Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
26 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ชลวาห์กาล ๑๑ (ธัญรัตน์)




วันวิวาห์รู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงคนหลายคนคุยกัน ขณะที่ตัวเองเดินเข้ามาในห้องอาหารในเวลาใกล้อาหารเย็น หลังจากที่เธอไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ที่ประทับรอยจูบไว้ให้เธออีกครั้ง จนต้องวิ่งไปหาพุดซ้อนที่บ้านเพื่อให้จิตใจสงบลง และเธอกับรวิทย์ก็ช่วยพุดซ้อนทำคุกกี้จนเสร็จจึงแยกตัวออกมา

“คุณหมอมาแล้วค่ะพี่ชล...สวัสดีค่ะ นก วรรณ นุ นี่คุณหมอวาเจ้าของบ้านที่พวกเธอบอกว่าใหญ่โตยังกับวังไงจ๊ะ คุณหมอคะนี่เพื่อนคุณแพรวค่ะ” เสียงกิติกรรีบแนะนำเพื่อน ๆ ด้วยความอ่อนหวาน วันวิวาห์ได้แต่รับไหว้ด้วยอาการงงไม่น้อย เพราะไม่คาดคิดว่ากิติกรจะมาที่นี่ ทั้ง ๆ ที่เมื่อบ่ายยังโทรคุยกันอยู่ แต่เธอก็เหมือนได้คิดว่า ในเมื่อคู่หมั้นของเธออยู่ที่นี่ มันก็ไม่แปลกอะไรที่กิติกรจะตามมา แล้วยิ่งบ้านหลังนี้เป็นสมบัติของเขาอยู่แล้ว

“คุณแพรวเพิ่งมาถึงตอนบ่าย ๆ หน่ะ คงต้องรบกวนให้คุณแพรวกับเพื่อน ๆ พักที่นี่นะ” ชนะชลบอกเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทต่อหน้าคนหลายคน
“ตามสบายนะคะทุก ๆ คน ขอให้คิดว่าเป็นบ้านของตัวเองค่ะ” เธอบอกพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ที่ถัดจากกิติกรนั่ง ซึ่งมีเพื่อนสาวทั้งสามของกิติกรนั่ง ส่วนชนะชลนั้นยังคงนั่งตำแหน่งหัวโต๊ะ วันวิวาห์รู้สึกโกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่ไม่ยอมอยู่กินข้าวที่บ้านพุดซ้อน ทั้ง ๆ ที่รวิทย์คะยั้นคะยอให้อยู่ แต่เธอก็บอกว่าจะมากินข้าวกับสุข เพราะได้บอกไว้แล้ว

“ป้าสุขเอาคุกกี้ไปเก็บด้วยนะคะ ป้าพุดซ้อนฝากมาค่ะ” เธอบอกเมื่อสุขที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ โดยมีแจงเป็นคนตักข้าวให้แขก
“ค่ะคุณวา” สุขรับถุงคุกกี้ไปจากเธอแค่นั้น แล้วก็เดินออกจากห้องโดยมีแจงเดินตามหลังไปติด ๆ
“พี่ชลทานผัดกุ้งนะคะ อร่อยมากค่ะคุณแพรวชิมแล้ว” กิติกรเริ่มแสดงความเป็นเจ้าของชนะชล โดยมีเพื่อน ๆ คอยยิ้มให้
“แหม...รีบเอาใจพี่ชล กลัวจะโทรไปฟ้องคุณลุงกับคุณป้าหล่ะสิ ว่าแอบมาเที่ยวปากช่อง ยายแพรวแผนสูงค่ะคุณหมอ คิดถึงและเป็นห่วงพี่ชลมากจนบังคับให้พวกเรามาเป็นเพื่อนค่ะ” นุติพรรีบเข้าแผน

“ห่วงหรือหวงก็ไม่รู้ค่ะคุณหมอ ยายแพรวนะคะ วัน ๆ เอาแต่กลัวว่าพี่ชลจะไปมีสาว ๆ แอบซ่อนไว้ที่นี่ค่ะ ทั้ง ๆ ที่พวกเราจะพยายามบอกว่าพี่ชลรักยายแพรวคนเดียวก็ไม่เชื่อนะคะ ทำยังไงได้คะก็พี่ชลออกจะหล่อและก็รวยถึงขนาดนี้ แถมยังใจดีและเป็นสุภาพบุรุษด้วยค่ะ นี่ถ้าไม่ถือว่าเป็นแฟนเพื่อนนะคะวรรณจีบไปนานแล้วค่ะ” อรวรรณรีบตามทันที แต่วันวิวาห์ก็ได้แต่ยิ้มและทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเท่านั้น

“คุณหมอทานแกงป่าปลาเห็ดโคนสิคะ ป้าสุขทำอร่อยมาก ๆ เลยค่ะ คุณแพรวตักให้นะคะ คำนี้คุณแพรวขอติดสินบนนะคะ ห้ามคุณหมอบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าแพรวแอบมานะคะคุณหมอ คุณแพรวกับเพื่อน ๆ สัญญาว่าจะไม่รบกวนคุณหมอในระหว่างที่พักอยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อยค่ะ นะคะคุณหมอ” กิติกรพูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนเธอเป็นที่สุดและตักอาหารใส่จานเธอ

“คุณลุงกับคุณป้าคงจะไม่โทรมาถามหมอหรอกค่ะ” เธอบอกแค่นั้น แล้วก็ทานอาหารด้วยอาการที่สงบนิ่ง โดยที่เธอแทบจะไม่หันไปสบตากับผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเลย ความรู้สึกอึดอัดที่มีสี่สาวเข้ามาอยู่ในบ้านนั้น มันเกิดขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเดินมาที่ห้องอาหารแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาทางปลีกตัวไปได้ยังไง เพราะเกรงว่าจะไม่เหมาะนัก
และความรู้สึกนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากชนะชลเลยสักนิดเดียว และเขาก็รู้สึกอึดอักมากขึ้น เมื่อทุก ๆ ครั้งที่กิติกรพยายามจะเอาใจเขา โดยการตักอาหารสารพัดมาใส่จานของเขา และก็มีเพื่อนสาวของเธอคอยแหย่อยู่อย่างนั้น


รวิทย์นำรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ พอลงจากรถก็ต้องรีบหันไปมองกลุ่มสาว ๆ ที่ต่างพากันเดินออกมาจากสวนพร้อมกับมีดอกไม้เต็มกำมือมากันทุกคน นอกจากกิติกรที่เขาคุ้นหน้าที่เดินมาในกลุ่มแล้ว คนอื่น ๆ เขาไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นเพื่อน ๆ ของกิติกรนั่นเอง
“คุณหมอวิทย์สวัสดีค่ะ พวกเราไหว้คุณหมอวิทย์เร็ว นี่หล่ะแฟนคุณหมอวา เป็นยังไงหน้าตาหล่อมั้ย แต่ห้ามบอกว่าหล่อกว่าพี่ชลนะ ไม่งั้นจะไล่กลับบ้านตอนนี้เลย” กิติกรไหว้เขาและหันไปบอกเพื่อน ๆ แล้วทุกคนก็ไหว้รวิทย์ตามคำแนะนะ

“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เสียงสาว ๆ ดังประสานกัน “สวัสดีครับ” รวิทย์รับไหว้ทุกคนและก็ยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร และกับรอยยิ้มของเขามันทำให้กลุ่มเพื่อนของกิติกรนั้นแทบจะคลั่ง ในความหล่อเหลาของเขา
“มารับคุณหมอไปทำงานแต่เช้าเลยนะคะ” กิติกรแหย่ เพราะรู้ดีว่ารวิทย์จะมารับวันวิวาห์ไปทำงานด้วยแทบทุกวัน ส่วนตอนเย็นส่งถึงจะไปรับวันวิวาห์ที่โรงพยาบาลเอกชน เพราะเธอไม่อยากให้รวิทย์ต้องไปรอ
“ครับ คุณแพรวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วคุณลุงคุณป้ามาด้วยหรือเปล่าครับ” รวิทย์ถาม
“เปล่าค่ะคุณแพรวพาเพื่อนมาเที่ยวค่ะ นั่นไงคะคุณหมอลงมาแล้ว” กิติกรตอบ

“แล้วคุณหมอไม่ทานอาหารเช้าก่อนเหรอคะ” กิติกรแกล้งถามไปอย่างนั้น แต่ใจจริงแล้ว แทบจะไม่อยากให้วันวิวาห์อยู่ในบ้านนี้ด้วยซ้ำ
“อ๋อ...ไม่ค่ะ เดี๋ยวหมอจะไปทานที่โรงพยาบาลเลย ตามสบายนะคะ อยากได้อะไรก็บอกป้าสุขค่ะ ไปกันเถอะวิทย์” เธอบอกเพราะรู้ดีว่าทั้งเธอและชนะชลต่างก็ไม่ได้อยู่บ้านเพราะต้องไปทำงาน
“ขอบคุณค่ะ” กิติกรรับคำ แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความเกลียดชังเมื่อรถของรวิทย์ขับออกไป

“แฟนหมอหล่อจังเลยยายแพรว เป็นนักเรียนนอกด้วยใช่มั้ย ทำยังไงจะแย่งมาเป็นแฟนฉันได้เนี๊ยะ” นุติพรถึงกับเพ้อตาม
“พอเลยยายนุ เธอต้องมาช่วยฉันก่อน ไม่ใช่จะมาแย่งแฟนใครในตอนนี้” กิติกรเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ หูเพื่อน “รู้แล้วหน่า ว่าแต่วันนี้ขอไปเที่ยวก่อนได้มั้ย ฉันกับพวกนี้ยังไม่เคยมาเที่ยวปากช่องเลย เสร็จแล้วจะให้พวกเราช่วยยังไงก็ได้ ตกลงมั้ยยายแพรว” นุติพรต่อรองเธอ
“ก็ได้ ๆ ดีเหมือนกันวันนี้เพิ่งจะวันจันทร์ ให้เราอยู่ไปสักวันสองวันดูลู่ทางดี ๆ ก่อนค่อยว่ากัน” กิติกรบอกเพื่อนด้วยความเต็มใจ เพราะตัวเองก็ต้องการเวลาและโอกาสเหมาะ ๆ เพื่อไม่ให้เสียการณ์


แล้วโอกาสที่กิติกรรอคอยก็มาถึง หลังจากที่รอมาจนถึงวันศุกร์บ่าย เพราะสุขกับแจงไปจ่ายตลาดโดยมีส่งขับรถไปให้ ส่วนวันวิวาห์และชนะชลก็ออกไปทำงานแต่เช้าเหมือนเคย กิติกรให้อรวรรณไปเฝ้าต้นทางที่หน้าบ้าน กรกนกไปยืนเฝ้าประตูในครัวที่คนในและนอกสามารถเข้าประตูนี้ได้เหมือนกัน ส่วนเธอและนุติพรนั้นรีบไปหากุญแจไปเปิดห้องทำงานของวันวิวาห์ซึ่งถูกล็อคเอาไว้

ทั้งสองได้กุญแจพวงใหญ่มาแล้วแต่กว่าที่จะว่ากุญแจดอกไหนเป็นของห้องนี้ก็กินเวลาไปไม่น้อยเลย
“เร็วเข้าสิยายแพรว” นุติพรเร่งให้กิติกรหากุญแจเพื่อเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของวันวิวาห์ เพราะทั้งสองลองเปิดดูก็พบว่ามันถูกล็อคเอาไว้เหมือนวันนั้น
“เดี๋ยวสิ...แม่นั่นจะเก็บกุญแจไว้ที่ไหนนะ แล้วจะล็อคทำไมก็ไม่รู้ ทำยังกับมีอะไรสำคัญกลัวใครจะมาเห็นเข้า” กิติกรบ่นไปแล้วมือก็ยกโน่นยกนี่เพื่อหากุญแจ

“ฉันเจอแล้วยายแพรว แต่ไม่รู้ว่าจะใช่ดอกนี้หรือเปล่านะ” นุติพรบอกด้วยความดีใจ เมื่อพบกุญแจในโถไม้ใบใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชั้นหนังสือ แต่กว่าจะหาเจอก็แทบแย่ เพราะในโถมีข้าวของหลายอย่าง
“เปิดดูเร็ว ๆ สิ จะได้รู้ไง” กิติกรรีบบอก “ไชโยเปิดออกแล้ว เอ้า...จะหาอะไรก็รีบหายายแพรว ก่อนที่ป้าสุขจะกลับมาก่อน” นุติพรบอกเพื่อน แล้วกิติกรก็ไม่รอช้า รีบลงมือค้นหาของในลิ้นชักที่ถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ และเธอก็ไม่ลืมที่จะพยายามจัดทุกอย่างให้เข้าที่เพื่อไม่ให้เจ้าของสงสัยได้

“ไม่เห็นจะมีอะไรเลย มีแต่เอกสารเรื่องการแพทย์ทั้งนั้นเลย ภาษาอังกฤษทั้งนั้น ฉันไม่เข้าใจว่าหมอเขาจะล็อคกุญแจทำไม ในเมื่อไม่เห็นมีอะไรที่ฉันอยากจะรู้เลย” กิติกรบอกด้วยความผิดหวัง
“หาดูอีกทีซิ หาดีหรือยัง” “โอย...หาไม่ไหวหรอก เดี๋ยวข้าวของจัดไม่เหมือนเดิมเขาจะรู้ได้ ฉันว่าลองไปหาที่ห้องพี่ชลดีมั้ย เผื่อจะมีอะไร ถ้าหาที่โน่นไม่เจอ ก็คงจะต้องแอบไปดูบนห้องนอนหมอหล่ะคราวนี้” กิติกรบอกเพื่อนแล้วก็ล็อคลิ้นชักพร้อมกับเก็บกุญแจไว้ที่เดิม

“พี่ชลไม่ได้ล็อคห้องด้วยหล่ะนุ ไปเร็วไปช่วยกันหา เธอหาที่ชั้นส่วนฉันจะหาที่ลิ้นชักนั้น” กิติกรรีบบอกเพื่อนอย่างรู้งาน แล้วตัวเองก็ตรงไปที่ลิ้นชักที่วันนั้นยังไม่ได้หา กุญแจยังคงเสียบเอาไว้อย่างนั้น เธอไม่รอช้ารีบเปิดออกมาแล้วก็ค่อย ๆ อ่านแฟ้มอ่อนที่แขวนเรียงเอาไว้อย่างละเอียดทีละแฟ้ม ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เธออยากจะได้เลย

จนมาถึงแฟ้มสุดท้ายที่เขียนชื่อแฟ้มว่า “สุเมธ พิพัฒน์กุล” กิติกรรีบคว้าขึ้นมานั่งที่เก้าอี้แล้วเปิดอ่านเอกสารอย่างละเอียด เพราะรู้ดีว่าจะต้องมีอะไรในแฟ้มนี้แน่ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นมูลเหตุให้เธอเลย นอกจากจะมีโฉนดที่ดินสองสามใบ สำเนาเอกสารส่วนตัวนายสุเมธ ใบเสร็จค่าไถ่เครื่องเพชรจากโรงจำนำ แล้วก็เอกสารการถือหุ้นบริษัท

“เจออะไรหรือเปล่ายัยแพรว ส่วนฉันไม่เห็นมีอะไรเลยมีแต่หนังสือและเอกสารอะไรก็ไม่รู้” นุติพรถามเบา ๆ “ยังไม่เจอเหมือนกัน หา ๆ ไปเถอะ เจออะไรน่าสงสัยก็ถ่ายรูปไว้ก็แล้วกัน...มันต้องมีอะไรให้เราดูสิ” กิติกรพรึมพรำกับตัวเอง เพราะเอกสารในแฟ้มที่เธอเปิดอ่านจะหมดแฟ้มอยู่แล้ว
“สัญญาเงินกู้” กิติกรอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดเพราะคิดว่าไม่มีอะไร จึงเปิดไปดูหน้าต่อไป “ใบเสร็จรับเงิน...ใช่แล้ววันนั้น” แต่แล้วก็เหมือนเธอจะคิดอะไรได้ เธอรีบเปิดกลับมาอ่านสัญญาเงินกู้ที่ชนะชลเพิ่งจะทำขึ้นมาใหม่ระหว่างเขากับวันวิวาห์
“ห้าสิบล้านบาท...หมอกู้เงินพี่ชลตั้งห้าสิบล้านบาท” กิติกรพรึมพรำด้วยความไม่เข้าใจ

“ยายแพรวเร็วเข้าเจออะไรหรือยัง ยัยวรรณโทรมาบอกว่าเห็นรถป้าสุขกลับมาเข้าแล้ว”นุติพรเร่งด้วยความกลัว “นุ ๆ ฉันเจอแล้วแต่ขอถ่ายรูปก่อนไปดูที่หน้าประตูไว้ให้ฉันก่อนเร็ว” กิติกรบอกเพื่อน แล้วตัวเองก็เอามือถือถ่ายสัญญาเงินกู้จนครบทั้งชุด แล้วก็รีบเก็บทุกอย่างเข้าที่อย่างเดิม และเธอก็ไม่ลืมที่จะล็อคกุญแจลิ้นชักก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้อง
“คุณแพรวกับเพื่อน ๆ จะรับของว่างเลยหรือเปล่าคะ ขอโทษค่ะที่ป้าจัดให้ช้าไปหน่อยพอดีเพิ่งจะกลับจากตลาด” สุขถามตามมารยาทเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน โดยมีแจงและส่งหิ้วของเดินตรงไปที่ครัวแล้ว
“ก็ดี งั้นให้แจงยกไปบนห้องคุณแพรวได้มั้ยคะป้าสุข พอดีคุณแพรวกับเพื่อนจะขึ้นไปใช้อินเตอร์เนทที่ห้องค่ะ ไปเถอะพวกเรา” กิติกรบอกและก็แทบจะไม่ได้รอฟังคำตอบจากสุข ตัวเองและเพื่อน ๆ ก็พากันวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว

“จะรีบกันไปถึงไหนนะ” สุขอดบ่นไม่ได้ เพราะรู้สึกว่ากิติกรไม่ได้แสดงกิริยามารยาทที่อ่อนหวานกับเธอในเวลาที่อยู่ตามลำพัง ซึ่งผิดกับอยู่ต่อหน้าคนอื่น
“โอย...หัวใจฉันจะวายตาย...ได้อะไรมาหรือเปล่ายังแพรว” อรวรรกับกรกนกแทบจะพูดออกมาพร้อม ๆ กัน แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอนด้วยความโล่งอกที่ผ่านเหตุการณ์น่าตื่นเต้นมาได้
“ระดับกิติกรกับนุติพรมีเหรอจะพลาด จริงมั้ยนุ” กิติกรบอกแล้วก็ยิ้มออกมาพร้อมกับยกมือถือขึ้นมาอวดเพื่อนด้วยความดีใจ
“ไหนขอดูหน่อยมันคืออะไร” อรวรรณแทบจะดีดตัวขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้น

“เดี๋ยวก่อนสิ ขอโหลดลงคอมก่อนนะจะได้ดูชัด ๆ ไง” กิติกรบอกแล้วก็จัดการเปิดแล็ปทอปที่นุติพรอุตส่าห์หอบมาด้วย เพราะเป็นคนที่ติดอินเตอร์เนทอยู่แล้ว ทุกคนต้องรีบปิดปากเงียบเมื่อแจงยกของว่างมาให้ถึงห้อง และเสียงเริ่มดังขึ้นอีกเมื่อแจงออกไป แล้วกิติกรและเพื่อน ๆ ก็ได้ล่วงรู้ความลับของศัตรูอย่างแจ่มแจ้งจากสัญญากู้เงินนี้
“ดีหล่ะฉันจะเอาสัญญาไปถามหมอให้รู้เรื่องเย็นนี้เลย และฉันก็จะบอกให้มันเลิกคิดที่จะจับพี่ชลของฉันได้แล้ว” กิติกรบอกด้วยความมุ่งมั่น

“เอ้ย...ฉันว่าเธอไม่ควรจะทำแบบนี้นะ ถ้าเกิดหมอไปบอกพี่ชลว่าเธอแอบไปค้นห้องเขาพี่ชลจะว่ายังไง เธอนั่นหล่ะจะเสียยายแพรว ฉันว่าทางที่ดีนะ เธอน่าจะเอาสัญญานี้ไปให้คุณป้าเอมอรดูดีกว่า แกจะได้รู้ไงว่าหมอหน่ะมีแต่ตัว จะได้รีบกันพี่ชลออกให้ห่าง ๆ ไง” อรวรรณแย้ง
“ฉันก็เห็นด้วยกับยัยวรรณนะแพรว ให้ผู้ใหญ่จัดการดีกว่า” กรกนกสมทบ
“แล้วถ้าเกิดคุณป้าเอมอรรู้เรื่องนี้อยู่แล้วหล่ะ อะไรจะเกิดขึ้นกับฉัน คุณป้ามีหวังตำหนิฉันแน่ ๆ เลย หรือไม่เรื่องอาจจะไปถึงคุณพ่อคุณแม่เลยก็ได้ เผลอ ๆ เรื่องที่เราแอบมาที่นี่ก็คงจะไม่เป็นความลับกันแน่คราวนี้” กิติกรเองก็เพิ่งจะคิดตรงจุดนี้ได้

“เอ่อ...จริงอย่างยายแพรวว่า เอาอย่างนี้สิแพรว ในฐานะที่ฉันเป็นต้นคิดของเรื่องนี้นะ ฉันแนะนำว่าให้เธอเก็บเอกสารนี้เอาไว้ให้ดี ๆ ก่อน เอาไว้ค่อยงัดมาใช้ในเวลาที่คับขัน ๆ ส่วนตอนนี้เธอจะต้องทำให้หมอกับพี่ชลต้องห่างกันด้วยความรู้สึกที่ผิดที่บังอาจทำให้คนรักเขาแยกจากกัน” นุติพรออกความคิด
“แล้วไอ้เวลาคับขัน ๆ หน่ะมันเวลาไหนหล่ะ แล้วความรู้สึกที่ผิดที่บังอาจทำให้คนรักแยกจากกันของเธอมันจะทำยังไง เธอช่วยบอกให้ฉันเข้าใจหน่อยได้มั้ย ฉันงงไปหมดแล้วนะ” “ฉันด้วย” กิติกรและเพื่อนอีกสองคนต่างทำหน้างงไปตาม ๆ กัน กับคำพูดของนุติพร

“เวลาที่คับขัน ๆ ก็ อย่างเช่นพี่ชลจะถอนหมั้นกับเธอเพราะไปหลงเสน่ห์หมอเข้าให้แล้วไงหล่ะ หรืออะไรประมาณนี้แหละ ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นและควรจะใช้มันตอนไหน” นุติพรบอก เพราะตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไป รู้แต่ว่าเพื่อนไม่ควรจะเปิดเผยเอกสารชุดนี้ออกไปในเวลานี้
“แล้วอย่างหลังหล่ะ จะทำยังไงให้หมอรู้สึกผิด” กิติกรถามด้วยความสงสัย
“นี่ไงคือสิ่งที่เราต้องมานั่งช่วยกันออกความคิด และเราจะต้องรีบทำให้เร็วที่สุดเพราะมันใกล้วันที่เราจะต้องกลับบ้านแล้ว” นุติพรบอกเพื่อน แล้วทั้งหมดก็ช่วยกันระดมสมองวางแผนต่าง ๆ นานา


ชนะชลรีบเดินมาช่วยพยุงร่างที่อวบจนจะอ้วนของสุขที่ก้าวลงมาจากรถตั้งแต่เช้าตรู่ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าสุขไปไหนมาแต่เช้านัก “ขอบคุณค่ะ คุณชนะชล” สุขกล่าวเมื่อตัวเองมายืนอยู่นอกรถแล้ว “ป้าสุขไปไหนมาแต่เช้าเชียวครับ” เขาถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ...ป้าไปตักบาตรกับคุณวาค่ะ” “แล้วคุณวาของป้าอยู่ไหนครับ” เขาถามเพราะเห็นสุขมาคนเดียว
“โน่นค่ะ กำลังเดินมากับคุณวิทย์ ป้าเดินไม่ไหวก็เลยให้ตาส่งไปรับตามเคยค่ะ” สุขบอกแล้วก็ชี้ไปทางหน้าบ้าน

“งั้นป้าเข้าบ้านก่อนนะคะจะรีบไปเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ค่ะ” สุขขอตัวเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้เขาต้องยืนมองดูคู่รักที่มัวแต่เดินชมนกชมไม้ตรงโน้นทีตรงนี้ที มันช่างเป็นภาพที่เขาไม่อยากจะเห็นซะเหลือเกิน แต่เขาก็ได้แต่ยืนมองคนทั้งสองที่เดินใกล้เข้ามาอยู่แค่นั้น เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากไปกว่าการยืนมอง

“วันนี้คุณหมอวากับคุณหมอวิทย์ไปตักบาตรด้วยกันเหรอคะพี่ชล ดูสิคะน่ารักจังเลย” กิติกรที่ยืนสังเกตการอยู่ตั้งแต่สุขเข้ามาบ้านแล้วรีบตอกย้ำให้เขาต้องเจ็บปวดอีก
“เห็นป้าสุขบอกว่าอย่างนั้นนะครับ” เขารับแค่นั้น “เพื่อน ๆ คุณแพรวบอกว่าคุณหมอวานี่โชคดีจริง ๆ เลยค่ะ ได้คุณหมอวิทย์มาเป็นแฟน พี่ชลรู้หรือเปล่าคะว่าพวกนั้น แอบปลื้มคุณหมอวิทย์จะแย่ค่ะ แถมยังบอกคุณแพรวด้วยนะคะ ว่าถ้าคุณหมอวิทย์ยังไม่ได้เป็นแฟนกับคุณหมอวา ยายพวกนั้นจะตามจีบเอาเองเลยค่ะ” กิติกรไม่ยอมให้เสียเวลาเลย
“เหรอครับ” ชนะชลรับแค่นั้น

“คุณหมอวิทย์มาตักบาตรกับคุณหมอวาแต่เช้าเชียวนะคะ อะไรจะรักกันปานนี้คะ วันหยุดก็ไม่ยอมห่างกันเลย ทำงานก็ทำที่เดียวกันเห็นหน้ากันแทบจะทั้งวันเลยนะคะ” กิติกรรีบทักคนทั้งสองที่เดินมาถึงหน้าบ้านแล้ว
“โถ่...คุณแพรวไม่รู้อะไรครับ อยู่ที่เดียวกันก็จริง แต่เวลาจะกินข้าวเที่ยงด้วยกันแทบจะไม่มีเลยครับ วัน ๆ เราสองคนไม่รู้ยุ่งอะไรกันก็ไม่รู้” รวิทย์บอกตามความจริง

“ยายแพรว...แหม...แอบตื่นก่อนพวกเรา เพื่อจะมาจู่จี๋กับพี่ชลใช่มั้ย” นุติพรและกลุ่มเพื่อนพากันเดินมาที่หน้าบ้าน แล้วก็ส่งสายตาให้กันอย่างมีเลศนัย “คุณหมอวิทย์ก็มาด้วย ดีใจจังเลยค่ะ” นุติพรไม่วายที่จะเผลอตัว
“เอ่อ...พี่ชลคะพอดีพวกเราว่าจะพากันไปพายเรือเก็บดอกบัวค่ะ อากาศตอนเช้า ๆ กำลังดีเลย พี่ชลไปกับเรานะคะเสร็จแล้วค่อยมาทานข้าวกัน แล้วคุณแพรวจะได้เอาดอกบัวมาใส่แจกันให้พี่ชลกับคุณหมออีกไงคะ คุณหมอไปกับเรานะคะ” กิติกรคะยั้นคะยอเขา
“มันยังเช้าอยู่เลยนะครับคุณแพรว” เขาพยายามหลีกเลี่ยง เพราะรู้ว่ายังไม่อยากจะไปทำอะไรในตอนนี้

“เช้านี่หล่ะค่ะดี จะได้ไม่ร้อนไงคะ ไปเถอะค่ะพวกเราอยากจะเก็บบัวเต็มทีแล้ว คุณหมอวิทย์กับคุณหมอวาไปด้วยกันนะคะ ๆ” นุติพรและเพื่อน ๆ ช่วยกันรั้งแขนของรวิทย์และวันวิวาห์ให้ไปด้วย
“ไปกันเถอะค่ะพี่ชล” กิติกรไม่วายรั้งแขนเขาให้ตามพวกเพื่อน ๆ ไปด้วย
“วันนี้คุณแพรวจะเป็นคนลงไปเก็บบัวเองนะคะ ให้พี่ชลกับคุณหมอนั่งรออยู่ที่นี่ค่ะ ยายนุไปกันเถอะเรา” กิติกรบอกเมื่อทั้งหมดมาถึงริมบึง แล้วเธอก็จัดแจงให้คนอื่น ๆ นั่งอยู่ที่ม้านั่ง ส่วนเธอและนุติพรก็อาสาไปเก็บบัวเอง
“แล้วนุพายเรือเป็นเหรอครับ” เขาถามด้วยความห่วง “เป็นสิคะพี่ชลก้อ...ไม่ต้องห่วงนะคะแค่นั่งเป็นกำลังให้เราก็พอค่ะ คุณแพรวไปนะคะ” แล้วกิติกรกับวิ่งไปยังเรือที่ผูกไว้ที่ใต้ต้นไม้กับนุติพร

“อากาศตอนเช้า ๆ นี่ดีนะคะพี่ชล” กรกนกที่นั่งอยู่ม้านั่งตัวเดียวกับเขารีบชวนคุย “จริงด้วยนก พี่ชลกับคุณหมอนี่โชคดีนะคะที่ได้เจออากาศดี ๆ ทุกวันเลยค่ะ ไม่เหมือนคนในกรุงเทพฯ” อรวรรณรีบสมทบ แต่คนทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มออกมาแค่นั้นเอง
“คุณชนะชลจะกลับเหนือเมื่อไหร่ครับ” รวิทย์ถาม “ก็อีกไม่นานครับ เคลียร์งานเสร็จก็จะรีบไปดูทางโน้นเหมือนกัน” ถ้าเป็นคนอื่นถามเขาก็คงจะคิดว่าไล่เขาแล้ว แต่บังเอิญว่าน้ำเสียงของรวิทย์นั้นทำให้เขาไม่ได้คิดอะไร
“คุณแน่ใจเหรอคะว่าคุณนุพายเรือเป็นค่ะ” วันวิวาห์ถามเขา เพราะมองไปเห็นนุติพรพายเรือหันรีหันขวางอยู่กลางน้ำ “นั่นสิครับ แล้วดูท่าคุณแพรวก้มเก็บบัวสิครับ ใครเขาให้นั่งคุกเข่าอย่างนั้น เดี๋ยวเรือก็ได้คว่ำกันพอดี” รวิทย์หันไปดูตามวันวิวาห์แล้วก็มีสีหน้าที่เป็นกังวลไม่น้อย

“ว๊าย....พี่ชลคะ พี่ชลเรือยายแพรวคว่ำค่ะ เร็ว ๆ ค่ะยายแพรวว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ ยายนุด้วย คุณหมอช่วยเพื่อนวรรณด้วยค่ะ” อรวรรณรีบร้องโวยวายแล้วก็ดึงชนะชลให้ลุกจากม้านั่ง
“คุณแพรว” ชนะชลไม่รอช้ารีบวิ่งไปกระโจนลงบึงทันที “วิทย์เร็วเข้า” วันวิวาห์ไม่วายที่จะร้องให้รวิทย์ที่วิ่งตามชนะชลไปและก็กระโจนลงบึงเพื่อไปช่วยนุติพร ส่วนกิติกรนั้นเขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชนะชลแทน
วันวิวาห์ยืนมองทั้งสองคนที่ต่างก็เร่งว่ายน้ำไปช่วยอีกสองชีวิตที่ดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้น ในใจก็ภาวนาว่าอย่าได้มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่เลย เพราะเธอไม่อยากจะเห็นการสูญเสียอีกต่อไปแล้ว

“คุณแพรว ๆ คุณแพรวครับได้ยินพี่มั้ย คุณแพรว” ชนะชลนำร่างที่อ่อนระทวยของกิติกรขึ้นมาที่ฝั่งปากก็ร้องเรียกชื่อกิติกรด้วยความตกใจ พลันเขาก็ก้มลงไปเป่าลมเข้าปากกิติกร ส่วนรวิทย์ที่พานุติพรขึ้นฝั่งด้วยความปลอดภัย ดูเหมือนว่านุติพรจะว่ายน้ำเป็น รวิทย์จึงแค่ว่ายไปช่วยพยุงให้กลับเข้าฝั่งแค่นั้น
“คุณแพรว ๆ ได้ยินพี่หรือเปล่าครับ” ชนะชลก้มไปเป่าลมเข้าปากกิติกรอีก ปากก็ร้องเรียกชื่ออยู่อย่างนั้น ไม่นานร่างที่หลับก็สำลักน้ำออกมา
“คุณแพรว ๆ ไม่เป็นอะไรนะครับ” เขาถามด้วยความดีใจ “พี่ชล ๆ ช่วยคุณแพรวด้วยค่ะ คุณแพรวกลัวค่ะ คุณแพรวนึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชลอีกแล้ว” กิติกรฟูมฟายด้วยน้ำตาและโผเข้ากอดร่างเขาเอาไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวครับพี่อยู่นี่คุณแพรวไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” เขาสวมกอดเธอไว้ด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“พี่ชลพาคุณแพรวเข้าบ้านเถอะค่ะ คุณแพรวหนาวจังเลย” กิติกรออดอ้อนเขา แต่วงแขนก็ยังคงกอดรัดเขาไว้ไม่ห่าง “ครับ” ชนะชลรับคำแค่นั้น แล้วก็ช้อนร่างของกิติกรเดินเข้าบ้านไป
“คุณนุเดินไหวนะครับ” รวิทย์ถามนุติพรที่เพิ่งจะหายหอบ “ไม่แน่ใจค่ะ” นุติพรได้ที “งั้นให้ผมช่วย” รวิทย์รีบพยุงนุติพรให้ลุกขึ้นยืนด้วยความห่วงใย “ไปกันเถอะวา” เขาหันมาหาวันวิวาห์ที่เอาแต่นั่งโดยไม่พูดจาอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

“คุณแพรวเป็นยังไงบ้าง” ชนะชลถาม หลังจากที่พากิติกรมาไว้บนห้อง แล้วให้วันวิวาห์เข้ามาตรวจดูว่ามีอาการอื่นแซกซ้อนหรือไม่
“อาการภายนอกปกติดีค่ะ ส่วนอาการอื่นต้องไปตรวจเช็คอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลค่ะ”
“หมายความว่ายังไงเหรอ อาการอื่น” เขาถามเพราะไม่รู้จริง ๆ
“ก็หมายถึงว่า ถ้าคุณแพรวสำลักน้ำเข้าไป แล้วน้ำอาจจะไม่สะอาด เชื้อโรคอาจจะเข้าไปแผงตัวอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้ ซึ่งการตรวจของแพทย์แค่นี้อาจจะยังไม่เพียงพอ ถ้าคุณอยากให้แน่ใจก็ต้องใช้เครื่องมือแพทย์เข้าช่วยค่ะ”
“งั้นวันหลังผมจะพาคุณแพรวไปตรวจก็แล้วกัน” เขารับฟังคำแนะนำของเธอแต่โดยดี

“พี่ชลคะคุณแพรวไม่เป็นอะไรมากค่ะ คุณแพรวไม่ไปโรงพยาบาลนะคะ ให้คุณแพรวนอนพักแล้วให้พี่ชลอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้คุณแพรวก็หายแล้วค่ะ นะคะพี่ชล” กิติกรส่งน้ำเสียงที่ออดอ้อน
“ถ้ามีอะไรคุณก็ให้คนไปตามฉันก็แล้วกันนะคะ ขอตัวค่ะ” วันวิวาห์บอกแล้วก็เก็บข้าวของเตรียมออกจากห้อง เพราะเธอมีความรู้สึกว่ากิติกรคงอยากจะอยู่กับเขาตามลำพังมากกว่า

“พี่ชลอย่าไปไหนนะคะ อยู่เป็นเพื่อนแพรวก่อนค่ะ คุณแพรวกลัวค่ะ อย่าทิ้งคุณแพรวไว้คนเดียวนะคะ พี่ชลไม่รักคุณแพรวแล้วเหรอคะถึงจะทิ้งคุณแพรวเอาไว้คนเดียว” กิติกรรีบคว้ามือชนะชลที่กำลังจะลุกออกจากเตียงเพื่อไปส่งวันวาห์ที่หน้าห้อง “พี่ไม่ไปไหนหรอกครับคุณแพรว แค่จะไปส่งคุณหมอเท่านั้นเอง แล้วก็จะตามเพื่อนคุณแพรวมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย” เขาให้เหตุผล

“ไม่เอาค่ะคุณแพรวไม่อยากให้ใครมาอยู่ทั้งนั้น นอกจากพี่ชลคนเดียว พี่ชลไม่รักคุณแพรวแล้วใช่มั้ยคะ ถึงจะให้คนอื่นมาอยู่กับคุณแพรว” กิติกรทำท่าบีบน้ำตาให้เขาได้เห็น จนวันวิวาห์แทบจะไม่อยากอยู่ในห้องนั้นให้นานกว่านี้ “คุณหมอดูสิคะพี่ชลไม่รักคุณแพรวแล้วค่ะ” กิติกรทำน้ำเสียงออดอ้อน

“รักสิครับ ใครจะไม่รักคุณแพรวหล่ะครับ ก็คุณแพรวออกจะน่ารักขนาดนี้ ตกลงพี่ไม่ไปไหนก็ได้ แต่คุณแพรวต้องนอนพักนะครับ ตื่นขึ้นมาจะได้สบายตัวขึ้นไง” ชนะชลจำต้องบอกออกไป เพราะไม่อยากจะขัดใจกิติกรในตอนนี้ ส่วนวันวิวาห์นั้นไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้แม้แต่วินาทีเดียว จึงรีบหิ้วกระเป๋ายาออกไปจากห้องแล้วก็ตรงไปยังห้องตัวเองทันที


“คุณหมอยังไม่นอนอีกเหรอคะ” นุติพรและกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นถามวันวิวาห์ ขณะที่เธอเดินลงมาจากชั้นบนในเวลาค่อนข้างดึก แต่ก็พบว่าสามสาวยังคงนั่งเล่นอยู่ไม่ยอมไปไหน ซึ่งผิดไปจากหลาย ๆ วันที่จะพากันไปรวมกลุ่มกันอยู่ในห้องกิติกร
“ยังค่ะ พอดีจะลงมาเอาหนังสือ แล้วทำอะไรกันอยู่คะไม่ยอมเข้านอนเลย ดึกมากแล้วนะคะ” เธอถาม
“ก็เราเป็นห่วงยายแพรวค่ะคุณหมอ ไม่รู้เป็นยังไงบ้างค่ะ พี่ชลยังไม่ยอมออกมาจากห้องยายแพรวเลย เข้าไปตั้งแต่เอาอาหารไปป้อนให้ยายแพรวแล้วก็ไม่ยอมออกมาเลยค่ะ” อรวรรณรีบบอกให้เธอได้รับรู้

“ใครบอกว่าพี่ชลเข้าไปตั้งแต่ตอนเอาอาหารไปให้ยะ พี่ชลเรียกได้ว่าแทบจะไม่ยอมออกมาจากห้องยายแพรวตั้งแต่เมื่อเช้าต่างหากหล่ะ คอยป้อนข้าวป้อนยาอยู่นั่นหล่ะ ยายแพรวพอได้อยู่ใกล้ ๆ พี่ชลเข้าก็ลืมพวกเราเลยค่ะคุณหมอ มันน่าน้อยใจจริง ๆ เลยนะคะ” นุติพรรีบเสริมพร้อมกับยิ้มให้เพื่อน ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“แหม...ยายนุ...ก็สองคนนี้เขารักกันจะตายไป พอยายแพรวไม่สบายพี่ชลก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาสิ ตอนแรกนะคะคุณหมอนุคิดว่าพี่ชลแอบมีใครไว้แถวนี้ ก็เลยชอบมาทำงานที่นี่ แต่พอมาเห็นแล้วก็สบายใจแทนยายแพรวค่ะ พี่ชลมาทำงานจริง ๆ เลยค่ะ สาว ๆ ไม่เคยมองเลย เพื่อนของนุนี่โชคดีที่สุดเลย ที่ได้พี่ชลไปเป็นผู้นำชีวิต คนอะไรก็ไม่รู้เพอเฟคไปหมดเลยค่ะ คุณหมอว่าหรือเปล่าคะ” กรกนกเรียบเสริมอีกแรง

“คงจะอย่างนั้นมั้งคะ งั้นหมอขอตัวก่อนนะคะ” วันวิวาห์บอกแล้วก็เดินตรงไปยังห้องหนังสือ เพราะไม่อยากจะได้ยินอะไรที่สร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองอีกต่อไป แล้วเธอก็ขึ้นห้องทันทีที่ได้หนังสือติดมือออกมา แต่ก็ไม่พบสามสาวในห้องนั่งเล่นแล้ว หญิงสาวอดที่จะมองไปหน้าประตูห้องกิติกรไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนข้างในนั้นจะออกมาจากห้องหรือยัง แต่เธอก็สลัดทุกอย่างออกจากความคิดแล้วก็ขึ้นไปห้องตัวเองในที่สุด

ประตูห้องนอนของกิติกรเปิดออก ร่างของผู้ที่ดูจะเหน็ดเหนื่อยกับสาวน้อยตกน้ำค่อย ๆ เดินออกมาจากห้อง ชนะชลได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่อุตส่าห์หนีเอาตัวรอดออกมานอกห้องได้ ถ้าคืนนี้เขาใจไม่เด็ดเดี่ยวมากพอ เขาอาจจะต้องสูญเสียอิสระภาพที่เหลือแค่ครึ่งเดียวของเขาไปแล้วก็ได้

เพราะกิติกรนั้นอ้อนวอนให้เขานอนเป็นเพื่อนในห้องตั้งแต่หัวค่ำ จนเขาต้องหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างให้กิติกรยอมเชื่อ จนปล่อยให้เขาหลุดออกมาได้ เขาเดินตรงไปยังห้องนุติพรและเพื่อน เพื่อบอกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนกิติกรแทน ไม่นานสามสาวก็กรูกันออกมาจากห้อง แล้วก็ตรงไปห้องกิติกรแทน
เขาได้แต่ยืนมองพฤติกรรมของเพื่อนสาวกิติกร แล้วก็ส่ายหน้าไปมา ความตั้งใจที่จะมาหลบทำงานที่นี่อย่างสงบมันคงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว ถ้ามีคนคอยมารบกวนเขาอยู่อย่างนี้ แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าจะทำให้กิติกรและเพื่อนไปจากที่นี่ไปได้ยังไง คงจะมีแค่หนทางเดียวเท่านั้น คือเขาจะต้องพากลับเสียเอง

“เป็นยังไงบ้างยายแพรว แผนการของฉันเข้าท่ามั้ย” นุติพรรีบถามเธอทันทีที่ประตูห้องปิดสนิท
“มาก ๆ เลยหล่ะยายนุ เธอต้องมาเห็นหน้าหมอตอนที่พี่ชลบอกว่ารักฉัน หน้างี้เหี่ยวเป็นผักต้มเลยหล่ะ ฉันเห็นแล้วยังสะใจไม่หายเลย เล่นกับใครไม่เล่นริจะมาเล่นกับกิติกร” กิติกรที่แทบจะดีดตัวจากที่นอนทันทีที่กลุ่มเพื่อนนั่งลงไปที่เตียง และถามข่าวคราว

“จ้าแม่คุณ แม่คนเก่ง ฉันเพิ่งจะรู้นะว่าหล่อนนี่เล่นละครได้เนียนจริง ๆ เลย สงสัยรางวัลออสก้าร์คงจะไม่เป็นของใครหรอกนอกจากเธอ” นุติพรเหน็บ แต่แววนี้นั้นช่างรู้สึกยินดีไปกับเพื่อนเหลือเกิน
“นี่เธอรู้มั้ยหมอจะให้พี่ชลส่งฉันไปตรวจที่โรงพยาบาล ฉันงี้เลี่ยงเกือบไม่ทันแหน่ะ” กิติกรบอก “เหรอ แล้วเธอเลี่ยงยังไงหล่ะ” อรวรรณถาม “ฉันก็บอกว่าจะกลับไปตรวจที่บ้านหน่ะสิ พี่ชลรีบบอกว่าจะพาฉันกลับบ้านเลยหล่ะ” กิติกรบอก

“ดีแล้วเธอพี่ชลกับหมอจะได้ไม่เจอกันไง แล้วพอเธอไปถึงก็ไม่ต้องไปตรวจอะไรหรอก ทำเป็นแกล้ง ๆ ลืมพี่ชลก็คงจะจำไม่ได้หรอก แค่นี้เราก็กันไม่ให้พี่ชลกับหมออยู่ใกล้ ๆ กันได้สักระยะหนึ่งก็แล้วกัน” นุติพรแนะนำเพื่อน
“แล้วต่อไปจะทำยังไงหล่ะ ฉันคงจะมาขัดขวางพี่ชลไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะยายนุ” กิติกรยังไม่คลายความกังวล “ก็เอาไว้คิดทีหลังสิ คิดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกจริงมั้ยพวกเรา” นุติพรบอกพร้อมกับหันไปหาเพื่อน ๆ แล้วทั้งหมดก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ที่แผนบรรลุผลตามที่คาดเอาไว้


“ยังไม่มีใครลงมาเหรอคะป้าสุข” วันวิวาห์ถาม เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารพบว่าไม่มีใครเลย และอาหารเช้าถูกจัดเอาไว้แค่ที่เดียว “ไม่ค่ะ” สุขตอบแค่นั้น “ทำไมหล่ะคะ” เธอถาม แต่ก็ได้คำตอบจากสุขด้วยการส่งสายตาไปนอกห้องแทน แล้วเธอก็พบว่าชนะชลเดินตรงมายังห้องอาหารพร้อมกับแขนก็มีกิติกรเกี่ยวเอาไว้ไม่ให้ห่าง ส่วนสามสาวก็มาตามมาติด ๆ

“คุณแพรวหายดีหรือยังคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วง “ดีขึ้นแล้วค่ะคุณหมอ ขอบคุณ คุณหมอมาก ๆ ค่ะ กลับไปนี่คุณแพรวจะไปให้หมอที่บ้านตรวจดูอาการต่อนะคะ” กิติกรบอกด้วยน้ำเสียงที่ออกจะเหนื่อย ๆ
“ผมจะพาคุณแพรวกลับบ้านก่อน งานทางนี้คงต้องทิ้งไว้ก่อน เอาไว้ให้คุณแพรวปลอดภัยแล้ว ผมค่อยจะลงมาอีกที ผมคงจะไม่กินข้าวด้วยนะเช้านี้ เดี๋ยวจะไม่ทัน เพราะต้องแวะไปสั่งงานที่ออฟฟิศก่อนกลับ” เขาบอกแค่นั้น
“ค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าค่อยมาเที่ยวใหม่นะคะคุณแพรว และก็ทุก ๆ คนด้วยค่ะ” เธอบอกด้วยมารยาทเจ้าบ้านที่ดี “ค่ะ งั้นคุณแพรวลานะคะคุณหมอ” กิติกรบอกเมื่อเธอเดินมาส่งที่หน้าบ้าน

“ค่ะโชคดีนะคะ” เธอบอกและยิ้มให้ทุกคน และเธอก็มองรถแล่นออกจากบ้านไปจนลับสายตา แล้วเธอก็กลับขึ้นไปบนห้องอีก โดยไม่ได้สนใจกับอาหารมื้อเช้าเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ขังตัวเองอยู่อย่างนั้น ประหนึ่งต้องการจะทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอ แล้วเธอก็เหมือนได้ข้อสรุปอะไรบางอย่างให้กับตัวเองในตอนนี้


สีหน้าของพิธาน ที่มองไปยังลูกสาวเพื่อนนั้นเต็มไปด้วยคำถาม เมื่อได้อ่านเอกสารที่วันวิวาห์ส่งให้ หากเป็นเมื่อสมัยที่เพื่อนเขายังอยู่ เขาก็คงจะไม่แปลกใจมากเท่านี้
“หนูวา....คิดดีแล้วหรือเหรอ ลุงไม่ค่อยจะเห็นด้วยเลยกับความคิดนี้ ถึงแม้ลุงจะรู้ว่าหนูวาอยากจะทำอย่างนั้นก็ตาม แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องไป แล้วบ้านหล่ะใครจะดูแล แล้วไหนจะคนในบ้านอีก เดี๋ยวนี้คุณชนะชลก็ไม่ค่อยได้มาอยู่เหมือนเมื่อก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ ลุงบอกตามตรงนะว่าลุงไม่เห็นด้วย และก็ไม่อยากจะอนุมัติเลย” เขาบอกกับเธอ

เมื่อได้รู้ว่าเอกสารนั้น คือการขอย้ายไปประจำที่อำเภอหนึ่งทางเหนือ ที่ ๆ เขาเองได้เอามาบอกเล่าให้เธอและรวิทย์ฟังว่าขาดแคลนหลาย ๆ อย่าง คิดแล้วเขาก็โกรธตัวเองยิ่งนักที่เอามาเล่าให้ทั้งสองฟัง และมันก็เหมือนกับเป็นการชี้ทางให้วันวิวาห์นั่นเอง เขารู้สึกห่วงเธอไม่น้อย เพราะที่ ๆ เธอไปอยู่นั้นมันไกลและกันดารมาก

“ขอบพระคุณ คุณลุงค่ะ ที่เป็นห่วงวา แต่การไปของวาก็ไม่ได้เป็นการไปอยู่อย่างถาวรนะคะ วาแค่ขอไปลองดูสักสองสามปี เป็นการหาประสบการณ์ด้วยค่ะ พอถึงเวลาวาก็จะกลับมาเหมือนเดิม หรือถ้ามีอะไรที่จำเป็น คุณลุงก็สั่งย้ายวากลับมาก่อนก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้ขอวาไปอยู่สักพักนะคะ คุณลุงอย่าห้ามวาเลย มันเป็นความตั้งใจของวา ตั้งแต่ก่อนที่จะไปเรียนหมออีกค่ะ”
“นี่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับทางบ้านก่อน วาก็คงได้ทำอะไร ๆ ตามที่วาต้องการมานานแล้วค่ะ และอีกอย่างตั้งแต่วากลับมา ก็เจอแต่สิ่งแวดล้อมเก่า ๆ มันทำให้วาไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ ส่วนคนในบ้าน....วาก็บอกเรียบร้อยแล้ว ป้าสุขตามใจวา ส่วนเรื่องบ้านวาก็ยังคงเก็บเงินเอาไว้ไถ่ได้เหมือนเดิม”

“เพียงแต่อาจจะน้อยลงเพราะไม่ได้ทำงานพิเศษเหมือนที่นี่ แต่นั่นมันก็เป็นความฝันของวานะคะ วาอยากจะไปรักษาคนที่เขาอยู่ห่างยาห่างหมอค่ะ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ให้วาได้นำเอาความรู้ที่ได้เรียนมาไปแลกเปลี่ยนกับหมอที่โน่นบ้างก็ยังดีนะคะ” เธออธิบาย ซึ่งมันก็ทำให้พิธานแทบไม่มีทางได้แย้งเธอเลย
“ลองหนูได้คิดที่จะไปแล้ว ลุงคงจะรั้งหนูไว้ไม่ได้ใช่มั้ย” เขาถามก่อนจะจำใจจรดปากกาลงลายมือที่เอกสารการขออนุมัติย้ายให้เธอ โดยไม่ต้องรอคำตอบจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้ดีว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะไปทัดทานความตั้งใจอันแน่วแน่ของเธอได้

“ขอบพระคุณค่ะที่คุณลุงเข้าใจวา แต่ว่า...เอ่อ...คุณลุงคะ....วามีเรื่องอยากจะรบกวนคุณลุงอีกเรื่องค่ะ” เธอพูดด้วยกิริยาที่อ่อนน้อม และมีอาการลังเลที่จะพูดมันออกไป เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะขอนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรรบกวนผู้ใหญ่อย่างเขาสักเท่าไหร่นัก
“ว่ามา....ลุงฟังอยู่” เขาบอกโดยไม่ได้มองหน้าเธอ เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารอยู่นั่นเอง
“วาต้องรบกวนคุณลุง ให้ช่วยกรุณาเก็บเรื่องที่วาจะย้ายไปอยู่ที่ไหนเป็นความลับได้ไหมคะ วาไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะ...เอ่อ...คุณชนะชลค่ะ....วา...เอ่อ....วาหมายความว่า....วาจะเป็นคนบอกเขาเองเมื่อถึงเวลาค่ะ” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม เพราะบังอาจไปขอร้องให้ผู้ใหญ่ ทำเรื่องที่ดูจะไม่เป็นเรื่องนัก แต่เธอก็ไม่ต้องการให้เขารู้จริง ๆ

“ได้....เอาเป็นว่าถ้าเขาถาม ลุงจะบอกว่าหนูวาย้ายไปทางเหนือก็แล้วกันนะ” เขามองหน้าเธอพร้อมกับพูดและยิ้มออกมาให้เธอ แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม
เพราะเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้น บ่งบอกว่าไม่ได้มีความสุขกับการที่จะได้ไปทำงานในที่ ๆ ตัวเองปรารถนาเลยแม้แต่น้อย แต่มันเหมือนกับเธอกำลังหนีอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากจะไปก้าวก่ายมากนัก ถึงแม้เขาจะห่วงเธอ และเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่งก็ตาม



“นายใจร้ายกับเรามากนะวา นายจะให้เราต้องคอยไปถึงไหนกัน เราคอยนายมาตั้งแต่เด็กจนเราโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แล้วอีกหน่อยเราไม่ต้องคอยนายไปจนแก่เลยหรือยังไง...วา” รวิทย์พูดด้วยความน้อยใจ ขณะที่เดินมาส่งเธอ หลังจากกลับจากบ้านเขา เพราะบรรจงและพุดซ้อนขอเลี้ยงข้าวเย็น เพื่อเป็นการเลี้ยงส่ง ก่อนที่เธอจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า
“วิทย์...เราไม่ได้ไปเป็นสิบ ๆ ปีนะ เราลองไปอยู่ที่โน่นแค่สองสามปีเท่านั้น ยังไง ๆ บ้านเราก็อยู่ที่นี่ เราก็ต้องกลับมานะ แล้วอีกอย่างถ้าวิทย์รักเรา และอยากจะแต่งงานกับเรา นายก็ต้องรอเราได้สิ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม” เธอบอกขณะที่เขาเปิดประตูกำแพงให้

“ตอนแรก ๆ นายก็คงจะพูดแบบนี้ พอไปอยู่ที่โน่นแล้ว เกิดนายชอบและไม่ยอมกลับมา หรือไม่ก็ไปพบหมอหนุ่มรูปหล่อคนใหม่ อีกหน่อยนายก็จะบอกเราอีกอย่าง เรารู้ดี” เขาพูดพร้อมทำหน้าละห้อยใส่เธอ
“วิทย์เราสัญญากันแล้วนะ ว่าเราจะไม่มีใคร และจะไม่แต่งกับใครนอกจากนายคนเดียวเท่านั้น นายจำสัญญาของเราไม่ได้เหรอ....ว่าแต่นายเถอะ อยู่ที่นี่พออีกหน่อยได้เจอหมอสาว ๆ พยาบาลสวย ๆ อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน” เธอบอก พร้อมทั้งทำน้ำเสียงขู่เขา แต่ก็ไม่จริงจังมากนัก
“ไม่มีทางหรอก เราไม่มีวันที่จะรักใคร และจะแต่งกับใคร นอกจากนายเหมือนกัน.....พรุ่งนี้เราจะมารับแต่เช้านะ ไม่ต้องให้ลุงส่งไปส่งหรอก ข้าวของเก็บพร้อมหรือยัง” เขาถามขณะที่เดินเข้าบ้าน

“ป้าเตรียมให้เรียบร้อยแล้วค่ะคุณวิทย์ มีอาหารแห้งเยอะแยะเลยค่ะ อยู่ที่โน่นสงสัยจะกันดาร ป้ากลัวคุณวาจะอดค่ะ” สุขที่นั่งรอทั้งสองรีบบอก เพราะได้ยินบทสนทนาสุดท้ายจากทั้งสองพอดี
“ขอบคุณค่ะป้าสุข วาคงคิดถึงป้าสุขมาก ๆ เลยค่ะ” เธอบอก พร้อมทั้งเดินเข้าไปโอบกอดร่างอวบ ๆ เอาไว้ด้วยความรัก
“ไม่ต้องมาประจบคนแก่เลยค่ะ ถ้าคิดถึงก็คงไม่หนีป้าไปอย่างนี้หรอก จริงมั้ยคะคุณวิทย์” สุขบ่น “ป้าสุขก็รู้จักคุณวาของป้าดีนี่ครับ รายนี้ถ้าได้ดื้อแล้ว ใครก็เอาไม่อยู่ ผมยังรั้งไม่อยู่เลย.....งั้นเรากลับก่อนนะวา เจอกันตอนเช้านะ ไปนะครับป้า” เขาบอกก่อนจะเดินออกจากบ้าน โดยมีเธอตามมาส่งที่หน้าประตูตามมารยาท

“อย่าลืมนะวิทย์เรื่องที่เราขอ” เธอไม่ลืมย้ำ “รู้แล้วน่า ไม่บอกป้าสุข และคุณชนะชลว่านายไปอยู่ที่ไหน กู๊ดไนท์นะ” เขาบอก แล้วก็เดินกลับไปทางเดิม ทิ้งให้คนมอง ๆ ตามด้วยดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก และความผูกพันธ์ที่มีต่อรวิทย์เพื่อนรัก
แต่หากมันช่างเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับที่เธอมีต่อเขาเหลือเกิน ใบหน้าที่คมเข้มที่ตั้งแต่วันนั้น เธอก็แทบจะไม่ได้พบกับเขาอีกเลย หลังจากสามสี่เดือนให้หลังมานี้ และถ้าหากเขากลับมาในครั้งนี้เขาก็คงจะไม่ได้พบกับเธออีกแล้ว และมันก็คงจะเป็นการดี สำหรับทั้งเขาและเธอ



บ้านพักหลังเล็ก ๆ สามหลัง ที่ถูกปลูกเอาไว้ ในระยะที่ห่างกันพอประมาณ คาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่าผู้ที่จะมาพำนักในเวลานี้ปลายสิบปี สภาพบ้านนั้น ด้านล่างที่เป็นใต้ถุน นั้นถูกปล่อยโล่ง พื้นลาดด้วยปูนซีเมนต์ และมีห้องเล็ก ๆ หนึ่งห้อง

ผนังถูกก่อด้วยอิฐและฉาบปูนเอาไว้ ถ้าให้เธอเดา น่าจะเอาไว้สำหรับเก็บของเบ็ดเตล็ดนั่นเอง ส่วนด้านบนทำด้วยไม้ทั้งหมด เมื่อเดินขึ้นพ้นบันไดมา ก็พบกับระเบียงของบ้าน ตรงหน้าบันไดพอดิบพอดี อยู่ส่วนด้านขวามือ และก็มีม้านั่งไม้ตัวยาวที่ถูกทำเอาไว้แบบถาวร เพราะถูกยึดตายไว้ตลอดแนวของระเบียง ที่มีลูกกรงไม้ที่ไม่บอกก็พอจะเดาได้ ว่ามีอายุการใช้งานมีมานานแค่ไหน แต่ก็พอจะรองรับแขกได้อีกสักสามสี่คน

ส่วนด้านซ้ายมือนั้นก็มีห้องนอนสองห้อง ที่ทำติดกันเอาไว้ โดยมีเพียงฝาไม้กั้นไว้แค่นั้น ส่วนด้านหน้าห้องนอนทางด้านซ้ายก็เหลือพื้นที่เอาไว้ กว้างน่าจะสักสองเมตรเห็นจะได้ แล้วก็มีหน้าต่างทำเอาไว้เพื่อไม่ให้มุมนี้อับเกินไป หญิงสาวมองดูแล้วก็วาดภาพเอาไว้ว่า มุมนี้น่าจะเป็นมุมนั่งเล่น หรืออาจจะเอาไว้อ่านหนังสือในยามที่ว่างเว้นจากงาน

ส่วนพื้นที่ ที่ถัดมาจากห้องนอนด้านขวาก็เป็นห้องโล่ง คงจะทำเอาไว้ให้เป็นครัวเล็ก ๆ เพราะมีเพียงเฟอนิเจอร์ที่พอจะจำเป็นต้องใช้คือ โต๊ะสำหรับวางเตาแก๊ส และเหลือพื้นที่ใช้สอยไว้อีกเล็กน้อย ถัดไปก็เป็นอ่างน้ำ ซึ่งคงจะเตรียมไว้ให้ล้างถ้วยชาม หรือเครื่องครัวนั่นเอง แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับหมอ ที่ไม่ค่อยจะประสาเรื่องการครัวอย่างเธอแล้ว ถึงแม้บ้านจะมีสภาพที่เก่า แต่ก็เหมือนกับมีคนมาทำความสะอาด เอาไว้ให้เธอล่วงหน้าแล้ว
“บ้านหลังนี้สร้างมานานครับ หมอวันวิวาห์ และก็ส่วนใหญ่จะเป็นหมอที่เพิ่งจะบรรจุใหม่มาพักซะมากกว่า หมอบางคนก็มาจากกรุงเทพฯ หรือที่อื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนโสดครับ มาอยู่ได้สองสามปี พอใช้ทุนหมด บางคนก็กลับไปที่ ๆ เขาสะดวก บางคนก็อยู่ต่อ”

“เพราะพบรักที่นี่ แล้วก็มีครอบครัว พร้อมกับย้ายออกไปซื้อบ้านอยู่เองครับ จะมีก็พวกผมนี่แหละที่อยู่นานหน่อย ไม่รู้เป็นอะไรพออยู่ ๆ ไปแล้วเกิดรักที่นี่ขึ้นมา ไม่ยอมย้ายไปไหนเลย ผมและพวกเราที่นี่ดีใจนะครับ ที่ได้มีโอกาสต้อนรับหมอที่จบจากนอกฝีมือดี ๆ อย่างหมอ ที่ไม่ได้เห็นแต่ความรุ่งเรืองในเมือง ยอมมาอยู่กับพวกเราที่นี่” เสียงของหมอพีระ เพื่อนใหม่ของเธอ ที่อาสาพามาดูสถานที่ สาธยายความเป็นมาให้เธอฟัง พร้อมทั้งในมือทั้งสองข้างของเขา ก็ถือกระเป๋าของเธอมาให้ด้วย

“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าดิฉันคงจะอยู่ไม่กี่ปีนะคะ เพราะทางบ้านก็ไม่มีใคร แต่ก็อยากจะมาอยู่ในที่ ๆ ไกลจากบ้านบ้างค่ะ และอยากจะแบ่งปันประสบการณ์กับคนที่นี่ด้วย ก็เลยขอย้ายมา....ส่วนบ้านพักยังไงดิฉันก็อยู่ได้ค่ะ หมอกับเพื่อน ๆ อยู่ได้ ดิฉันก็อยู่ได้ค่ะ มีแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้วค่ะหมอพีระ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ดีใจจังเลยครับที่ได้ยินหมอพูดแบบนี้....อ้อ....เรียกผมว่าหมอพีก็ได้ครับ ที่นี่เราอยู่กันแบบลูกทุ่ง ๆ ครับ ชาวบ้านที่อำเภอนี้เป็นกันเองครับ บ้านผมกับหมอปิยะ อยู่หลังโน้น ส่วนอีกหลัง หมอนิดกับคุณจอยเป็นพยาบาลครับ คนโสดทั้งนั้นเลย หมอที่มีครอบครัวส่วนใหญ่ก็จะไปอยู่บ้านตัวเองข้างนอกครับ” เขาแนะนำให้รู้จักชื่อเพื่อนใหม่เอาไว้ก่อน

“ขอบคุณค่ะ วันจันทร์คงจะได้รู้จักกับพวกเขานะคะ และอีกอย่างหนึ่งหมอพีจะเรียกดิฉันว่า....วาเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” เธอบอกเขากลับ “ครับหมอวา ผมได้ยินเขาบอกว่า หมอวันวิวาห์ จะมาใหม่ ฟังแค่ชื่อก็เฉย ๆ นะครับ ผมนึกว่า คำว่า วัน จะสะกด วอ รอ หันซะอีก แต่พอผมอ่านชื่อหมอแล้วนึกแปลกใจครับ ชื่อหมอก็แปลกดีนะครับ วันวิวาห์...เอ...ถ้าจะแปลกันตรง ๆ หมายถึงวันแต่งงานหรือเปล่าครับ” เขาถามด้วยความอยากรู้

“เพื่อน ๆ สมัยเรียนเขาก็ถามอย่างหมอพีเหมือนกันค่ะ แต่ดิฉันก็ไม่ทราบว่าที่มาคืออะไร คุณพ่อกับคุณแม่ หรือคุณปู่ท่านคงนึกไม่ออกมั้งคะ ก็เลยตั้งให้แบบนี้” เธอบอกเขาออกไป เพราะก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามีที่มายังไง
“หมอที่ผ่านเมืองนอกเมืองนามา ก็ต้องหมอปิยะครับ แกลาไปเรียนแต่ก็ไม่นาน พอจบแล้วก็ขอกลับมาที่นี่อีก มีหมอวามาอีกคน แกก็ดีใจแทบแย่ครับ เพราะเวลามีเคสซ้อนกันทีไร เวลาจะกินข้าวนี่แทบจะไม่มีเลย” เขาอธิบาย “แล้วไม่ทราบว่าจะมีใครพักกับดิฉันหรือเปล่าคะ เห็นบ้านทุกหลังพักกันตั้งสองคนค่ะ” เธอถามด้วยความสงสัย

“ก็อาจจะมีพยาบาลมาใหม่อีกคนอาทิตย์หน้าครับ อายุน่าจะน้อยกว่าหมอวา แต่ก็ยังไม่แน่ใจนะครับ เพราะเห็นบอกว่าเป็นคนพื้นที่ อาจจะพักที่บ้านก็ได้ แต่ผมเห็นเขาจองบ้านเอาไว้ ก็เลยบอกหมอเอาไว้ก่อน ถ้าไม่มี หมอวาก็คงต้องอยู่คนเดียวครับ.....เอาเป็นว่าวันนี้หมอพักผ่อน และก็จัดบ้านจัดช่องก่อนนะครับ แล้วยังไง ขาดเหลืออะไรก็บอกผมนะครับ เย็น ๆ ผมจะพาไปซื้อ แล้วจะได้พาขับรถดูรอบ ๆ เมืองไปด้วยเลย คงใช้เวลาประมาณยี่สิบ
นาทีเห็นจะได้ครับ ก็อำเภอเล็ก ๆ นี่ครับ” หมอพีระพูดด้วยความอารมณ์ดี เลยพลอยทำให้เธอนั้นยิ้มออกมาได้บ้าง แล้วเขาก็ขอตัวกลับ ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับบ้าน ที่ไม่ค่อยจะคุ้นเลยเพียงลำพัง

หญิงสาวใช้เวลาไม่เท่าไหร่ในการจัดข้าวของ เสื้อผ้าถูกจัดเข้าตู้ที่มีอยู่ในห้องแล้ว และไม่นานเธอก็ลงไปเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณบ้าน พอรู้สึกเหนื่อยก็ขึ้นบ้านอาบน้ำแล้วก็เข้านอนเอาแรง เพราะเหนื่อยกับการเดินทางมาไม่น้อย ลำพังนั่งเครื่องมาลงที่ตัวจังหวัดนั้นไม่เท่าไหร่

แต่พอนั่งรถ ที่ทางโรงพยาบาลจัดไปรับจากสนามบินมาที่อำเภอนี้ ก็เล่นเอาเธอเหนื่อยเอาการไม่น้อย ลำพังแค่ระยะทางนั้น ก็ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย แต่หากเป็นเพราะหนทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวเลาะ และขึ้นเขาลงห้วยต่างหาก ที่ทำให้เธอต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมากขนาดนี้
เพราะอำเภอที่เธอยื่นความจำนงมาอยู่ตามคำบอกเล่าของพิธานนี้ เป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ช่างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าเขา มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่อย่างหนาตา และอีกอย่างอำเภอนี้ ก็อยู่ติดกับเขตชายแดนพม่าพอดี โดยมีแม่น้ำสาละวินเป็นตัวกั้นเขตแดนระหว่างสองประเทศ

ความรู้พื้นฐานเหล่านี้ ก็เป็นเพียงที่ได้มาจากการหาศึกษาได้จากตำราของภูมิประเทศเท่านั้น ส่วนพื้นที่จริง ๆ นั้น นี่ก็เป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น ที่เธอได้มาเยือน ซึ่งเพียงแค่จากการเดินทางมาวันแรก เธอก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างจากถิ่นฐานที่อยู่ของเธออย่างเห็นได้ชัด มากกว่าคำบอกเล่าของพิธานเป็นไหน ๆ







Create Date : 26 กันยายน 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:28:21 น. 0 comments
Counter : 351 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.