คุณพ่อ ๆ คุณพ่อขา...ทำไมคะ...ทำไมทำอย่างนี้กับวา ป้าแขคะมันไม่จริงใช่ไหมคะ บอกวาสิคะว่ามันไม่จริงใช่ไหมคะ วาไม่เชื่อ เธอถามด้วยความเสียใจ แล้วก็ซบหน้าร้องไห้กับไหล่ของดวงแข คุณผู้ชายไปสบายแล้วค่ะคุณวา ดวงแขปลอบใจเธอ และตัวเองนั้นก็เสียใจเหลือเกิน กับการจากไปของสุเมธ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่มีใครบอกวาคะ ทำไม วาเกลียดป้าแข เกลียดป้าสุข ทำไมไม่โทรบอกวาคะ เธอร้องไห้โวยวายเสียงดังด้วยความเสียใจ เมื่อได้ยินดวงแขยืนยันในสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อ เมื่อสองปีที่แล้วค่ะคุณวา สุขบอกความจริงออกไปอีกครั้งสองปี.....จะเป็นไปได้ยังไงคะ ก็คุณพ่อยังเขียนจดหมายถึงวาอยู่เลย ก่อนที่วาจะกลับมานี่เอง คุณพ่อยังบอกเลยว่าจะไปรับวาที่สนามบิน เธอพูดตามความจริง คุณวาคะ คุณผู้ชายเสียไปแล้วจริง ๆ ค่ะ ที่เขียนไปหาคุณวา...คือ...เอ่อ.. ดวงแขอ้ำอึ้งพูดไม่ออก คืออะไรคะป้าแข คืออะไรคะ ตอบวามาสิคะ เธอเริ่มโวยวายและระงับอารมณ์แทบจะไม่อยู่ คุณควรจะสงบสติอารมณ์บ้างนะ....วันวิวาห์ เขาเอ็ดเธอด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเป็นดุ และสีหน้าที่บึ้งตึง คุณด้วย....ฉันเกลียดคุณ ทำไม ๆ คุณทำกับพ่อฉันอย่างนี้ ท่านไปทำอะไรให้คุณนักหนา ทำไมต้องทำท่านถึงกับชีวิตขนาดนี้ด้วย ไป ๆ ให้พ้น วาเกลียดทุกคน เกลียด ไม่มีใครรักวาเลย ไม่มีเลย ทุกคนเห็นวาเป็นอะไร ทำไม ๆ คะ ป้าแข ทำไม เธอร้องตะโกนออกไปอย่างลืมตัว ไม่นานร่างผอมบางนั้นก็ฟุบลงกับพื้น วันวิวาห์ ๆ เธอได้ยินฉันมั้ย....วันวิวาห์ เสียงเขาเรียกเธอ และรีบไปช้อนเอาร่างเธอขึ้น และเดินออกจากห้องสมุด ตรงขึ้นไปบันได เพื่อพาร่างที่ไร้สติไปห้องนอนเธอ โดยมีสุขและดวงแขเดินตามไปอย่างร้อนใจ และก็คนในบ้านที่พากันออกมาดู เจ้านายของพวกเขาพร้อม ๆ กับสีหน้าที่สงสารเธอยิ่งนัก....เขาวางร่างเธอไว้บนเตียงนุ่ม สีหน้าของเธอนั้น ดูซีดจนแทบจะไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงเลย มือหนา ๆ ของเขาเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่ที่เบ้าตา และแก้มขาวสองข้างอย่างจงใจให้ป้าเช็ดหน้า เช็ดตัวให้คุณวาก่อนนะคะคุณชนะชล ดวงแขบอก หลังจากที่เด็กยกผ้าเช็ดหน้ากับอ่างน้ำมาให้ ครับ....ป้าแข เขาตอบและก็หลีกทางให้โดยดี ป้าว่าคุณวาคงจะรับไม่ไหวหรอกค่ะ คุณชนะชล ก่อนไปก็เสียคุณปู่ที่รัก และแม่กับน้อง พร้อม ๆ กัน แต่พอกลับมาก็ต้องเสียพ่อ เสียบ้าน เสียธุรกิจไป เป็นใครก็คงจะรับไม่ไหวหรอกค่ะ ป้าขอร้องคุณชนะชลนะคะ อย่าเพิ่งให้เธอได้รับรู้อะไรที่มากไปกว่านี้เลยค่ะ ป้าขอร้อง นึกว่าเห็นกับคนแก่นะคะ ป้าขอร้อง สุขอ้อนวอนเขา จนทำให้แววตาที่ฉายแววโกรธเกลียดต่อสุเมธ และกับสายเลือดคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่นั้น อ่อนลงได้ไม่ยาก เขามองไปที่ใบหน้าสวยได้รูปอีกครั้ง แล้วเขาก็อดที่จะสงสารเธอไม่ได้เลย เธอผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรจากการกระทำของผู้เป็นพ่อเลย แต่ก็ต้องมารับเคราะห์กรรมอันนี้ และก็ต้องตกมาเป็นเหยื่อความแค้นของเขา ที่มีต่อพ่อและลงมาสู่ลูกอย่างเธอ แล้วเขาหล่ะ.....พ่อ...แม่ของเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้กับสุเมธเหมือนกัน แล้วทำไมต้องถูกทำร้ายอย่างไม่มีทางหนีด้วย เขาเฝ้าครุ่นคิดมาโดยตลอด ว่าถึงแม้พ่อของเขาอาจจะเคยทำเรื่องไม่ดีกับสุเมธไปบ้าง เมื่อครั้งในอดีต ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เพราะถามมารดาแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ แต่สุเมธก็น่าจะจบความแค้นลงในตอนที่พ่อของเขาได้จบชีวิตลงไปแล้ว แต่ทำไมสุเมธถึงได้ทำกับเขาและแม่ได้ขนาดนั้น ด้วยสุเมธใช้อำนาจมืดเข้าไปยึดครองเอาทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัวเขา ไม่ว่าจะเป็นบ้าน และธุรกิจที่กำลังจะเติบโตได้ไม่กี่ปีก่อนพ่อเขาจะตาย เขารู้ดีว่ากว่าพ่อเขาจะสร้างฐานะและธุรกิจให้งอกเงยมาได้ ด้วยลำแข้งก็สาหัสเอาการ เพราะพ่อเขาไม่ได้มีฐานะทางบ้านที่ดีเหมือนกับแม่ และพ่อเขาเองก็ไม่อยากจะขอความช่วยเหลือจากทางบ้านแม่เขาด้วย ถึงแม้ว่าตาและยายเขาจะยินดีให้ความช่วยเหลือก็ตามที....ชีวิตครอบครัวเขาเอง ก็ไม่ได้แตกต่างจากวันวิวาห์เท่าไหร่เลย พ่อและแม่ดูเหมือนไม่ค่อยจะรักกันสักเท่าไหร่ พ่อเขาชอบหายออกจากบ้านไปหลายวันติดต่อกัน ปล่อยให้แม่ต้องอยู่บ้านกับคนรับใช้ตามลำพัง แม่ก็ต้องทนเพราะไม่อยากให้เขามีปมด้อยนั่นเอง เขาเคยได้ยินคนงานพ่อพูดว่า พ่อไม่ได้รักแม่ แต่ที่ต้องแต่งงานด้วยนั้น เพราะแม่เกิดท้องเพราะความผิดพลาดของพ่อกับแม่ เมื่อสมัยที่เรียนด้วยกัน จนตาและยายต้องรีบจัดการให้แต่งงานกันเพื่อกู้หน้า แต่เขาก็ยังโชคดีกว่าวันวิวาห์ที่ทั้งพ่อและแม่ของเขานั้นรักเขายิ่งกว่าชีวิต พ่อยอมเจียดเงินอันน้อยนิดจากกำไรของกิจการ ส่งเขาไปเรียนถึงเมืองนอกส่วนแม่ก็ยอมทำทุกอย่างให้เขาได้มีความสุข ยอมทนแม้กระทั่งอยู่คนเดียว ยามที่พ่อไม่อยู่บ้าน แต่เขาก็รักทั้งพ่อและแม่เท่า ๆ กันเพราะทั้งสองนั้นรักเขา พ่อเป็นเหมือนวีระบุรุษของเขา เขาได้นิสัยที่ดี ๆ จากพ่อมา ซึ่งนั่นคือ ความขยัน มุ่งมั่น และอดทน ทุกอย่างในครอบครัวของเขากำลังจะไปได้ดี จนกระทั่งเขาได้รับข่าวจากแม่ว่าพ่อเสียด้วยอุบัติเหตุ เขาต้องกลับมาดูแลกิจการอย่างกระทันหัน ด้วยอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น ความยังเด็กและไม่มีประสบการณ์ของเขา ทำให้ต้องพ่ายแพ้ต่อสุเมธ ที่ดูจะช่ำชองไปทุกเรื่อง ในที่สุดสุเมธก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างสมใจ และสุเมธก็ไม่หยุดแค่นั้น แต่กลับต้องการที่จะย่ำยีแม่ของเขาให้แหลกลานไปกับตา จนเขาต้องพาแม่หนีหัวซุกหัวซุน เมื่อถูกสุเมธหมายจะเข้าไปรังแกแม่ในคืนหนึ่ง ความรีบร้อนทำให้ทั้งสองไม่มีแม้แต่เงินติดตัวเขาต้องพาแม่เดินเท้าเปล่าในกลางดึก เพื่อไปขอพึ่งใบบุญลูกน้องเก่าของพ่อ แล้วเขาก็ได้เงินค่ารถ และก็พาแม่หนีกลับบ้านไปหาตากับยายที่อยู่ทางเหนือ.....โชคเขายังดีเหลือเกินที่ทางครอบครัวมารดานั้น มีฐานะที่พอจะเลี้ยงเขาให้ลืมตาอ้าปากได้ และมีลู่ทางในการจะกลับมาเอาคืนจากสุเมธได้ เขามุ่งมั่นสร้างตัว และก็สานต่อธุรกิจของตาและยายได้ในเวลาไม่กี่ปีตั้งแต่นั้นมา เวลาเพียงสิบสามปีเขาก็สามารถเอาทุกอย่างจากสุเมธคืนได้ ส่วนชีวิตของสุเมธที่ลั่นไกใส่หัวสมองตัวเองตายเพื่อหนีความอาย ที่ต้องพ่ายแพ้ และเสียทุกอย่างให้กับเด็กอมมืออย่างเขามันก็เป็นเพียงผลกำไรที่เขาไม่คาดว่าจะได้นั่นเอง แต่เขาเองก็รู้สึกผิดหวังอยู่มาก ที่สุเมธมาด่วนตายไปเสียก่อน มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย เพราะเขาอยากจะเห็นสุเมธได้รับความทรมาน และตายทั้งเป็นอย่างช้า ๆ ให้สาสมกับที่เขาได้รับจากการกระทำของสุเมธในอดีตคุณชนะชลคะ ป้าเห็นด้วยกับป้าสุขนะคะ อย่าเพิ่งให้คุณวาได้รับรู้อะไร ที่มันรุนแรงมากไปกว่านี้เลยนะคะ ดวงแขเข้ามาขอร้องเขาอีกครั้ง หลังจากที่เช็ดตัวให้วันวิวาห์เสร็จ และเสียงของดวงแขก็ทำให้เขา เรียกสติและความเข้มแข็งกลับคืนมาได้ งั้นก็ได้ครับ แต่ผมจะไม่รอนานนะครับป้าแข ผมไม่มีเวลามารอให้ใครได้ทำใจหรอกนะ ผมจะต้องรีบขึ้นเหนือ เขาบอกแล้วก็เดินออกจากห้องไปคุณวา ๆ ฟื้นแล้วเหรอคะ ป้าตกใจแทบแย่ เสียงสุขอุทานเบา ๆ เพราะเห็นเปลือกตาของวันวิวาห์เปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ป้าสุขคะ เขาไปไหน วาอยากจะรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ ไม่จริงใช่ไหมคะที่เขาบอก มันไม่จริงใช่ไหมคะป้าสุข ป้าแขบอกวาได้ไหมคะเสียงเธอรำพึงออกมาทั้ง ๆ ที่ยังคงนอนที่เตียงนั่นเอง คุณวาของป้า เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนนะคะ วันนี้คุณวารับรู้เรื่องร้าย ๆ มามากพอแล้ว เชื่อป้าเถอะค่ะ ดึกมากแล้วพักผ่อนก่อนค่ะ ป้าสงสารคุณวาจะแย่อยู่แล้ว สุขพูดบอกเธอ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาให้เธอได้เห็น จนตัวเองนั้นตั้งสติได้ว่าไม่ควรที่จะให้ใครต่อใครได้เห็นความอ่อนแออีก วาขอโทษค่ะป้า งั้นทุกคนไปพักผ่อนเถอะนะคะ วาอยากจะพักด้วยเหมือนกัน เธอบอกในที่สุด แล้วก็ปิดเปลือกตาลงอย่างง่ายดายสิ้นเสียงประตูห้องที่ถูกปิดลง ดวงตาที่หลับเมื่อสักครู่ ก็เปิดออกมาพร้อมทั้งน้ำตา ที่ไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวด และสับสน คุณปู่ขา ช่วยวาด้วย วาเหนื่อยเหลือเกิน ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับวาด้วยคะคุณปู่ เธอรำพึงกับตัวเอง แล้วก็ร้องไห้สะอื้นอยู่คนเดียวนานเท่านาน จนน้ำตาแทบจะไม่มีให้ไหลอีกแล้ว และก็หลับไปเพราะความเหนื่อยในเวลาใกล้สางนั่นเอง ใบหน้าคมสัน และจมูกโด่งรับกับริมฝีปากที่หยักได้รูป คิ้วดำดก ดวงตาคมเข้ม กับชุดลำลองของเขา ที่ยืนอยู่บนระเบียงห้องชั้นบนตั้งแต่เช้า เขามองไปยังเธอ ที่ตั้งแต่เช้านั้นก็นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ริมบึงโดยไม่ยอมปลิปากกับใครเลย ความรู้สึกที่เธอมีต่อผู้เป็นบิดานั้น เขาได้รับรู้มาโดยตลอด จากจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า ที่เธอเขียนถึงพ่อ และเขาก็จะเลือกตอบเพียงเดือนละฉบับเท่านั้น ในนามของสุเมธ ตลอดระยะเวลาสองปีที่ได้รับรู้ข่าวสารจากเธอนั้น มันก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่า นายสุเมธช่างเป็นคนที่โชคดีเหลือเกิน ที่ได้เธอเป็นทายาทคนสุดท้ายของวงศ์ตระกูล เรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเธอนั้น ถูกถ่ายทอดให้ผู้พ่อได้รับรู้โดยผ่านตัวอักษร จนบางครั้งมันทำให้เขานั้นอดที่จะยิ้มออกไม่ได้ เมื่อทุก ๆ ครั้งที่ได้อ่านจดหมายของเธอ ทำให้เขาจินตนาการเจ้าของจดหมายออกได้เป็นอย่างดี ว่ามีอุปนิสัยเช่นไร เขาได้แต่ดูรูปที่ถูกส่งมาให้เขาบ่อยครั้งตามที่เธออยากจะส่งมาให้พ่อ มีบางเวลาที่จดหมายของเธอนั้นขาดหายไปบ้าง เพราะติดงานยุ่ง และมันก็ทำให้เขาเฝ้ารอที่จะอ่านอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้เขาก็รู้สึกโกรธตัวเองอย่างที่สุด ที่เผลอไปสัญญากับสุเมธเอาไว้ก่อนวันที่เขาจะฆ่าตัวตาย ว่าจะไม่บอกเรื่องราวต่าง ๆ ให้วันวิวาห์รู้ จนกว่าเธอจะเรียนจบจนได้เป็นหมอดังที่เธอตั้งใจเอาไว้ โดยที่สุเมธใช้เหตุผลที่ว่า เขาไม่เคยให้อะไรกับลูกเลย เขาจึงอยากจะให้ลูกได้สมหวังในสิ่งที่ฝันเอาไว้บ้าง แต่ชนะชลก็ไม่คิดว่า หลังจากที่เขาได้ให้สัญญากับสุเมธแล้ว เขาจะได้รับข่าวร้ายนั่นคือการตายของสุเมธ ถ้าเขาไม่ให้สัญญาสุเมธก็อาจจะยังไม่ฆ่าตัวตายก็ได้ แต่เขาก็ทำตามที่สัญญาเอาไว้ทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เธอใช้ที่เมืองนอกตลอดระยะเวลาสองปีมานี้ เขาคือคนที่ส่งไปให้เธอ บทพ่อกำมะลอนั้นก็คือเขานั่นเอง เท่านี้เธอก็ได้มากเกินไปแล้วนะวันวิวาห์ ถึงเวลาที่เธอจะต้องใช้คืนฉันบ้างแล้ว สีหน้าที่ดูเปี่ยมสุขที่ได้ยืนมองร่างบางนั้น เปลี่ยนเป็นเคียดแค้น และชิงชังขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานเขาก็ให้คนไปเรียกเธอมาพบที่ห้องทำงานเมื่อเช้าลุงพิธานคงจะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้เธอรู้โดยละเอียดแล้วใช่ไหม เขาถามทันที ที่เธอนั่งลงที่เก้าอี้ เพราะเขาเกรงว่าเธอนั้นจะหาว่าเขาโกหกพกลมอีก จึงโทรไปหาพิธานผู้เป็นเพื่อนรักของสุเมธ ให้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เธอฟัง และยืนยันเรื่องที่เขาพูด พร้อมกับพิธานเองก็เป็นพยานรับรู้เรื่องหนี้สินที่สุเมธสร้างไว้กับเขาด้วย ค่ะดิฉันทราบแล้ว ดิฉันจะต้องทำยังไงบ้างคะคุณชนะชล ถึงจะได้ทุกอย่างกลับคืนมา เธอถามด้วยแววตาที่ชาเย็นกับเขาเหลือเกิน ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่า เงินเดือนหมอของคุณ จะพอใช้หนี้เงินห้าสิบล้าน ที่พ่อคุณสร้างไว้ได้ยังไง แค่จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยมันก็คงจะหมดแล้วหล่ะมั้ง คุณมิต้องใช้หนี้ผมไปทั้งชีวิตหรอกหรือครับ คุณหมอ เขาพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหน จะเป็นเงินเท่าไหร่ฉันก็จะทำ คุณกรุณาบอกมาว่าจะเอายังไง เธอตอบด้วยความเด็ดเดี่ยว และก็อารมณ์เย็นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัดเอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ผมไม่เอาดอกเบี้ยกับคุณซักแดงเดียว เอาแค่เงินต้นคืน คุณจะจ่ายเป็นเดือน หรือเป็นงวดก็ได้แล้วแต่คุณ และบ้านหลังนี้ผมก็ให้สิทธิ์คุณอยู่ที่นี่ได้ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่อยู่แล้ว และผมก็อยากจะให้คุณเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่า ผมไม่ได้ปรารถนาให้พ่อคุณฆ่าตัวตาย และก็ไม่ปรารถนาที่จะได้คฤหาสน์หลังนี้ แต่ในเมื่อพ่อคุณขอร้องให้ผมเก็บรักษาและคงสภาพทุกอย่างเอาไว้ให้คุณ ผมก็จำเป็นที่จะต้องมาดูแล แต่ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาดูแลเอง คุณก็จัดการดูแลต่อไปก็แล้วกัน ส่วนค่าบำรุงรักษาและเงินเดือนคนในบ้านนั้นผมจะเป็นคนดูแลทั้งหมด เพราะอย่างน้อย ๆ ผมก็จะไป ๆ มา ๆ ที่นี่อยู่บ้างในบางครั้ง หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไรนะ เขายื่นข้อเสนอให้เธอ ขอบคุณค่ะ ที่เปิดทางให้ฉันพอที่จะได้เดินบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ถ้าฉันมีปัญญาหาเงินต้นมาคืนคุณได้ทั้งหมดเมื่อไหร่ ฉันก็จะพยายามจ่ายดอกเบี้ยคืนให้คุณด้วย ฉันเข้าใจคนทำธุรกิจดี และก็ขอบคุณค่ะที่กรุณาทำตามคำขอร้องคุณพ่อ เธอตอบเขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย และก็คลายความโกรธเกลียดเขาลงไปบ้างแล้ว เพราะในความรู้สึกของเธอ เขาก็นับได้ว่าเป็นคนที่มีความยุติธรรมพอสมควร แต่ถ้าหากเป็นคนอื่น ๆ ที่หน้าเลือด ก็คงจะไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ไถ่คืนเป็นแน่ เพราะมันได้หลุดจำนองไปตั้งสองปีแล้ว และที่เหนือไปกว่านั้น เขาก็ไม่ได้คิดดอกเบี้ยด้วยซ้ำแล้วเอ่อ...จดหมายที่ฉันเขียนถึงคุณพ่อ เอ่อ...ใครเป็นคนตอบคะ เธอถามเพราะอยากจะรู้เหลือเกิน และเธอก็ภาวนาว่าอย่าได้เป็นเขาเลย แต่ก็ต้องผิดหวังกับคำตอบที่ได้ ผมเอง...ต้องขอโทษคุณด้วยนะ ผมจำเป็นที่จะต้องทำให้ทุกอย่างแนบเนียนที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณหมออย่างคุณก็คงจะจับไต๋ผมได้ในไม่ช้า แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ผมจะเก็บเรื่องที่คุณเขียนเอาไว้เป็นความลับ ระหว่างเราสองคน เขาพูดพร้อมทั้งยิ้มแหย่เธออย่างอดไม่ได้ จนทำให้เธอนั้นทำหน้าไม่ถูกเลย ขอบคุณค่ะ เธอตอบเขาในที่สุด คุณจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ เขาถามเธอเพราะอยากรู้จริง ๆ แต่ส่วนที่จะทำที่ไหนนั้นเขารู้แล้วจากจดหมายเธอ เพราะวันวิวาห์เคยเขียนบอกพ่อว่าตั้งใจอยากจะทำงานในโรงพยาบาลรัฐบาล เพราะไม่ได้เอาแต่มุ่งทำกำไรกับคนไข้ แต่มาบัดนี้เธอคงจะต้องรับงานที่โรงพยาบาลเอกชนด้วยแล้วกระมัง เพราะต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้เขาซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะหมดอาทิตย์หน้าค่ะ เธอตอบสั้น ๆ ผมคงจะไม่มาที่นี่สักระยะ ขอให้คุณโชคดีก็แล้วกันนะ ลุงส่งจะเป็นคนคอยขับรถรับส่งให้คุณตอนไปทำงาน และผมคงจะต้องแจ้งให้คุณรู้ว่าผมจะใช้ที่นี่ต้อนรับแขกพิเศษเป็นบางครั้ง เพราะไม่มีอะไรที่บ้านคุณจะให้ผมได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว แค่อยากให้คุณรับรู้ว่าอย่าตกใจถ้าเห็นใครมาอยู่ที่นี่ในบางครั้ง เขาบอกเสียงเบา ๆ ดิฉันทราบดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่กรุณาแจ้งให้ทราบล่วงหน้า งั้นดิฉันขอตัวนะคะ เธอพูดพลางลุกเดินออกนอกห้องไป ทิ้งให้คนที่นั่งอยู่ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ แต่ไม่นานสีหน้านั้นก็หายไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่สับสนแทน พร้อมกับความไม่แน่ใจกับการกระทำของตัวเอง ช่วยไม่ได้นะวันวิวาห์เธออยากจะเกิดมาเป็นลูกของมันเอง คิดแล้วก็พลอยทำให้เขาคิดถึงใบหน้าที่ดุดันและเคียดแค้นของสุเมธในคืนที่เขาไปช่วยแม่เอาไว้ได้ทันจากน้ำมือคนใจสกปรกอย่างสุเมธไว้ได้ แม่แกมันโง่ ๆ ที่คิดว่าผัวตัวเองยังรักตัวเองอยู่ แต่ที่ไหนได้มันก็เลว เลวไม่แพ้กับฉันในเวลานี้หรอกนะไอ้หนุ่ม แล้วแกจะมาหวงอะไรนักหนา ทำไมไม่ปล่อยให้แม่แกได้มีความสุขบ้างห๊า... เป็นเมียพ่อแกมีแต่จะทำให้แม่แกเสียกับเสีย สู้มาเป็นเมียฉันดีกว่า จะได้สบายไปทั้งชาติ จะเอาเงินไปปรนเปรอใครก็ได้แกหมายความว่ายังไงไอ้ชั่ว เขาร้องถามด้วยความอยากรู้และโมโหในเวลาเดียวกัน หมายความว่ายังไงเหรอ...ก็ถามนังนี่ดูสิ....เธอรู้ดีไม่ใช่เหรอเอมอรว่าฉันหมายความว่ายังไง....อ้าว....ว่าไงหล่ะ จะยอมฉันดี ๆ แล้วบอกไอ้ลูกหน้าโง่ของเธอออกไปให้พ้น ๆ หน้าฉันซักที ฉันอยากจะรู้รสชาติ ไอ้การที่ได้เป็นชู้กับเมียชาวบ้านจะแย่อยู่แล้ว ว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง ฉันจะได้เข้าใจความรู้สึกของผัวเธอสักทียังไงหล่ะ เสียงสุเมธพูดด้วยความโกรธจัด คุณสุเมธพอได้แล้วหล่ะค่ะ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะ คุณเองก็ได้ในสิ่งที่คุณอยากได้แล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปเถอะนะคะฉันขอร้อง แล้วฉันจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย นิพนธ์เขาก็ตายไปกับการกระทำของเขาแล้ว เราอย่ามาผูกใจเจ็บใจแค้นเลยนะ ฉันขอเถอะ ลูกชายฉันเขารักพ่อเขามาก ให้เขาได้ภูมิใจกับพ่อเขาเถอะนะ ฉันขอร้อง เอมอรอ้อนวอนเขา ขณะที่ต้นคอถูกแขนซ้ายของสุเมธล๊อคเอาไว้ และมืออีกข้างก็ถือมีดแล้วจ่อมาที่คอเธอ เธอก็บอกให้มันเอาปืนลงสิ ไม่งั้นฉันจะเชือดคอเธอ ให้ตายตามไอ้ผัวชั่ว ๆ ของเธอไปเดี๋ยวนี้.....เธออย่าคิดนะว่าฉันจะไม่กล้าทำ.....ทีผัวเลว ๆ ของเธอมันยังทำกับฉันได้....ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว....เพราะมันทำให้ชีวิตฉันต้องพังพินาศลง เขาขู่ด้วยความโมโห และเกลียดผู้ที่เขาพูดถึงยิ่งนัก ขณะที่ชนะชลเด็กหนุ่มที่ในมือกำปืนแน่น และเล็งปลายกระบอกไปที่เขา เพื่อให้ปล่อยมารดาให้เป็นอิสระ ชลวางปืนลงเถอะลูก เขาไม่ทำอะไรแม่หรอก เขาไม่ใช่คนอย่างนั้น แม่รู้ดี วางลงเถอะลูก เธอบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน ด้วยกลัวว่าลูกจะทำอะไรลงไปด้วยความห่วงแม่ จนเป็นเหตุให้เธอต้องสูญเสียลูกไปอีกคน แต่ก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ แม่อย่าไปกลัวมัน แค่นัดเดียวมันก็จอดแล้ว แม่ไม่ต้องกลัวนะ เขายังคงเล็งปืนไม่ยอมลดละ เพื่อหวังจะช่วยมารดา เพราะนั่นคือสิ่งเดียวในชีวิต ที่เขาเหลืออยู่ในเวลานี้ แล้วแกจะเอายังไง แกไม่ห่วงแม่บ้างเหรอห๊า เขาตะโกนใส่หน้าชนะชล เอายังไงเหรอ....แกก็ปล่อยแม่ฉันสิ ไม่งั้นฉันยิงจริง ๆ ด้วย แกได้ทุกอย่างไปแล้ว ส่วนฉันเหลือแม่แค่คนเดียว ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ถ้าแกอยากจะไปใช้สมบัติที่แกโกงของฉันได้ เอาไปในเมืองผีหล่ะก็ได้เลย ฉันพร้อมจะแลกด้วยชีวิต เขาเอาจริงมากยิ่งขึ้น จนทำให้สุเมธค่อนข้างจะเชื่อว่าเขาเอาจริงก็ได้....ฉันจะปล่อยแม่แก....แต่แกอย่าคิดนะว่าฉันจะกลัวแก แต่ฉันไม่อยากจะเอาชีวิตที่มีค่าของฉัน ไปแลกกับคนไม่มีค่าอย่างพวกแกต่างหาก เขายอมปล่อยให้เอมอรเป็นอิสระ ชลพอได้แล้วลูก เราไปกันเถอะนะลูก เร็ว ๆ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ ให้ลูกน้องมาเล่นงานเราแทน ทันทีที่เป็นอิสระ มารดาก็วิ่งไปหาเขา พร้อมทั้งบอกและฉุดแขนเขาให้รีบหนีออกจากบ้านไป ฝากไว้ก่อนนะแก สุเมธตะเบ็งตามหลัง พร้อมกับสีหน้าที่โกรธแค้นเด็กหนุ่มนั่นยิ่งนัก แต่ไม่นานเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วก็หันไปเยาะเย้ยรูปของนิพนธ์ที่ตั้งไว้ในห้อง มึงดูสิ...ว่าครอบครัวมึง ได้รับอะไรจากการกระทำของ ผัวเลว ๆ และพ่อเลว ๆ อย่างมึง ถึงมึงจะไม่ได้อยู่รับรู้ แต่กูก็ขอสาบแช่งมึงให้วิญญาณมึง ไปลงนรกหมกไหม้ อย่าได้ผุดได้เกิด ให้วิญญาณมึงได้ลิ้มลองความทรมานไปชั่วกัปชั่วกัลป์ไอ้ชาติชั่ว สิ้นเสียงที่เขาตะโกนด่าลง สุเมธก็คว้ารูปของนิพนธ์แล้วขว้างไปอย่างไร้ทิศทาง ด้วยอาการโกรธ และเกลียดชังคนในรูปเป็นที่สุด ชนะชลยังคงนั่งเอนหลัง พิงเก้าอี้ในห้องทำงาน ไปอีกเป็นนานสองนาน หลังจากที่ไม่มีใบหน้าที่ราบเรียบ และเฉยเมยของวันวิวาห์ที่ออกไปจากห้องนานแล้ว.....เขาปล่อยตัวเองให้จมปรักอยู่กับความหลัง เมื่อครั้งที่ถูกสุเมธทำร้ายจิตใจ แววตาแห่งความโกรธแค้น ชิงชังในตัวของสุเมธยังคงเต็มเปี่ยมในความคิดของเขา จนรู้สึกง่วงแล้วจึงดึงตัวเองให้ขึ้นชั้นบนไปนอน แต่ก็ไม่วายที่จะหยุดฝีเท้าที่หน้าห้องของวันวิวาห์ พร้อมกับสีหน้าที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง....แล้วในที่สุดเขาก็ผ่านไปด้วยหัวใจที่สับสน...ดอกบัวสีต่าง ๆ พากันเบ่งบานรับอรุณรุ่งของวันใหม่ด้วยความสดใส แมลงนานาชนิด ต่างพากันวิ่งไปมาบนผิวน้ำ ใบบัวที่กางใบออกอยู่บนผิวน้ำ ใหญ่บ้าง เล็กบ้างปกคลุมแทบจะทั่วบึง...เรียวขาขาวนวลเนียนถูกทอดยื่นออกไปด้านหน้าทั้งสองข้าง ส่วนหัวเข่าทั้งสองนั้น ต้องทำหน้าที่รับน้ำหนักของแขนสองข้าง ที่ถูกพาดขวางเอาไว้ด้านบน เพื่อรองรับใบหน้าขาวใส ไร้ซึ่งเครื่องเสริมแต่งใด ๆ ดวงตาดำ กลมโต ถูกเปลือกตาที่มีขนตางอนงาม ขึ้นดกเป็นแพ เปิดขึ้นลงอย่างช้า ๆ ตามแต่หัวใจของเจ้าของจะสั่งการมาตั้งแต่เช้าตรู่วันวิวาห์เฝ้าครุ่นคิด และทบทวนเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของตัวเองอย่างสับสน และท้อแท้เหลือเกิน เราหล่ะอิจฉาวาจริง ๆ เลย ที่เกิดมามีเงินทองกองเป็นภูเขา มีบ้านใหญ่โตยังกับวัง มีพ่อที่หน้าตาหล่อเหลา มีคุณปู่ที่ใจดี ถึงแม้ว่าแม่กับน้องจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หรือเรียกว่าแย่เลยก็ว่าได้ แล้วนายจะมานั่งกลุ้มใจให้มันได้อะไรขึ้นมาจ๊ะ ว่าที่คุณหมอ เสียงรวิทย์เมื่อในวัยเด็ก คอยแหย่เธอในหลาย ๆ ครั้ง ที่เธอไม่สบายใจ...แล้วมานั่งที่นี่ และมันก็ทำให้เธอลืมความเสียใจไปได้บ้าง เพราะรวิทย์จะทำทุกวิธี เพื่อให้เธอนั้นได้หัวเราะออกมาได้ในที่สุดแต่วันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ทำให้เธอหัวเราะแล้ว แต่ถึงแม้เขาจะอยู่ เธอก็คงจะหัวเราะไม่ออกเป็นแน่ เพราะมันร้ายแรงเกินไปกับปัญหาในครั้งนี้ ทำไมนะ....ทำไมพ่อถึงได้สร้างแต่ปัญหาไม่รู้จักจบสิ้น เพราะตั้งแต่จำความได้ เธอก็เห็นพ่อกับแม่เอาแต่ทะเลาะกัน ทำให้ปู่ต้องกลุ้มใจไม่ว่างเว้นแต่ละวัน เพราะอะไรพ่อกับแม่จึงไม่ค่อยจะรักกันเหมือนกับพ่อแม่รวิทย์ มันเรื่องอะไรกัน เธอพยายามคิดและหาคำตอบมานานนับสิบปี แต่ก็ไม่เคยมีใครแพร่งพรายเรื่องนี้ ให้เธอได้รู้เลย และก็ดูเหมือนว่าทุก ๆ คนในบ้าน จะช่วยกันปิดบังเธอด้วยซ้ำ จนในบางครั้งปู่เอาแต่บ่นให้เธอฟัง ว่าที่พ่อกับแม่เป็นแบบนี้เพราะอะไรวาอย่าไปโกรธพ่อกับแม่เลยนะลูก เพราะมันเป็นความผิดของปู่เอง ปู่เป็นพ่อที่ไม่ดี ไม่รู้จักสั่งสอนลูก ปู่รักลูกผิดวิธี ตามใจลูกผิดวิธี ถ้าย้อนเวลาได้ปู่ก็คงจะต้องเปลี่ยนวิธีเลี้ยงพ่อแกใหม่ มันจะได้ไม่ต้องเอาแต่ใจตัวเองอยู่อย่างนี้ไงหล่ะนั่นคือคำที่ปู่พร่ำบอกเธอ และก็เป็นการปรับทุกข์กับหลานไปในตัวด้วย ในหลาย ๆ ครั้ง หลังจากที่ลูกกับลูกสะใภ้ทะเลาะกันยุติลง....และก็ตามด้วยการที่ลูกชายเขาจะหายหน้า ไม่ยอมกลับบ้านไปอีกหลายวัน มันทำให้กุศลผิดหวังในตัวเขายิ่งนัก แต่ก็ยังดี ที่สุเมธก็ยังมีความรับผิดชอบอยู่มาก นั่นก็คือเขาก็ยังคงไปทำงานตามปกติ ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเดียวของกุศล และก็ถูกเลี้ยงมาอย่างดี ตามใจทุกอย่าง อยากจะได้อะไรก็ต้องได้ จนทำให้สุเมธนั้นได้ใจ ทำตัวเกเรเหลือเกินแล้วเธอหล่ะ มีสักครั้งไหมในชีวิตที่เธอจะเคยทำตัวแบบพ่อ มีสักครั้งไหมที่เธอจะแต่งตัวไปเรียน แต่ไม่เข้าเรียนกลับหนีเที่ยวเหมือนน้อง เงินทองเธอก็ไม่เคยที่จะใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ส่วนเรื่องการเรียนเธอก็เป็นที่แต่หนึ่งของห้องเรียนมาโดยตลอด จนเป็นที่รักใคร่ของครูหลาย ๆ คน และเพื่อน ๆ พ่อจะรู้มั้ยว่ากว่าที่เธอจะเรียนจบจนเป็นหมอมาได้ มันยากเย็นแสนเข็นแค่ไหน แต่เธอก็พยายามเรียนให้หนักเพื่อที่จะทำให้พ่อภูมิใจ ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าพ่อคงจะไม่ยินดียินร้ายกับเธอนัก มาตั้งแต่เธอจำความได้แล้ว แต่ถึงกระนั้น เธออดที่จะคิดน้อยใจไม่ได้แกมันเป็นตัวปัญหา ถ้าไม่มีแก แม่เขาก็คงจะไม่เกลียดฉัน แล้วฉันก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้ ไม่รู้แกจะเกิดมาทำไม แกมันเป็นมารชีวิตฉัน ได้ยินไหม ไปให้พ้น ๆ หน้าฉันไป จะไปหาแม่แกที่ไหนก็ไป สิ้นเสียงดุด่าของผู้เป็นพ่อ เธอก็ได้แต่ร้องไห้ และวิ่งออกไป ซบอกผู้เป็นปู่ทุก ๆ ครั้งไป หรือหากครั้งใดที่ปู่ไม่อยู่อกของดวงแขและสุขจะมาแทนที่ให้เธอแทบทุกครั้ง แล้วทั้งคู่ก็ร่ำไห้ไปด้วยแทบทุกครั้งเพราะความ สงสารเธอเหลือเกินน้ำตาแห่งความเจ็บปวดจากเรื่องในอดีต มันค่อย ๆ ไหลออกมาโดยที่เธอเอง ก็ไม่ได้ตั้งใจ มีหลาย ๆ ครั้งที่เธอฝืนเก็บน้ำตาเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย จนบางครั้งเปลี่ยนเป็นขรึม จนเป็นที่น่าเกรงขามกับคนไข้และพยาบาลยิ่งนัก เมื่อยามที่เธอทำงานอยู่ในโรงพยาบาลต่างประเทศ.....เพราะปัญหาต่าง ๆ ในครอบครัว ถูกเธอเก็บซ่อนมันเอาไว้ภายใต้ใบหน้านี้นั่นเอง คุณวาคะ....คุณวา....เลยเวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ ป้าสุขให้หนูมาเรียนว่ารออยู่ค่ะ เสียงเด็กรับใช้ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้าย....ไม่มีคำพูดใด ๆ จากปากเธอ นอกจากการเงยหน้าไปหาคนพูดแล้วก็พยักหน้ารับ เพียงแค่นั้นก็พอแล้วสำหรับ แจง เด็กรับใช้ที่เป็นลูกคนสวน ถึงแม้เธอจะไม่มีโอกาสได้รู้จักเจ้านายสาวมาก่อนเพราะตั้งแต่เกิดมา ชื่อ คุณวา ก็ติดหูเธอมาแล้ว โดยที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาว่าเป็นยังไง นอกจากดูรูปที่ส่งมาเท่านั้น แต่เท่าที่แจงรู้จากคำบอกเล่าของสุข ว่าเจ้านายคนนี้เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แจงจึงไม่อยู่เซ้าซี้ รีบผละจากเจ้านายกลับเข้าบ้านไปก่อนมือเรียวงามถูกล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงขาสั้นสีขาว ไม่นานผ้าเช็ดหน้าสีเดียวกันก็ติดมือเธอออกมา แล้วเช็ดน้ำตาที่เอ่อไหลเต็มเบ้า เพราะเธอไม่ปรารถนาที่จะให้คนในบ้าน ได้เห็นความอ่อนแอของเธออีกต่อไปแล้ว คงมีอีกหลาย ๆ คนในโลกนี้ ที่มีปัญหาหนักหนาสาหัส มากกว่าเธอนัก ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องยอมรับมันให้ได้ หญิงสาวปลอบใจตัวเอง ไม่นานก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ถูกสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของบรรพบุรุษ มันช่างสวยงามเหลือเกิน แล้วคำบอกของปู่ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดอีกครั้ง บ้านหลังนี้ ปู่กับย่ารักมันมาก ถ้าพ่อแกยังทำตัวเกเรอยู่แบบนี้ ปู่จะยกให้เรานะยายวา แล้วเราก็จะต้องรักษามันให้ดีนะ รวมทั้งคนในบ้านด้วย ดูแลเขาให้ดี คนพวกนี้ล้วนแล้วก็เป็นลูกเป็นหลานของคนงาน ที่มันตามปู่มาตั้งแต่สมัยปู่ทวดกับย่าทวดของเราเลยรู้ไหม คำพูดของปู่ยังก้องในหู คุณปู่คะ....วาจะพยายามรักษามันเอาไว้ให้ได้ค่ะ ถึงแม้มันจะยากแค่ไหน วาก็จะทำ วาสัญญา นั่นคือคำพูดที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาว ก่อนจะเดินเข้าบ้านแล้วเธอก็พบว่าเขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว มันทำให้เธอแทบจะไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับเขาเลย ไม่ใช่เพราะว่าเธอรังเกียจเขาแต่ประการใด แต่หากเป็นเพราะใบหน้าและแววตาที่เขาแสดงออกมา ประหนึ่งเธอไม่มีตัวตนอยู่ในบ้านหลังนี้ต่างหาก คุณสุเมธใจเสาะไปหน่อยกับอีแค่เป็นหนี้ไม่กี่สิบล้าน ก็เลยหนีหนี้ด้วยการเอาปืนเป่าสมองตัวเองตายไปแล้ว ตั้งแต่สองปีก่อน ภาพสีหน้าของเขาที่ดูจะชิงชังผู้เป็นบิดาของเธอผุดขึ้นมาตอกย้ำเธอทันที และเธอเองก็เดาได้ไม่ยากนักว่า เขาก็คงจะชิงชังน้ำหน้าของเธอไม่แพ้ไปจากพ่อเป็นแน่ เพราะจะเห็นได้จากการที่เธอได้สนทนากับเขาเมื่อวานนี้ ทั้งสีหน้าและแววตาที่เขามองเธอนั้น แทบจะหาแววของความมีไมตรีต่อกันไม่มีเลย ใช่สินะ เขาจะมามีไมตรีกับเราทำไม ก็ในเมื่อเรามันเป็นแค่ลูกหนี้เขาเท่านั้น ลูกหนี้ที่มีโอกาสเป็นหนี้สูญได้ทุกเมื่อ หรือต่อให้ไม่สูญ เขาก็คงจะต้องรอเราเก็บเงินนานนับสิบปีเลยทีเดียวกว่าจะได้คืนครบผมเข้าใจว่าคุณยังจำเวลาอาหารเช้าของบ้านได้ดี เพราะเห็นป้าแขบอกผมว่า สมัยที่คุณยังเด็กคุณกับคุณปู่มักจะชอบทานข้าวที่ห้องนี้ด้วยกันเป็นประจำ เสียงของเขาดังจนทำให้เธอต้องดึงความคิดที่ล่องลอยให้กลับมาเอ...หรือว่าคุณรังเกียจที่จะร่วมโต๊ะกับผม ถึงได้ปล่อยให้เจ้าของบ้านนั่งคอยจนเกือบจะชั่วโมง เขายังไม่วายที่จะประชดประชันเธอ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทราบว่า เจ้าของบ้านอย่างคุณ จะให้เกียรติมาร่วมโต๊ะอาหารกับผู้อาศัยอย่างฉัน และอีกอย่าง ฉันไม่เคยลืมเวลาอาหาร แต่ที่ไม่ได้มาก็เพราะว่า ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉันแล้ว ฉันก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรตามที่เคยทำมา น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่หนักแน่น บ่งบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่ชอบใจนักที่ถูกเขาประชดให้เอาหล่ะ ๆ...ผมขี้เกียจเถียงกับคุณ ผมจะกินข้าวได้หรือยังครับ เชิญ เขาจำเป็นต้องตัดบท เพราะไม่อยากจะให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเสียมากไปกว่านี้ และอีกอย่างเขาก็ไม่อยากให้สุขและดวงแขที่ยืนรอรับใช้อยู่ต้องเสียขวัญ เพราะเขาเองก็ไม่เคยที่จะได้ปะทะคารมกับใครให้สองคนนี้เห็นมาก่อน และโดยเฉพาะการวัดฝีปากกับหมอหน้าขรึมที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ด้วยแม่คุณ...เลือดพ่อแรงจริงนะ ประชดไม่กี่คำ ตอกกลับแทบจะฟังไม่ทัน เขาอดคิดและก็ขำไม่ได้ เมื่อมองไปยังใบหน้าที่ยังคงเรียบและขรึมอยู่อย่างนั้นเสียใจด้วยนะที่วันนี้ไม่ใช่ ขนมปัง ไข่ดาวและก็แฮมเหมือนที่คุณเคยกินมา บังเอิญผมไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่งเท่าไหร่ มันเลี่ยน...ป้าสุขเชิญตักอาหารได้เลยครับ ผมหิวจนตาลายแล้ว เขาไม่วายที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง เพราะทนเห็นใบหน้าผู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยที่เขาไม่พูดอะไรไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกสุข ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าที่พูดกับเธอไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญของการกินมากไปกว่าความอิ่ม จะกินอะไรถ้าทำให้อิ่มฉันก็กินได้ทั้งนั้น เธอตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นเคย แต่ก็ไม่วายที่จะประชดเขานิด ๆ เพราะเธอรู้ดีว่าเขาตั้งใจจะประชดเธออีกครั้งป้าคิดว่าคุณวาคงอยากจะกินอาหารไทยมากกว่าอาหารฝรั่งค่ะ วันนี้ป้าก็เลยทำผัดผักบุ้งไฟแดง ยำปลาข้าวสาร แล้วก็ต้มจืดแตงกวายัดไส้กุ้งค่ะ ของโปรดคุณวาทั้งนั้นเลยนะคะ ทานเยอะ ๆ ค่ะ แม่แขไปจ่ายตลาดเองเลยเพราะพวกเราตั้งใจทำให้คุณวาค่ะ สุขรีบบอกด้วยความกะตือรือร้นที่ได้บริการเจ้านายที่เธอรักและคิดถึงขอบคุณป้าทั้งสองคนนะคะที่ห่วงวา แต่ว่าทีหลังทำอะไรให้วาก็ได้ค่ะ เอาที่ง่าย ๆ นะคะ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาก เธอบอกคนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลยิ่งนัก จนทำให้คนที่กำลังตักอาหารเข้าปากนึกหมั่นไส้ในใจ เพราะทีกับเขาทำเป็นพูดประชดประชัน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะไม่อยากจะทำให้เธอไม่เจริญอาหารในมื้อนี้นั่นเองทานเยอะ ๆ นะคะคุณวา ตอนเที่ยงยังมีของอร่อย ๆ เตรียมไว้ให้คุณวาอีกเยอะค่ะ ดวงแขบอกเธอด้วยแววตาที่สุขใจเป็นที่สุด เพราะนานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นหน้าเจ้านายสาวขอบคุณค่ะ แต่ป้าแขกับป้าสุขไม่ต้องยุ่งยากกับวามากหรอกนะคะ เธอไม่วายที่จะห่วงคนทั้งสอง เพราะเห็นว่าทั้งคู่ก็ดูจะอายุมากแล้ว ไม่ต้องห่วงเราหรอกค่ะคุณวา เพื่อคุณวาแล้วพวกเราเต็มใจค่ะ สุขรีบบอก ทำให้ชนะชลที่นั่งกินข้าวอยู่นั้น รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจบ่าวและนายที่นั่งอยู่ตรงนี้เหลือเกิน ในความคิดของเขานั้น น้ำเสียงที่เอื้ออารีย์ต่อผู้ที่ด้อยกว่าของเธอ คงจะได้มาจากปู่ มากกว่าพ่อเลว ๆ ของเธอเป็นแน่ จนเขารู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้พบและรู้จักกุศลขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็วาดภาพกุศลได้ไม่ยาก จากทายาทของตระกูลที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เขานี่เองดวงหน้าที่หลับสนิทต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผู้ที่เคยแต่ใช้ชีวิตอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ต้องรีบดึงตัวเองให้ลุกจากเตียงด้วยความยากลำบาก เพราะเพิ่งจะหลับไปได้ไม่เท่าไหร่ หลังจากที่เมื่อคืนกว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบจะฟ้าสางแล้ว หญิงสาวหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่โต๊ะหัวเตียง ก็พบว่าเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว คุณวาคะ คุณชนะชลให้มาเชิญไปพบที่ห้องทำงานค่ะ บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแจงรีบรายงาน เมื่อเธอเดินมาเปิดประตูบอกว่าอีกสักพัก ฉันจะลงไปนะ หญิงสาวบอกออกไป แต่ก็ไม่วายอยากจะถามเด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้านัก ว่าเขามีอะไรที่จะคุยกับเธอ เธอก็ไม่อยากจะซักอะไรเด็กมากเกินไป เพราะเห็นว่าเด็กคนนี้ ไม่ค่อยจะกล้าสบตากับเธอสักเท่าไหร่นัก ไม่รู้ไปกลัวเธอมาตั้งแต่หนไหน ผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าถูกดึงออกมาแล้วเธอก็รีบตรงไปห้องน้ำ เพื่อชำระล้างร่างกายก่อนไปพบเขานั่นเอง เชิญ เสียงของคนที่นั่งอยู่ข้างในร้องออกมา เมื่อเธอเคาะประตูห้องทำงานของเขาคุณให้คนไปเรียกไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ เธอถาม ขณะที่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอีกหน้าโต๊ะทำงานของเขาขอโทษด้วยนะ ที่รบกวนเวลาพักผ่อนคุณ แต่ผมเห็นว่าอีกหน่อยก็จะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ก็เลยให้คนไปปลุก เขาบอก เพราะรู้ดีว่าเธอยังปรับตัวกับเวลาในประเทศไทยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่วายที่จะทำน้ำเสียงค่อนขอดเธอเล็กน้อยอยู่นั่นเองไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณมีธุระอะไรคะ เธอถามก็ไม่มีอะไรมากหอรก ผมแค่อยากจะถามคุณว่า จะให้ผมจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของ ทายาทที่หลงเหลืออยู่คนเดียวของตระกูล พิพัฒน์กุล หรือเปล่าครับคุณหมอ เขาอดไม่ได้ที่จะเริ่มอีก แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ต้องการจะถามเธอเช่นนั้นด้วยไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่กรุณา เธอตอบแค่นั้นทำไมเหรอ คุณไม่อยากประกาศการกลับมาพร้อมกับความสำเร็จของคุณให้ใคร ๆ แถวนี้รับรู้หน่อยเหรอ...เอ...หรือว่ากลัวใครเขาจะรู้ว่าฐานะทางการเงินคุณเปลี่ยนไปแล้ว เขาเริ่มสนุกกับการประชดเธอขึ้นมาอีกแล้ว ทำไมฉันจะต้องกลัวด้วยคะ เธอถามเขากลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นเคยผมจะไปรู้เหรอ....คิดว่าคุณจะอายจนไม่ยอมออกไปพบปะใคร ๆ เหมือนพ่อคุณไง แต่อันที่จริงผมว่าคุณคงไม่ต้องกลัวหรือว่าอายหรอกนะ เพราะว่าคนแถวนี้ เขารู้กันมาตั้งแต่สมัยที่พ่อคุณยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะจัดงานก็ไม่มีอะไรหน้าเป็นห่วง เขาพูดและยิ้มเยาะเย้ยเธอด้วยแววตาที่สะใจคนอย่างดิฉันไม่จำเป็นจะต้องอายใคร เพราะดิฉันไม่เคยไปโอ้อวดใคร ๆ ว่าตัวเองมีฐานะทางบ้านเป็นยังไง ฉันพอใจในสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ทราบว่าธุระคุณมีแค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัว เธอบอกพร้อม ๆ กับลุกจากเก้าอี้ด้วยอาการโกรธ แต่เธอก็พยายามเก็บเอาไว้ภายในไม่แสดงออกมาให้เขาได้เห็นมาก เพราะรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรงั้นก็ตามใจคุณ ถ้าคุณไม่อยากจะประกาศให้พนักงานที่บริษัทและที่ไร่รู้ว่าทายาทคนเดียวของตระกูลกลับมาก็ไม่เป็นไร และฝากไปอธิบายให้ลุงพิธานรับรู้ด้วย ว่าคุณไม่ประสงค์จะให้ผมจัดงานให้ เขาจะได้ไม่มาตำหนิผมได้ ว่าใจดำ เขารีบพูดตามหลังเธอ แต่อีกฝ่ายก็แค่หยุดฟังแค่นั้นไม่ได้ตอบโต้อะไร นอกจากเดินออกจากห้องด้วยอาการที่สงบคุณวาเสร็จธุระกับคุณชนะชลแล้วเหรอคะ ดวงแจถามทันทีที่เห็นเธออกมาจากห้องค่ะ เธอรับคำแค่นั้น งั้นคุณวาไปรอคุณชนะชลที่ห้องอาหารเลยนะคะ อีกหน่อยเธอคงจะออกมาค่ะ ดวงแขบอกวายังไม่หิวเลยค่ะป้าแข เธอบอกเพราะไม่อยากจะนั่งร่วมโต๊ะมื้อเที่ยงกับเขานั่นเอง หลังจากที่เมื่อเช้าก็ไม่เจริญอาหารด้วยน้ำคำของเขาแล้ว และไหนจะเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาอีก ไม่หิวก็ต้องกินค่ะ ถึงเวลาแล้ว และอีกอย่างนะคะป้าสุขแกตั้งใจทำแต่ของชอบของคุณวาทั้งนั้นเลยค่ะ มานี่เลยค่ะ อะไรกันคะเป็นหมอเขามีแต่จะบอกให้คนไข้กินข้าว นี่อะไรจะมาอดซะเอง ดวงแขรีบจูงมือเธอตรงไปยังห้องอาหารทันทีวันนี้มีอะไรกินครับป้าสุข ชนะชลเดินตรงมาที่โต๊ะอาหาร และก็นั่งในตำแหน่งหัวโต๊ะวันนี้มีต้ายำกุ้งน้ำใส ปูผัดผงกระหรี่ แล้วก็ทอดมันปลากรายค่ะ ของโปรดคุณวาทั้งนั้นเลยค่ะ สุขบอกด้วยความสุขในกับเมนูอาหารโอ้โห...สงสัยว่าวันนี้ผมจะต้องเจริญอาหารอีกแน่ ๆ เลยครับ แต่...แหม...ผมชักจะน้อยใจขึ้นมาแล้วสิครับ ที่ป้าสุขกับป้าแขทำแต่ของโปรดคุณหนูป้า ทีเวลาผมอยู่คนเดียวไม่เห็นจะทำของโปรดผมเลยครับ เขาอดไม่ได้ที่จะแหย่ผู้ที่เอาแต่นั่งนิ่งโถ่...ก็คุณชนะชลได้กินของโปรดอยู่บ่อย ๆ นี่คะ ส่วนคุณวาไม่ได้กินมาเป็นสิบปีแล้วค่ะ และอีกอย่างนะคะ ป้าทำอะไรคุณชนะชลก็โปรดไปหมดเลยค่ะ สุขตอบและยิ้มตักข้าวเถอะครับ คุณหนูวาของป้าหิวจะแย่แล้ว เขาไม่วาย จนทำให้ทั้งสุขและดวงแขถึงกับมองหน้ากันและส่ายหน้าให้กับเขา ที่ไม่รู้เป็นอะไรตั้งแต่วันวิวาห์กลับมา ดูเขาจะช่างพูด ช่างเจรจาเสียจริง ผิดกับชนะชลคนเก่าซึ่งไม่ค่อยจะได้พูดจากับใครสักเท่าไหร่นัก ขอบคุณค่ะ เธอกล่าวขอบคุณสุขที่ตักข้าวใส่จานให้เธอทานเยอะ ๆ นะคะคุณวา ดูสิคะตัวงี้ผ้อมผอม สงสัยที่เมืองนอกนี่จะไม่มีอาหารให้คุณวากินนะคะ สุขไม่วายบ่น ที่โน่นมีอาหารแทบทุกประเทศหล่ะค่ะป้าสุข เธอบอกพร้อมกับนึกขำคำพูดของสุขขึ้นมางั้นก็แปลว่าคุณวาไม่ได้กินอาหาร แต่คุณวาดมแทน ถึงได้ผอมเป็นกุ้งแห้งอยู่อย่างนี้ไงคะ สุขไม่วายที่จะบ่น แต่ก็ทำให้ชนะชลต้องแอบลอบยิ้มกับคำพูดของสุขที่ช่างสรรหาคำมาบ่นเจ้านายสาวเหลือเกินชะเง้อคอดูอะไรอยู่หล่ะคุณ ดึกดื่นแล้วยังไม่ยอมเข้านอนอีก บรรจงเดินเข้ามาสวมกอดภรรยาจากด้านหลัง ก็จะอะไรซะอีกคะคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันห่วงหนูวา อยากจะไปหาบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าหนูวาจะโกรธพวกเราหรือเปล่าที่ไม่ได้บอกความจริงกับแก พุดซ้อนบอกสามีด้วยความกังวลไม่หรอกมั้งคุณ หนูวาเป็นคนมีเหตุผล ตาวิทย์ก็บอกแล้วนี่ว่าหนูวาคงไม่ว่าอะไรหรอก อย่างมากก็แค่น้อยใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ยังไง ๆ หนูวาก็ต้องรู้ว่าเราทำไปเพราะความหวังดี คุณอย่ากลัวเลย บรรจงปลอบภรรยาคุณว่างั้นเหรอคะ ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยค่ะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาหนูวาตั้งแต่เช้าเลยนะคะ ไม่ได้เจอหน้ามาตั้งสิบกว่าปี ไม่รู้ป่านนี้จะสาวและสวยแค่ไหน ดูแต่ในรูปที่ตาวิทย์ส่งมา ยังไม่เห็นตัวจริงเลย พุดซ้อนบอกสามีด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้มเมื่อนึกถึงหนูน้อยผมเปียเมื่อวัยเด็กผมว่าอย่าเพิ่งไปเลยคุณ ให้อะไร ๆ มันลงตัวสักพักก่อนดีกว่า เขาคงจะยุ่ง ๆ กันอยู่นะ เพราะมีหลายเรื่องที่หนูวากับคุณชนะชลจะต้องตกลงกัน เรามันเป็นคนนอก และอีกอย่างหนึ่ง ผมว่าถ้าหนูวาว่าง คงจะมาหาเราแล้วหล่ะ คงจะไม่ปล่อยเอาไว้หลายวันป่านนี้หรอก แกไม่มาก็แปลว่ายังไม่ว่าง บรรจงเตือนภรรยาก็จริงอย่างที่คุณว่านะคะ ฉันก็คิดว่าหนูวาคงยังไม่ว่างจะหาเราค่ะ งั้นฉันจะรอสักวันสองวันก่อนนะคะ พุดซ้อนบอกสามีดีมาก งั้นผมว่าเราเข้านอนเถอะดึกมากแล้ว ค่ะ เธอรับคำสามีและก็ตามเขาเข้าไปในห้องอย่างว่าง่ายโต๊ะอาหารถูกจัดไว้เพียงที่เดียว พร้อมกับสุขและดวงแขที่ยืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของทั้งสองที่ยิ้มให้เธอ ด้วยความรัก ไม่อยู่แล้วค่ะ ไปตั้งแต่เช้ามืด สุขบอกออกไป เพราะดูเหมือนจะรู้ใจเธอ ที่สงสัยว่าทำไมจัดอาหารที่เดียว ป้าสุขกับป้าแขกินกับวานะคะ วาไม่อยากจะกินคนเดียว ความจริงแล้ววาเองก็ไม่ได้เป็น ....เอ่อ....ป้าสองคนไม่ต้องดูแลวาก็ได้ค่ะ วาอยากจะอยู่ที่นี่ในฐานะคนธรรมดา ไม่ต้องมีใครมาปรนนิบัติเหมือนเมื่อก่อน เธอบอก คุณวาคะ ทุกคนที่นี่ อยากจะปรนนิบัติคุณวาด้วยความเต็มใจค่ะ ไม่ว่าจะยังไง คุณวาก็คือเจ้านายน้อยของป้าและทุกคนค่ะ ให้พวกเราทำเถอะนะคะ คุณวาคนเดียวไม่ทำให้เราเหนื่อยอะไรหรอกค่ะ วัน ๆ เราก็แทบจะไม่มีอะไรทำกันอยู่แล้ว มีคุณวามา....ทำให้พวกเรามีงานทำป้าก็ดีใจแล้วค่ะ สุขบอกงั้นก็ได้ค่ะป้าสุข แต่มีข้อแม้ว่าป้าสองคน จะต้องกินข้าวกับวานะคะ เริ่มตั้งแต่เช้านี้เลยค่ะ เธอต่อรอง ก็ได้ค่ะคุณวา....เอ้า....ยายแจง...ตักข้าวต้มให้คุณวา แล้วก็จัดเพิ่มอีกสองที่ มะ...แม่แข ก็ดีเหมือนกันจะได้กินข้าวกับคุณวาทุกวันเลย ไปเรียนเมืองนอกตั้งนาน ป้ากับแม่คิดถึงจะแย่ค่ะ สุขบอกเด็กที่ยืนรอรับคำสั่ง แล้วก็พนักหน้ากับดวงแข พร้อม ๆ กับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้โดยดี
ให้ยิ้มได้ทุกเช้าวันใหม่
วันต่อวันคับ
...จะแวะเที่ยวก่องกลับ อิๆๆๆ