคุณหมอกับเรื่องวันนั้นค่ะ ไม่รู้คุณแพรวทำไปได้ยังไง ทุกวันนี้คุณแพรวยังรู้สึกผิดอยู่เลยนะคะ แต่คุณแพรวก็อยากจะให้คุณหมอรับรู้ว่า เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความรักที่คุณแพรวมีต่อพี่ชลแค่นั้นค่ะ แต่ตอนนี้เราก็ได้แต่งงานกันแล้ว และคุณแพรวก็ได้เห็นแล้วว่าคุณหมอก็ทำตามที่คำพูดไว้ทั้งหมด คุณแพรวใจร้อนไปเองค่ะ ยกโทษให้คุณแพรวด้วยนะคะคุณหมอ”
กิติกรบอกด้วยสีหน้าของคนรู้สึกผิดยิ่งนัก จนวันวิวาห์แทบไม่อยากจะเชื่อว่ากิติกรวันนั้นกับกิติกรในวันนี้จะเป็นคน ๆ เดียวกัน

“เราอย่าไปรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ เลยนะคะ หมอลืมมันไปหมดแล้วค่ะ ว่าแต่คุณแพรวไปไหนมาคะ” วันวิวาห์บอกเพราะไม่อยากจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาจริง ๆ
“อ๋อ...คุณแพรวเพิ่งจะกลับจากฮันนี่มูนที่เวนิชมาค่ะ นี่ไงคะรูปสวยมาก ๆ เลยค่ะ แต่รูปส่วนใหญ่จะไม่มีพี่ชลนะคะ เพราะรายนั้นไม่ยอมเข้ากล้องค่ะ ชอบกดแต่ชัตเตอร์เท่านั้น เมืองเขาสวยมาก ๆ เลยค่ะคุณหมอ ตอนนี้คุณแพรวมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ พี่ชลดูแลคุณแพรวเป็นอย่างดีเลยนะคะ ไปไหนมาไหนก็กลัวแต่คุณแพรวจะหลงค่ะ”

กิติกรคว้าเอารูปจากกระเป๋าสะพายมากางไว้บนโต๊ะและก็ยิ้มพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกาย บ่งบอกว่ากำลังมีความสุขกับสิ่งที่เล่าเป็นที่สุด แต่กับคนฟังที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาต้องใช้ความพยายามที่จะตัดเขาออกจากใจอย่างยากลำบาก ไม่ได้รู้สึกเป็นสุขเหมือนกับคนเล่าเลยแม้แต่น้อย แต่วันวิวาห์ก็พยายามข่มความรู้สึกที่เจ็บปวดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เธอเคยทำ

นี่ถ้ากิติกรไม่ได้กล่าวคำขอโทษกับเธอก่อนหน้านี้ เธอก็คงจะอดคิดไม่ได้ว่ากำลังถูกกิติกรเล่นงานให้อีกแล้ว แต่เธอก็เลือกที่จะไม่คิดไปในทางลบอีกต่อไปแล้ว เพราะไหน ๆ เรื่องทั้งหมดมันก็ผ่านมาแล้ว และทั้งเธอและเขาก็เหมือนจะอยู่ห่างไกลกันออกไปทุกที ๆ เธอจึงมองไม่เป็นประโยชน์อะไรที่จะดึงตัวเองให้ต้องเจ็บปวดกับคำบอกเล่าของภรรยาของเขาในตอนนี้

“ดีใจด้วยนะคะคุณแพรว จะดื่มกาแฟหรือทานอะไรก่อนมั้ยคะ” เธอตัดบทด้วยคำถามและรอยยิ้มให้กับอีกฝ่าย

“อ๋อ...คงไม่ดีกว่าค่ะ พอดีนัดกับพี่ชลไว้ที่ร้านโน้นค่ะ แล้วอีกอย่างตอนนี้พี่ชลสั่งให้คุณแพรวงดทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพค่ะ พี่ชลบอกว่าอยากจะมีทายาทเร็ว ๆ ต้องให้คุณแพรวดูแลตัวเองให้พร้อม ๆ เอาไว้ ดูสิคะเพิ่งจะแต่งงานได้แค่สองอาทิตย์ก็พูดเรื่องลูกแล้วค่ะ คุณหมอว่ามันเกี่ยวกันหรือเปล่าคะ คุณแพรวเคยได้ยินแต่คนเขาบอกว่าท้องแล้วไม่ให้ทานของพวกนี้ แต่พี่ชลกลับสั่งให้คุณแพรวงดตั้งแต่ยังไม่ได้ท้องเลย แล้วมันจะช่วยได้เหรอคะคุณหมอ” กิติกรบอกและก็ยิ้มด้วยแววตาที่หวานฉ่ำให้เธอเห็น

“อะไรที่มันไม่บั่นทอนสุขภาพมันก็ดีต่อร่างกายทั้งนั่นล่ะค่ะ” เธอตอบแค่นั้น
“แล้วคุณหมอจะแต่งเมื่อไหร่คะ คุณแพรวจำไม่ได้แล้วพอดียังไม่ได้ดูการ์ดที่ฝากไปหน่ะค่ะมัวแต่ยุ่ง ๆ หลายเรื่อง” กิติกรถามเพราะจำได้ว่าวันวิวาห์ฝากการ์ดแต่งงานไปกับไชยันต์
“อีกสองอาทิตย์ค่ะ” วันวิวาห์ตอบแค่นั้น

“เหรอคะ ถ้าคุณแพรวยังไม่ท้องคุณแพรวจะมาร่วมงานนะคะ แต่ตอนนี้คงจะต้องขอตัวก่อนค่ะ พอดีพี่ชลไปเข้าห้องน้ำป่านนี้คงจะไปรอที่ร้านแล้ว งั้นคุณแพรวขอตัวนะคะคุณหมอ สวัสดีค่ะ” กิติกรบอกและก็ไหว้เธออย่างนอบน้อมแล้วก็ยิ้มให้เธอก่อนจะเดินออกจากร้านไปด้วยความรีบ
“อ้าว...คุณแพรวไปแล้วเหรอวา” รวิทย์ที่เพิ่งจะกลับมาและทันได้เห็นแต่หลังของกิติกรที่เดินจากไป

“อื่ม...แล้วตกลงไฟล์ของทีเจกับเพื่อน ๆ ดีเลย์นานมั้ย” เธอถามไปอย่างนั้น
“ครึ่งชั่วโมงแหน่ะ...เอ่อ...นี่วา...อยากจะไปฮันนี่มูนที่ไหนหรือเปล่า เห็นคุณแพรวกับคุณชนะชลไปแล้ว เราอยากจะไปมั่ง ไปมัลดีฟดีมั้ย เห็นรูปทางเน็ตไปแล้วมันสวยดี” รวิทย์ถามด้วยความกระตือรือร้น
“แล้วแต่วิทย์สิ แต่วาอยากจะพาแม่กับป้าสุขไปด้วยจังเลย ชวนคุณลุงกับคุณป้าไปด้วยดีมั้ยวิทย์” เธอถามเพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะไปสนุกแค่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้สนใจคำตอบจากรวิทย์มากไปกว่าหนังสือในมือ

“คุณหมอครับ ไปฮันนี่มูนนะครับไม่ได้ไปทัวร์ครอบครัวจะได้หอบเอาใคร ๆ ไปด้วย แต่...เอ...ความจริงความคิดนี้ก็เข้าท่านะ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้ไปไหนมานานแล้วเหมือนกัน เราจินตนาการหน้าป้าสุขไม่ออกเลยนะ ว่าจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าเราจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ คงจะขำไม่น้อยเลยล่ะ” รวิทย์ไม่วายที่จะเห็นด้วยกับความคิดนี้ แล้วก็อดขำไม่ได้เมื่อคิดไปถึงสุขที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินแม้แต่ครั้งเดียว

และกับคำพูดของเขา ทำให้อีกฝ่ายต้องเงยหน้ามาจากหนังสือเล่มโปรดอีกครั้ง และก็ยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกที่สบายใจขึ้นมาไม่น้อย ที่อย่างน้อย ๆ เธอก็ได้คนที่มีความคิดคล้าย ๆ กับเธอมาเคียงข้าง แล้วเธอก็บอกกับตัวเองเอาไว้ว่า เธอจะต้องทำใจให้รักรวิทย์ในทางที่มันควรจะเป็นให้ได้ ถึงแม้มันจะยากพอ ๆ กับที่เธอกำลังพยายามจะลืมใครบางคนก็ตาม แต่เธอก็จะทำ เพื่อให้คนที่เฝ้ารักเธอมานานอย่างรวิทย์มีความสุข







 

Create Date : 12 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 8:57:19 น.
Counter : 344 Pageviews.

 

หวังว่าพ่อน้องแพรวจะเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งนะ

คนเขาไม่รัก ไม่ชอบ ฝืนไปก็เจ็บปวด แต่... มันน่านักนะ น้องแพรว ร้ายกันทั้งกลุ่มเพื่อนเลย

 

โดย: จิงโกะ IP: 125.24.209.90 12 ตุลาคม 2551 19:27:59 น.  

 

5555

อืม ตอนแรกน้องแพรวไม่ได้รายแบบนี้หรอกค่ะคุณจิงโกะ

แต่ว่าแฟน ๆ ติว่าน่าจะร้ายกว่านี้หน่อย ดิฉันก็เลยตามใจแฟน ๆ เพราะค่อนข้างจะเห็นด้วยว่ามีความเป็นไปได้ ที่เด็ก ๆ จะพอทำได้

แต่ถ้าร้ายไปกว่านี้ ดิฉันเองก็จะรับไม่ได้แทนแล้วล่ะค่ะ

 

โดย: ธัญญะ 13 ตุลาคม 2551 13:02:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.