Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ชลวาห์กาล ๑๐ (ธัญรัตน์)




ร่างสาวน้อยที่อยู่ในวัยที่สดใส กับใบหน้าที่สวยได้รูป กำลังมีความสุขอยู่กับการตัดดอกไม้ที่สวน โดยมีเขาเป็นคนคอยถือตะกร้าให้ แล้วมันเหมือนจะเป็นสิ่งที่ให้คำตอบแก่วันวิวาห์ได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง

อากาศยามเช้าที่นี่เย็นสบายเหลือเกิน ดอกไม้นานาพรรณออกดอกเบ่งบานสวยงาม รอวันให้สาวน้อยมาเก็บเกี่ยวเอาไปจัดแจกันแทบทุกเช้า ตั้งแต่กิติกรมาอยู่ที่นี่ ก็ใกล้จะเดือนแล้ว ดอกไม้ที่เธอหวงแหนไม่ยอมตัดถ้าไม่จำเป็น ดูจะบางตาไปถนัด หญิงสาวยืนมองทั้งสองด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่แววตาช่างดูเจ็บปวดไม่น้อย และเธอก็รู้สึกโกรธตัวเอง เมื่อนึกถึงรอยจูบของเขา ป่านนี้เขาก็คงจะหัวเราะเยาะเธอแล้วกระมัง ที่เผลอตัวเผลอใจ ปล่อยให้เขาทำอะไรได้ตามใจชอบ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้

“คุณหมอคะ.....คุณแพรวเก็บดอกไม้มาฝากเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวคุณแพรวจะจัดใส่แจกัน แล้วเอาไปไว้ให้ในห้องทำงานคุณหมอกับห้องพี่ชลนะคะ”
เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลดังมาพร้อม ๆ กับร่างของเธอ กิติกรรู้สึกดีใจที่เห็นวันวิวาห์มายืนมองเธอตัดดอกไม้ และมีชนะชลคอยเดินตามแทบทุกเช้า มันทำให้เธอรู้สึกว่า กำลังถือไพ่เหนือกว่าคุณหมอหน้าขรึมคนนี้นัก แต่เธอก็จะไม่ไว้วางใจ จนกว่าจะได้เขามาแนบครอง นั่นจึงจะถือว่ามีชัยชนะในความรู้สึกของเธอ แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ จากวันวิวาห์ นอกจากยิ้มบาง ๆ ให้แค่นั้น
“พี่ชลคะ วันนี้คุณหมอหยุดอยู่บ้าน แล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนดีคะ พรุ่งนี้คุณแพรวก็จะกลับแล้วนะ” เธอบอกเขา

“ไปไหนก็แล้วแต่คุณแพรวครับ พี่พาไปได้หมด งั้นพี่เอาดอกไม้ไปใส่น้ำไว้ก่อนนะ เดี๋ยวคุณแพรวค่อยไปจัดแจกันทีหลัง แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะครับ” เขาบอกสาวน้อย และยิ้มให้เธอ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป
“ไม่ทราบว่า คุณหมอเคยไปเที่ยวที่บ้านพี่ชลหรือเปล่าคะ ที่นั่นอากาศดีมาก ๆ มากกว่าที่นี่เลยค่ะ พอคุณแพรวกลับไปก็จะเจอกับอากาศหนาวพอดีค่ะ แต่ก็คงจะวุ่นจนได้เหงื่อหล่ะค่ะ เพราะวิ่งเตรียมโน่นเตรียมนี่ยุ่งไปหมด ที่โน่นเรื่องเยอะค่ะ แค่งานหมั้นก็ต้องทำตามขนมธรรมเนียมประเพณีให้ครบทุกอย่าง ถ้าเป็นแค่คนธรรมดาเขาก็คงแค่สวมแหวน แต่โชคไม่ดีเลยที่บ้านคุณแพรวมีญาติพี่น้องเยอะค่ะ”

“เป็นเจ้าเป็นนายทั้งนั้น จะทำอะไรทีก็ต้องให้ถึงกันหมด แล้วยิ่งพี่ชลยังเคลียร์งานที่นี่ไม่เสร็จ จะตามไปทีหลัง คุณแพรวต้องทำเองหมด พอพี่ชลไปแล้ว ก็พอดีเตรียมงานเสร็จ ถ้าคุณแพรวไม่ได้มาเห็นว่าพี่ชลทำงานเยอะจริง ๆ คุณแพรวไม่ยอมแน่ ๆ เลยค่ะคุณหมอ พี่ชลหายไปทีละหลาย ๆ อาทิตย์ บางทีก็หลายเดือน จนคุณแพรวนึกว่าแอบซ่อนใครเอาไว้แถวนี้ซะอีกค่ะ”

“แล้วคุณหมอเห็นพี่ชลมีใครซ่อนไว้แถวนี้หรือเปล่าคะ ถ้ามีคุณหมอต้องรีบบอกคุณแพรวนะคะ จะได้ถอนตัวทัน” เธอบอกยืดยาว ด้วยกิริยาที่อ่อนหวาน และเรียบร้อย จนทำให้คนฟัง ๆ แล้วไม่รู้สึก ว่านี่คือการประกาศหมั้นของเธออีกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ฝ่ายหญิงไม่ควรจะพูดออกมาแบบนี้ แต่ด้วยกิริยามารยาทคนพูดนั้น ไม่ได้ทำให้วันวิวาห์คิดตำหนิเลยแม้แต่น้อย
“คงไม่มั้งคะ หมอไม่เคยเห็นคุณชนะชลเคยพาใครมาที่นี่ แต่ตอนที่หมอไม่อยู่บ้านไม่รู้นะคะ ก็อย่างที่คุณแพรวเห็น หมอไม่ค่อยได้อยู่บ้านค่ะ” เธอบอกตามตรง แต่หัวใจนั้นห่อเหี่ยวเหลือเกิน

“ถ้าคุณหมอยืนยันมาขนาดนี้ คุณแพรวก็ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ คุณแพรวก็คิดอย่างนั้นค่ะ พี่ชลกับคุณแพรวสนิทกันมาก เรารู้จักกันมาตั้งแต่คุณแพรวยังเล็ก ๆ อยู่เลยค่ะ พี่ชลไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้งค่ะ บอกว่าจะมาก็มา บอกว่าโตขึ้นจะแต่งงาน และดูแลคุณแพรว พี่ชลก็ทำค่ะ แล้วคุณหมอจะไปงานหมั้นของเราหรือเปล่าคะ คุณแพรวขอเชิญล่วงหน้าเลยนะคะ” เธอบอกและแววตาฉายแววของผู้ชนะไว้อย่างเต็มเปี่ยม
“ไม่น่าเชื่อว่ามันจะง่ายกว่าที่คิด สำหรับการกำจัดคุณหมอหน้าขรึมคนนี้” นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจเธอในเวลานี้

“ขอบคุณค่ะ แต่หมอยังไม่รับปากนะคะว่าจะไปร่วมงานได้หรือเปล่าค่ะ เพราะอาจจะเจอช่วงที่งานยุ่ง ๆค่ะ งั้นเชิญคุณแพรวด้านในเถอะค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว” หญิงสาวรีบตัดบท และรีบเดินหนีไป ทิ้งให้คนเดินตามหลังนั้นยิ้มออกมาอย่างสะใจ แต่ถึงยังไงกิติกรก็ไม่วางใจในช่วงที่ชนะชลต้องอยู่ที่นี่กับวันวิวาห์ตามลำพังอยู่ดี ถ้าบิดาและมารดาไม่ปรามว่าเป็นการไม่สมควร เธอก็คงจะขออยู่ที่นี่กับชนะชล โดยให้เอมอร และบิดากับมารดากลับก่อน แต่เมื่อเธอตั้งกำแพงให้คนทั้งสองขนาดนี้ คงจะไม่มีใครกล้าพังกำแพงไปได้กระมัง...


แจกันดอกไม้ที่ถูกกิติกรจัดอย่างสวยงามตั้งลงไปบนโต๊ะทำงานของชนะชล แล้วเธอก็ย้ายจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่เหมาะ แต่เธอก็ดูว่ามันเป็นมุมที่ไม่เหมาะอีก จึงย้ายไปตั้งที่ใหม่ และเธอก็ย้ายแจกันไปมาอยู่หลายที่ แต่สุดท้ายก็กลับมาตั้งในตำแหน่งเดิมที่เธอตั้งเอาไว้แต่แรก จมูกโด่งรับกับใบหน้าที่สวยก้มลงไปสูดดมความหอมของดอกไม้ แล้วเธอก็ถือวิสาสะจัดข้าวของที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของชนะชลในเวลาต่อมา เพราะเห็นว่าเอกสารนั้นวางกระจายอยู่เต็มโต๊ะ ไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลย

กิติกรสะดุดตากับใบเสร็จรับเงินที่ระบุว่าผู้จ่ายคือวันวิวาห์ ส่วนผู้รับนั้น เธอแน่ใจว่าเป็นชื่อบริษัทที่ชนะชลบอกว่าเป็นหุ้นส่วนกับพ่อของวันวิวาห์ แล้วที่แปลกไปกว่านั้นก็คือจำนวนเงินแปดแสนบาทที่ระบุไว้ และคนที่ลงรายมือชื่อรับไว้ก็คือชนะชลนั่นเอง ถึงจะเป็นแค่ลายเซ็นต์แต่เธอก็จำได้

“เธอนี่จ่ายเงินค่าอะไรให้พี่ชลตั้งแปดแสน หรือว่าจะเป็นเงินปันผล ไม่ใช่สิ ถ้าเงินปันผลพี่ชลก็ต้องทำจ่ายให้เธอนี่ถึงจะถูก แล้วนี่มันค่าอะไรกันทำไมมันเยอะจัง” เธอพรึมพรำอยู่กับตัวเอง และเพื่อให้ข้อสงสัยกระจ่างไปกว่าเดิม เธอรีบค้นหามูลเหตุอื่นที่กองอยู่บนโต๊ะทันที แต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากเป็นเอกสารเรื่องงานเท่านั้น
กิติกรรีบดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ หญิงสาวมองไปยังลิ้นชักอีกฝั่งของโต๊ะซึ่งเป็นลิ้นชักใหญ่ และมีกุญแจเสียบเอาไว้ ลิ้นชักถูกล็อคเอาไว้ แต่เธอก็บิดกุญแจแค่นั้นลิ้นชักก็เปิดออก แล้วเธอก็พบว่ามีแฟ้มแบบแขวน ๆ อยู่เต็มลิ้นชักจนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาอะไรที่ตรงไหน และไม่ทันที่เธอจะทันได้ทำอะไร ก็เหมือนจะมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง

“พี่ชลจะเข้ามาทำงานเหรอคะ คุณแพรวจัดดอกไม้มาให้แล้วนะคะ พี่ชลจะได้สดชื่นเวลาทำงานไงคะ” เธอรีบทักเขาก่อนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณมากนะครับ คุณแพรว” เขาบอกพร้อมกับเดินมาที่โต๊ะ แล้วก็พบความเปลี่ยนแปลงบนโต๊ะทำงาน “เอ่อ...คุณแพรวเห็นว่ามันรกค่ะ ก็เลยจัดให้พี่ชลใหม่จะได้สะอาดตาค่ะ งั้นพี่ชลทำงานเถอะนะคะคุณแพรวไม่กวนแล้ว จะรีบไปจัดดอกไม้ไปไว้ในห้องคุณหมอก่อนค่ะ” กิติกรรีบบอกและก็รีบเดินออกไปโดยเร็ว

สีหน้าที่หาคำบรรยายไม่ได้ของชนะชลในตอนนี้ กิติกรคงจะไม่มีโอกาสได้เห็น เอกสารที่เขาต้องใช้เวลาเปิดหาข้อมูลหลาย ๆ อย่างแล้วก็ทิ้งค้างเอาไว้ก่อนออกไปจากห้อง บัดนี้มันได้ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
เขาค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็มองไปยังแจกันดอกไม้ที่ถูกจัดมาอย่างสวยงาม แล้วเขาก็ ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะลงมือค้นหาเอกสารที่ถูกจัดระเบียบเอาไว้อีกครั้ง

ประตูห้องทำงานของวันวิวาห์ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย กิติกรจำเป็นจะต้องยกแจกันดอกไม้เข้ามาในห้องของศัตรูหัวใจ ซึ่งความตั้งใจแต่แรกที่บอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำเรื่องพวกนี้ให้วันวิวาห์เป็นแน่ ต่อให้เธอบอกเอาไว้ก็เถอะ หรือถ้ามีคนถามเธอก็จะแกล้งบอกว่าลืม แต่ตอนนี้กิติกรจะต้องฝืนใจตัวเอง เพราะต้องการหาข้อมูลบางอย่างที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
โต๊ะทำงานของวันวิวาห์ถูกจัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ไม่เหมือนของชนะชล ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับกิติกรที่จะรื้อค้น เพราะกลัวว่าจะจัดกลับคืนไม่เหมือนเดิม ลิ้นชักทุกชั้นถูกล็อคเอาไว้หมด และเหนือไปกว่านั้น ไม่มีกุญแจเสียบทิ้งเอาไว้ด้วย

“พี่ชลกับแม่นี่กำลังทำอะไรกันอยู่นะ ฉันชักจะชะล่าใจกับเธอมากเกินไปแล้วนะ แม่หมอหน้าซื่อบื่อ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอกับพี่ชลเกี่ยวข้องกันยังไง มันจะต้องไม่ใช่แค่หุ้นส่วนธรรมดา ๆ แน่” กิติกรบอกตัวเองด้วยความโมโหที่ผิดหวังกับการเข้ามาในห้องนี้ เพราะวันวิวาห์จะจัดเอกสารทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี
“คุณแพรว” วันวิวาห์ทักผู้ที่ยืนอยู่ในห้องด้วยความแปลกใจ

“คุณหมอ...คุณแพรวต้องขอโทษด้วยนะคะที่เข้ามาห้องทำงานโดยที่ไม่ได้ขอก่อนค่ะ พอดีคุณแพรวเอาแจกันดอกไม้มาตั้งโต๊ะให้คุณหมอค่ะ พี่ชลบอกว่าคุณหมอก็ชอบดอกไม้เหมือนกันใช่หรือเปล่าคะ” กิติกรพยามควบคุมความตกใจที่จู่ ๆ วันวิวาห์ก็เดินเข้ามาในห้อง ทั้ง ๆ ที่กิติกรรู้มาจากสุขว่าวันวิวาห์ไปบ้านรวิทย์ เธอจึงได้โอกาสเข้ามาในห้อง ไม่นึกว่าวันวิวาห์จะกลับเข้ามาเร็วขนาดนี้

“ขอบคุณมากนะคะคุณแพรว แต่ทีหลังไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ แจงจะเป็นคนทำให้อยู่แล้ว” วันวิวาห์บอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้กิติกรในเวลาต่อมา
“งั้นคุณแพรวไม่รบกวนคุณหมอแล้วนะคะ จะไปเตรียมเก็บข้าวของ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าค่ะ” กิติกรรีบเดินออกไปจากห้อง เพราะรู้ว่าวันนี้คงจะทำอะไรไม่ได้สะดวกนัก


มือเรียวงามทั้งสองข้าง ถูกรวิทย์ดึงไปครอบครองเอาไว้ด้วยความเคยชิน เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ จากเพียงแค่สัญญาอันไร้เดียงสาว่าจะดูแล และแต่งงานกับเธอ ของเด็กหนุ่มน้อยคนหนึ่งในอดีต
เพราะทนเห็นเพื่อนเจ็บปวด จากการถูกดุด่าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อกับแม่ไม่ได้ แต่มาวันนี้ความรู้สึกที่รวิทย์มีให้เธอ มันกลับกลายเป็นความรักที่จริงจังขึ้นมาในหัวใจของเขา

“เราไม่เคยสนใจว่าวาจะมีอะไร หรือไม่มีอะไร เราขอแค่ได้ดูแลวาแค่นั้นเราก็พอใจแล้ว ถ้าฐานะคุณพ่อคุณแม่ร่ำรวยมากกว่านี้ก็คงจะดี เราจะเอาเงินมาไถ่บ้านและทุกอย่างคืนให้วาเลย” เขาบอก
“วิทย์....ขอเวลาวาหน่อยนะ วาไม่สบายใจเลย ที่จะต้องแต่งงานในเวลานี้ ศพคุณพ่อก็ยังไม่ได้เผา อะไร ๆ วาก็คิดว่ามันยังไม่พร้อม เราอย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ในตอนนี้เลยนะ” เธอบอก
“งั้นวาจะรอเมื่อไหร่ อีกกี่ปีวาถึงจะใช้หนี้หมด ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปเถอะนะวา แค่นี้วาก็ทำงานหนักมากพอแล้ว ให้เราช่วยนะ เราจะกู้เงินมาเปิดโรงพยาบาลเอง อีกไม่กี่ปีเราก็ช่วยนายใช้หนี้ได้หมดแล้ว....นะวานะ” เขาอ้อนวอนเธอ ขณะยังคงกุมมือเธอเอาไว้

“เข้าบ้านเถอะนะวิทย์มืดมากแล้ว คุณลุงรอจะคุยธุระกับวิทย์อยู่นะ เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอบอกและก็ค่อย ๆ ดึงมือกลับ พร้อมกับเดินนำหน้าเขาไปยังประตูที่กำแพงซึ่งเป็นที่ ๆ ทั้งสองใช้เป็นทางไปมาหาสู่กันมาตั้งแต่เด็ก
“ขอบใจนะที่มาส่ง วิทย์กลับไปเถอะนะ” เธอบอกเขาเมื่อเขาเดินมาส่งถึงหน้าบ้าน

“วา....อย่าลืมที่เราพูดนะ เราขอยืนยัน ว่าเราจะแต่งงานกับวา และดูแลวาตลอดไป” เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอเอาไว้อีกครั้ง พร้อมกับยกขึ้นมาจุมพิตอย่างนุ่มนวล ไม่มีคำตอบใด ๆ นอกจากรอยยิ้มที่ดูจะเป็นการปฏิเสธของเธอ ที่เขาชินตา เมื่อยามที่วันวิวาห์ไม่ยินยอมในเรื่องต่าง ๆ เธอจะยิ้มรับด้วยรอยยิ้มแบบนี้ แล้วเขาก็ต้องยอมตามใจเธอในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมานั่นเอง

“ฝันดีนะวา” เขาบอกและเดินจากไปทางเดิม โดยมีเธอยืนมองร่างของเขาที่ลับตาไปจากความมืด แล้วก็เดินขึ้นห้องไปด้วยใบหน้าที่ราบเรียบเหมือนเดิม
โดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งที่คอยเฝ้าดูคนทั้งสองมาโดยตลอด สีหน้าของชนะชลรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน กับเรื่องที่ได้ยินมา

“เธอเองก็คงจะแต่งงานกับคนที่เธอรักมาก่อนเหมือนกัน”
นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะรอถามจากเธอ ด้วยการผลัดมารดาขอกลับทีหลัง ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป แต่เขาก็ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย เพราะวันวิวาห์ไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้เข้าใกล้เลย เลิกงานมาเธอก็ขึ้นห้อง เช้ามาก็ออกไปทำงานแต่เช้า โดยที่ไม่ได้กินอะไรก่อนไปเหมือนเมื่อก่อน

ในใจเขามีแค่เพียงสิ่งเดียวที่อยากรู้ คือเธอมีความรู้สึกยังไงกับเขา ก่อนจะตัดสินใจหมั้นกับกิติกรจริง ๆ เพราะถ้าหากเขามารู้ทีหลังว่าเธอเองก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างจากเขาในเวลานี้ มันอาจจะทำให้เขาเสียใจตลอดไปก็ได้ แต่จากบทสนทนาที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่นี้ เขาคงไม่ต้องการคำตอบใด ๆ อีกแล้ว

เขานำใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล พร้อมกับร่างที่สูง โปร่งในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อเชิตปล่อยชายออก และแขนก็ถูกพับขึ้นไปที่ข้อศอก ซึ่งเป็นชุดเตรียมพร้อมของเขา รถคู่กายเคลื่อนออกไปจากคฤหาสน์หลังงามอย่างช้า ๆ แล้วก็หายไปในที่สุด



วันวิวาห์ละสายตาจากการอ่านประวัติคนไข้ทันที ที่รู้ว่าผู้ที่มาเยือนในห้องนั้นคือ พิธาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั่นเอง โดยปกติเขาจะไม่ค่อยทำแบบนี้บ่อย อาจจะเป็นเพราะงานด้านบริหารนั้นรัดตัวเขาเหลือเกิน
“สวัสดีค่ะ ท่าน ผ.อ. ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ” เธอลุกขึ้นพร้อมไหว้อย่างนอบน้อม
“เรียกลุงเหมือนตอนที่เราอยู่กันตามลำพังก็ได้คุณหมอ ในนี้ไม่มีใครนอกจากเราสองคน ลุงจะมาชวนหนูกับรวิทย์ไปหาอะไรกินก่อน วันนี้อยู่เวรไม่ใช่เหรอ” เขาบอกพร้อมทั้งยกแขนดูนาฬิกา ข้อมือบอกเวลา จะหกโมงเย็นแล้ว

“ค่ะคุณลุง แต่วาคนเดียวค่ะ รวิทย์ไม่ได้เข้าเวรด้วย แล้วคุณลุงกลับจากเหนือตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธอตอบเขา และถามตามมารยาท เพราะเขาเพิ่งกลับจากไปดูงานต่างจังหวัดทางเหนือ
“อ้าว...หมอรวิทย์มาดี ไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยคุยกันดีกว่า” เขาบอกและออกเดินนำหน้า


“อำเภอเรายังโชคดีมาก ๆ เลยนะ ถ้าเทียบกับหลาย ๆ อำเภอทางเหนือที่ลุงไปดูมา ที่โน่นห่างไกลความเจริญ บางโรงพยาบาลหมอก็ยังขาดอยู่มาก ๆ กว่าที่อำเภอเราอีก และหมอที่จบจากนอกอย่างเราสองคน เห็นจะหาทำยายาก เพราะใคร ๆ ก็อยากจะทำในที่ ๆ เจริญ ๆ มีอุปกรณ์พร้อมทั้งนั้นเลย ทางโน้นก็เลยขาดแคลนไปซะทุกเรื่องเลย เรียกว่าหมอคนไหนที่ได้ไปอยู่แถวนั้นนะ ได้ประสบการณ์เพียบเลย” พิธานเล่าเรื่องที่เขาไปพบเจอให้ทั้งสองฟัง ขณะนั่งรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้านใกล้ ๆ โรงพยาบาล
“งั้นถ้าวาอยากจะไปอยู่ที่โน่น ก็แปลว่าวาจะได้ประสบการณ์เยอะสิคะคุณลุง” เธอถามด้วยความอยากรู้

“แน่นอนหนูวา หมอที่โน่นบางคนก็อยู่นานเป็นสิบ ๆ ปีเหมือนกัน พอลุงถามเขาว่า ทำไมถึงได้อยู่นาน ๆ เขาก็บอกว่าความสุขทางใจที่เขาได้รับค่อนข้างคุ้มค่า คนไข้บางคนไม่รู้หนังสืออะไรเลย แล้วยิ่งเวลาที่ไปออกพื้นที่ไกล ๆ นะ เวลากินข้าวแทบจะไม่มี แต่ทั้งหมอและพยาบาลก็มีความสุขกันดีนะ อากาศก็ดีพอ ๆ กับบ้านเรา หรืออาจจะดีกว่า” เขาเล่าต่อ

“ฟังดูแล้ว น่าไปจังเลยครับคุณลุง เอ...วิทย์ว่าเราสองคนน่าจะอาสาไปอยู่ที่โน่นนะวา จะได้เป็นหมอที่จบนอกรุ่นแรก ที่ไปบุกเบิกที่โน่นไง” รวิทย์พูดกับเธอด้วยท่าทางที่ไม่จริงจังนัก แต่คนฟังนั้นไม่ตอบอะไรนอกจากดวงตาฉายแววมีความหมายบางอย่าง โดยที่ทั้งสองคนไม่ทันได้สังเกตเห็น


“เธอแน่ใจนะยัยแพรวว่าตัวเองไม่ได้คิดมากเกินไป ฉันเห็นพี่ชลออกจะเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาเข้าหูเลยสักครั้ง คิดให้ดี ๆ ก่อนนะ ก่อนจะทำอะไรลงไป เดี๋ยวจะมานั่งเสียใจทีหลัง” นุติพรเพื่อนรักกิติกรเตือนสติอีกครั้ง หลังจากที่กิติกรเล่าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟังเรื่องข้อสงสัยที่เธอมีต่อวันวิวาห์กับคนรัก
“นั่นสิยัยแพรว ฉันเห็นด้วยกับยัยนุนะ หรือถ้าพี่ชลจะเผลอผิดทางไปบ้าง เธอก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรแล้วนี่ยะ ก็ในเมื่อแหวนหมั้นมันก็มาอยู่ตรงนิ้วของเธอแล้วนี่ เขาจะไปไหนรอดเสีย” กรกนกเพื่อนรักอีกคนเสริม

“พวกเธอจะให้ฉันวางใจได้ยังไงยะ ก็ในเมื่อพี่ชลถึงขั้นไปกอดจูบหมอหน้าซื่อบื่อคนนั้น ถ้าเป็นพวกเธอจะทำใจได้เหรอ แล้วอีกอย่างต่อให้ฉันหมั้นกับพี่ชลแล้วก็เถอะ หมั้นได้ก็ถอนได้ และยิ่งฉันนอนใจอยู่แบบนี้ ฉันกลัวใจพี่ชลจริง ๆ เลย” กิติกรที่บอกกับเพื่อนด้วยกิริยาท่าทางที่แทบจะเป็นคนละคนเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิท

“แล้วหล่อนจะทำยังไงยะ จะไปบอกคุณหมอนั่นว่าอย่ามายุ่งกับพี่ชลของเธอรึยังไง หรือว่าจะไปนั่งเฝ้าพี่ชลของเธอทุก ๆ ฝีก้าวกันยะ....คุณแพรว...” อรวรรณเพื่อนอีกคนถามด้วยความห่วงเพื่อน แต่ก็ประชดนิด ๆ ด้วยการเรียกชื่อเธอแบบคนทั่ว ๆ ไปใช้เรียกกัน
“ฉันว่าฉันบอกหมอนั่นไปแล้วนะ และหลายครั้งด้วย ต่อให้เป็นการบอกแบบนุ่มนวลและไม่น่าเกลียดก็เถอะ ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องไม่กล้ายุ่งกับพี่ชลแน่ ๆ ก็คุณเธอออกจะผู้ดีปานนั้น แต่ที่ฉันกลัวคือใจพี่ชลต่างหาก ผู้ชายถ้าอยู่ใกล้ผู้หญิงสวย ๆ อย่างหมอนั่น สักวันพี่ชลก็ต้องหลงในความงามของเขาแน่ ๆ เลย”

“หรือไม่หมอก็อาจจะใช้ความสวยหลอกล่อให้พี่ชลของเธอลุ่มหลงไปเอง” นุติพรบอก
“แล้วหมอจะทำเพื่ออะไร ก็ในเมื่อคนรักตัวเองก็มีอยู่แล้ว หรือว่าจะอยากได้พี่ชลของเธอ เพราะหน้าตาหล่อ ฐานะดี....ก็ไม่น่าจะใช่ ก็ในเมื่อเธอบอกฉันเองว่าแฟนหมอหล่อไม่น้อย แล้วฐานะก็ไม่ได้จนอะไรเลย แถมหมอก็ร่ำรวยไม่น้อย” กรกนกถามด้วยความสงสัย

“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะนก...แล้วไอ้เงินที่หมอเอามาจ่ายให้พี่ชลมันเงินค่าอะไรหล่ะ ฉันพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก และมองไม่เห็นทางเลยว่า เขาจะเอาเงินมาให้พี่ชลทำไมตั้งมากมาย” กิติกรหันไปหากรกนก และเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด
“เอ๊ะ...หรือว่าหมอเป็นหนี้พี่ชลของเหรอ” นุติพรออกความคิด
“หรือว่าหมอจะเอาเงินซื้อพี่ชลของเธอ เพราะทนในความหล่อไม่ไหว” อรวรรณออกความคิดบ้าง
“โอ๊ย...พวกเธอนี่คิดอะไรแต่ละอย่างไม่เข้าเรื่องเลยนะ ฉันมาปรึกษาพวกเธอนะ” กิติกรร้องใส่เพื่อนด้วยความหัวเสียที่เพื่อนคิดอะไรไม่ค่อยเข้าท่าเลย

“พวกฉันก็ช่วยคิดอยู่นี่ไงหล่ะยัยแพรว...แล้วหล่อนจะมานั่งกลุ้มอยู่ทำไม ถ้าอยากจะรู้ว่าสองคนนั้นมีอะไรกันหรือเปล่า เธอก็ไปสืบหาสิ มันต้องมีหลักฐานอะไรหลงเหลือให้เธอบ้างหล่ะ” นุติพรให้แง่คิดกับเธอ
“เอ่อ...จริงสิ ทำไมฉันลืมข้อนี้ไปได้ แล้วว่าแต่ฉันจะไปยังไงหล่ะ อยู่คนละซีกโลก แล้วอีกอย่างใครจะพาฉันไป คุณพ่อคุณแม่เหรอ...คงไม่แน่ ๆ เพราะเพิ่งจะกลับมา ส่วนพี่ชลนะไม่ต้องหวังเลย อะไรก็บอกว่าไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่งาม แล้วฉันจะทำยังไงดีหล่ะ ถึงจะกลับไปบ้านนั้นได้” กิติกรออกอาการกลุ้มใจ

“เธอก็ไปกับพวกเราสิยัยแพรว จะรอให้คนอื่นพาไปทำไม แค่ปากช่องนี่ไปไม่ถูกรึยังไงกัน” นุติพรบอกและก็ยิ้มออกมา เมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก “ฉันจะไปได้ยังไงกันกับพวกเธอ แล้วจะไปขอคุณพ่อคุณแม่ว่ายังไงกันยะ คิดอะไรแต่ละเรื่องไม่เข้าท่าเลย” กิติกรอดตำหนิเพื่อนไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอกหน่ายัยแพรว มีฉันเป็นเพื่อนทั้งคน เอ่อ...ว่าแต่พี่ชลสุดหล่อของเธอจะไปบ้านโน้นอีกเมื่อไหร่ เธอพอจะรู้มั้ย” นุติพรถามและก็ยิ้มออกมาให้เพื่อน ๆ ได้เห็น แล้วทั้งหมดก็พากันระดมสมองกับภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้


ตะวันทอแสงเป็นประกายในยามเช้า ลมพัดบางเบามากระทบร่างผอมบาง ทำให้ผมยาวสลวยนั้นปลิวไหวไปตามแรงลมที่พัดผ่านมา ยวดยานที่วิ่งผ่านถนนสายนี้ ดูจะบางตาเหลือเกิน คงจะเพราะเพิ่งจะรุ่งเช้านั่นเอง ผู้คนที่รักสุขภาพต่างพากันออกจ๊อกกิ้ง บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็ดูเหมือนจะมาครบทั้งครอบครัว ทั้งพ่อแม่และลูก พวกเขาวิ่งผ่านหน้าหญิงสาว ที่ยืนอยู่หน้าประตูของคฤหาสน์หลังงาม

พร้อมทั้งยิ้มและก้มศีรษะใ ห้เธอ เพื่อเป็นการทักทายอย่างมีไมตรี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยได้มีโอกาสพบพาน และรู้จักกับเจ้าของบ้านหลังใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านในเนื้อที่กว้างใหญ่นี้เป็นการส่วนตัวก็ตามที แต่พวกเขาก็รู้ว่าเธอคือทายาทของกุศล ผู้ที่สร้างบารมีให้กับตัวเองด้วยการสร้างกุศล และบริจาคเงินในวาระต่าง ๆ แล้วแต่จะมีคนขอมา

และเขาก็จะทำบุญเลี้ยงข้าวคนในละแวกนี้ปีละครั้ง โดยจะจัดที่วัด ซึ่งที่เป็นที่เก็บศพของสุเมธอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง หญิงสาวในชุดกระโปรงขาวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย พร้อมเสื้อยืดรัดรูปสีชมพูอ่อน ๆ เผยให้เห็นรูปร่างที่ได้สัดส่วนสวยงาม

เบื้องหน้าเธอนั้นมีโต๊ะสี่เหลี่ยม พร้อมกับข้าวของสำหรับตักบาตรพระ ที่ออกบิณฑบาตยามเช้าตรู่ แต่โดยปกติเธอแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะทำแบบนี้เลยตั้งแต่กลับมาเมืองไทยก็เพิ่งจะได้ตักบาตรแค่ครั้งเดียว คือวันครบรอบการเสียชีวิตของกุศล ซึ่งมันก็หลายเดือนเต็มที ไม่เหมือนกับเมื่อตอนเด็ก ๆ ที่ทั้งเธอ และกุศล จะทำเป็นกิจวัตรประจำวันแทบจะว่าได้ แต่พอไม่มีผู้เป็นปู่ บวกกับเรื่องราวต่าง ๆ ประดังเข้ามา จนทำให้เธอไม่มีเวลาไปคิดเรื่องนี้เลย จึงทำให้ว่างเว้นจากการทำบุญไป

หญิงสาวถวายอาหารหวาน คาวให้พระสงฆ์รูปสุดท้ายซึ่งเป็นรูปเดียวกับเมื่อครั้งที่แล้ว
“ตั้งใจรับพรนะโยม” พระสงฆ์รูปเดิมบอก วันวิวาห์รีบนั่งคุกเข่าลงด้วยอาการที่สงบ โดยมีสุขและแจงเด็กรับใช้อีกคนนั่งข้าง ๆ แล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะกรวดน้ำตามด้วย

“ป้าไม่เห็นคุณวามาตักบาตรนานแล้วค่ะ ครั้งสุดท้ายที่คุณวาตักบาตรก็เมื่อครบรอบวันคุณท่านสิ้นก็หลายเดือนมาแล้วนะคะ เห็นคุณวาตักบาตรวันนี้แล้ว ทำให้ป้าคิดถึงวันที่คุณวาตั้งบาตรครั้งสุดท้าย น่าจะเป็นตอนก่อนที่คุณวาจะไปเรียนเมืองนอกนะคะ คิด ๆ แล้ว ก็คิดถึงคุณท่านนะคะ ถ้าท่านยังอยู่ป่านนี้ก็คงจะกำลังตักบาตรพร้อม ๆ กับพวกเราอยู่นะคะ” สุขพูดพร้อมทั้งช่วยเด็กเก็บข้าวของ

“วานี่แย่จังเลยค่ะ ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดถึงเรื่องทำบุญไปให้คุณปู่เลย แต่วาก็ดีใจค่ะ ที่มีป้าสุขคอยทำให้เป็นประจำ ชีวิตคนเราก็แค่นี้นะคะ เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย ข้าวของทุกอย่างที่สร้างสมมา ก็เอาไปด้วยไม่ได้ แล้วทำไมคนเราจึงจะต้องมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันทำไมก็ไม่รู้นะคะ” เธอพูดพร้อมทั้งรับขันและของอื่น ๆ จากมือสุขไปถือ เพราะสุขนั้นก็อายุ มากขึ้น ๆ ทุกวัน บวกกับร่างที่อวบขึ้น จนจะเดินจะเหินนั้นก็ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่

“คุณวาของป้าพูดเหมือนท้อแท้อะไรบางอย่าง มีอะไรหรือเปล่าคะ” สุขอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีของเธอ
“ไม่มีหรอกค่ะป้า เข้าบ้านเถอะค่ะ ลุงส่งเอารถมารับแล้ว ป้าจะได้ไม่ต้องเดินไกลไงคะ วาขอเดินดูอะไรเพลิน ๆ ก่อน แล้วจะไปกินข้าวด้วยนะคะ” เธอบอก
แล้วก็ผละจากไป และตรงไปยังบึงน้ำที่เป็นมุมโปรด แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงภาพที่เขาและหญิงคนรัก เคยพากันมาพายเรือเก็บดอกบัวอยู่กลางบึง อย่างมีความสุข มันช่างเหมือนเธอกับรวิทย์ เมื่อสมัยยังเด็กเหลือเกิน แล้วก็หวนรำลึกไปถึงความคิดเมื่อครั้งที่ยังเรียนอยู่เมืองนอกไม่ได้

เพราะตอนนั้นเธอเฝ้ารอเวลาที่เธอและรวิทย์เรียนจบเร็ว ๆ เพื่อจะได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศในบึงแบบนี้ ให้เหมือนสมัยเด็ก ๆ อีกครั้ง แต่ตอนนี้หล่ะ เวลาที่เธอเฝ้ารอให้ได้มีโอกาสกลับมาทำสิ่งเก่า ๆ กับรวิทย์แล้ว แต่ทำไมความรู้สึกสุขใจ และอบอุ่นที่มีรวิทย์อยู่ข้าง ๆ เหมือนเมื่อก่อนนั้นมันหายไป

ความรู้สึกแบบนั้นมันกลับไปเกิดขึ้นเวลาที่เธอได้อยู่ใกล้ ๆ เจ้าของใบหน้าคมสัน ที่ได้ประทับรอยจูบเอาไว้ให้เธอ แล้วตอนนี้คน ๆ นั้นเขาหายไปไหน นี่ก็หลายเดือนแล้วที่เธอไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเขา

“คุณชนะชลมาค่ะ แต่ไม่ได้ค้างหรอกค่ะบอกว่ามาดูงานเพราะมีเรื่องด่วน เสร็จแล้วก็จะรีบกลับเลย ก็จะไม่ให้รีบกลับยังไงไหวคะคุณวา พอคุณชนะชลมาถึงปุ๊ป โทรศัพท์จากคุณแพรวก็ดังแทบจะทุก ๆ ชั่ว
โมงเลยค่ะ มือถือคุณชนะชลบ้าง หรือไม่ก็ที่บ้าน ยัยแจงมันบ่นแทบแย่ว่าขี้เกียจเดินไปรับโทรศัพท์ แล้วคุณแพรวก็จะถามแต่คำถามเดิม ๆ นะคะ ว่าคุณชนะชล ทำอะไร อยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร” สุขบอกเล่าให้เธอฟัง เมื่อเธอกลับจากทำงานในหลาย ๆ คืน

“ใช่สิ...เขาก็คงจะเกรงใจคู่หมั้นเขา หรือถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่อยากจะเห็นหน้าเราสักเท่าไหร่ หรือเขาก็คงจะไม่มีเวลาให้ใครอีกแล้ว เพราะจะต้องเอาเวลาไปชดเชยให้กับคู่หมั้น ที่ป่านนี้คนทั้งคู่ก็คงจะหมั้นกันไปแล้ว ตามที่คุณแพรวเคยบอกเอาไว้ และก็มีมารดาเขาเป็นคนยืนยันอีกคนหนึ่ง แล้วประโยชน์อะไรที่เราจะต้องเก็บเอาเขามาใส่ในความคิดด้วย เพราะระหว่างเรากับเขามันก็คงเป็นเพียงเส้นสองเส้น ที่ต้องเดินขนานกันไป ไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้เลย”

ใบหน้าที่เรียบเฉยรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามาในชีวิตเหลือเกิน หญิงสาวหันหน้าไปดูคฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วให้ท้อแท้ใจกับบทบาทหน้าที่ ๆ จะต้องเอามันกลับคืนมาให้บรรพบุรุษยิ่งนัก แล้วความฝันของเธอที่อยากจะรักษาคนไข้ให้หายขาดจากโรคภัยไข้เจ็บ

โดยที่ไม่ต้องเลือกหน้า ว่าจะยากดีมีจนหล่ะ เมื่อไหร่เธอจะได้ทำมัน ถ้าหากเธอสามารถล่วงรู้อนาคตข้างหน้าได้ ว่าจะต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้ เธอก็คงจะไม่เสียเวลาไปร่ำเรียนหมอให้เหนื่อย คงจะเรียนการทำมาค้าขายเหมือนกับเขา แต่ถึงแม้เธอสามารถทำได้ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความรู้สึกของเธอเป็นที่สุด เพราะเธอนั้นไม่รักที่จะทำเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย

“พ่อคะ พ่อทำอะไรกับบ้านเราพ่อรู้มั้ยคะ ตั้งแต่จำความได้วาก็เจ็บปวดกับความรักที่พ่อมีให้วาน้อยเหลือเกิน แล้วตอนนี้วาก็เจ็บปวดเพราะวาทำอะไรอย่างที่อยากจะทำไม่ได้ วาจะทำยังไงดีคะ” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะออกเดินกลับเข้าบ้าน ด้วยอาการของคนที่แทบจะไม่มีแรง ด้วยเมื่อคืนนอนดึกนั่นเอง

ไม่นานเธอก็มาถึงห้องอาหาร แต่ก็ต้องแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็พบกับเขาที่นั่งรอที่โต๊ะอาหารเช้า เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ แล้วมองมาที่เธอ มันช่างเป็นภาพที่เหมือนกับวันแรกที่เธอได้พบเขาเหลือเกิน
“ผมรอคุณทานข้าวอยู่นะ คุณหิวหรือยัง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดา กับใบหน้าที่เฉยเมย ไม่แพ้กับเธอ “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “นั่นสิคะคุณชนะชล ป้ากับคุณวาไปตักบาตรที่หน้าบ้าน ไม่เห็นรถคุณผ่านเข้ามาเลยนี่คะ” สุขพูดเสริม เมื่อเดินจากครัวเข้ามานั่งที่โต๊ะ โดยมีแจงตักข้าวต้มให้

“ผมมาตั้งแต่เมื่อคืนครับ แต่ให้ลูกน้องขับรถมาให้ ไม่ได้เอารถมาเอง จอดทิ้งไว้ที่ออฟฟิศครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณสบายดีหรือเปล่า งานที่โรงพยาบาลยุ่งมั้ย พอดีผมยุ่ง ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้มา” เขาถามตามมารยาท
“ก็เหมือนเดิมค่ะ” เธอตอบ
“เหมือนเดิมที่ไหนคะคุณชนะชล คุณหมอของป้าหน่ะ ทำงานหนักกว่าเดิมอีก กลับบ้านก็ดึกทุกคืนเลย คุณวิทย์บอกก็ไม่ฟัง ไม่รู้จะหักโหมไปทำไม” สุขรีบบอกเขา
“แต่ก็มีคุณหมอรวิทย์คอยดูแลอยู่ คงไม่เป็นอะไรมั้งครับป้า” เขาบอกและแววตาเฉยเมยยิ่งนัก เมื่อได้ยินชื่อรวิทย์


ซองสีน้ำตาลที่ข้างในบรรจุเงินสดสี่แสนบาทถูกยื่นให้เขาอีกครั้ง และก็ในห้องทำงานของเขาอีกเช่นเคย เขารับมันมาแต่ก็แทบจะไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ
“ผมจะให้ฝ่ายบัญชีเป็นคนบันทึกรายละเอียด และก็ออกหลักฐานการรับมาให้คุณวันหลังนะ” เขาบอก “ขอบคุณค่ะ” ตอบสั้น ๆ และใบหน้าเรียบเฉย
“คุณจะแต่งงานกับหมอรวิทย์เมื่อไหร่” เขาถามออกมาดื้อ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะถามเลย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้เรื่องทั้งหมดจากปากของเธอ ถึงแม้ว่าเขาแทบจะรู้ทุกการกระทำของเธอจากสุข เมื่อยามที่เขากลับมาที่นี่แล้วก็ตามที

“คุณถามทำไมคะ แต่ยังไง ๆ ซะ งานของฉันก็คงจะต้องมีหลังของคุณมั้งคะ เพราะเรายังไม่ได้หมั้นกันเหมือนคุณเลยนี่คะ ฉันให้เกียรติคุณกับคุณแพรวก่อนก็แล้วกันค่ะ และฝากขอโทษคุณแพรวด้วยนะคะ ที่ฉันไปร่วมงานหมั้นไม่ได้” เธอบอกเขาด้วยแววตาที่เจ็บลึก ๆ ในหัวใจ แต่ก็ถูกปกปิดเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอก คุณแพรวคงเข้าใจว่าคุณยุ่ง เราไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต แค่ให้ญาติ ๆ รับรู้แค่นั้นเอง ผมไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก มันก็แค่เรื่องของคนสองคน” เขาตอบ และมันก็เป็นการยืนยันให้เธอได้เป็นอย่างดีว่า เขาหมั้นแล้ว ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จนเขาต้องขอรับก่อน โดยให้เธอนั้นนั่งรอ

“พี่ถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับคุณแพรว ไม่ต้องห่วง พี่คงอยู่อีกหลายวัน เพราะงานที่นี่ยังไม่ได้ดูแลสักเท่าไหร่เลย คุณแพรวอย่าเกเรสิครับ ไม่สบายก็ต้องทานยาตามที่คุณลุงกับคุณป้าบอกนะครับ จะได้หายไว ๆ” เสียงเขากรอกตามสาย
จนทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นไม่อยากจะรออยู่ฟังอีกต่อไปแล้ว และเธอก็คิดว่ามันไม่เหมาะ จึงลุกขึ้นยืนเพื่อจะออกไปนอกห้อง แต่ก็ถูกเขาเรียกไว้ก่อน

“คุณจะรีบไปไหน คุณแพรวขอคุยด้วย” สิ้นคำบอกเล่าของเขา สีหน้าที่แปลกประหลาดก็เกิดกับเธอ
“หมอสบายดีค่ะคุณแพรว ขอบคุณค่ะ แล้วคุณแพรวหล่ะคะ เสียงไม่ค่อยจะดีเลย” เธอถามหลังจากที่รับโทรศัพท์จากมือเขามาแล้วก็นั่งลุงอย่างเดิม
“คุณแพรวไม่ค่อยสบายค่ะคุณหมอ แต่ก็อดห่วงพี่ชลไม่ได้ คุณแพรวฝากพี่ชลกับคุณหมอด้วยนะคะ อย่าให้ไปเกเรกับสาวไหนนะคะ คุณแพรวไม่ยอมจริง ๆ ด้วย นี่ถ้าคุณแพรวไม่ป่วยนะคะ คุณแพรวก็คงจะตามพี่ชลไปด้วยแน่ ๆ เลยค่ะ สาว ๆ ทางโน้นสวยน้อยที่ไหนกันคะ คุณหมอว่ามั้ยคะ” เธอไม่ตอบแต่ก็ยิ้มกับตัวเอง

“ค่ะ” “สงสัยคุณแพรวจะต้องฝากให้คุณหมอช่วยเป็นหูเป็นตาให้คุณแพรวแล้วนะคะ ต่อให้พี่ชลรักคุณแพรวแค่ไหน แต่ถ้าได้ไปเจอสาว ๆ สวย ๆ แล้วก็ใช้มารยาหลอกล่อพี่ชล ไม่แน่นะคะ พี่ชลอาจจะหลงกลสาว ๆ พวกนั้นก็ได้ คุณแพรวฝากคุณหมอดูให้ด้วยนะคะ”
“แล้วหมอจะดูให้นะคะ จะคุยกับคุณชนะชลอีกหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ....เดี๋ยวคุณแพรวจะมีเซอร์ไพรให้พี่ชลเองค่ะ เพื่อเป็นการตอบแทนที่พี่ชลทำตัวดีกับคุณแพรวมาโดยตลอด คุณหมอรู้หรือเปล่าคะ ว่าทุกวันนี้พี่ชลบอกรักคุณแพรววันละหลาย ๆ ครั้งเลยค่ะ คุณแพรวนี่เลือกคู่ชีวิตได้ไม่ผิดจริง ๆ เลยนะคะคุณหมอ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ดีไปซะทุกเรื่องเลยค่ะ งั้นแค่นี้นะคะคุณหมอ” สิ้นเสียงทางโน้น เธอก็แทบจะไม่อยากอยู่ในห้องของเขา ให้นานไปกว่านี้อีกแล้ว

โทรศัพท์ในมือถูกยื่นให้เขาทันที พร้อม ๆ กับเธอก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ทันจะได้ไปไหน ก็มีมือหนานุ่มของเขาที่รีบเดินตามเธอมารั้งแขนเธอเอาไว้

“คุณแพรวพูดอะไรกับคุณบ้าง” เขาถามด้วยความเป็นกังวล ด้วยเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก “ไม่มีอะไรค่ะ เธอก็แค่ฝากให้ฉันดูแลคุณ ไม่ให้ไปเกเรกับสาว ๆ คนไหนก็แค่นั้น ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวค่ะ” เธอตอบและพยายามดึงมือเขาออก แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเขากลับรั้งร่างเธอเข้ามากอดเอาไว้
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ” เขาบอกและกอดร่างที่อบอุ่นเอาไว้
“ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณค่ะ ปล่อยฉันจะกลับ” เธอพยายามดิ้นรนให้ร่างออกจากอ้อมกอดเขา
“คุณแพรวพูดให้คุณหึงผมใช่มั้ย” เขาถามอย่างรู้ทัน

“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่มีอะไร” เธอบอกและยังคงดิ้นหาอิสระ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเขายึดร่างเธอเอาไว้แน่น บรรยากาศในห้องเงียบสงบ ปราศจากเสียงใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจของเขาและเธอ เขากอดร่างเธอเอาไว้เหมือนเด็กขาดความอบอุ่น หัวใจที่เต้นแรงและไม่เป็นจังหวะของเธอ แทบจะหลุดออกมา เมื่อเวลาเธอได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา และเธอเองก็รู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่มือไม้มันไม่ยอมปกป้องการกอดรัดของเขา และดูเหมือนว่าหัวใจมันยินยอมให้เขายึดครองร่างตัวเองเอาไว้อย่างเต็มใจด้วยซ้ำ

คางมนถูกเขาค่อย ๆ เชยขึ้นเพื่อให้เขาได้มองหน้าเธออย่างชัด ๆ สายตาที่อ่อนหวานของเขา จ้องมองไปที่ใบหน้าขาวเนียน ร่างที่แนบกับหน้าอกอบอุ่นของเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกได้แทบจะทุกส่วนของร่างกายเขา หากมันจะต่างก็เพียงอยู่นอกร่มผ้าเท่านั้นเอง

ไม่นานเรียวปากงามได้รูปก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากนุ่มของเขา สัมผัสของเขานั้นช่างนุ่มนวลทุกครั้ง แผ่นหลังของเธอถูกตรึงไว้ด้วยประตูห้อง ร่างของเขาเบียดแน่นเข้าหาสัมผัสที่อบอุ่นและแสนหวาน พวงแก้มขาวถูกเขาตราตรึงไปด้วยจมูกที่โด่งเป็นสัน มือสองข้างของเธอเผลอไปโอบกอดเขาเอาไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขานั้นรู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก

และเขาก็มั่นใจเหลือเกินว่าความต้องการนี้คงจะไม่ใช่เพียงเขาฝ่ายเดียวกระมัง จมูกลดต่ำลงมาหาความหอมจากคองามระหง แล้วเรียวปากก็ถูกปิดเอาไว้อย่างดูดดื่มเนิ่นนานอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน กับสัมผัสที่เขามอบให้ แต่พอเธอนึกไปถึงใบหน้า และน้ำเสียงของกิติกร ที่เพิ่งจะโทรมาสั่งเสียเขาไว้กับเธอ มันก็ทำให้ความสุขนั้นหายไปในพริบตา จนต้องเตือนตัวเองให้ระวังและต้องอยู่ห่าง ๆ เขาเอาไว้

แล้วเขาก็ต้องตกใจ เมื่อจมูกโด่งของเขา รับรู้ได้ว่ามีหยดน้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มขาวเนียนออกมา เขาเอื้อมมือไปเช็ดมันด้วยความทะนุถนอม เหมือนเขาสามารถรับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีได้ไม่ยากเลย และมันก็คงจะไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเขานัก ร่างเธอถูกปล่อยให้เป็นอิสระในที่สุด
“ผมขอโทษ....ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินคุณ....ผมขอโทษ” ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากงามนั้นเลย แล้วร่างบางก็วิ่งออกไปจากห้องของเขาทันที ทิ้งให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับการจากไปของเธอเหลือคนานับ


“หมออยู่กับพี่ชลจริง ๆ ด้วยพวกเธอ” กิติกรบอกกับพวกเพื่อนหลังจากที่วางสายจากวันวิวาห์ไปแล้ว ในขณะที่ทั้งหมดนั่งอยู่ในรถตู้เพื่อมุ่งตรงไปบ้านวันวิวาห์
“เหรอ...ฉันหวังว่าเขาคงจะไม่อยู่ในห้องนอนพี่ชลหรอกนะยัยแพรว” กรกนกสมทบ
“เดี๋ยวก็รู้...พี่คะขับให้เร็วกว่านี้หน่อยนะคะ” กิติกรร้องไปบอกคนขับด้วยความโกรธ
“ใจเย็น ๆ สิยายแพรว เธอลืมแล้วเหรอว่าเธอจะต้องเป็นนางฟ้าตลอดเวลา หลายใจเข้าลึก ๆ นะโม พุธโทเอาไว้ แล้วก็อย่าโกรธจนเผลอไปเผยกิริยามารยาทไม่ดีให้พี่ชลเห็นหล่ะ แล้วอีกนานหรือเปล่ากว่าจะถึงนี่” นุติพรเตือนสติเพื่อน แต่ก็ไม่วายอยากรู้ระยะทางไปบ้านวันวิวาห์

“อีกไม่นาน...หรอกสุดโค้งนี้ก็เลี้ยวซ้ายนะคะพี่” กิติกรบอกคนขับรถ แล้วไม่นานรถตู้ก็มาจอดอยู่ประตูคฤหาสน์หลังใหญ่แล้ว กิติกรโผ่หน้าไปให้ ร.ป.ภ. เห็นแล้วไม่นานก็นำรถตู้ผ่านเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย
“โอ้โห...ยัยแพรว...บ้านหมอนี่โครตกว้างเลยว่ะ สงสัยจะรวยน่าดูนะ ดูสิแค่บึงนี่ก็คงจะหลายไร่แล้ว มิน่าหล่ะพี่ชลถึงได้มาติดพันธ์ รวยอย่างนี้นี่เอง” อรวรรณรีบอุทานด้วยความตื่นเต้น ขณะที่รถตู้แล่นไปตามถนน “นี่ ๆ ยัยวรรณสงบปากสงบคำหน่อยนะ แล้วก็อย่าแสดงกิริยาท่าทางให้มันโอเวอร์นักนะ อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกผู้ดี” กรกนกเตือนเพื่อน
“ใช่...ยายนกพูดถูก เวลาอยู่กับเพื่อนกับอยู่กับคนอื่นไม่เหมือนกันนะ” กิติกรเสริม

“จ้า ๆ แม่คุณหนูแพรว” อรวรรณประชดเพื่อนรัก
ชนะชลต้องเดินมาดูที่หน้าบ้านหลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานแล้ว รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงรถมาจอด แล้วเขาก็เหมือนจะไม่เชื่อตาตัวเองเลย กับคนที่เขาเห็นเดินลงมาจากรถตู้
“พี่ชล...เซอร์ไพร้ค่ะ” กิติกรเดินแทบจะเป็นวิ่งมาหาเขา
“คุณแพรวมาได้ยังไงครับ ไหนบอกว่าไม่สบายไง แล้วมากันยังไง แล้วมากับใครครับ”
“มากับพวกเราค่ะพี่ชล สวัสดีค่ะ” ไม่ทันที่เขาจะรับคำตอบจากกิติกร บรรดาสาว ๆ ที่เขารู้จักทุกคนต่างก็เดินเรียงรายกันลงมาจากรถตูแล้วทักทายเขาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่สดใสไปตาม ๆ กัน

“เอาไปเลยค่ะไม่ต้องทอน ขอบคุณนะคะพี่” นุติพรจ่ายเงินให้คนขับรถตู้ที่พวกเธอเหมามาจากสนามบิน
“แล้วมีใครที่บ้านรู้หรือเปล่าครับว่าคุณแพรวกับเพื่อน ๆ จะมาที่นี่” เขาถามด้วยความกังวล
“คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าคุณแพรวไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ภูเก็ตค่ะ” กิติกรบอกและยิ้มให้เขา
“ยังไงครับคุณแพรว” เขาทำหน้าไม่เข้าใจ
“เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณแพรวจะเล่าให้ฟังนะคะ ไปกันเถอะพวกเรา” กิติกรบอกและรั้งแขนเขาให้เข้าไปในบ้าน โดยมีเพื่อน ๆ เดินตามไปเป็นแถว







Create Date : 25 กันยายน 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:29:25 น. 0 comments
Counter : 423 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.