ชลวาห์กาล ๑๐ (ธัญรัตน์)
ร่างสาวน้อยที่อยู่ในวัยที่สดใส กับใบหน้าที่สวยได้รูป กำลังมีความสุขอยู่กับการตัดดอกไม้ที่สวน โดยมีเขาเป็นคนคอยถือตะกร้าให้ แล้วมันเหมือนจะเป็นสิ่งที่ให้คำตอบแก่วันวิวาห์ได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง
อากาศยามเช้าที่นี่เย็นสบายเหลือเกิน ดอกไม้นานาพรรณออกดอกเบ่งบานสวยงาม รอวันให้สาวน้อยมาเก็บเกี่ยวเอาไปจัดแจกันแทบทุกเช้า ตั้งแต่กิติกรมาอยู่ที่นี่ ก็ใกล้จะเดือนแล้ว ดอกไม้ที่เธอหวงแหนไม่ยอมตัดถ้าไม่จำเป็น ดูจะบางตาไปถนัด หญิงสาวยืนมองทั้งสองด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่แววตาช่างดูเจ็บปวดไม่น้อย และเธอก็รู้สึกโกรธตัวเอง เมื่อนึกถึงรอยจูบของเขา ป่านนี้เขาก็คงจะหัวเราะเยาะเธอแล้วกระมัง ที่เผลอตัวเผลอใจ ปล่อยให้เขาทำอะไรได้ตามใจชอบ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้
คุณหมอคะ.....คุณแพรวเก็บดอกไม้มาฝากเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวคุณแพรวจะจัดใส่แจกัน แล้วเอาไปไว้ให้ในห้องทำงานคุณหมอกับห้องพี่ชลนะคะ เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลดังมาพร้อม ๆ กับร่างของเธอ กิติกรรู้สึกดีใจที่เห็นวันวิวาห์มายืนมองเธอตัดดอกไม้ และมีชนะชลคอยเดินตามแทบทุกเช้า มันทำให้เธอรู้สึกว่า กำลังถือไพ่เหนือกว่าคุณหมอหน้าขรึมคนนี้นัก แต่เธอก็จะไม่ไว้วางใจ จนกว่าจะได้เขามาแนบครอง นั่นจึงจะถือว่ามีชัยชนะในความรู้สึกของเธอ แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ จากวันวิวาห์ นอกจากยิ้มบาง ๆ ให้แค่นั้น พี่ชลคะ วันนี้คุณหมอหยุดอยู่บ้าน แล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนดีคะ พรุ่งนี้คุณแพรวก็จะกลับแล้วนะ เธอบอกเขา
ไปไหนก็แล้วแต่คุณแพรวครับ พี่พาไปได้หมด งั้นพี่เอาดอกไม้ไปใส่น้ำไว้ก่อนนะ เดี๋ยวคุณแพรวค่อยไปจัดแจกันทีหลัง แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะครับ เขาบอกสาวน้อย และยิ้มให้เธอ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป ไม่ทราบว่า คุณหมอเคยไปเที่ยวที่บ้านพี่ชลหรือเปล่าคะ ที่นั่นอากาศดีมาก ๆ มากกว่าที่นี่เลยค่ะ พอคุณแพรวกลับไปก็จะเจอกับอากาศหนาวพอดีค่ะ แต่ก็คงจะวุ่นจนได้เหงื่อหล่ะค่ะ เพราะวิ่งเตรียมโน่นเตรียมนี่ยุ่งไปหมด ที่โน่นเรื่องเยอะค่ะ แค่งานหมั้นก็ต้องทำตามขนมธรรมเนียมประเพณีให้ครบทุกอย่าง ถ้าเป็นแค่คนธรรมดาเขาก็คงแค่สวมแหวน แต่โชคไม่ดีเลยที่บ้านคุณแพรวมีญาติพี่น้องเยอะค่ะ
เป็นเจ้าเป็นนายทั้งนั้น จะทำอะไรทีก็ต้องให้ถึงกันหมด แล้วยิ่งพี่ชลยังเคลียร์งานที่นี่ไม่เสร็จ จะตามไปทีหลัง คุณแพรวต้องทำเองหมด พอพี่ชลไปแล้ว ก็พอดีเตรียมงานเสร็จ ถ้าคุณแพรวไม่ได้มาเห็นว่าพี่ชลทำงานเยอะจริง ๆ คุณแพรวไม่ยอมแน่ ๆ เลยค่ะคุณหมอ พี่ชลหายไปทีละหลาย ๆ อาทิตย์ บางทีก็หลายเดือน จนคุณแพรวนึกว่าแอบซ่อนใครเอาไว้แถวนี้ซะอีกค่ะ
แล้วคุณหมอเห็นพี่ชลมีใครซ่อนไว้แถวนี้หรือเปล่าคะ ถ้ามีคุณหมอต้องรีบบอกคุณแพรวนะคะ จะได้ถอนตัวทัน เธอบอกยืดยาว ด้วยกิริยาที่อ่อนหวาน และเรียบร้อย จนทำให้คนฟัง ๆ แล้วไม่รู้สึก ว่านี่คือการประกาศหมั้นของเธออีกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ฝ่ายหญิงไม่ควรจะพูดออกมาแบบนี้ แต่ด้วยกิริยามารยาทคนพูดนั้น ไม่ได้ทำให้วันวิวาห์คิดตำหนิเลยแม้แต่น้อย คงไม่มั้งคะ หมอไม่เคยเห็นคุณชนะชลเคยพาใครมาที่นี่ แต่ตอนที่หมอไม่อยู่บ้านไม่รู้นะคะ ก็อย่างที่คุณแพรวเห็น หมอไม่ค่อยได้อยู่บ้านค่ะ เธอบอกตามตรง แต่หัวใจนั้นห่อเหี่ยวเหลือเกิน
ถ้าคุณหมอยืนยันมาขนาดนี้ คุณแพรวก็ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ คุณแพรวก็คิดอย่างนั้นค่ะ พี่ชลกับคุณแพรวสนิทกันมาก เรารู้จักกันมาตั้งแต่คุณแพรวยังเล็ก ๆ อยู่เลยค่ะ พี่ชลไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้งค่ะ บอกว่าจะมาก็มา บอกว่าโตขึ้นจะแต่งงาน และดูแลคุณแพรว พี่ชลก็ทำค่ะ แล้วคุณหมอจะไปงานหมั้นของเราหรือเปล่าคะ คุณแพรวขอเชิญล่วงหน้าเลยนะคะ เธอบอกและแววตาฉายแววของผู้ชนะไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่น่าเชื่อว่ามันจะง่ายกว่าที่คิด สำหรับการกำจัดคุณหมอหน้าขรึมคนนี้ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจเธอในเวลานี้
ขอบคุณค่ะ แต่หมอยังไม่รับปากนะคะว่าจะไปร่วมงานได้หรือเปล่าค่ะ เพราะอาจจะเจอช่วงที่งานยุ่ง ๆค่ะ งั้นเชิญคุณแพรวด้านในเถอะค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว หญิงสาวรีบตัดบท และรีบเดินหนีไป ทิ้งให้คนเดินตามหลังนั้นยิ้มออกมาอย่างสะใจ แต่ถึงยังไงกิติกรก็ไม่วางใจในช่วงที่ชนะชลต้องอยู่ที่นี่กับวันวิวาห์ตามลำพังอยู่ดี ถ้าบิดาและมารดาไม่ปรามว่าเป็นการไม่สมควร เธอก็คงจะขออยู่ที่นี่กับชนะชล โดยให้เอมอร และบิดากับมารดากลับก่อน แต่เมื่อเธอตั้งกำแพงให้คนทั้งสองขนาดนี้ คงจะไม่มีใครกล้าพังกำแพงไปได้กระมัง...
แจกันดอกไม้ที่ถูกกิติกรจัดอย่างสวยงามตั้งลงไปบนโต๊ะทำงานของชนะชล แล้วเธอก็ย้ายจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่เหมาะ แต่เธอก็ดูว่ามันเป็นมุมที่ไม่เหมาะอีก จึงย้ายไปตั้งที่ใหม่ และเธอก็ย้ายแจกันไปมาอยู่หลายที่ แต่สุดท้ายก็กลับมาตั้งในตำแหน่งเดิมที่เธอตั้งเอาไว้แต่แรก จมูกโด่งรับกับใบหน้าที่สวยก้มลงไปสูดดมความหอมของดอกไม้ แล้วเธอก็ถือวิสาสะจัดข้าวของที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของชนะชลในเวลาต่อมา เพราะเห็นว่าเอกสารนั้นวางกระจายอยู่เต็มโต๊ะ ไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลย
กิติกรสะดุดตากับใบเสร็จรับเงินที่ระบุว่าผู้จ่ายคือวันวิวาห์ ส่วนผู้รับนั้น เธอแน่ใจว่าเป็นชื่อบริษัทที่ชนะชลบอกว่าเป็นหุ้นส่วนกับพ่อของวันวิวาห์ แล้วที่แปลกไปกว่านั้นก็คือจำนวนเงินแปดแสนบาทที่ระบุไว้ และคนที่ลงรายมือชื่อรับไว้ก็คือชนะชลนั่นเอง ถึงจะเป็นแค่ลายเซ็นต์แต่เธอก็จำได้
เธอนี่จ่ายเงินค่าอะไรให้พี่ชลตั้งแปดแสน หรือว่าจะเป็นเงินปันผล ไม่ใช่สิ ถ้าเงินปันผลพี่ชลก็ต้องทำจ่ายให้เธอนี่ถึงจะถูก แล้วนี่มันค่าอะไรกันทำไมมันเยอะจัง เธอพรึมพรำอยู่กับตัวเอง และเพื่อให้ข้อสงสัยกระจ่างไปกว่าเดิม เธอรีบค้นหามูลเหตุอื่นที่กองอยู่บนโต๊ะทันที แต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากเป็นเอกสารเรื่องงานเท่านั้น กิติกรรีบดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ หญิงสาวมองไปยังลิ้นชักอีกฝั่งของโต๊ะซึ่งเป็นลิ้นชักใหญ่ และมีกุญแจเสียบเอาไว้ ลิ้นชักถูกล็อคเอาไว้ แต่เธอก็บิดกุญแจแค่นั้นลิ้นชักก็เปิดออก แล้วเธอก็พบว่ามีแฟ้มแบบแขวน ๆ อยู่เต็มลิ้นชักจนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาอะไรที่ตรงไหน และไม่ทันที่เธอจะทันได้ทำอะไร ก็เหมือนจะมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
พี่ชลจะเข้ามาทำงานเหรอคะ คุณแพรวจัดดอกไม้มาให้แล้วนะคะ พี่ชลจะได้สดชื่นเวลาทำงานไงคะ เธอรีบทักเขาก่อนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอบคุณมากนะครับ คุณแพรว เขาบอกพร้อมกับเดินมาที่โต๊ะ แล้วก็พบความเปลี่ยนแปลงบนโต๊ะทำงาน เอ่อ...คุณแพรวเห็นว่ามันรกค่ะ ก็เลยจัดให้พี่ชลใหม่จะได้สะอาดตาค่ะ งั้นพี่ชลทำงานเถอะนะคะคุณแพรวไม่กวนแล้ว จะรีบไปจัดดอกไม้ไปไว้ในห้องคุณหมอก่อนค่ะ กิติกรรีบบอกและก็รีบเดินออกไปโดยเร็ว
สีหน้าที่หาคำบรรยายไม่ได้ของชนะชลในตอนนี้ กิติกรคงจะไม่มีโอกาสได้เห็น เอกสารที่เขาต้องใช้เวลาเปิดหาข้อมูลหลาย ๆ อย่างแล้วก็ทิ้งค้างเอาไว้ก่อนออกไปจากห้อง บัดนี้มันได้ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว เขาค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็มองไปยังแจกันดอกไม้ที่ถูกจัดมาอย่างสวยงาม แล้วเขาก็ ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะลงมือค้นหาเอกสารที่ถูกจัดระเบียบเอาไว้อีกครั้ง
ประตูห้องทำงานของวันวิวาห์ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย กิติกรจำเป็นจะต้องยกแจกันดอกไม้เข้ามาในห้องของศัตรูหัวใจ ซึ่งความตั้งใจแต่แรกที่บอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำเรื่องพวกนี้ให้วันวิวาห์เป็นแน่ ต่อให้เธอบอกเอาไว้ก็เถอะ หรือถ้ามีคนถามเธอก็จะแกล้งบอกว่าลืม แต่ตอนนี้กิติกรจะต้องฝืนใจตัวเอง เพราะต้องการหาข้อมูลบางอย่างที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร โต๊ะทำงานของวันวิวาห์ถูกจัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ไม่เหมือนของชนะชล ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับกิติกรที่จะรื้อค้น เพราะกลัวว่าจะจัดกลับคืนไม่เหมือนเดิม ลิ้นชักทุกชั้นถูกล็อคเอาไว้หมด และเหนือไปกว่านั้น ไม่มีกุญแจเสียบทิ้งเอาไว้ด้วย
พี่ชลกับแม่นี่กำลังทำอะไรกันอยู่นะ ฉันชักจะชะล่าใจกับเธอมากเกินไปแล้วนะ แม่หมอหน้าซื่อบื่อ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอกับพี่ชลเกี่ยวข้องกันยังไง มันจะต้องไม่ใช่แค่หุ้นส่วนธรรมดา ๆ แน่ กิติกรบอกตัวเองด้วยความโมโหที่ผิดหวังกับการเข้ามาในห้องนี้ เพราะวันวิวาห์จะจัดเอกสารทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี คุณแพรว วันวิวาห์ทักผู้ที่ยืนอยู่ในห้องด้วยความแปลกใจ
คุณหมอ...คุณแพรวต้องขอโทษด้วยนะคะที่เข้ามาห้องทำงานโดยที่ไม่ได้ขอก่อนค่ะ พอดีคุณแพรวเอาแจกันดอกไม้มาตั้งโต๊ะให้คุณหมอค่ะ พี่ชลบอกว่าคุณหมอก็ชอบดอกไม้เหมือนกันใช่หรือเปล่าคะ กิติกรพยามควบคุมความตกใจที่จู่ ๆ วันวิวาห์ก็เดินเข้ามาในห้อง ทั้ง ๆ ที่กิติกรรู้มาจากสุขว่าวันวิวาห์ไปบ้านรวิทย์ เธอจึงได้โอกาสเข้ามาในห้อง ไม่นึกว่าวันวิวาห์จะกลับเข้ามาเร็วขนาดนี้
ขอบคุณมากนะคะคุณแพรว แต่ทีหลังไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ แจงจะเป็นคนทำให้อยู่แล้ว วันวิวาห์บอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้กิติกรในเวลาต่อมา งั้นคุณแพรวไม่รบกวนคุณหมอแล้วนะคะ จะไปเตรียมเก็บข้าวของ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าค่ะ กิติกรรีบเดินออกไปจากห้อง เพราะรู้ว่าวันนี้คงจะทำอะไรไม่ได้สะดวกนัก
มือเรียวงามทั้งสองข้าง ถูกรวิทย์ดึงไปครอบครองเอาไว้ด้วยความเคยชิน เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ จากเพียงแค่สัญญาอันไร้เดียงสาว่าจะดูแล และแต่งงานกับเธอ ของเด็กหนุ่มน้อยคนหนึ่งในอดีต เพราะทนเห็นเพื่อนเจ็บปวด จากการถูกดุด่าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อกับแม่ไม่ได้ แต่มาวันนี้ความรู้สึกที่รวิทย์มีให้เธอ มันกลับกลายเป็นความรักที่จริงจังขึ้นมาในหัวใจของเขา
เราไม่เคยสนใจว่าวาจะมีอะไร หรือไม่มีอะไร เราขอแค่ได้ดูแลวาแค่นั้นเราก็พอใจแล้ว ถ้าฐานะคุณพ่อคุณแม่ร่ำรวยมากกว่านี้ก็คงจะดี เราจะเอาเงินมาไถ่บ้านและทุกอย่างคืนให้วาเลย เขาบอก วิทย์....ขอเวลาวาหน่อยนะ วาไม่สบายใจเลย ที่จะต้องแต่งงานในเวลานี้ ศพคุณพ่อก็ยังไม่ได้เผา อะไร ๆ วาก็คิดว่ามันยังไม่พร้อม เราอย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ในตอนนี้เลยนะ เธอบอก งั้นวาจะรอเมื่อไหร่ อีกกี่ปีวาถึงจะใช้หนี้หมด ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปเถอะนะวา แค่นี้วาก็ทำงานหนักมากพอแล้ว ให้เราช่วยนะ เราจะกู้เงินมาเปิดโรงพยาบาลเอง อีกไม่กี่ปีเราก็ช่วยนายใช้หนี้ได้หมดแล้ว....นะวานะ เขาอ้อนวอนเธอ ขณะยังคงกุมมือเธอเอาไว้
เข้าบ้านเถอะนะวิทย์มืดมากแล้ว คุณลุงรอจะคุยธุระกับวิทย์อยู่นะ เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน เธอบอกและก็ค่อย ๆ ดึงมือกลับ พร้อมกับเดินนำหน้าเขาไปยังประตูที่กำแพงซึ่งเป็นที่ ๆ ทั้งสองใช้เป็นทางไปมาหาสู่กันมาตั้งแต่เด็ก ขอบใจนะที่มาส่ง วิทย์กลับไปเถอะนะ เธอบอกเขาเมื่อเขาเดินมาส่งถึงหน้าบ้าน
วา....อย่าลืมที่เราพูดนะ เราขอยืนยัน ว่าเราจะแต่งงานกับวา และดูแลวาตลอดไป เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอเอาไว้อีกครั้ง พร้อมกับยกขึ้นมาจุมพิตอย่างนุ่มนวล ไม่มีคำตอบใด ๆ นอกจากรอยยิ้มที่ดูจะเป็นการปฏิเสธของเธอ ที่เขาชินตา เมื่อยามที่วันวิวาห์ไม่ยินยอมในเรื่องต่าง ๆ เธอจะยิ้มรับด้วยรอยยิ้มแบบนี้ แล้วเขาก็ต้องยอมตามใจเธอในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมานั่นเอง
ฝันดีนะวา เขาบอกและเดินจากไปทางเดิม โดยมีเธอยืนมองร่างของเขาที่ลับตาไปจากความมืด แล้วก็เดินขึ้นห้องไปด้วยใบหน้าที่ราบเรียบเหมือนเดิม โดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งที่คอยเฝ้าดูคนทั้งสองมาโดยตลอด สีหน้าของชนะชลรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน กับเรื่องที่ได้ยินมา
เธอเองก็คงจะแต่งงานกับคนที่เธอรักมาก่อนเหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะรอถามจากเธอ ด้วยการผลัดมารดาขอกลับทีหลัง ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป แต่เขาก็ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย เพราะวันวิวาห์ไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้เข้าใกล้เลย เลิกงานมาเธอก็ขึ้นห้อง เช้ามาก็ออกไปทำงานแต่เช้า โดยที่ไม่ได้กินอะไรก่อนไปเหมือนเมื่อก่อน
ในใจเขามีแค่เพียงสิ่งเดียวที่อยากรู้ คือเธอมีความรู้สึกยังไงกับเขา ก่อนจะตัดสินใจหมั้นกับกิติกรจริง ๆ เพราะถ้าหากเขามารู้ทีหลังว่าเธอเองก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างจากเขาในเวลานี้ มันอาจจะทำให้เขาเสียใจตลอดไปก็ได้ แต่จากบทสนทนาที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่นี้ เขาคงไม่ต้องการคำตอบใด ๆ อีกแล้ว
เขานำใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล พร้อมกับร่างที่สูง โปร่งในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อเชิตปล่อยชายออก และแขนก็ถูกพับขึ้นไปที่ข้อศอก ซึ่งเป็นชุดเตรียมพร้อมของเขา รถคู่กายเคลื่อนออกไปจากคฤหาสน์หลังงามอย่างช้า ๆ แล้วก็หายไปในที่สุด
วันวิวาห์ละสายตาจากการอ่านประวัติคนไข้ทันที ที่รู้ว่าผู้ที่มาเยือนในห้องนั้นคือ พิธาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั่นเอง โดยปกติเขาจะไม่ค่อยทำแบบนี้บ่อย อาจจะเป็นเพราะงานด้านบริหารนั้นรัดตัวเขาเหลือเกิน สวัสดีค่ะ ท่าน ผ.อ. ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ เธอลุกขึ้นพร้อมไหว้อย่างนอบน้อม เรียกลุงเหมือนตอนที่เราอยู่กันตามลำพังก็ได้คุณหมอ ในนี้ไม่มีใครนอกจากเราสองคน ลุงจะมาชวนหนูกับรวิทย์ไปหาอะไรกินก่อน วันนี้อยู่เวรไม่ใช่เหรอ เขาบอกพร้อมทั้งยกแขนดูนาฬิกา ข้อมือบอกเวลา จะหกโมงเย็นแล้ว
ค่ะคุณลุง แต่วาคนเดียวค่ะ รวิทย์ไม่ได้เข้าเวรด้วย แล้วคุณลุงกลับจากเหนือตั้งแต่เมื่อไหร่คะ เธอตอบเขา และถามตามมารยาท เพราะเขาเพิ่งกลับจากไปดูงานต่างจังหวัดทางเหนือ อ้าว...หมอรวิทย์มาดี ไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยคุยกันดีกว่า เขาบอกและออกเดินนำหน้า
อำเภอเรายังโชคดีมาก ๆ เลยนะ ถ้าเทียบกับหลาย ๆ อำเภอทางเหนือที่ลุงไปดูมา ที่โน่นห่างไกลความเจริญ บางโรงพยาบาลหมอก็ยังขาดอยู่มาก ๆ กว่าที่อำเภอเราอีก และหมอที่จบจากนอกอย่างเราสองคน เห็นจะหาทำยายาก เพราะใคร ๆ ก็อยากจะทำในที่ ๆ เจริญ ๆ มีอุปกรณ์พร้อมทั้งนั้นเลย ทางโน้นก็เลยขาดแคลนไปซะทุกเรื่องเลย เรียกว่าหมอคนไหนที่ได้ไปอยู่แถวนั้นนะ ได้ประสบการณ์เพียบเลย พิธานเล่าเรื่องที่เขาไปพบเจอให้ทั้งสองฟัง ขณะนั่งรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้านใกล้ ๆ โรงพยาบาล งั้นถ้าวาอยากจะไปอยู่ที่โน่น ก็แปลว่าวาจะได้ประสบการณ์เยอะสิคะคุณลุง เธอถามด้วยความอยากรู้
แน่นอนหนูวา หมอที่โน่นบางคนก็อยู่นานเป็นสิบ ๆ ปีเหมือนกัน พอลุงถามเขาว่า ทำไมถึงได้อยู่นาน ๆ เขาก็บอกว่าความสุขทางใจที่เขาได้รับค่อนข้างคุ้มค่า คนไข้บางคนไม่รู้หนังสืออะไรเลย แล้วยิ่งเวลาที่ไปออกพื้นที่ไกล ๆ นะ เวลากินข้าวแทบจะไม่มี แต่ทั้งหมอและพยาบาลก็มีความสุขกันดีนะ อากาศก็ดีพอ ๆ กับบ้านเรา หรืออาจจะดีกว่า เขาเล่าต่อ
ฟังดูแล้ว น่าไปจังเลยครับคุณลุง เอ...วิทย์ว่าเราสองคนน่าจะอาสาไปอยู่ที่โน่นนะวา จะได้เป็นหมอที่จบนอกรุ่นแรก ที่ไปบุกเบิกที่โน่นไง รวิทย์พูดกับเธอด้วยท่าทางที่ไม่จริงจังนัก แต่คนฟังนั้นไม่ตอบอะไรนอกจากดวงตาฉายแววมีความหมายบางอย่าง โดยที่ทั้งสองคนไม่ทันได้สังเกตเห็น
เธอแน่ใจนะยัยแพรวว่าตัวเองไม่ได้คิดมากเกินไป ฉันเห็นพี่ชลออกจะเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาเข้าหูเลยสักครั้ง คิดให้ดี ๆ ก่อนนะ ก่อนจะทำอะไรลงไป เดี๋ยวจะมานั่งเสียใจทีหลัง นุติพรเพื่อนรักกิติกรเตือนสติอีกครั้ง หลังจากที่กิติกรเล่าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟังเรื่องข้อสงสัยที่เธอมีต่อวันวิวาห์กับคนรัก นั่นสิยัยแพรว ฉันเห็นด้วยกับยัยนุนะ หรือถ้าพี่ชลจะเผลอผิดทางไปบ้าง เธอก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรแล้วนี่ยะ ก็ในเมื่อแหวนหมั้นมันก็มาอยู่ตรงนิ้วของเธอแล้วนี่ เขาจะไปไหนรอดเสีย กรกนกเพื่อนรักอีกคนเสริม
พวกเธอจะให้ฉันวางใจได้ยังไงยะ ก็ในเมื่อพี่ชลถึงขั้นไปกอดจูบหมอหน้าซื่อบื่อคนนั้น ถ้าเป็นพวกเธอจะทำใจได้เหรอ แล้วอีกอย่างต่อให้ฉันหมั้นกับพี่ชลแล้วก็เถอะ หมั้นได้ก็ถอนได้ และยิ่งฉันนอนใจอยู่แบบนี้ ฉันกลัวใจพี่ชลจริง ๆ เลย กิติกรที่บอกกับเพื่อนด้วยกิริยาท่าทางที่แทบจะเป็นคนละคนเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิท
แล้วหล่อนจะทำยังไงยะ จะไปบอกคุณหมอนั่นว่าอย่ามายุ่งกับพี่ชลของเธอรึยังไง หรือว่าจะไปนั่งเฝ้าพี่ชลของเธอทุก ๆ ฝีก้าวกันยะ....คุณแพรว... อรวรรณเพื่อนอีกคนถามด้วยความห่วงเพื่อน แต่ก็ประชดนิด ๆ ด้วยการเรียกชื่อเธอแบบคนทั่ว ๆ ไปใช้เรียกกัน ฉันว่าฉันบอกหมอนั่นไปแล้วนะ และหลายครั้งด้วย ต่อให้เป็นการบอกแบบนุ่มนวลและไม่น่าเกลียดก็เถอะ ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องไม่กล้ายุ่งกับพี่ชลแน่ ๆ ก็คุณเธอออกจะผู้ดีปานนั้น แต่ที่ฉันกลัวคือใจพี่ชลต่างหาก ผู้ชายถ้าอยู่ใกล้ผู้หญิงสวย ๆ อย่างหมอนั่น สักวันพี่ชลก็ต้องหลงในความงามของเขาแน่ ๆ เลย
หรือไม่หมอก็อาจจะใช้ความสวยหลอกล่อให้พี่ชลของเธอลุ่มหลงไปเอง นุติพรบอก แล้วหมอจะทำเพื่ออะไร ก็ในเมื่อคนรักตัวเองก็มีอยู่แล้ว หรือว่าจะอยากได้พี่ชลของเธอ เพราะหน้าตาหล่อ ฐานะดี....ก็ไม่น่าจะใช่ ก็ในเมื่อเธอบอกฉันเองว่าแฟนหมอหล่อไม่น้อย แล้วฐานะก็ไม่ได้จนอะไรเลย แถมหมอก็ร่ำรวยไม่น้อย กรกนกถามด้วยความสงสัย
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะนก...แล้วไอ้เงินที่หมอเอามาจ่ายให้พี่ชลมันเงินค่าอะไรหล่ะ ฉันพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก และมองไม่เห็นทางเลยว่า เขาจะเอาเงินมาให้พี่ชลทำไมตั้งมากมาย กิติกรหันไปหากรกนก และเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด เอ๊ะ...หรือว่าหมอเป็นหนี้พี่ชลของเหรอ นุติพรออกความคิด หรือว่าหมอจะเอาเงินซื้อพี่ชลของเธอ เพราะทนในความหล่อไม่ไหว อรวรรณออกความคิดบ้าง โอ๊ย...พวกเธอนี่คิดอะไรแต่ละอย่างไม่เข้าเรื่องเลยนะ ฉันมาปรึกษาพวกเธอนะ กิติกรร้องใส่เพื่อนด้วยความหัวเสียที่เพื่อนคิดอะไรไม่ค่อยเข้าท่าเลย
พวกฉันก็ช่วยคิดอยู่นี่ไงหล่ะยัยแพรว...แล้วหล่อนจะมานั่งกลุ้มอยู่ทำไม ถ้าอยากจะรู้ว่าสองคนนั้นมีอะไรกันหรือเปล่า เธอก็ไปสืบหาสิ มันต้องมีหลักฐานอะไรหลงเหลือให้เธอบ้างหล่ะ นุติพรให้แง่คิดกับเธอ เอ่อ...จริงสิ ทำไมฉันลืมข้อนี้ไปได้ แล้วว่าแต่ฉันจะไปยังไงหล่ะ อยู่คนละซีกโลก แล้วอีกอย่างใครจะพาฉันไป คุณพ่อคุณแม่เหรอ...คงไม่แน่ ๆ เพราะเพิ่งจะกลับมา ส่วนพี่ชลนะไม่ต้องหวังเลย อะไรก็บอกว่าไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่งาม แล้วฉันจะทำยังไงดีหล่ะ ถึงจะกลับไปบ้านนั้นได้ กิติกรออกอาการกลุ้มใจ
เธอก็ไปกับพวกเราสิยัยแพรว จะรอให้คนอื่นพาไปทำไม แค่ปากช่องนี่ไปไม่ถูกรึยังไงกัน นุติพรบอกและก็ยิ้มออกมา เมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก ฉันจะไปได้ยังไงกันกับพวกเธอ แล้วจะไปขอคุณพ่อคุณแม่ว่ายังไงกันยะ คิดอะไรแต่ละเรื่องไม่เข้าท่าเลย กิติกรอดตำหนิเพื่อนไม่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอกหน่ายัยแพรว มีฉันเป็นเพื่อนทั้งคน เอ่อ...ว่าแต่พี่ชลสุดหล่อของเธอจะไปบ้านโน้นอีกเมื่อไหร่ เธอพอจะรู้มั้ย นุติพรถามและก็ยิ้มออกมาให้เพื่อน ๆ ได้เห็น แล้วทั้งหมดก็พากันระดมสมองกับภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ตะวันทอแสงเป็นประกายในยามเช้า ลมพัดบางเบามากระทบร่างผอมบาง ทำให้ผมยาวสลวยนั้นปลิวไหวไปตามแรงลมที่พัดผ่านมา ยวดยานที่วิ่งผ่านถนนสายนี้ ดูจะบางตาเหลือเกิน คงจะเพราะเพิ่งจะรุ่งเช้านั่นเอง ผู้คนที่รักสุขภาพต่างพากันออกจ๊อกกิ้ง บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็ดูเหมือนจะมาครบทั้งครอบครัว ทั้งพ่อแม่และลูก พวกเขาวิ่งผ่านหน้าหญิงสาว ที่ยืนอยู่หน้าประตูของคฤหาสน์หลังงาม
พร้อมทั้งยิ้มและก้มศีรษะใ ห้เธอ เพื่อเป็นการทักทายอย่างมีไมตรี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยได้มีโอกาสพบพาน และรู้จักกับเจ้าของบ้านหลังใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านในเนื้อที่กว้างใหญ่นี้เป็นการส่วนตัวก็ตามที แต่พวกเขาก็รู้ว่าเธอคือทายาทของกุศล ผู้ที่สร้างบารมีให้กับตัวเองด้วยการสร้างกุศล และบริจาคเงินในวาระต่าง ๆ แล้วแต่จะมีคนขอมา
และเขาก็จะทำบุญเลี้ยงข้าวคนในละแวกนี้ปีละครั้ง โดยจะจัดที่วัด ซึ่งที่เป็นที่เก็บศพของสุเมธอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง หญิงสาวในชุดกระโปรงขาวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย พร้อมเสื้อยืดรัดรูปสีชมพูอ่อน ๆ เผยให้เห็นรูปร่างที่ได้สัดส่วนสวยงาม
เบื้องหน้าเธอนั้นมีโต๊ะสี่เหลี่ยม พร้อมกับข้าวของสำหรับตักบาตรพระ ที่ออกบิณฑบาตยามเช้าตรู่ แต่โดยปกติเธอแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะทำแบบนี้เลยตั้งแต่กลับมาเมืองไทยก็เพิ่งจะได้ตักบาตรแค่ครั้งเดียว คือวันครบรอบการเสียชีวิตของกุศล ซึ่งมันก็หลายเดือนเต็มที ไม่เหมือนกับเมื่อตอนเด็ก ๆ ที่ทั้งเธอ และกุศล จะทำเป็นกิจวัตรประจำวันแทบจะว่าได้ แต่พอไม่มีผู้เป็นปู่ บวกกับเรื่องราวต่าง ๆ ประดังเข้ามา จนทำให้เธอไม่มีเวลาไปคิดเรื่องนี้เลย จึงทำให้ว่างเว้นจากการทำบุญไป
หญิงสาวถวายอาหารหวาน คาวให้พระสงฆ์รูปสุดท้ายซึ่งเป็นรูปเดียวกับเมื่อครั้งที่แล้ว ตั้งใจรับพรนะโยม พระสงฆ์รูปเดิมบอก วันวิวาห์รีบนั่งคุกเข่าลงด้วยอาการที่สงบ โดยมีสุขและแจงเด็กรับใช้อีกคนนั่งข้าง ๆ แล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะกรวดน้ำตามด้วย
ป้าไม่เห็นคุณวามาตักบาตรนานแล้วค่ะ ครั้งสุดท้ายที่คุณวาตักบาตรก็เมื่อครบรอบวันคุณท่านสิ้นก็หลายเดือนมาแล้วนะคะ เห็นคุณวาตักบาตรวันนี้แล้ว ทำให้ป้าคิดถึงวันที่คุณวาตั้งบาตรครั้งสุดท้าย น่าจะเป็นตอนก่อนที่คุณวาจะไปเรียนเมืองนอกนะคะ คิด ๆ แล้ว ก็คิดถึงคุณท่านนะคะ ถ้าท่านยังอยู่ป่านนี้ก็คงจะกำลังตักบาตรพร้อม ๆ กับพวกเราอยู่นะคะ สุขพูดพร้อมทั้งช่วยเด็กเก็บข้าวของ
วานี่แย่จังเลยค่ะ ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดถึงเรื่องทำบุญไปให้คุณปู่เลย แต่วาก็ดีใจค่ะ ที่มีป้าสุขคอยทำให้เป็นประจำ ชีวิตคนเราก็แค่นี้นะคะ เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย ข้าวของทุกอย่างที่สร้างสมมา ก็เอาไปด้วยไม่ได้ แล้วทำไมคนเราจึงจะต้องมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันทำไมก็ไม่รู้นะคะ เธอพูดพร้อมทั้งรับขันและของอื่น ๆ จากมือสุขไปถือ เพราะสุขนั้นก็อายุ มากขึ้น ๆ ทุกวัน บวกกับร่างที่อวบขึ้น จนจะเดินจะเหินนั้นก็ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่
คุณวาของป้าพูดเหมือนท้อแท้อะไรบางอย่าง มีอะไรหรือเปล่าคะ สุขอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีของเธอ ไม่มีหรอกค่ะป้า เข้าบ้านเถอะค่ะ ลุงส่งเอารถมารับแล้ว ป้าจะได้ไม่ต้องเดินไกลไงคะ วาขอเดินดูอะไรเพลิน ๆ ก่อน แล้วจะไปกินข้าวด้วยนะคะ เธอบอก แล้วก็ผละจากไป และตรงไปยังบึงน้ำที่เป็นมุมโปรด แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงภาพที่เขาและหญิงคนรัก เคยพากันมาพายเรือเก็บดอกบัวอยู่กลางบึง อย่างมีความสุข มันช่างเหมือนเธอกับรวิทย์ เมื่อสมัยยังเด็กเหลือเกิน แล้วก็หวนรำลึกไปถึงความคิดเมื่อครั้งที่ยังเรียนอยู่เมืองนอกไม่ได้
เพราะตอนนั้นเธอเฝ้ารอเวลาที่เธอและรวิทย์เรียนจบเร็ว ๆ เพื่อจะได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศในบึงแบบนี้ ให้เหมือนสมัยเด็ก ๆ อีกครั้ง แต่ตอนนี้หล่ะ เวลาที่เธอเฝ้ารอให้ได้มีโอกาสกลับมาทำสิ่งเก่า ๆ กับรวิทย์แล้ว แต่ทำไมความรู้สึกสุขใจ และอบอุ่นที่มีรวิทย์อยู่ข้าง ๆ เหมือนเมื่อก่อนนั้นมันหายไป
ความรู้สึกแบบนั้นมันกลับไปเกิดขึ้นเวลาที่เธอได้อยู่ใกล้ ๆ เจ้าของใบหน้าคมสัน ที่ได้ประทับรอยจูบเอาไว้ให้เธอ แล้วตอนนี้คน ๆ นั้นเขาหายไปไหน นี่ก็หลายเดือนแล้วที่เธอไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเขา
คุณชนะชลมาค่ะ แต่ไม่ได้ค้างหรอกค่ะบอกว่ามาดูงานเพราะมีเรื่องด่วน เสร็จแล้วก็จะรีบกลับเลย ก็จะไม่ให้รีบกลับยังไงไหวคะคุณวา พอคุณชนะชลมาถึงปุ๊ป โทรศัพท์จากคุณแพรวก็ดังแทบจะทุก ๆ ชั่ว โมงเลยค่ะ มือถือคุณชนะชลบ้าง หรือไม่ก็ที่บ้าน ยัยแจงมันบ่นแทบแย่ว่าขี้เกียจเดินไปรับโทรศัพท์ แล้วคุณแพรวก็จะถามแต่คำถามเดิม ๆ นะคะ ว่าคุณชนะชล ทำอะไร อยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร สุขบอกเล่าให้เธอฟัง เมื่อเธอกลับจากทำงานในหลาย ๆ คืน
ใช่สิ...เขาก็คงจะเกรงใจคู่หมั้นเขา หรือถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่อยากจะเห็นหน้าเราสักเท่าไหร่ หรือเขาก็คงจะไม่มีเวลาให้ใครอีกแล้ว เพราะจะต้องเอาเวลาไปชดเชยให้กับคู่หมั้น ที่ป่านนี้คนทั้งคู่ก็คงจะหมั้นกันไปแล้ว ตามที่คุณแพรวเคยบอกเอาไว้ และก็มีมารดาเขาเป็นคนยืนยันอีกคนหนึ่ง แล้วประโยชน์อะไรที่เราจะต้องเก็บเอาเขามาใส่ในความคิดด้วย เพราะระหว่างเรากับเขามันก็คงเป็นเพียงเส้นสองเส้น ที่ต้องเดินขนานกันไป ไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้เลย
ใบหน้าที่เรียบเฉยรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามาในชีวิตเหลือเกิน หญิงสาวหันหน้าไปดูคฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วให้ท้อแท้ใจกับบทบาทหน้าที่ ๆ จะต้องเอามันกลับคืนมาให้บรรพบุรุษยิ่งนัก แล้วความฝันของเธอที่อยากจะรักษาคนไข้ให้หายขาดจากโรคภัยไข้เจ็บ
โดยที่ไม่ต้องเลือกหน้า ว่าจะยากดีมีจนหล่ะ เมื่อไหร่เธอจะได้ทำมัน ถ้าหากเธอสามารถล่วงรู้อนาคตข้างหน้าได้ ว่าจะต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้ เธอก็คงจะไม่เสียเวลาไปร่ำเรียนหมอให้เหนื่อย คงจะเรียนการทำมาค้าขายเหมือนกับเขา แต่ถึงแม้เธอสามารถทำได้ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความรู้สึกของเธอเป็นที่สุด เพราะเธอนั้นไม่รักที่จะทำเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย
พ่อคะ พ่อทำอะไรกับบ้านเราพ่อรู้มั้ยคะ ตั้งแต่จำความได้วาก็เจ็บปวดกับความรักที่พ่อมีให้วาน้อยเหลือเกิน แล้วตอนนี้วาก็เจ็บปวดเพราะวาทำอะไรอย่างที่อยากจะทำไม่ได้ วาจะทำยังไงดีคะ เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะออกเดินกลับเข้าบ้าน ด้วยอาการของคนที่แทบจะไม่มีแรง ด้วยเมื่อคืนนอนดึกนั่นเอง
ไม่นานเธอก็มาถึงห้องอาหาร แต่ก็ต้องแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็พบกับเขาที่นั่งรอที่โต๊ะอาหารเช้า เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ แล้วมองมาที่เธอ มันช่างเป็นภาพที่เหมือนกับวันแรกที่เธอได้พบเขาเหลือเกิน ผมรอคุณทานข้าวอยู่นะ คุณหิวหรือยัง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดา กับใบหน้าที่เฉยเมย ไม่แพ้กับเธอ คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ นั่นสิคะคุณชนะชล ป้ากับคุณวาไปตักบาตรที่หน้าบ้าน ไม่เห็นรถคุณผ่านเข้ามาเลยนี่คะ สุขพูดเสริม เมื่อเดินจากครัวเข้ามานั่งที่โต๊ะ โดยมีแจงตักข้าวต้มให้
ผมมาตั้งแต่เมื่อคืนครับ แต่ให้ลูกน้องขับรถมาให้ ไม่ได้เอารถมาเอง จอดทิ้งไว้ที่ออฟฟิศครับ เขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คุณสบายดีหรือเปล่า งานที่โรงพยาบาลยุ่งมั้ย พอดีผมยุ่ง ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้มา เขาถามตามมารยาท ก็เหมือนเดิมค่ะ เธอตอบ เหมือนเดิมที่ไหนคะคุณชนะชล คุณหมอของป้าหน่ะ ทำงานหนักกว่าเดิมอีก กลับบ้านก็ดึกทุกคืนเลย คุณวิทย์บอกก็ไม่ฟัง ไม่รู้จะหักโหมไปทำไม สุขรีบบอกเขา แต่ก็มีคุณหมอรวิทย์คอยดูแลอยู่ คงไม่เป็นอะไรมั้งครับป้า เขาบอกและแววตาเฉยเมยยิ่งนัก เมื่อได้ยินชื่อรวิทย์
ซองสีน้ำตาลที่ข้างในบรรจุเงินสดสี่แสนบาทถูกยื่นให้เขาอีกครั้ง และก็ในห้องทำงานของเขาอีกเช่นเคย เขารับมันมาแต่ก็แทบจะไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ ผมจะให้ฝ่ายบัญชีเป็นคนบันทึกรายละเอียด และก็ออกหลักฐานการรับมาให้คุณวันหลังนะ เขาบอก ขอบคุณค่ะ ตอบสั้น ๆ และใบหน้าเรียบเฉย คุณจะแต่งงานกับหมอรวิทย์เมื่อไหร่ เขาถามออกมาดื้อ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะถามเลย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้เรื่องทั้งหมดจากปากของเธอ ถึงแม้ว่าเขาแทบจะรู้ทุกการกระทำของเธอจากสุข เมื่อยามที่เขากลับมาที่นี่แล้วก็ตามที
คุณถามทำไมคะ แต่ยังไง ๆ ซะ งานของฉันก็คงจะต้องมีหลังของคุณมั้งคะ เพราะเรายังไม่ได้หมั้นกันเหมือนคุณเลยนี่คะ ฉันให้เกียรติคุณกับคุณแพรวก่อนก็แล้วกันค่ะ และฝากขอโทษคุณแพรวด้วยนะคะ ที่ฉันไปร่วมงานหมั้นไม่ได้ เธอบอกเขาด้วยแววตาที่เจ็บลึก ๆ ในหัวใจ แต่ก็ถูกปกปิดเอาไว้ ไม่เป็นไรหรอก คุณแพรวคงเข้าใจว่าคุณยุ่ง เราไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต แค่ให้ญาติ ๆ รับรู้แค่นั้นเอง ผมไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก มันก็แค่เรื่องของคนสองคน เขาตอบ และมันก็เป็นการยืนยันให้เธอได้เป็นอย่างดีว่า เขาหมั้นแล้ว ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จนเขาต้องขอรับก่อน โดยให้เธอนั้นนั่งรอ
พี่ถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับคุณแพรว ไม่ต้องห่วง พี่คงอยู่อีกหลายวัน เพราะงานที่นี่ยังไม่ได้ดูแลสักเท่าไหร่เลย คุณแพรวอย่าเกเรสิครับ ไม่สบายก็ต้องทานยาตามที่คุณลุงกับคุณป้าบอกนะครับ จะได้หายไว ๆ เสียงเขากรอกตามสาย จนทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นไม่อยากจะรออยู่ฟังอีกต่อไปแล้ว และเธอก็คิดว่ามันไม่เหมาะ จึงลุกขึ้นยืนเพื่อจะออกไปนอกห้อง แต่ก็ถูกเขาเรียกไว้ก่อน
คุณจะรีบไปไหน คุณแพรวขอคุยด้วย สิ้นคำบอกเล่าของเขา สีหน้าที่แปลกประหลาดก็เกิดกับเธอ หมอสบายดีค่ะคุณแพรว ขอบคุณค่ะ แล้วคุณแพรวหล่ะคะ เสียงไม่ค่อยจะดีเลย เธอถามหลังจากที่รับโทรศัพท์จากมือเขามาแล้วก็นั่งลุงอย่างเดิม คุณแพรวไม่ค่อยสบายค่ะคุณหมอ แต่ก็อดห่วงพี่ชลไม่ได้ คุณแพรวฝากพี่ชลกับคุณหมอด้วยนะคะ อย่าให้ไปเกเรกับสาวไหนนะคะ คุณแพรวไม่ยอมจริง ๆ ด้วย นี่ถ้าคุณแพรวไม่ป่วยนะคะ คุณแพรวก็คงจะตามพี่ชลไปด้วยแน่ ๆ เลยค่ะ สาว ๆ ทางโน้นสวยน้อยที่ไหนกันคะ คุณหมอว่ามั้ยคะ เธอไม่ตอบแต่ก็ยิ้มกับตัวเอง
ค่ะ สงสัยคุณแพรวจะต้องฝากให้คุณหมอช่วยเป็นหูเป็นตาให้คุณแพรวแล้วนะคะ ต่อให้พี่ชลรักคุณแพรวแค่ไหน แต่ถ้าได้ไปเจอสาว ๆ สวย ๆ แล้วก็ใช้มารยาหลอกล่อพี่ชล ไม่แน่นะคะ พี่ชลอาจจะหลงกลสาว ๆ พวกนั้นก็ได้ คุณแพรวฝากคุณหมอดูให้ด้วยนะคะ แล้วหมอจะดูให้นะคะ จะคุยกับคุณชนะชลอีกหรือเปล่า
ไม่ค่ะ....เดี๋ยวคุณแพรวจะมีเซอร์ไพรให้พี่ชลเองค่ะ เพื่อเป็นการตอบแทนที่พี่ชลทำตัวดีกับคุณแพรวมาโดยตลอด คุณหมอรู้หรือเปล่าคะ ว่าทุกวันนี้พี่ชลบอกรักคุณแพรววันละหลาย ๆ ครั้งเลยค่ะ คุณแพรวนี่เลือกคู่ชีวิตได้ไม่ผิดจริง ๆ เลยนะคะคุณหมอ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ดีไปซะทุกเรื่องเลยค่ะ งั้นแค่นี้นะคะคุณหมอ สิ้นเสียงทางโน้น เธอก็แทบจะไม่อยากอยู่ในห้องของเขา ให้นานไปกว่านี้อีกแล้ว
โทรศัพท์ในมือถูกยื่นให้เขาทันที พร้อม ๆ กับเธอก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ทันจะได้ไปไหน ก็มีมือหนานุ่มของเขาที่รีบเดินตามเธอมารั้งแขนเธอเอาไว้
คุณแพรวพูดอะไรกับคุณบ้าง เขาถามด้วยความเป็นกังวล ด้วยเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ไม่มีอะไรค่ะ เธอก็แค่ฝากให้ฉันดูแลคุณ ไม่ให้ไปเกเรกับสาว ๆ คนไหนก็แค่นั้น ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวค่ะ เธอตอบและพยายามดึงมือเขาออก แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเขากลับรั้งร่างเธอเข้ามากอดเอาไว้ ไม่จริง ผมไม่เชื่อ เขาบอกและกอดร่างที่อบอุ่นเอาไว้ ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณค่ะ ปล่อยฉันจะกลับ เธอพยายามดิ้นรนให้ร่างออกจากอ้อมกอดเขา คุณแพรวพูดให้คุณหึงผมใช่มั้ย เขาถามอย่างรู้ทัน
ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่มีอะไร เธอบอกและยังคงดิ้นหาอิสระ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเขายึดร่างเธอเอาไว้แน่น บรรยากาศในห้องเงียบสงบ ปราศจากเสียงใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจของเขาและเธอ เขากอดร่างเธอเอาไว้เหมือนเด็กขาดความอบอุ่น หัวใจที่เต้นแรงและไม่เป็นจังหวะของเธอ แทบจะหลุดออกมา เมื่อเวลาเธอได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา และเธอเองก็รู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่มือไม้มันไม่ยอมปกป้องการกอดรัดของเขา และดูเหมือนว่าหัวใจมันยินยอมให้เขายึดครองร่างตัวเองเอาไว้อย่างเต็มใจด้วยซ้ำ
คางมนถูกเขาค่อย ๆ เชยขึ้นเพื่อให้เขาได้มองหน้าเธออย่างชัด ๆ สายตาที่อ่อนหวานของเขา จ้องมองไปที่ใบหน้าขาวเนียน ร่างที่แนบกับหน้าอกอบอุ่นของเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกได้แทบจะทุกส่วนของร่างกายเขา หากมันจะต่างก็เพียงอยู่นอกร่มผ้าเท่านั้นเอง
ไม่นานเรียวปากงามได้รูปก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากนุ่มของเขา สัมผัสของเขานั้นช่างนุ่มนวลทุกครั้ง แผ่นหลังของเธอถูกตรึงไว้ด้วยประตูห้อง ร่างของเขาเบียดแน่นเข้าหาสัมผัสที่อบอุ่นและแสนหวาน พวงแก้มขาวถูกเขาตราตรึงไปด้วยจมูกที่โด่งเป็นสัน มือสองข้างของเธอเผลอไปโอบกอดเขาเอาไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขานั้นรู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก
และเขาก็มั่นใจเหลือเกินว่าความต้องการนี้คงจะไม่ใช่เพียงเขาฝ่ายเดียวกระมัง จมูกลดต่ำลงมาหาความหอมจากคองามระหง แล้วเรียวปากก็ถูกปิดเอาไว้อย่างดูดดื่มเนิ่นนานอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน กับสัมผัสที่เขามอบให้ แต่พอเธอนึกไปถึงใบหน้า และน้ำเสียงของกิติกร ที่เพิ่งจะโทรมาสั่งเสียเขาไว้กับเธอ มันก็ทำให้ความสุขนั้นหายไปในพริบตา จนต้องเตือนตัวเองให้ระวังและต้องอยู่ห่าง ๆ เขาเอาไว้
แล้วเขาก็ต้องตกใจ เมื่อจมูกโด่งของเขา รับรู้ได้ว่ามีหยดน้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มขาวเนียนออกมา เขาเอื้อมมือไปเช็ดมันด้วยความทะนุถนอม เหมือนเขาสามารถรับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีได้ไม่ยากเลย และมันก็คงจะไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเขานัก ร่างเธอถูกปล่อยให้เป็นอิสระในที่สุด ผมขอโทษ....ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินคุณ....ผมขอโทษ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากงามนั้นเลย แล้วร่างบางก็วิ่งออกไปจากห้องของเขาทันที ทิ้งให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับการจากไปของเธอเหลือคนานับ
หมออยู่กับพี่ชลจริง ๆ ด้วยพวกเธอ กิติกรบอกกับพวกเพื่อนหลังจากที่วางสายจากวันวิวาห์ไปแล้ว ในขณะที่ทั้งหมดนั่งอยู่ในรถตู้เพื่อมุ่งตรงไปบ้านวันวิวาห์ เหรอ...ฉันหวังว่าเขาคงจะไม่อยู่ในห้องนอนพี่ชลหรอกนะยัยแพรว กรกนกสมทบ เดี๋ยวก็รู้...พี่คะขับให้เร็วกว่านี้หน่อยนะคะ กิติกรร้องไปบอกคนขับด้วยความโกรธ ใจเย็น ๆ สิยายแพรว เธอลืมแล้วเหรอว่าเธอจะต้องเป็นนางฟ้าตลอดเวลา หลายใจเข้าลึก ๆ นะโม พุธโทเอาไว้ แล้วก็อย่าโกรธจนเผลอไปเผยกิริยามารยาทไม่ดีให้พี่ชลเห็นหล่ะ แล้วอีกนานหรือเปล่ากว่าจะถึงนี่ นุติพรเตือนสติเพื่อน แต่ก็ไม่วายอยากรู้ระยะทางไปบ้านวันวิวาห์
อีกไม่นาน...หรอกสุดโค้งนี้ก็เลี้ยวซ้ายนะคะพี่ กิติกรบอกคนขับรถ แล้วไม่นานรถตู้ก็มาจอดอยู่ประตูคฤหาสน์หลังใหญ่แล้ว กิติกรโผ่หน้าไปให้ ร.ป.ภ. เห็นแล้วไม่นานก็นำรถตู้ผ่านเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย โอ้โห...ยัยแพรว...บ้านหมอนี่โครตกว้างเลยว่ะ สงสัยจะรวยน่าดูนะ ดูสิแค่บึงนี่ก็คงจะหลายไร่แล้ว มิน่าหล่ะพี่ชลถึงได้มาติดพันธ์ รวยอย่างนี้นี่เอง อรวรรณรีบอุทานด้วยความตื่นเต้น ขณะที่รถตู้แล่นไปตามถนน นี่ ๆ ยัยวรรณสงบปากสงบคำหน่อยนะ แล้วก็อย่าแสดงกิริยาท่าทางให้มันโอเวอร์นักนะ อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกผู้ดี กรกนกเตือนเพื่อน ใช่...ยายนกพูดถูก เวลาอยู่กับเพื่อนกับอยู่กับคนอื่นไม่เหมือนกันนะ กิติกรเสริม
จ้า ๆ แม่คุณหนูแพรว อรวรรณประชดเพื่อนรัก ชนะชลต้องเดินมาดูที่หน้าบ้านหลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานแล้ว รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงรถมาจอด แล้วเขาก็เหมือนจะไม่เชื่อตาตัวเองเลย กับคนที่เขาเห็นเดินลงมาจากรถตู้ พี่ชล...เซอร์ไพร้ค่ะ กิติกรเดินแทบจะเป็นวิ่งมาหาเขา คุณแพรวมาได้ยังไงครับ ไหนบอกว่าไม่สบายไง แล้วมากันยังไง แล้วมากับใครครับ มากับพวกเราค่ะพี่ชล สวัสดีค่ะ ไม่ทันที่เขาจะรับคำตอบจากกิติกร บรรดาสาว ๆ ที่เขารู้จักทุกคนต่างก็เดินเรียงรายกันลงมาจากรถตูแล้วทักทายเขาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่สดใสไปตาม ๆ กัน
เอาไปเลยค่ะไม่ต้องทอน ขอบคุณนะคะพี่ นุติพรจ่ายเงินให้คนขับรถตู้ที่พวกเธอเหมามาจากสนามบิน แล้วมีใครที่บ้านรู้หรือเปล่าครับว่าคุณแพรวกับเพื่อน ๆ จะมาที่นี่ เขาถามด้วยความกังวล คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าคุณแพรวไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ภูเก็ตค่ะ กิติกรบอกและยิ้มให้เขา ยังไงครับคุณแพรว เขาทำหน้าไม่เข้าใจ เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณแพรวจะเล่าให้ฟังนะคะ ไปกันเถอะพวกเรา กิติกรบอกและรั้งแขนเขาให้เข้าไปในบ้าน โดยมีเพื่อน ๆ เดินตามไปเป็นแถว
|
Create Date : 25 กันยายน 2551 |
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:29:25 น. |
|
0 comments
|
Counter : 423 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|