Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ชลวาห์กาล ๑๗ (ธัญรัตน์)




กิติกรมองหน้าผู้ชาย ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะเป็นสามี ในอีกไม่ช้าอย่างชั่งใจ เพราะตั้งแต่เขากลับมานานนับเป็นเดือน ๆ เธอเองก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานของเขา จนเธอและครอบครัว ต้องยกโขยงกันมากินข้าวที่บ้านเขา หลังจากที่เอมอรเอ่ยปากเชิญ เธอถึงได้มีโอกาสเจอหน้าเขา และเธอเองก็แอบหวังว่า ผู้ใหญ่และชนะชลจะกล่าวถึงเรื่องงานแต่งงานไปด้วย

แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงเลย ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะพยายามบอกให้มารดาถามเอมอร และชนะชลถึงเรื่องนี้ก็ตาม แต่ก็ไร้ผล เพราะมารดาก็ให้เหตุผลไปว่ามันดูจะไม่งามสักเท่าไหร่ ที่เป็นฝ่ายหญิงแล้วจะเอ่ยเรื่องพวกนี้ก่อน แต่กิติกรก็รู้สึกไม่แน่ใจ กับความรู้สึกที่ชนะชลมีต่อเธอในเวลานี้แล้ว
เพราะที่ผ่านมานั้นเขาจะรักและเอ็นดูเธอ เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่เธอก็มั่นใจว่าจะทำให้เขาเปลี่ยนความรู้สึกนั้น มาเป็นรักเธออย่างคนรักให้ได้ และมันก็ใกล้จะสำเร็จอยู่แล้ว หากไม่มีวันวิวาห์เข้ามาทำให้เขาไขว้เขว ถึงแม้ไม่มีใครบอก กิติกรก็พอจะเดาออกได้ไม่ยากเลย ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเช่นไร ดังนั้นเธอจะต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม โดยการรีบจัดงานแต่งงาน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พี่ชลจะไปปากช่องอีกเมื่อไหร่คะ” เธอเอ่ยถามในที่สุด
“เดือนหน้าครับ คุณแพรวมีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาตอบและถามกลับอย่างสุภาพ
“คุณแพรวขอไปด้วยได้ไหมคะ อยู่แต่บ้านรู้สึกเบื่อจังเลย จะไปไหนก็ไม่ได้ คุณพ่อสิคะบอกว่าโบราณเขาถือ ว่ากำลังจะมีงานมงคล ห้ามออกไปไหนไกล ๆ คุณแพรวเลยไม่ค่อยได้ไปไหนเลย ทีพี่ชลยังไปไหนมาไหนได้ ไม่เห็นคุณพ่อห้ามเลยนี่คะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน นุ่มนวล และแววตาฉายแวว มีความหมายบางอย่าง เพื่อให้ชนะชลเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน

“ก็พี่ชล เขาเป็นผู้ชายนี่คุณแพรว และพี่เขาก็เอาตัวรอดได้ด้วย พ่อถึงไม่ได้ห้ามไงลูก” วรากรณ์บอกลูกสาว ด้วยน้ำเสียงที่รักใคร่ยิ่งนัก “จริงสิคะ คุณเอมอร ไหน ๆ คุณชนะชลก็อยู่ที่นี่แล้ว ฉันว่าก่อนจะไปปากช่อง ให้แวะไปให้พระดูกฤษ์ดูยามให้ก่อนดีไหมคะ เผื่อจะมีกฤษ์ดี ๆ ในช่วงนี้บ้าง” กิติยาตัดสินใจพูดออกไป ด้วยสีหน้าที่ไม่มั่นใจนัก และก็กังวลว่าสามีจะตำหนิเอา
“ฉันก็ว่าจะบอกอยู่พอดีเลยค่ะคุณกิติยา” เอมอรรับคำในที่สุด เพราะคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว หากกิติยาเอ่ยถามขนาดนี้ แล้วก็เหลือบสายตาไปมองลูกชาย ที่มีสีหน้าเรียบจนแทบจะขรึม เมื่อทุกคนเอ่ยถึงเรื่องนี้

“งั้นก็ไปพรุ่งนี้เลยดีไหมคะพี่ชล เสร็จแล้วพี่ชลต้องพาคุณแพรวไปเที่ยวด้วยนะคะ อยู่แต่บ้านคุณแพรวเบื่อจะแย่แล้วค่ะ” กิติกรบอก และแสดงออกถึงความกระตือรือร้น ด้วยอาการทีพองามเท่านั้น แต่ในแววตาของเธอนั้น ช่างตรงกันข้ามกับกิริยาท่าทางยิ่งนัก เพราะมันได้ฉายแววที่ดีใจเป็นที่สุด ที่แผนการเริ่มเข้าเค้าแล้ว
“ก็ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้พี่จะไปรับคุณแพรวที่บ้านนะครับ” เขาบอกอย่างเสียไม่ได้
“แล้วกิจการที่โน่นเป็นไงบ้างคุณชนะชล” วรากรณ์เอ่ยถามเขา

“ก็ยุ่งมากครับคุณลุง ผมคงต้องขอเวลาสักระยะ ในการสะสางงานก่อนนะครับ ถ้าอะไร ๆ ไม่ลงตัว ผมก็ไม่อยากจะทำอย่างอื่น ผมไม่อยากรีบร้อนหน่ะครับ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าเราทำอะไรที่รีบ ๆ กลัวจะออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คุณลุงคงเข้าใจนะครับ แล้วพอดีช่วงนี้ต้องจัดการกับเรื่องที่จะตั้งโรงงาน ที่พม่าด้วยครับคุณลุง....ทีมงานที่ไปดำเนินการทางโน้นก็ยังไม่ค่อยรู้ระบบทางโน้นสักเท่าไหร่ ไม่แน่ครับ บางทีผมอาจจะต้องไปดูอยู่ที่โน่นด้วย” เขาบอกออกไปในที่สุด

“ไม่เป็นไรหรอก ก็เลือกเอากฤษ์ที่เราสะดวกด้วยก็แล้วกัน แต่งเมื่อไหร่ก็ยังไม่สาย คุณแพรวเองก็อายุยังน้อย จริงไหมคุณ” เขาพูดกับชนะชลและหันไปหาภรรยา เพื่อเป็นการเตือนสติ ว่าไม่ควรจะทำในสิ่งที่เขาบอกเอาไว้ แล้วก็ได้รับรอยยิ้มจาง ๆ กับความรู้สึกผิดจากภรรยาแทน


เอมอรยืนมองบุตรชาย ที่นอนทอดร่างอยู่ที่ชุดรับแขกที่เป็นไม้เข้ากับระเบียงบ้าน ที่ทำจากไม้เหมือนกัน ณ ตำแหน่งของระเบียงนั้น เขาสามารถมองดูวิวทิวทัศน์ ของภูเขาที่ล้อมรอบอย่างสวยงาม เพราะทั้งเธอและชนะชลก็ล้วนรักความสงบ จึงตัดสินใจสร้างบ้านไม้หลังนี้ไว้ ท่ามกลางป่าเขาได้อย่างลงตัวและสวยงาม

เธอมองบุตรชาย ที่ตั้งแต่กลับจากทำงานก็เอาแต่เอนตัวอยู่กับชุดรับแขก พร้อม ๆ กับจิบเหล้าไปด้วย และคิดอะไรไปคนเดียวเป็นนานสองนาน เธอรู้สึกได้ว่า ตั้งแต่เขาได้ฤกษ์แต่งงานอีกห้าเดือนข้างหน้ามาแล้วนั้น เขาไม่ค่อยจะยินดียินร้ายกับมันเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอไม่เคยจะเห็นเขา เอ่ยถึงผู้ที่จะมาเป็นเจ้าสาวเลย หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์พูดคุยกัน ตามประสาคนที่กำลังจะแต่งงานกัน

ซ้ำร้ายแล้ว เขายังคอยหลบหน้าเอาดื้อ ๆ เมื่อครั้งที่กิติกร พยายามคะยั้นคะยอให้เขาพาไปเที่ยวโน่นนี่.....ยังความไม่สบายใจมาให้เธอยิ่งนัก แต่ก็ไม่รู้จะไตร่ถามเขายังไงดี เพราะเธอรู้ดีว่าลูกชายจะไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังง่าย ๆ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเขา

“คิดอะไรอยู่เหรอลูกแม่ แล้วนึกยังไง ถึงได้ดื่มเหล้าคนเดียวหล่ะ แม่ไม่เคยเห็นเลย แล้วทำไมชลไม่ชวนเพื่อน ๆ มาดื่มด้วยหล่ะจ๊ะ พ่อพงศ์ พ่อชาติไม่มาเหรอลูก แม่เห็นพอลูกมาทีไรก็จะมานั่งก๊งกันเป็นประจำ” เอมอรเดินเข้ามาหาเขาในที่สุด
“คงกำลังมามั้งครับแม่ เพราะผมโทรไปชวนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เขาบอกมารดา เมื่อลุกจากการเอนเป็นนั่งแทน เมื่อมารดาเดินมาหา และนั่งลงข้าง ๆ เขา
“ชลลูกแม่ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าลูก แม่เห็นชลไม่ค่อยจะสดชื่นเลย” เธอเอ่ยถามในที่สุด
“ไม่มีนี่ครับคุณแม่ ผมไม่เป็นอะไรครับ” เขาไม่ยอมปริปากบอกมารดาเลยแม้แต่น้อย

“ชล...แม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่นะ มีอะไรไม่สบายใจ ทำไมแม่จะดูไม่ออก เรื่องแต่งงานใช่มั้ยลูก....ถ้าลูกยังไม่พร้อม เราก็เลื่อนออกไปก่อนก็ได้นี่ลูก ทางโน้นก็เห็นว่าเรายุ่ง เขาคงจะไม่เร่งรัดเรามากขนาดนั้นหรอกนะลูก คุณลุงกับคุณป้าหน่ะ แม่รู้จักดี เราคบกันมานานแล้ว” เอมอรพูดถึงเรื่องนี้ในที่สุด เพราะคิดว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้บุตรชายไม่ค่อยสบายใจนัก
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ได้ แต่คุณแพรวเป็นผู้หญิง เลื่อนบ่อย ๆ เดี๋ยวจะเสียไปเปล่า ๆ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะครับ” เขาพูดด้วยอาการเหนื่อยใจ ให้ผู้เป็นแม่ได้ฟังอีกครั้ง สำหรับประโยคนี้

“ลูก...ลูกพูดเหมือนกับว่าลูกไม่ได้รักคุณแพรว และก็ไม่อยากจะแต่งงานเลย หรือว่าลูกมีใครที่ไหนหรือเปล่า....ชล” เอมอรถามในที่สุด จนทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“แม่เอาอะไรมาพูดครับ วัน ๆ ผมจะได้ไปพบใครใหม่ ๆ ที่ไหน จะมีก็แต่งาน กับงาน แล้วก็...เอ่อ..”
เขาหยุดไว้แค่นั้น เพราะในจินตนาการนั้น บังเอิญมีภาพของเจ้าร่างผอมบาง ที่เขาเคยได้โอบกอดและประทับรอยจูบเอาไว้อย่างตราตรึง

“แล้วก็อะไรลูก” เอมอรถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรครับแม่ โน่นเจ้าพงษ์กับเจ้าชาติมาพอดี” เขาบอกมารดา เมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองเดินขึ้นบันไดบ้านมา และดูว่าเหมือนเขาจะดีใจที่เจอเพื่อนในครั้งนี้ มากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะเหมือนกับมีระฆังมาช่วยชีวิตเขาไว้ จากการไตร่ถามของมารดานั่นเอง
“สวัสดีครับคุณแม่” ทั้งสองไหว้เอมอรด้วยความนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะลูก มาก็ดีแล้วหล่ะ จะได้คุยเป็นเพื่อนกับตาชลหน่อย แม่เห็นนั่งเหม่อตั้งแต่กลับมาแล้ว ไม่รู้ใจลอยไปถึงใคร งั้นแม่จะให้เด็กหากับแกล้มมาให้นะลูก แต่อย่าดื่มมากจนเมาหล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวเย็นกับแม่ซะก่อน” เอมอรบอกแล้วก็เดินเข้าบ้านไปปล่อยให้หนุ่ม ๆ ได้มีเวลาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

“ว่าไงไอ้เสือ....ไม่เจอตั้งนานสองนาน สบายดีหรือเปล่าวะ หน้าตาไม่เหมือนกับคนจะแต่งงานเลยนี่หว่า” สุพงศ์ ทักทายเพื่อน พร้อมทั้งรินเหล้าใส่แก้วอย่างไม่รอช้า
“ฉันก็ว่างั้นหล่ะ เมื่อวานโทรหาฉัน เสียงแก เหมือนกับคนกำลังถูกใครเอาปืนมาจ่อหัวยังไงยังงั้นเลยหว่ะ” สุชาติสมทบบ้าง “พวกแกนี่คิดมากจริง ๆ เลย เอ้าดื่มซะจะได้หุบปาก” เขาด่าเพื่อนรักอย่างตั้งใจ
“เอ้า...แด่ความโสดของเจ้าชล ที่กำลังจะสูญเสียไปในอีกไม่ช้าหว่ะ”
ทั้งสามชนแก้ว แล้วก็กรอกเข้าปากรวดเดียวอย่างง่ายดาย

“เอ่อ...นายจะกลับปากช่องเมื่อไหร่ชล ฉันกับเจ้าชาติว่าจะไปเที่ยวเดือนหน้านี้ แกอยู่หรือเปล่าวะ” สุพงศ์ถามเพื่อน “แกไม่ต้องเอาฉันมาอ้างเลยไอ้พงศ์ นายอย่าไปเชื่อมันนะชล มันไม่ได้อยากไปเที่ยวหรอก แต่มันอยากจะไปดูหน้าคุณหมอ ที่แกเคยเล่าให้ฟังหน่ะ” สุชาติบอกเขา
“ทำไม....แกจะไปดูทำไมเจ้าพงศ์ สาว ๆ แถวนี้ มีไม่พอให้แกจีบหรือไง” เขาถามอย่างขำ ๆ
“แหม! ก็เห็นนายพูดถึงมาตั้งนานแล้ว ว่ามีทายาทหุ้นส่วน ที่สานต่อธุรกิจของบ้านไม่ค่อยจะเป็น เอาแต่รักษาคนไข้มานานแล้วนี่ ฉันก็อยากจะเห็นบ้าง เผื่อจะได้ช่วยสอนสักหน่อย” สุพงศ์ตอบกลับ

“ฉันจะกลับอาทิตย์หน้านี้แล้วหล่ะ แต่แกคงไม่ได้เห็นหรอกนะ เพราะเขาไม่อยู่แล้ว ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง “อ้าว... ทำไมหล่ะ” สุชาติถาม
“ก็เขาอยากจะไปอยู่ในที่ ๆ มีหมอน้อย ๆ จะได้ช่วยคนไข้ได้เยอะ ๆ โรงพยาบาลในเมืองมีหมอมากแล้ว แต่ที่กันดาร ๆ ไม่ค่อยมีหมออยากจะไปอยู่สักเท่าไหร่ และโดยเฉพาะหมอที่จบนอกมา มีน้อยมาก” เขาบอกเพื่อน
“ว้า...เลยอดเลย” สุพงศ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก
“ทำไมเหรอ ไม่มีหมอแล้วแกก็ไม่คิดจะไปเยี่ยมฉันที่โน่นบ้างเหรอ” เขาแหย่เพื่อน
“ไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้ไปหน่ะก็คงจะไป แต่เผื่อจะมีผลพลอยได้อื่น ๆ ด้วยไง” สุพงศ์บอกเขา
“เอ่อ...ว่าแต่คุณหมอที่แกว่านี่ สวยหรือเปล่าวะ มีรูปให้ดูมั้ยชล” สุชาติถามขึ้นบ้าง เพราะความอยากจะรู้

“แกถามทำไมวะ หรือว่าจะนอกใจแฟนแก” เขาแหย่เพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก เพราะรู้นิสัยเพื่อนสองคนดี
“ก็แหม....ฉันก็แค่อยากจะรู้เท่านั้นเอง ว่าไง สวยมั้ย”
“สวย....สวยมาก สง่างาม งามทุกอย่าง หน้าตา จิตใจ กิริยามารยาท” เขาบอกออกไป แล้วก็นึกถึงอิริยาบทต่าง ๆ ของคนถูกกล่าวขวัญถึง พร้อมทั้งนัยน์ตาฉายแววบางอย่าง
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะชล” สุชาติแซวเพื่อน

“แกจะไม่เชื่อฉันก็ได้นี่ เอาไว้ให้ไปเห็นเองก็แล้วกัน แต่ขอ บอกนะ ว่าแกจีบไม่ได้แล้ว เพราะมีเจ้าของแล้ว” เขาบอกออกไป
“อ้าว....แล้วกัน แล้วใครวะโชคดี ได้คนสวยอย่างที่แกว่าไปครอง” สุพงศ์อดสงสัยไม่ได้
“ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก คนแถว ๆ นั้นหละ” เขาบอกออกไป ทั้ง ๆ ที่ใจจริง ๆ แล้ว เขาอยากจะประกาศกับเพื่อนออกไปเหลือเกินว่า คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเขาเอง แต่นึกแล้วก็ท้อใจ กับความหวังที่ริบหรี่เหลือเกิน



สีหน้าที่เรียบขรึม เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการรักษาคนไข้มาทั้งวัน มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อย ให้กับคนที่มานั่งรอเธอถึงหน้าโรงพยาบาล และก็ไม่ต่างกับผู้ที่นั่งรอเธอมานานนับชั่วโมงนัก สีหน้าเขาบ่งบอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นใบหน้าที่เขาห่างหายมาหลายเดือนแล้ว

“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ไม่เห็นโทรบอกก่อนเลย ถ้าฉันมีเคสต้องผ่าตัดด่วน คุณจะต้องรอฉันเก้อนะคะ” เธอเดินตรงเข้าไปหา และทักทายเขาด้วยมารยาทของเจ้าของบ้านที่ดี
“ผมเพิ่งจะมา รอได้สักชั่วโมงแล้ว คุณเลิกงานแล้วใช่ไหม ผมมารับคุณไปกินข้าวเย็น” เขาบอกและเดินไปรับข้าวของ ที่เธอหอบติดมือมาด้วย
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าว และก็เดินตามผู้ที่เดินนำหน้าไปที่รถ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากปากเธอ
“คุณหอบข้าวของจะไปไหน ทำไมเยอะแยะจัง” เขาถามด้วยความสงสัย ขณะเดินนำเธอไป

“พรุ่งนี้เช้ามืด เราจะไปออกหน่วยกันค่ะ” เธอตอบและยิ้มให้เขาพองาม
“จริงเหรอ งั้นให้ผมไปด้วยได้ไหม เผื่อผมจะช่วยอะไรได้บ้าง” เขาบอกเมื่อเปิดประตูรถให้เธอนั่ง
“เราจะไปกินที่ไหนคะ คุณอย่าไปไกลนะคะ พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นแต่เช้ามืด” เธอถามเพราะเห็นเขาขับรถออกมาไกลจากโรงพยาบาลมากแล้ว
“ครับคุณหมอ นี่ไงร้านนี่หล่ะ ร้านประจำผมเลย” เขาบอกและเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

“วันนี้คุณจะต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะ เพราะคุณหน่ะผอมมาก ๆ เลย ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงที่ไหน ไปรักษาคนไข้” เขาบอกเธอ เมื่อเดินลงมาเปิดประตูรถให้เธอ “ขอบคุณค่ะ....ความจริงฉันก็กินเยอะนะคะ แต่ไม่ค่อยจะอ้วนสักเท่าไหร่เลย สงสัยจะใช้พลังงานเยอะค่ะ” เธอตอบพร้อมกับเดินตามเขาเข้าไปในร้านอาหาร

ชนะชลพาวันวิวาห์กลับมาส่งที่บ้านพัก หลังจากอาหารค่ำเสร็จ “คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าพรุ่งนี้จะไปด้วย มันไม่สนุกนะคะ” เธอถาม เมื่อเขาลงมาเปิดประตูรถให้
“แน่ใจสิครับ แหม! ผมหน่ะคนทำงานหนัก และก็เป็นคนเดินป่านะคุณ งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณ ตอนตีห้าก็แล้วกันนะ เจอกันพรุ่งนี้ครับ” เขาบอกเธอด้วยความมั่นใจ และก็ขึ้นรถขับกลับออกมาด้วยความสุขใจ ทิ้งให้ผู้ที่ถูกจากมามองตามรถที่แล่นออกไปจนลับสายตา

ใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มนั้น ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อนึกถึงความเป็นจริงว่าระหว่างเขาและเธอนั้นจะต้องพบเจออะไรบ้าง แล้วเธอก็ขึ้นบ้าน และจัดแจงอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน....
สีหน้าของสุขที่ยืนอยู่กับรวิทย์ และพุดซ้อน ที่หน้าคฤหาสน์บอกว่าไม่ค่อยจะสุขเหมือนชื่อเอาเสียเลย เหตุด้วยรถตู้ที่แล่นเข้ามาใกล้จะถึงหน้าบ้านนั่นเอง ถ้าชนะชลอยู่ที่นี่ตอนนี้สุขจะไม่กังวลสักเท่าใดเลย กับการมาของเอมอรและแขกคนอื่น ๆ

“ป้าสุขทำหน้าให้สวย ๆ หน่อยสิครับ เดี๋ยวคุณป้าเอมอรจะหาว่าป้าสุขไม่อยากให้แกมานะครับ” รวิทย์อดแหย่สุขไม่ได้ “โถ่...ก็ไม่อยากจะให้มาสิคะคุณวิทย์ ไม่รู้มากันกี่คนนะคะถึงได้ใช้รถตู้ แล้วป้าจะต้อนรับยังไงไหวคะนี่” สุขอดบ่นไม่ได้
“พอได้แล้วค่ะป้าสุข รถมาใกล้ถึงแล้ว แล้วก็ไม่ต้องห่วงมากนะคะ เดี๋ยวฉันกับตาวิทย์จะมาช่วยค่ะ” พุดซ้อนที่มาช่วยสุขต้อนรับแขกรีบเตือน
“คุณพุดซ้อน คุณหมอรวิทย์ ...สวัสดีค่ะ” เอมอรรีบรับไหว้สองแม่ลูกทันทีที่ลงจากรถมาได้ แล้วก็ตามด้วยกิติยา กิติกร กับกลุ่มเพื่อน ๆ กลุ่มเดิมที่เดินเรียงรายกันลงมาจากรถตู้ และมันยิ่งทำให้สุขนั้นหนักใจไม่น้อยกับที่จะต้องต้อนรับแขกที่ไม่ได้เต็มใจเชิญเลย

“เชิญทุกคนเข้าบ้านก่อนนะคะมาเหนื่อย ๆ ค่ะ ป้าสุขกำลังให้เด็กเตรียมห้องให้อยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พุดซ้อนรีบเชิญแขก “ตาชลไม่อยู่เหรอจ๊ะสุข” เอมอรถามเป็นคำถามแรกทันทีที่นั่งลงที่ชุดรับแขก
“ไม่อยู่ค่ะคุณท่านยังไม่เห็นมาเลยนะคะ ตั้งแต่ขึ้นเหนือคราวที่แล้ว” สุขบอกด้วยความซื่อ
“อ้าว...เหรอ ก็เห็นมาตั้งสองวันแล้วนะ ยังไม่ถึงอีกเหรอ ตายจริงพ่อลูกชายตัวดีของฉันไปอยู่ที่ไหนหล่ะเนี๊ยะ” เอมอรอดบ่นให้ลูกชายไม่ได้แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก ผิดกับกิติกรและกลุ่มเพื่อนที่หันหน้าไปหากันด้วยความสงสัย
“ให้คุณแพรวลองโทรไปหาพี่ชลดีมั้ยคะคุณป้า” กิติกรเสนอ “ก็ดีเหมือนกันคุณแพรว งั้นโทรเลยลูก” เอมอรเห็นด้วย

“เชิญดื่มน้ำตะไคร้เย็น ๆ ก่อนนะคะ มาเหนื่อย ๆ” พุดซ้อนรีบเชิญแขก
“ขอบคุณค่ะคุณพุดซ้อน นี่เลยต้องมาคอยต้อนรับดิฉันแทนตาชลใช่มั้ยคะ ความจริงไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ พวกเรากะว่าจะมาเที่ยวเงียบ ๆ สักพัก พอดีว่าคุณวรากรณ์พ่อคุณแพรวไปดูงานต่างประเทศ พวกเราก็เลยแอบหนีมาค่ะ” เอมอรบอกและก็ยิ้มให้พุดซ้อน
“ไม่ลำบากเลยค่ะ ก็คิดซะว่าดิฉันกับตาวิทย์ก็มาทำหน้าที่แทนหนูวาก็แล้วกันนะคะ จริงมั้ยตาวิทย์” “จริงครับคุณแม่”

“คุณป้าคะติดต่อพี่ชลไม่ได้ค่ะ ไม่มีสัญญาณตลอดเลยค่ะ” กิติกรบอกสีหน้าก็พลอยกังวลไปต่าง ๆ นานา
“คงไม่มีอะไรมั้งคะคุณแพรว คุณชนะชลอาจจะติดธุระอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้” กิติยารีบบอกเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของลูกสาว “ป้าก็ว่าอย่างนั้นหล่ะค่ะคุณแพรว อีกหน่อยพี่ชลก็คงจะมาแล้วหล่ะค่ะ” เอมอรรีบสมทบ
“คุณชนะชลอาจจะอยู่ในที่อับสัญญาณก็ได้ครับคุณแพรว พอ ๆ กับวานะครับ นี่ผมก็โทรหาตั้งแต่เช้าแล้วนะครับยังติดต่อไม่ได้เหมือนกัน สงสัยพื้นที่ตรงไปออกหน่วยคงจะไม่มีสัญญาณครับ” รวิทย์ยกตัวอย่างให้กิติกรฟัง
“อะไรนะคะ คุณหมอไปออกหน่วยอะไรคะคุณหมอวิทย์” กิติกรถึงกับหูผึ่ง
“อ๋อ...ก็ไปบริการประชาชนนอกพื้นที่หน่ะครับ ยกกันไปทั้งทีมเลย” รวิทย์อธิบาย

“เหรอคะ...หนูวานี่ขยันจริง ๆ เลยนะคะ อยู่แถวนี้สบาย ๆ ก็ไม่ชอบ” เอมอรเสริม
“ไปเมื่อไหร่คะคุณหมอ แล้วไปกับใครกันคะ แล้วตกลงคุณหมอวาย้ายไปอยู่ที่ไหนกันแน่คะ....เอ่อ...คุณแพรวห่วงว่าคุณหมอจะลำบากหน่ะค่ะ ไม่รู้การเดินทางจะเป็นยังไงบ้าง แล้วเมื่อไหร่จะย้ายกลับมาคะคุณหมอ” กิติกรถามด้วยความอยากรู้จนเกือบจะลืมตัว แต่สุดท้ายเธอก็ยังคงใช้ความใสซื่อให้รอดตัวจากการโดนผู้ใหญ่มองในทางที่ไม่ดีอยู่นั่นเอง

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับคุณแพรว แต่ยังไง ๆ หมอก็ต้องขอบคุณแทนวาด้วยนะครับที่เป็นห่วง หมอเองก็ห่วงเขาไม่น้อยเหมือนกัน เดี๋ยวเย็น ๆ จะลองโทรหาอีกคงจะติดต่อได้มั้งครับ” รวิทย์บอก
“งั้นเชิญทุกคนเอาข้าวของไปเก็บก่อนดีกว่ามั้ยคะ จะได้อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว” พุดซ้อนเชิญทุกคน และก็เหมือนความเหนื่อยจากการเดินทางจะทำให้ทุกคนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“เธอคิดว่าไงนุ” กิติกรรีบถามนุติพรทันทีที่พากันเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว “มันชักจะยังไง ๆ อยู่เหมือนกันนะยายแพรว” นุติพรออกความเห็น “แล้วมันยังไง ๆ หล่ะยายนุ” อรวรรณถามด้วยความสงสัย

“นั่นสิ ฉันหล่ะตามไม่ทันเธอเลยจริง ๆ นะแม่จอมวางแผน” กรกนกสมทบบ้าง
“ก็จะไม่ให้สงสัยยังไงหล่ะ พี่ชลมาตั้งสองวันแต่ยังไม่ถึง แถมติดต่อไม่ได้ แล้วหมอวาก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เอ...จะเป็นไปได้มั้ยยายแพรว ที่สองคนนี้จะพบกันแล้ว และก็แอบไปมาหาสู่กัน โดยที่ไม่บอกใคร” นุติพรตั้งข้อสงสัย
“จะเป็นไปได้ยังไงหล่ะ อย่างน้อย ๆ คุณหมอวิทย์ก็น่าจะรู้นะ เพราะคุณหมอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าแม่หมอนั่นอยู่ที่ไหน แล้วใครมันจะยอมให้แฟนตัวเองไปอยู่กับผู้ชายอื่น” กิติกรไม่อยากจะเชื่อ

“ก็แมวเวลามันจะกินปลาย่างนี่ มันจะให้ปลารู้ตัวเหรอยะยายแพรว” นุติพรให้ความกระจ่าง
“เอ่อ...นั่นสิ...หมอวาอาจจะไม่อยากจะบอกหมอวิทย์ ส่วนพี่ชลก็ไม่ยอมบอกเธอ แล้วทั้งสองก็แอบไปหากันอยู่อย่างนี้ โดยที่ไม่มีใครไปรบกวนไง” อรวรรณสรุป
“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็แสดงว่าแม่หมอหน้าซื่อบื่อนี่ก็ไม่เบาหน่ะสิ แล้วพวกเราก็โง่ถูกหลอกอยู่ตั้งนานสองนาน นี่มันอะไรกัน ฉันชักจะเกลียดยายหมอนี่มากขึ้นทุกวัน ๆ แล้วนะ” กิติกรแสดงความโกรธออกมาด้วยคำพูด
“ใจเย็น ๆ ก่อนก็ได้ยายแพรว ฉันว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดก็ได้ เอาไว้ให้หมอวิทย์ติดต่อหมอวาได้ก่อนดีกว่า แล้วเราค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อนนะ เพราะเหนื่อย” นุติพรบอก
“แล้วถ้าสองคนนั้นอยู่ด้วยกันจริง ๆ หล่ะ ฉันจะทำยังไงดีหล่ะนุ” กิติกรไม่วายกังวล

“ก็เอาไว้ให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ ก่อนสิ แล้วค่อยหาทางแก้ทีหลัง จำไม่ได้เหรอว่าเธอยังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่นะ แต่ตอนนี้เธอจะต้องทำใจให้สบาย ๆ พยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ อย่าไปเผลอหลุดแบบเมื่อกี้อีกนะ....นางฟ้า ๆ ๆ ๆ เธอคือนางฟ้า ท่องคำ ๆ นี้เอาไว้ให้ดี ๆ ไปแล้ว” นุติพรบอกเพื่อนแล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้กิติกรต้องเป็นกังวลศัตรูหัวใจที่บังอาจหวนกลับมาเล่นงานเธออีก
“คอยดูนะ ถ้าหมออยู่กับพี่ชลจริง ๆ นะ ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาดเลย ไม่เชื่อคอยดู” เธอหันไปหาเพื่อนรักที่นั่งอยู่บนเตียงทั้งสองคน แววตานั้นก็แฝงความเกลียดชังผู้ที่เธอพูดถึงเป็นที่สุด



ทีมแพทย์เคลื่อนที่มาถึงจุดหมายเกือบเก้าโมงครึ่ง ระยะทางจากโรงพยาบาลถึงจุดหมายนั้น ไม่ได้ไกลมากเลย แต่หากเพียงเพราะถนนหนทาง ที่ขรุขระและคับแคบนั้นต่างหาก ที่ทำให้การเดินทางต้องใช้เวลาไปถึงสี่ชั่วโมงกว่า ๆ วันวิวาห์นั่งรถมากับชนะชล พร้อมกับทันตแพทย์หญิงสองท่านที่มาด้วย

ส่วนคนอื่น ๆ ก็มากับรถของขบวน นี่ถ้าหากเขาไม่ได้มารับเธอวันนี้ วันวิวาห์ ก็คงจะต้องนั่งเบียดเสียดกับคนอื่น ๆ ในรถเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหน เธอก็สุขใจเหลือเกินที่ได้มา เพราะมีชาวบ้าน ต่างก็มานั่งรอรับการรักษาจากหน่วยแพทย์นี้มากมายเลย บางคนถึงขนาดลงทุนเดินข้ามเขามารอตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยซ้ำ เพราะยังไง ๆ ก็คงดีกว่าที่จะต้องไปหาหมอเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ลำบากมากกว่าการมาดักรอที่นี่เป็นไหน ๆ

ชนะชลช่วยขนข้าวของและช่วยงานอื่น ๆ เท่าที่เขาจะสามารถทำได้ ส่วนวันวิวาห์นั้น ตั้งแต่รถจอด ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกับเขาเลย เพราะคนไข้มานั่งเข้าแถวรอคิวกันมากแล้ว บ่อยครั้งที่เขาจ้องมองไปยังหมอสาว ที่ใบหน้านั้นขะมักเขม้น กับการรักษาและพูดคุยกับคนไข้ คนแล้วคนเล่า จบแทบไม่มีแม้แต่เวลาที่จะได้กินอาหารกลางวันเลย
ชนะชลส่งแก้วน้ำให้วันวิวาห์ เมื่อสบโอกาสที่ปลอดจากคนไข้ไม่นาน พร้อมกับรอยยิ้มด้วยความห่วงใย ที่มีให้เธอ จนทำให้เพื่อน ๆ หมอและพยาบาลที่มาด้วยกันนั้น ต่างก็ยิ้มให้กันด้วยความอิจฉา ที่หมอสาวมีหนุ่มรูปงามอย่างเขา คอยมาช่วยเหลือ

และก็รวมกับหมอพีระด้วย ที่ในใจนึกเสียดาย ที่รู้ว่าโอกาสของตัวเอง ได้ริบหรี่ลงทุกที แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะรู้ดีว่า ความรู้สึกที่เขามีให้กับวันวิวาห์นั้น ก็เป็นแค่ความพอใจที่ฉาบฉวย ไม่ได้จริงจังอะไรเลย มันคงเพราะว่าวันวิวาห์มีหน้าตาที่สะสวย และงามพร้อม เป็นเหตุให้เพื่อนหมอที่โสดหลาย ๆ คนในโรงพยาบาล ต่างพากันเพ้อถึง แต่ก็ไม่ได้จริงจัง หากฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย

เธอยิ้มให้เขา และรับแก้วน้ำมาดื่มทีเดียวหมดแก้ว ด้วยความกระหาย
“ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเขา และยิ้มให้ด้วยความสุขใจ
“คุณยังไม่กินอาหารเช้าและเที่ยงเลย นี่จะบ่ายสามโมงแล้วนะ พักก่อนเถอะนะ” เขาบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้คนมาใช้บริการมาก มากกว่าครั้งที่แล้วอีกค่ะ ยังไม่มีใครได้พักเหมือนกันค่ะ พวกเราแค่ทานขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ รองท้องก็พอแล้ว จะกินกันอีกทีก็จะตอนเย็น ๆ หรือไม่ก็คนไข้หมดแล้ว ว่าแต่คุณเถอะ เห็นยกโน่นยกนี่มาทั้งวันเหมือนกัน คุณกินอะไรหรือยังคะ ฉันบอกแล้วว่าไม่สนุกก็ไม่เชื่อ” เธอบอกกับเขา

“ผมเรียบร้อยแล้ว อ้าว...คนไข้มาอีกแล้ว งั้นผมไม่กวนแล้วหละ” เขาบอกและปลีกตัวออกไปเพราะมีคนมารับบริการที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงอีกกลุ่มใหญ่ ๆ
การให้บริการจบสิ้นลง เมื่อเวลาเกือบหกโมงเย็น ทีมงานช่วยกันเก็บข้าวของ หลังจากที่ได้กินอาหารเช้า กลางวัน และเย็นรวมกันจนอิ่มหน่ำ และก็เตรียมตัวกลับ ข้าวของส่วนใหญ่ถูกเก็บฝากใส่รถของชนะชล เพราะทันตแพทย์ที่มาด้วย ตั้งใจจะกลับกับขบวน จึงต้องมีที่ว่างเอาไว้ให้นั่งสะดวก ๆ
“หมอวาคะ เราสองคนจะกลับกับรถของทีมงานนะคะ พอดีคืนนี้เราจะแวะเที่ยวบ้านลุงเยี่ยมที่เป็นภารโรงหน่ะค่ะ แกบอกแถวบ้านน้ำตกสวยมาก พวกเราก็เลยนัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นาน ๆ จะได้เที่ยววันหยุดสักที” ทันตแพทย์สาวเดินมาบอกเธอ เพราะหลังจากได้ปรึกษากันกับเพื่อนแล้ว ว่าอยากจะให้ทั้งชนะชลและเธอได้มีเวลาได้พูดคุยกันบ้างตอนขากลับ เพราะทั้งวันมาแล้วที่ทั้งสองไม่มีเวลาได้สนทนากันเลย

“ตามสบายค่ะ งั้นเราเจอกันวันจันทร์นะคะ” เธอตอบ
“ไปก่อนนะครับคุณชนะชล ขอบคุณมากครับที่มาช่วย คุณช่วยพวกเราได้มากจริง ๆ เลย ไว้คราวหน้าคงจะได้มาด้วยกันอีกนะครับ” หมอพีระกล่าวขอบคุณเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยไมตรีจิต แล้วก็รีบขึ้นรถที่สตาร์ทรอแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีที่ได้มาช่วย ไว้โอกาสหน้าแล้วพบกันครับ” เขาพูดพลางยิ้มให้หมอพีระ ด้วยสีหน้าที่มีไมตรีเช่นกัน แล้วก็ยืนมองรถตู้แล่นออกไปอย่างช้า ๆ
“เราไปกันเถอะเดี๋ยวจะดึก ถนนยิ่งไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” เขาบอกเธอ พร้อมทั้งเดินไปเปิดประตูให้

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าว แล้วก็รีบขึ้นรถโดยมีเขานั่งข้าง ๆ และขับออกไปช้า ๆ แต่พอขับไปได้ไม่นานนัก เขาก็ต้องรีบจอด เพราะมีชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบเห็นจะได้ ขับรถมอเตอร์ไซด์ที่จะพังแหล่ ไม่พังแหล่ ตรงมาหารถเขาด้วยอาการรีบร้อน
“ใครกันคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกันครับ น่าจะเป็นชาวบ้านแถวนี้ สงสัยจะรีบมาก ดูสิเสื้อก็ไม่ใส่มาด้วย” เขาบอก และก็เปิดกระจกลงเพื่อทักทายผู้ที่มาขัดขวางการเดินทาง
“ใช่รถคุณหมอที่มารักษาคนวันนี้หรือเปล่าครับ” เขาตรงมาหาคนทั้งสองด้วยความกังวลใจ
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” วันวิวาห์ตอบและถามชายแปลกหน้า

“ช่วยเมียผมด้วยครับ มันกำลังจะคลอดลูก แต่ปวดท้องตั้งนานแล้ว ลูกผมก็ยังไม่ยอมออกมาสักที แม่หมอที่บ้านก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยให้ผมรีบขับรถมาดู ว่าหมอกลับไปกันหมดหรือยัง โชคดีจริง ๆ ครับที่ผมมาทัน คุณหมอช่วยเมียผมด้วยนะครับ” ชายผู้มาเยือนรีบบอก
“เหรอแล้วอยู่ไหนหล่ะ” วันวิวาห์ถามด้วยความเป็นห่วง
“อยู่หมู่บ้านชายป่าโน่นครับ ผมรีบมา กลัวจะไม่ทันหมอ เสื้อก็ไม่ได้ใส่เลย หมอขับรถตามผมไปนะครับ” เขาบอก
“ได้นำไปเลย” วันวิวาห์บอก เมื่อหันหน้ามาหาชนะชล แล้วเขาก็พยักหน้าเพื่อเป็นการให้คำตอบกับเธอ







 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:24:40 น.
Counter : 430 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.