<<
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 มีนาคม 2553
 
 
ละคร รุ้งร้าว ตอนที่ 16

ตอนที่ 16
"ช่วยไม่ได้นะ มันอยากโง่เอง..." นายก้องหันมา เมื่อมีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่มาระริกเกาะแขนนายก้อง ทำท่าสวีทจี๊ดจ๊าด

"ไปกันรึยังคะ พี่ก้องจ๋า"

"ไปซี่...วันนี้ อยากไปไหนครับมินท์" นายก้องโอบมินท์แล้วจุ๊บเบาๆก่อนพากันไป หันมายิ้มเยาะทิพย์วารีเป็นของแถม...ทิพย์วารีมองทั้งสองอย่างชิงชัง ก่อนจะเดินเซไปอีกทาง...ทอรุ้งออกมาจากที่กำบังแล้วตัดสินใจเดินตามทิพย์วารีไป...อยากจะรู้ว่าทิพย์วารีจะไปไหน ทำอะไรต่อ?

ขณะเดียวกัน ทอรุ้งมัวแต่ตามทิพย์วารีไปไม่ลดละเพื่อจะดูว่าเธอจะไปไหน ทอรุ้งจึงปล่อยให้นายต่อเผ่นเป็นบ้าเป็นหลังไปดักเธอที่สถานบำบัดจรุงจิต เขาได้พบแต่หมอ

เอกวีร์ที่พลอยตกใจ เมื่อรู้ว่าทอรุ้งหนีออกจากคอนโดฯไป

"ทอรุ้งไม่ได้มาที่นี่ครับ แล้วทำไมคุณต่อถึงคิดว่าเธอจะมาที่นี่ครับ"

"ผมกลัวว่าเขาจะทำอะไรเสี่ยงๆ มาช่วยลุงทร"

หมอเอกวีร์บอกว่าเขาเฝ้าดูลุงทรตลอดเวลา แล้วยังเดาว่า ทอรุ้งอาจไปที่บริษัท นายต่อบอกไม่มี เพราะเขาเพิ่งมาจากบริษัท...แล้วนายต่อก็ขอกลับไปที่คอนโดฯอีกที เผื่อเธอจะกลับเข้าคอนโดฯแล้วหมอเอกวีร์ได้แต่พยายามคิดว่า ทอรุ้งจะไปไหนแน่?

ที่แท้ทอรุ้งตามทิพย์วารีมายังหน้าคลินิก...ทอรุ้งอดทนรอจับตาดูอยู่ไม่นานนัก...แล้วทิพย์วารีก็พาร่างอ่อนล้าออกมาจากคลินิก...หยุดพิงเสาด้านนอก ร้องไห้โฮใหญ่ หลังจากนิ่งไปอีกนาน จึงค่อยๆหยิบมือถือออกมากด

"ฮัลโหล...คุณก้อง นี่ฉันเอง ทิพย์วารี..." ทิพย์วารีนิ่งฟัง แล้วกรอกเสียงเอาเรื่อง "ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ"

"โห...คิดถึงผมเหรอไงทิพย์" นายก้องหัวเราะเยาะยั่ว มืออีกข้างกอดมินท์ไว้ "แต่เสียใจด้วยนะ ตอนนี้ผมไม่ว่างสำหรับคุณแล้ว" นายก้องหันไปจูบมินท์เสียงดังสองจ๊วบ จงใจให้ทิพย์วารีได้ยินเสียงชัด ทิพย์วารีอยากจะกรี๊ดให้คอแตก ถ้าอยู่ใกล้จะฉีกเนื้อไอ้นายก้องโยนให้ตัวอายิน่ากินให้สะใจตายโหง

"ฟังนะนายก้อง...นายจะว่างหรือไม่ว่าง ต้องมาคุยกับฉัน...ไม่งั้นฉันจะเอาเรื่องของเราไปฟ้องพ่อ"

"เฮอะ..." นายก้องลุกขึ้นนั่ง ของเริ่มจะขึ้น "ไม่ต้องมาขู่เลย...พ่อคุณน่ะลูกน้องแม่ผม"

"ฉันไม่ได้ขู่ เรื่องที่ฉันจะคุยกับคุณมันสำคัญมาก ฉันจะไปรอที่สวนสาธารณะที่เก่า หน้าหมู่บ้านฉัน...ถ้านายไม่มา ฉันฟ้องพ่อทันที" ทิพย์วารีสำทับแล้วตัดสาย

นายก้องฟังคำขู่เข็ญแล้วลมเสีย ไม่รู้ว่ามันเรื่องสำคัญสักแค่ไหน แต่ก็เกรงๆคมชิตอยู่ไม่น้อย พอมินท์ถามว่ามีอะไรหรือพี่ก้องจ๋า...นายก้องบอกทันทีว่า...ไม่มีอะไร อย่าไปสนใจเลย ฮันนี่...

ทิพย์วารีค่อยๆเดินไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป...ทอรุ้ง

จึงติดใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ...จึงยังเกาะติดเป็นตังเมต่อไป...

ทิพย์วารีจอดรถไว้มุมหนึ่งของสวนสาธารณะ ไปนั่งรอที่ม้านั่งใต้ต้นไม้อย่างกระวนกระวายอยู่เดียวดาย...มีทอรุ้งอีกคนที่ย่องไปนั่งหันหลัง ซุ่มบังพุ่มไม้สังเกตการณ์ อยู่ไม่ห่างกันนัก

ทิพย์วารีรออยู่นานจนเกือบจะเบื่อ...แต่พอลุกขึ้นจะเดินหนีไป นายก้องก็ก้าวเข้ามาหาโอบร่างทิพย์วารีไว้อย่างว่องไว

"คิดถึงผมมากละซี้"

"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน..." ทิพย์วารีปัดมือไม้นายก้องออกอย่างรังเกียจ

"อ้าว...แล้วคุณโทร.ให้ผมมาทำไม...หรือว่าอดใจไม่ไหว ปวดท้องอยากแต่งงานกับผมขึ้นมาแล้ว แต่เสียดายนะ ที่ผมไม่อยากแต่งกับคุณแล้ว"

ทอรุ้งซ่อนตัวมิดชิดดูและฟังจนหูผึ่งแล้วผึ่งอีก...แล้วรีบหยิบมือถือขึ้นมาตั้งท่า ต่อไปนี้เก็บภาพทั้งสองไว้อย่างเต็มสตีม...

"อย่าสำคัญตัวผิด...ฉันไม่อยากแต่งกับคุณ...เพราะคุณมันน่าขยะแขยงที่สุด"

"อ้าว...นี่...นัดมาด่ากันให้เอ็นจอยเม้าท์เรอะ...เสียเวลาชะมัดเตี่ย" นายก้องทำท่าจะเดินหนี แต่ไปได้สองสามก้าวต้องชะงัก เมื่อทิพย์วารีร้องตามหลัง

"ฉันท้อง..." เสียงของทิพย์วารีทำเอานายก้องยืนตะลึงเป็นหุ่นกระบอก...ทอรุ้งเองถึงกับนิ่งขึง

"เป็นไปได้ไง...แค่ครั้งเดียวนะเนี่ยนะ...ลูกพี่ต่อรึเปล่า... ถ้าใช่ ผมแค่ต่อแขนต่อขา..."

"ไอ้เลว..." ทิพย์วารีตบก้องกฤตไปฉาดหนึ่ง ดั้งแทบหัก "คุณต่อไม่เคยล่วงเกินฉันเลย เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก ฉันถึงได้รักเขา ไม่เหมือนไอ้คนเลวระยำอย่างแก ที่จ้องจะเอาเปรียบฉันตลอดเวลา"

"เฮ้ย...ด่าพอรึยัง เรื่องขี้หมา เดี๋ยวพาไปเอาเด็กออกก็ได้...จิ๊บจ๊อยจะตาย"

"ไม่...ฉันจะไม่เอาเด็กออก...ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกฉัน"

"แล้วจะเอายังไงหวา..." นายก้องทำท่าสุดจะเซ็ง

"ฉันแค่ต้องการความรับผิดชอบ"

"ผมเคยให้โอกาสคุณแล้วนะ คุณไม่ยอมรับไว้เอง ถึงตอนนี้มันก็สายไปแล้วละน้องเอ๋ย ผมมียาหยีคนใหม่แล้ว ถึงยังไงผมก็ไม่แต่งกับคุณ ทางเดียวที่เหลือเท่ารูเข็ม คุณต้องไปเอาเด็กออกซะดีกว่า"

"งั้นฉันจะฟ้องพ่อฟ้องแม่แก ว่าแกทำอะไรกับฉันบ้าง"

ทิพย์วารีวิ่งหนีไปต่อหน้า นายก้องยืนเซ่ออยู่ครู่หนึ่ง แล้ววิ่งตามทิพย์วารีไปทันที

"อย่านะทิพย์...เดี๋ยว...มาพูดกันก่อน"

ทอรุ้งออกจากหลังพุ่มไม้ มองตามทั้งสองไป แล้ว

ตาสว่างกระจ่างชัดแจ๋ว...

ขณะที่ทิพย์วารีวิ่งจะไปที่รถจอด รถของนายก้องก็ขับตามหลังมา เปิดกระจกร้องสั่ง

"เดี๋ยวก่อนทิพย์...มาพูดกันก่อน"

"ไม่...ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับแกอีกแล้ว ไอ้คนใจร้าย ฉันจะให้พ่อฉันจัดการคนอย่างแกให้สาสม"

ก้องกฤตขับรถตามไม่ลดละ ร้องตามอ้อนวอนไม่ขาดปาก... เมื่อทิพย์วารีไม่สนใจ...ก้องกฤตจึงเหยียบน้ำมันเร่งเครื่องใส่... ทิพย์วารีหันมาตาเหลือก ร้องกรี๊ด "อย่า" แต่ช้าไปเสียแล้ว รถนายก้องพุ่งเข้าชนทิพย์วารี ร่างกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น เลือดพุ่งกระฉูดจากส่วนบน....นายก้องบนรถ หยุดมองอย่างแตกตื่นกึ่งสะใจ แต่ก็หวาดกลัว...มันรีบขับรถออกจากที่นั่นไปอย่างไม่หันมามองอีกเลย...

ooooooo

ตะวันบ่ายคล้อย...นายต่อกลับมาคอนโดฯเดินผ่าน รปภ.ขึ้นไปบนห้อง...โดยที่ไม่รู้ว่าคมชิตได้ตามเขามาตลอดเวลาแล้ว คมชิตเดินสวนออกไป แล้วมันต้องชะงัก เมื่อเห็นแท็กซี่คันหนึ่งวิ่งมาจอด ผู้หญิงที่ลงมา คมชิตไหวตัวเยือก เมื่อเธอคือทอรุ้งที่มันตามหาแทบพลิกแผ่นดิน...ทอรุ้งจะเดินเข้าคอนโดฯ เสียงมือถือดัง ทอรุ้งหันไปเห็นคมชิตมองมา ทอรุ้งตกใจแทบช็อก จึงรีบไปหา

รปภ.ที่อยู่หน้าคอนโดฯ บอกเสียงร้อนรน

"พี่คะ...ช่วยด้วยค่ะ มีคนตามมาจะทำร้ายฉัน"

"อยู่ไหนครับ" รปภ.สนใจ มองตามมือชี้ของทอรุ้ง "ไม่เห็นมีใครเลยนี่ครับ"

"สงสัยมันจะหนีไปแล้ว" ทอรุ้งมองอย่างเสียดายที่คมชิตหายไปแล้ว

"เอางี้ครับ เดี๋ยวผมจะคอยดู ถ้ามีคนแปลกหน้ามา ผมจะตรวจสอบก่อน"

ทอรุ้งขอบคุณ รปภ. แต่ยังมั่นใจว่าเป็นคมชิตแน่...แล้วขณะนั้นคมชิตกำลังหลบมุมพูดมือถือทั้งๆที่มาขัดจังหวะ ตอนจะตามทอรุ้ง

"ครับ...ใช่ครับ...ผมคมชิตกำลังพูด มีอะไรครับ...อะไรนะครับ" คมชิตเสียงแตกพร่า "อะไรนะ ทิพย์ถูกรถชน...สาหัสด้วยรึ...แล้วเอ้อ...อยู่ที่โรงพยาบาล...ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้"

คมชิตมองไปมา อยากตามทอรุ้ง แต่ก็ห่วงชีวิตทิพย์วารี... ในที่สุดนายคมชิตรีบวิ่งไปขึ้นรถขับออกไปจากคอนโดฯทันที

ooooooo

มนชนกตื่นเต้นเมื่อมาเปิดประตูห้องแล้วเจอนายต่อ...มนชนกรีบถามหาคุณรุ้ง นายต่อได้แต่สั่นหัว นั่งลงอย่างอ่อนใจ

"ไม่เจอเลย ที่จรุงจิตก็ไม่ได้ไป นกพอจะรู้ไหมว่ารุ้งรู้จักใครที่ไหนอีก"

เมื่อมนชนกสั่นหัวไม่รู้ เสียงกริ่งดังรัวขึ้น นายต่อไปเปิดประตูรับ แล้วยิ้มออกมาได้

"รุ้งหายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแทบแย่" ทอรุ้งยืนมองนายต่อด้วยสายตาแปลกๆ เพราะเธอเพิ่งไปเห็นเหตุการณ์สยดสยอง มาหยกๆ แล้วตัดสินใจไม่บอก บอกนายต่อว่าไปบริษัทมา นายต่อจึงเตือนว่า ไปทำไม มันอันตรายมาก...ทอรุ้งมองนายต่อ บอกได้แต่เพียงสายตาว่า นายก้องน้องชายเขาไปทำเรื่องเลวร้ายไว้แล้ว...นายต่อถามว่าทอรุ้งเป็นอะไรไป...เธอจึงบอกว่า เธอเห็นคมชิตที่ข้างล่าง...นายต่อกับมนชนกตกใจแทบตาย

"มันจมูกไวจริง...ถ้าอย่างนี้เราต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น" นายต่อสั่งมนชนกให้ไปเก็บเสื้อผ้า ทั้งของทอรุ้งด้วย

"ฉันไม่ไป...จนกว่าพ่อจะได้ออกมาจากจรุงจิต" ทอรุ้งจังก้าไม่ยอมใคร นายต่อขอให้ใจเย็นๆไว้ "เย็นไม่ไหวแล้ว พ่อฉันทั้งคน อยู่ในมือพวกมัน" ทอรุ้งกุมขมับ นายต่อรีบย้ำ

"ตอนนี้เราต้องหนีไปก่อน มันรู้ที่อยู่เราแล้ว ไม่งั้นเราจะไม่มีโอกาสช่วยใครเลย" นายต่อประคองทอรุ้งมานั่งพัก "ตอนนี้หมอเอกช่วยดูแลคุณลุงอยู่ ผมว่าหมอเอกไม่ปล่อยให้ คุณลุงเป็นอะไรไปแน่นอน" นายต่อมองทอรุ้งอย่างให้เธอมั่นใจ...

ooooooo
ทันทีที่คมชิตไปถึงโรงพยาบาล ตำรวจมาช่วยดูแลทางด้านคดีและพยายามจะตามหาเบาะแสคนที่ขับรถชน และเบื้องหลังเบื้องหน้าอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว คมชิตรีบซักในฐานะพ่อคนเจ็บว่า ใครเป็นคนทำลูกสาวเขา

"เรากำลังรวบรวมหลักฐานจากที่เกิดเหตุว่ามีใครรู้ เห็นบ้าง และสภาพคนเจ็บจากหมอด้วยครับ"

คมชิตได้แต่ขอร้องให้ตำรวจ ช่วยเร่งตามเรื่องนี้เร็วๆด้วย สารวัตรรีบรับคำ แล้วขอตัว...

คมชิตหันไปทางหมอที่เพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน หมอตอบคำถามคมชิตว่า คนเจ็บได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สมองบวมและมีเลือดคั่งในสมอง ทำให้เนื้อสมองบางส่วนตาย หมออาจจะเจาะสมองเอาเลือดที่คั่งออก แล้วปลอบคมชิตว่า คนไข้มีโอกาสหายเป็นปกติ แต่ก็มีโอกาสเป็นเจ้าหญิงนิทราด้วย คมชิตฟังแล้วเข่าอ่อน หมอเน้นว่า หมอต้องให้อยู่ ไอซียูอีกระยะหนึ่ง

"หมอเสียใจด้วยนะครับ คนไข้ต้องเสียลูกในท้องไปด้วย" คมชิตฟังแล้วตะลึง...เป็นนานจึงซัก

"หมอหมายความว่าลูกสาวผมท้อง"

"ใช่ครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ" หมอขอตัวผละไป... คมชิตยังอ้าปากหวอ ทบทวนไปมา ยังไม่แน่ใจว่า โลกยังหมุนต่อไปหรือหาไม่?

ตั้งสติได้อีก คมชิตเข้าไปหาทิพย์วารี ลูกสาวคนเดียวของเขา จับมือลูกสาว คิดทบทวนเรื่องราวไปมาด้วยความแค้นใจ... นึกถึงตอนที่ลูกร้องไห้ เมื่อนายต่อหนีกลับไป...ทิพย์วารีบอกพ่อทั้งน้ำตาว่า นายต่อมาขอยกเลิกการแต่งงาน

"ทิพย์ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมจู่ๆคุณต่อถึงมาขอเลิกกับทิพย์... แต่ทิพย์ว่า น่าจะเป็นเพราะทอรุ้ง"

คมชิตตื่นจากภวังค์ที่ทิพย์วารีไม่ยอมบอกความจริงกับพ่อ ในคืนนั้นทิพย์วารีโยนความผิดไปให้นายต่อที่คิดว่าหลงเชื่อทอรุ้ง...

"ไอ้ต่อตระกูล..." คมชิตยอดนักเลงหัวไม้ คำรามลั่น นายต่อจะต้องชดใช้...

ooooooo

เมื่อนายก้องเดินเซกลับเข้าบ้าน คุณแม่กรองมองเห็นท่าลูกชายสุดที่รักแล้ว ถามอย่างไม่พอใจว่าไปไหนมา ไปก๊งเหล้ามาอีกแล้วใช่ไหม นายก้องบอกฉลองนิดหน่อย ในโอกาสที่อยากจะฉลอง...หารู้ไม่ว่า กินเหล้าระงับอาการสติแทบแตกเพราะทำกรรมชั่วมาหยกๆ

"แต่ยังไง พรุ่งนี้แกต้องไปเยี่ยมทิพย์วารีกับแม่ ไปเที่ยวที่ไหนไม่ได้"

นายก้องสะอึก เมื่อแม่ชวนไปเยี่ยมทิพย์วารี เขานึกว่าเธอตายสบายไปแล้ว

"ทิพย์...ทิพย์เป็นอะไรไปหรือครับ"

"ถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส"

"ทิพย์ยังไม่ตายเหรอครับ" ก้องกฤตถามเสียงสั่น

"ยังไม่ตาย...แต่ก็โคม่า...ตอนนี้ยังไม่ฟื้น ยังไงพรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมเขาหน่อย"

นายก้องทำเป็นสลดในชะตาของทิพย์วารี ซ่อนอาการทุกอย่างไม่ให้แม่รู้อย่างมิดชิด

เช้าวันรุ่งขึ้น คุณกรองพานายก้องไปเยี่ยมทิพย์วารีที่โรงพยาบาล คมชิตออกมาต้อนรับขอบคุณที่สองแม่ลูกมาเยี่ยมทิพย์วารี...หลังจากทักทายแล้ว คมชิตก็พูดกับคุณกรองอย่างเป็นการเป็นงาน

"มีอีกเรื่องที่ผมอยากให้คุณกรองทราบไว้ หมอบอกว่ายายทิพย์แท้งลูก"

"หนูทิพย์ท้องกับใครล่ะ" ตกใจไปอีกคน...แต่นายก้องกลับจ้องทั้งสองคนตาเป็นมันจะว่ายังไง

"ผมสงสัยว่าจะเป็นลูกคุณต่อครับ" คมชิตคิดว่าเป็นของแท้แน่นอน นายก้องถอนใจโล่ง

"ผมก็ไม่เคยเห็นคมชิตสนิทกับใคร นอกจากพี่ต่อครับ"

"เห็นหงิมๆ ที่ไหนได้...ร้ายเอาการนะนายต่อ แกล้งทำเป็นโกรธว่าทิพย์มีคนอื่น ที่แท้ทำหนูทิพย์ท้อง แล้วยังไม่กล้ารับผิดชอบ...สันดานมันเลว" คุณกรองด่านายต่อ แต่นายก้องสะดุ้ง แล้วทำเป็นยิ้มแหยๆ

"ป่านนี้นายต่อคงหนีไปไกลแล้วครับ" คมชิตปักใจว่านายต่อก่อเหตุร้ายกับลูกสาวเขาแน่นอน

"ฉันเชื่อว่า...นังทอรุ้งจะต้องกลับมาช่วยพ่อมัน ฉันจะใช้นเรนทรบีบให้มันกลับมาเอง"

กรองกาญจน์ถือว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมเหนือผู้คน... ส่วนคมชิตอาฆาตนายต่อ ที่ทำให้ลูกสาวตกอยู่ในสภาพสาหัสเป็นตายเท่ากัน...แต่นายก้องกลับยิ้มร่า เมื่อรู้ว่าเขาได้หลุดพ้นความชั่วทั้งมวลในโลกนี้แล้ว...

ooooooo
ขณะที่นายต่อพาทอรุ้งกับมนชนกหลบออกจากคอนโดฯในยามค่ำคืน มุ่งหน้าไปพักที่บ้านพักชายทะเลแห่งหนึ่งอย่างสบายใจนั้น...ทางกรองกาญจน์ ก็เริ่มจะประกาศศักดาเดช ยึดบริษัทเอ็นอาร์กรุ๊ปจากนเรนทรให้เสร็จสิ้นไป

วันนี้คุณกรองจึงเรียกทนายคฑาวุธเข้าไปพบที่ห้องทำงานในฐานะประธานใหญ่ แล้วออกคำสั่งอย่างวางอำนาจ

"ฉันต้องการให้คุณร่างสัญญาซื้อขายบริษัทเอ็นอาร์กรุ๊ป ฉันต้องการซื้อหุ้นจากคุณนเรนทร"

"เป็นไปไม่ได้ครับคุณกรอง" ทนายผงะก่อนจะยืนยัน "คุณนเรนทรไม่สามารถทำนิติกรรมซื้อขายได้เพราะเขายังไม่มีสติสัมปชัญญะโดยสมบูรณ์ ถ้าคุณทอรุ้งกลับมาคัดค้าน สัญญาก็จะเป็นโมฆะนะครับ"

"นั่นแหละที่ฉันต้องการ" คุณกรองตากร้าวพลุ่งพล่านดาลเดือด "คุณไปร่างสัญญามาให้เสร็จในวันนี้" ทนายคฑาวุธทำยึกยัก ถูกสำทับ "ไปซี่...ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งเรอะไง ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะไปจ้างทนายอื่นมาทำงานแทนคุณ" แม่เสือกรองกาญจน์ เห็นทนายเดินจ๋องออกไป ยิ้มส่งท้ายอย่างผู้ชนะสิบทิศ

ooooooo

ที่ห้องทำงานหมอพิธานในสถานบำบัด หมอกำลัง จัดยาและเข็มฉีด ปากก็อธิบายให้กิ่งแก้วฟังว่า จะต้องฉีดยาตัวใหม่ให้นเรนทร เพราะคุณกรองจะเอาเอกสารมาให้นเรนทรเซ็นในวันสองวันนี้ จำต้องมาแทนยากระตุ้นการอาละวาด ต้องการกล่อมประสาทให้เขาสงบนิ่งขึ้น เพื่อให้คุณกรองพูดจาสั่งให้ทำตามที่ต้องการได้... จากนั้นเอายาวิตามินให้นเรนทร เพื่อจะได้พูดจากับคุณกรองรู้เรื่อง
กิ่งแก้วรับยาไปจัด พลางหันมาถามอย่างมีอะไรคาใจ

"แล้วนี่เขายังหาทอรุ้งไม่พบอีกเหรอคะ...กลัวว่ามันจะกลับมาอาละวาดเล่นงานเราเสียก่อน"

"ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอ แต่เอาไว้ก่อน ตอนนี้จัดการเรื่องนเรนทรเสียก่อน" พิธานว่าแล้วหันไปหยิบสมุดบันทึกการรักษาเล่มจริงขึ้นมา จดยาที่ให้ใหม่ลงไว้ กิ่งแก้วมองแล้วถามทันที

"หมอจดเอาไว้ทำไมคะ...ไม่กลัวใครมาเจอเหรอคะ"

"ก็ต้องเก็บเอาไว้ให้ดี...ต้องเก็บเอาไว้ เผื่อคุณกรองหักหลังเรา จะได้มีหลักฐาน เอาตัวรอด"

กิ่งแก้วฟังแล้วยิ้ม นึกชมว่าพิธานคนนี้รอบคอบดีแท้... กิ่งแก้วออกจากห้องไปแล้ว พิธานเก็บสมุดบันทึกตัวจริง... แต่ไม่ได้มองยาเม็ดที่กิ่งแก้วลืมไว้...

เมื่อกิ่งแก้วเข้าไปในห้องนเรนทรเพื่อจะไปจัดการฉีดยาใหม่ตามที่หมอพิธานสั่ง หมอเอกวีร์เดินมามองเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วง เพราะผ่านช่องประตูนั้น กิ่งแก้วกำลังลองฉีดไล่อากาศก่อนที่จะลงเข็ม กลับชะงักนึกอะไรบางอย่าง รีบล้วงกระเป๋า แล้วก็ไม่พบ จึงวางเข็มข้างนเรนทร เดินมาทางประตู หมอเอกวีร์รีบเผ่นหนีไปหลบมุมแอบมองเห็นกิ่งแก้วรีบเดินอ้าวไปยังห้องหมอพิธาน แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อพิธานเดินมา ยื่นหน้าพูดกับกิ่งแก้วหลายคำ แล้วสรุป

"ขี้ลืมจริงๆเลย" แล้วส่งยาเม็ดที่ลืมไว้ให้ กิ่งแก้วรีบขอบคุณพิธาน "แล้วฉีดยาให้นเรนทรหรือยัง"

"กำลังจะฉีด พอดีนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอายาเม็ดมา ก็เลยต้องกลับมาเอาเสียก่อน จะได้ไม่ต้องปลุกคนไข้กินบ่อยๆ"

"งั้นก็รีบๆไปทำซะให้เสร็จ เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า"

กิ่งแก้วรีบรับคำ...พิธานจึงหันหลังกลับไป....

ขณะเดียวกันในห้องนเรนทร หมอเอกวีร์มาที่โต๊ะข้างเตียง หยิบเข็มฉีดยาที่กิ่งแก้ววางไว้ขึ้นดู แล้วจึงล้วงเอาเข็มอีกอันขึ้นมา...ฉีดน้ำยาที่มากกว่าออก แล้ววางไว้ หยิบของกิ่งแก้วใส่กระเป๋า

"หมอเอก..." กิ่งแก้วเข้ามาถามอย่างไม่พอใจ "มาทำอะไรในห้องนี้คะ"

"ผมได้ยินเสียงคุณนเรนทรร้องเลยเข้ามาดู"

"เอ๊ะ...เมื่อกี้กิ่งอยู่กับนเรนทร ไม่เห็นร้องสักแอะ"

"ก็ไม่รู้ เมื่อกี้ยังร้องเลย พอเดินเข้ามาดู ก็เงียบไปเลย"

กิ่งแก้วมองอย่างไม่ไว้ใจ เดินไปหยิบเข็มฉีดยา รีบหยิบเข็มไปวางที่โต๊ะ เอกวีร์แกล้งถามว่าจะฉีดอะไรให้คนไข้ กิ่งแก้วบอกทันทีว่าฉีดยาบำรุง หมอพิธานสั่ง...เอกวีร์ทำท่าจะช่วยฉีด กิ่งแก้วรีบกันไม่ต้องช่วย กิ่งแก้วทำเองได้ ทั้งยังเชิญหมอเอกวีร์ ออกจากห้องไป...

กิ่งแก้วเห็นเอกวีร์ออกจากห้องไปแล้ว หันมาจับเข็ม ปลุกนเรนทรเพื่อให้ตื่นมาฉีดยา นเรนทรงัวเงียขึ้นมาให้กิ่งแก้วฉีดยาให้...เอกวีร์แอบมองมา เห็นกิ่งแก้วฉีดยาเสร็จแล้วยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเตือนให้นเรนทรกินยาบำรุง...บอกด้วยว่า เพื่อจะได้คุยกับคุณกรองรู้เรื่อง นเรนทรก็กินยาอย่างว่าง่าย...

"ขอบใจกิ่งแก้วมาก ที่ช่วยฉีดยาบำรุงให้คุณนเรนทร" เอกวีร์พึมพำแล้วเดินตัวปลิวไป...

ooooooo

อาหารมื้อนี้ทำให้นายต่อซึ่งเป็นพ่อครัวรู้สึกจะเป็นคนดีขึ้นไม่น้อยในสายตาทอรุ้ง ทีแรกทอรุ้งไม่ยอมกิน แต่พอมองมนชนกกับนายต่อเริ่มลงมือกินอย่างอร่อย พอเขาตักข้าวใส่จานให้ ทอรุ้งจึงลงมือกินบ้าง แล้วก็ต้องชมว่าฝีมือทำกับข้าวของนายต่อไม่เลว อร่อยมากทีเดียว แต่บอกเพียง

"ก็อร่อยดี...นับว่ามีฝีมือเหมือนกัน...ชอบทำกับข้าวนี่ เหมือนผู้หญิงเลย"

"ถ้าพี่ไม่ทำงานที่เอ็นอาร์ พี่อยากเปิดร้านอาหารสักร้าน"

"แล้วนี่คุณไม่ไปทำงาน แม่คุณไม่ว่าเหรอ"

"พี่ลาออกแล้ว" คำตอบนี้ทอรุ้งเพิ่งรู้ จึงมองนายต่ออย่างเห็นใจขึ้นมาอีกเป็นกอง ...

จากนั้นต่างก็ว่าง ทอรุ้งเดินออกมาสูดอากาศริมชายหาด นายต่อเดินตาม...เขานึกถึงความหลัง จึงถามขึ้น

"จำได้ไหม ตอนเด็กๆเราสองครอบครัวเคยมาเที่ยวทะเลด้วยกัน"

"คุณเคยสอนฉันว่ายน้ำ แต่สอนเท่าไหร่ ฉันก็ว่ายไม่เป็นสักที คุณเลยจับฉันโยนน้ำ ตั้งแต่นั้นมา ฉันเลยว่ายน้ำเก่ง"

"เป็นวิธีสอนว่ายน้ำที่เสี่ยงเหมือนกันนะ ถ้าเป็นตอนนี้ พี่คงไม่กล้าทำอย่างนั้นแน่"

"ก็ลองทำสิ...ฉันจะ..." ทอรุ้งทำเป็นเก่งขึ้นมา นายต่อยิ้มในใจ แล้วเริ่มอาละวาดทันที...เขาเข้าไปคว้าตัวทอรุ้งขึ้นอุ้มวิ่งไปตามชายหาด ไม่สนใจทอรุ้งที่ดิ้นแล้วร้องสั่งเอาเรื่อง นายต่อท้าทาย

"จะทำอะไรพี่...จะลองโยนน้ำอีกที จะเป็นไง" ว่าแล้วแบกทอรุ้งลงลุยน้ำ

"อย่านะ...ปล่อยฉันลง อีตาบ้า ปล่อยซี ฉันบอกให้ปล่อยเดี๋ยวนี้" พอจะโยนจริงๆ ร้องลั่นขึ้น "ไม่ใช่ปล่อยตรงนี้" นายต่อจึงทำตาม แต่แบกกลับขึ้นไปชายหาด ทอรุ้งดิ้นพลาดๆ จนเขาเซ...แล้วพาทั้งสองล้มลงน้ำไปด้วยกัน ทอรุ้งร้องตกใจ...

"ว้าย...พี่ต่อ...อย่านะ อย่าแกล้งรุ้ง"

นายต่อตกใจ แปลกใจ ประคองทอรุ้งขึ้นมาอย่างทะนุถนอม จนทอรุ้งอดหวั่นไหวไม่ได้...สายตาประสานกันแนบแน่น จนลืมวันแห่งความชิงชังไปชั่วขณะ นายต่อจึงอดถามไม่ได้

"รุ้งยอมเรียกพี่ว่าพี่ต่อแล้วเหรอ"

"ฉัน...ฉันเผลอไปน่ะ ไม่ได้ตั้งใจหรอกน่า" ทอรุ้งผลักนายต่อล้มลงน้ำ แล้วรีบหนีขึ้นฝั่ง นายต่อรีบขึ้นจากน้ำ...แล้วเดินตาม สานต่อความรู้สึกที่ดีต่อไป

"ได้ยินรุ้งพูดแค่นั้น พี่ก็ดีใจแล้ว รู้ไหมรุ้ง...ว่าพี่ฝันว่าอะไร" ทอรุ้งถามทันทีว่าอะไร "พี่ฝัน...พี่อยากให้พี่กับรุ้งกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราเป็นเด็กอีกครั้ง" ทอรุ้งหันมามองเขา "แต่...มันคงเป็นไปไม่ได้ พี่ก็แค่หวังว่า...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว และจบลงด้วยดี"

"จบลงด้วยดีของคุณ หมายความว่ายังไง" ทอรุ้งหันมาถาม เมื่อทั้งสองลงไปนั่งใต้ร่มไม้ใหญ่

"ก็หมายความว่า...รุ้งกับคุณลุงจะหายดี แล้วกลับมาบริหารเอ็นอาร์เหมือนเดิม...แล้วพี่ก็พาแม่กับก้องไปจากเอ็นอาร์..."

พูดมาถึงตรงนี้...ทอรุ้งสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ความเจ็บปวดที่ยังติดค้างเต็มคอ เหมือนยังหายใจไม่ออก ได้กลับมาสู่ความรู้สึกแค้นอีกครั้ง ทอรุ้งจึงระบายมันออก

"คุณก็รู้ เรื่องระหว่างฉันกับแม่คุณไม่ได้มีแค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น น้ากรองทำร้ายวิเศษเวโรจน์เกินไป ตั้งแต่แม่ พ่อ น้าเปรม แล้วก็ฉัน จะให้ยกโทษให้ง่ายๆเหรอ" นายต่ออึ้ง ตอบไม่ได้เลย "ฉันไม่อยากฟังเรื่องนี้อีกแล้ว" ทอรุ้งลุกขึ้นเดินหนีมุ่งหน้ากลับบ้านพัก...นายต่อตระกูลถึงกับนั่งซึม...เขาอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี...แต่ไม่มีทางจะเป็นไปได้เสียแล้ว....

ooooooo

วันนี้หมอเอกวีร์พยายามหาทางมาพบนเรนทรให้ได้ หลังจากดูลาดเลาดีแล้ว จึงรีบเข้ามาปลุกนเรนทร ซึ่งลืมตาขึ้นมามองงัวเงีย

"คุณนเรนทรครับ ตื่นเถอะครับ ผมหมอเอกครับ"

"หมอพิธาน..." นเรนทรมองไม่ชัด จึงย้ำ

"ไม่ใช่พิธานครับ...ผมหมอเอกครับ...ผมมาช่วยคุณ"

"หมอเอก...มาช่วยทำไม"

"คุณทอรุ้ง ลูกสาวคุณ ให้ผมมาช่วย"

"ทอรุ้ง...ใช่...ทอรุ้ง...เป็นยังไงบ้าง"

"ทอรุ้งปลอดภัยครับ...ไม่ต้องห่วง คุณนเรนทรพอบอกได้ไหมครับว่าจำอะไรได้บ้าง"

"ไม่..." นเรนทรคิด จนกุมหัวตัวเอง "ไม่...กลัว...ฉันกลัวแล้ว..."
"กลัวอะไรครับ...มีใครทำร้ายคุณเหรอครับ"

"หมอพิธานฉีดยา...เสียงในหัวฉันมันดังมาก...ไม่ ฉันกลัว" มือปิดหัวหูหนีเสียง เอกวีร์ปลอบ

"ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ ผมจะมาช่วยคุณนเรนทรเอง" หมอดึงมือเขาออกจากหู พูดข้างหู "ต่อไปนี้จะไม่มีเสียงอีก...ผมเปลี่ยนยาให้คุณนเรนทรแล้ว แล้วก็ให้ยาบำรุงคุณจะรู้สึกตัวมากขึ้น...แต่คุณจะบอกใครไม่ได้นะครับ...เข้าใจรึเปล่า"

"บอกใครไม่ได้...ทำไม"

"ถ้าหมอพิธานกับกิ่งแก้วรู้ คุณจะถูกฉีดยาอีก"

นเรนทรฟังว่าจะถูกฉีดยา จึงโวยวายขึ้น ปากร้องไม่ยอมฉีด เอกวีร์รีบจับตัวไว้ แล้วปลอบข้างหูว่า ไม่ฉีดยา ไม่ฉีดแล้ว...นเรนทรจึงค่อยเงียบเสียงลง

"ฟังนะครับ...ผมดีใจที่คุณนเรนทรดีขึ้น แต่ตอนนี้ผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็น คุณจะโดนฉีดยาอีก แล้วผมจะหาทางช่วยคุณนะครับ คุณนเรนทร" นเรนทรฟังนิ่ง แล้วพยักหน้ารับ...

ooooooo

นายต่อเห็นว่าหลังจากทอรุ้งได้พักผ่อนพอแล้ว เมื่อเธอออกมาจากห้องอีกครั้ง เขาจึงรีบเข้าไปหา

"รุ้ง...พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะกล่อมรุ้งให้เปลี่ยนใจ เมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย ทุกอย่างก็อยู่ที่การตัดสินใจของรุ้งกับลุงทรเท่านั้น รุ้งสบายใจได้"

"ตราบใดที่พ่อยังอยู่ในมือน้ากรอง ฉันก็ไม่มีวันสบายใจ... พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปกรุงเทพฯไปหาทางช่วยพ่อฉันออกมา"

"ยังกลับไม่ได้นะ...พวกนั้นยังดักรออยู่แน่ๆ เพราะมันรู้ว่าต้องเป็นห่วงลุงทร"

"แล้วจะให้ทำยังไง อยู่อย่างสบายๆ แล้วปล่อยให้พ่อฉันลำบากงั้นเหรอ"

"เปล่า...เราต้องรอหมอเอกวีร์ เขากำลังหาทางช่วยลุงทรอยู่"

"ฉันรอไม่ไหวแล้ว"

ทอรุ้งลุกขึ้นเดินออกไป แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว ต้องหยุดชะงักนิ่ง...เหมือนไฟฟ้าถูกถอดปลั๊ก...ทอรุ้งทรุดฮวบลงกับพื้น นายต่อผวาเข้ารับแล้วประคองขึ้น ทอรุ้งกุมขมับ ร้องโอยออกมาเหมือนเจ็บปวดเต็มที่

"รุ้งเป็นอะไร...ปวดหัวเหรอ"

"ปวดหัว..." เสียงทอรุ้งอ่อนล้า "ปวดมาก มันปวดมากขึ้นเรื่อยๆ"

นายต่อจึงให้ไปพักในห้อง ประคองพาทอรุ้งเข้าไป ร้องเรียกมนชนกให้ช่วยเอาผ้ากับน้ำเย็นมา ทอรุ้งร้องอย่างไม่เคยปวดมาก่อน ถึงกับถามว่าเธอเป็นอะไรไปทำไมถึงเป็นอย่างนี้... นายต่อหยิบยาแล้วส่งแก้วน้ำให้ ทอรุ้งกินยาแล้วดื่มน้ำ แล้วต่อตระกูลให้มนชนกไปเอามือถือของเขามาให้ เพื่อจะโทร.หาหมอเอกวีร์...

ขณะที่หมอเอกวีร์กำลังเข้าไปตอกย้ำให้นเรนทรจำไว้ อย่าให้กิ่งแก้วฉีดยาอีกเป็นอันขาด เมื่อเสียงมือถือหมอเอกวีร์ ดังขึ้น นเรนทรตกใจ ถามขึ้นว่าเสียงอะไร หมอเอกวีร์จึงเอามือถือขึ้นมาให้ดู บอกว่ามือถือของเขาเองดังขึ้น...นเรนทรดูจะโล่งใจ เอกวีร์มองดูที่เครื่อง จึงเอ่ยขึ้น

"คุณต่อ..."

"ต่อ...ต่อตระกูล..." นเรนทรพึมพำทวนคำ

"ครับ...คุณต่อตระกูลโทร.มา...ฮัลโหล"

นายต่อยืนโทร.จากข้างเตียงทอรุ้งในบ้านพักชายทะเล... เรียกหาหมอเอกวีร์

"ครับ ผมเอกวีร์ เรื่องอะไรหรือครับ"

"ทอรุ้งครับ...เขาปวดหัวมาก แล้วก็ได้ยินเสียงคนเต็มหัวไปหมด" นายต่อแจงมา

"ครับ...คือมันเป็นอาการข้างเคียงจากยาของหมอพิธาน" เอกวีร์พูดไป มองนเรนทรเห็นว่าเหมือนเกือบจะปกติ ยิ่งทำให้หมอเอกสบายใจขึ้น "เดี๋ยวผมจะไปดูอาการทอรุ้งเอง... ตอนนี้ไปซื้อยา..."

"ครับ...ยาคลายเครียด" นายต่อรีบทวนคำ "ครับได้ครับ ทานยังไงครับ...ครับ ขอบคุณครับ"

นายต่อกับมนชนกช่วยเอาน้ำเย็นเช็ดหน้าตาให้ แต่ ทอรุ้งก็ยังปวดหัวอย่างหนัก ร้องปวดหัวแทบระเบิดแล้ว นายต่อได้แต่ปลอบให้อดทน เพราะหมอเอกวีร์กำลังจะมาแล้ว... นายต่อให้มนชนกดูแลทอรุ้ง เขาจะรีบไปซื้อยาตามหมอเอกวีร์ สั่ง...ขณะนายต่อออกไปทั้งๆที่ห่วงทอรุ้งมาก ทอรุ้งเองทั้งร้องปวดหัว ทั้งร้องเรียกหาพ่อ ว่าเธอจะรีบไปช่วยพ่อ...

หมอเอกวีร์ที่ห้องนเรนทรเก็บมือถือ หันไปทางนเรนทร

"ทอรุ้งเป็นอะไร" นเรนทรถามหมอทันที

"ทอรุ้งไม่ได้เป็นอะไร...ผมจะไปดูแลเขาเอง ไม่ต้องห่วง พักผ่อนมากๆครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณนเรนทรจะไม่เป็นอะไรแล้ว ผมจะรีบกลับมาครับ"

นเรนทรพยักหน้ารับ แล้วเอนตัวลงนอน...หมอเอกวีร์ รีบออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ

ooooooo

ขณะที่หมอเอกวีร์หิ้วกระเป๋ายาเดินลิ่วๆไป หมายจะไปดูแลทอรุ้ง...อีกทางหนึ่ง คุณกรองกาญจน์ก็เดินมาพร้อมหมอพิธานและกิ่งแก้ว พิธานรายงานการเตรียม พร้อมตลอดเวลาว่า เขาได้ให้กิ่งแก้วฉีดยากล่อมประสาทอย่างแรงไปแล้ว รับรองนเรนทรว่านอนสอนง่ายอย่างคุณกรองต้องการ

"งั้นไปดูซิว่าจะเป็นยังไง ฉันจะให้มันเซ็นโอนหุ้นให้ฉัน"

กรองกาญจน์เดินอ้าวไปยังห้องนเรนทร ส่วนพิธานตามดิก ยิ้มระรื่น คิดว่าคราวนี้เงินไหลโกรกจากท่อมาโจ๊กใหญ่ แน่นอน...

เมื่อคุณกรองเข้ามาหานเรนทรที่เตียง แสร้งพูดเสียงอ่อนระแน้

"เป็นยังไงบ้างคะ คุณนเรนทร"

นเรนทรลืมตาเหลือบมองด้วยสายตาว่างเปล่า แต่พอเห็นหมอพิธานกับกิ่งแก้ว นเรนทรกลับร้องลั่นอย่างหวาดกลัว

"ไม่ฉีดยา...ไม่ฉีดยาแล้ว" อาการอย่างนี้ หมอพิธานมองหน้ากิ่งแก้ว ถามอย่างสงสัย

"คุณฉีดยาให้คุณนเรนทรแล้วแน่นะ" กิ่งแก้วรับทันที "แต่ว่าคุณนเรนทรท่าทางแปลกๆ"

กรองกาญจน์พยักหน้าให้หมอพิธานกับกิ่งแก้วออกไปรอนอกห้อง เธอขอพูดกับนเรนทรตามลำพัง...เมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว กรองกาญจน์พยุงนเรนทรให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วถาม

"คุณทรจำกรองได้ไหมคะ" นเรนทรทวนชื่อกรองกาญจน์ "ใช่ค่ะ...ฉันเป็นห่วงคุณมากนะคะ เห็นหมอพิธานบอกว่าอาการของคุณดีขึ้น ฉันก็เลยอยากมาดูว่าคุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม ฉันจะได้จัดหาให้"

"อยากกลับบ้าน...ไม่อยากอยู่ที่นี่"

"โถ...คุณทร..." กรองกาญจน์จับมือแสดงความเห็นใจ "ฉันก็อยากให้คุณกลับบ้านเหมือนกัน แล้วก็อยากให้คุณกลับไปบริหารเอ็นอาร์กรุ๊ปเหมือนเดิม เพราะฉันเหนื่อยมากค่ะ ตอนนี้กรรมการบางคนก็ขัดขวาง ไม่ให้ทำงานได้สะดวก งานก็เลยไม่ราบรื่น"

"ใครโกงก็ไล่มันออกไปซะสิ...ไล่มันออกไปเลย"

"ฉันไม่มีอำนาจ...คุณก็ไม่สบาย...จะให้ฉันทำงานแทนคุณไหมล่ะ"

"ทำงานแทนฉันเหรอ...ดี...ดี...อย่าให้มันโกงบริษัทฉันไปนะ"

"ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ยอมให้ใครโกงบริษัทคุณไปได้ แต่ว่าคุณต้องยอมมอบอำนาจให้ฉันนะคะ"

ว่าแล้วกรองกาญจน์หยิบใบโอนหุ้นจากซองยื่นให้ นเรนทรมองใบโอนหุ้นแล้วงง บ่นงึมงำ

"มอบอำนาจ?"

"ใช่ค่ะ...นี่หนังสือมอบอำนาจ พอเซ็นชื่อแล้ว ฉันจะได้มีสิทธิ์ทำทุกอย่างแทนคุณไงคะคุณทร"

"มอบอำนาจเหรอ?" นเรนทรหลับตา ทวนคำไปมา คิดว่าควรทำไงดี?

"ใช่แล้วค่ะ มอบอำนาจให้ฉันทำงานแทนคุณ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาเอาบริษัทของคุณไปได้ ฉันจะดูแลบริษัทแทนคุณไงคะ" ว่าแล้วส่งปากกาให้ นเรนทรมองปากกา...รับมาแล้วทำท่าจะเซ็น...แต่แล้วชะงัก กรองกาญจน์พยายามหว่านล้อม "เซ็นสิคะคุณทร ฉันจะได้ช่วยงานคุณเต็มที่" ว่าแล้วเดินไป

จับมือนเรนทร เร่งให้เซ็นให้ได้...และแล้วนเรนทรกลับปัดกระดาษ กรองกาญจน์คว้าแต่ไม่ทัน กระดาษหล่นลงพื้น

"ไม่...ฉันไม่เซ็น...ไม่เซ็น...ไปให้พ้น...ไม่เอาแล้ว"

"คุณนเรนทร.." กรองกาญจน์โกรธ ตะโกนสั่ง พยายามจะจับปากกาในมือเขามาเซ็นให้ได้ นเรนทรไม่ยอม แย่งกันไปสะบัดกันมาจนปากกาทิ่มมือกรองกาญจน์จนเลือดสาด...เสียงคุณกรองร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกหมอพิธานกับกิ่งแก้ววิ่งเข้ามาดู...ช่วยกันรุมจับนเรนทรไว้ สั่งให้หยุดอาละวาด

"มันจะโกงฉัน...ฉันจะฆ่ามัน" นเรนทรร้องอย่างโกรธและอาละวาดหนัก พิธานสั่งกิ่งแก้วให้ฉีดยาโดยเร็ว...กิ่งแก้ว

รีบจัดยาฉีด ขณะหมอพิธานช่วยออกแรงจับนเรนทรไว้กระทั่งฉีดยาให้ นเรนทรจึงค่อยสงบลง

"คุณกรองเป็นยังไงบ้างครับ" พิธานถามอย่างหวาดๆ

"ไหนบอกว่าเปลี่ยนยาแล้วมันจะเชื่อฉันไง แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้" กรองกาญจน์ชูมือเห็นเลือดไหล

"เดี๋ยวผมทำแผลให้ครับ ปากกาทิ่มเข้าไปไม่ลึก วันสองวันก็หายแล้วครับ"

"เจ็บมือไม่เป็นไร" กรองกาญจน์กระชากมือกลับ "แต่ฉันเจ็บใจ ไม่เคยมีใครทำฉันเลืิอดออกมาก่อน"

ทั้งหมอพิธานและกิ่งแก้วได้แต่ทำตาปริบๆ เมื่อได้เห็น ฤทธิ์อันร้ายกาจของกรองกาญจน์ ส่วนนเรนทรถูกฉีดยาอาการสงบลงไปทันที คุณกรองสั่งเฉียบ

"ให้มันเซ็นเอกสารให้ฉันเร็ว"

"กิ่งแก้วจัดการให้นเรนทรเซ็นเอกสารด้วย ผมจะพาคุณกรองไปทำแผล"
กิ่งแก้วพยักหน้ารับทราบ เมื่อหมอพากรองกาญจน์

ออกจากห้องไปแล้ว กิ่งแก้วหยิบเอกสารมา เดินไปหานเรนทรที่นอนนิ่งอยู่ มองอย่างมั่นใจว่า ไม่พ้นมือกิ่งแก้วแน่...

หมอพิธานพาคุณกรองไปยังห้องของเขา ทำแผลให้เสร็จแล้วไปจัดยามาให้ พร้อมแนะนำอย่าถูกน้ำสักสองวัน ส่งยาแก้อักเสบ แก้ปวดให้ คุณกรองกลับไม่ยอมรับ หมอพิธานยิ้ม

"คุณกรองครับ ผมไม่วางยาคุณหรอกครับ ถ้าผมวางยาคุณ แล้วใครจะจ่ายเงินให้ผมล่ะครับ"

กรองกาญจน์จึงยอมรับยา...พอดีกิ่งแก้วเดินเข้ามา แล้วยื่นซองเอกสารให้ คุณกรองตรวจเอกสารดู เมื่อเห็นว่าเรียบร้อย จึงเก็บเอกสาร แล้วบ่น

"ไอ้พวกบ้านี่มันน่ากลัวจริงๆ ถ้าฉันได้ทุกอย่างแล้ว จะไม่มายุ่งกับพวกนี้อีกเลย"

"ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณนเรนทรจึงเป็นแบบนี้ แต่ถึงยังไงคุณนเรนทรก็ยอมเซ็นให้คุณแล้วนี่ครับ" หมอพิธานเหมือนจะทวงกลายๆว่า แล้วเมื่อไหร่จะบอกเรื่องจ่ายเงินเสียที แต่กรองกาญจน์ระบายความแค้น

"คราวนี้แหละ นังทอรุ้งมันต้องออกมา เพราะไม่ยอมให้ฉันได้หุ้นของเอ็นอาร์ไปอย่างแน่นอน"

กรองกาญจน์ นางสิงห์จอมโหดยิ้มเหยียดเต็มปาก ว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว...

ooooooo

ขณะที่ทอรุ้งนอนตัวงออย่างเจ็บปวดอยู่ในห้อง โดยมีนายต่อนั่งดูอยู่ไม่ยอมห่าง ในที่สุด ก่อนตะวันจะจมขอบน้ำ หมอเอกวีร์ก็มาถึง มนชนกร้องบอก

ทุกคนลั่นไปด้วยความดีใจ...เอกวีร์พรวดพราดเข้ามาถามอาการทอรุ้งอย่างห่วงใย ทอรุ้งพยายามมองหมอแล้วถาม

"หมอเอก...พ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ"

"คุณนเรนทรปลอดภัยครับ" เอกวีร์ตบหลังมือทอรุ้งเบาๆ "ผมดูแล สับเปลี่ยนยาตลอดเวลา คุณทอรุ้งไม่ต้องห่วงครับ"

"ขอบคุณค่ะหมอ ขอบคุณที่ช่วยฉันกับพ่อ ถ้าไม่ได้ หมอ พ่อฉันคงแย่" ทอรุ้งบีบมือหมอแน่น นายต่อมองแล้วรู้สึกวังเวงในกระดองใจ

"ไม่เป็นไรครับ...หมอเองก็ไม่สบายใจ ที่เห็นหมอด้วยกันเองใช้วิชาชีพทำร้ายคนไข้ อีกไม่นาน เราคงเปิดโปงหมอพิธานได้" หมอดึงมือออกจากมือทอรุ้ง หยิบเครื่องมือมาตรวจทอรุ้งด้วยความเป็นห่วง...ขณะที่นายต่อไม่ยอมอยู่ต่อ เดินเลี่ยงฮุ้นออกไปข้างนอก

หลังจากไปนั่งทอดหุ่ยอยู่ทางด้านหน้าบ้านพัก มองกิ่งไม้ถูกลมพัดโอนเอนไปมา เห็นแล้ววังเวิ้ด...พอดีหมอเอกวีร์ เดินออกมาจากห้องทอรุ้ง รายงานอาการทอรุ้งว่าดีขึ้นแล้ว...

นายต่อใจร้อนจะเข้าไปดู เอกวีร์รีบดึงไว้ บอกว่าเขาให้ยานอนหลับ ทอรุ้งแล้ว ไม่ต้องห่วงเพราะน้องนกคอยดูอยู่แล้ว

"อาการอย่างนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ" นายต่อยังข้องใจอาการทอรุ้ง

"รุ้งปวดหัวมาก เป็นเพราะยาที่หมอพิธานให้...และช่วงหลังๆหมอพิธานให้ยาแรงมากด้วย"

"แล้วรุ้งจะหายไหมครับ"

"คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ค่อยๆให้ยาที่สะสมหมดไป ถึงจะหายครับ"

"ขอบคุณครับ ดึกมากแล้ว คืนนี้พักที่นี่นะครับ"

"ดีเหมือนกันครับ จะได้อยู่ดูอาการคุณทอรุ้งด้วย"

"งั้นเชิญทางนี้ครับ...ทานอะไรมาหรือยังครับ"

เมื่อเอกวีร์บอกว่า รีบมาเลยลืมกิน นายต่อจึงจัดการ ให้เอกวีร์ไปอาบน้ำ แล้วค่อยมาทานข้าวกัน...แล้วพาหมอไปห้องพัก

ooooooo

เมื่อกรองกาญจน์กลับเข้าบ้านในตอนค่ำ เจอก้องกฤตพูดมือถือติดพันลงมาจะออกจากบ้าน กรอง-กาญจน์รู้ว่าไอ้ลูกคนนี้มันเอาแต่เที่ยวจับผู้หญิงเป็นงานหลัก พอเห็นแม่ ก้องกฤตจึงวิ่งมากอดแม่อย่างเอาใจ ถามว่ามือแม่เป็นอะไร พอบอกว่านเรนทรมันแทงแม่ด้วยปากกา นายก้องจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่าเจ็บไหม

กรองกาญจน์ดีใจ แต่กลับย้อนว่าห่วงแม่ด้วยหรือ นายก้องปากหวานว่าเรามีกันสองคน ไม่ห่วงแม่แล้วห่วงใคร แม่จึงบอกห่วงพวกผู้หญิงของแกน่ะสิ ก้องกฤตสารภาพว่ามันกำลังเครียด จึงต้องเที่ยวให้ผ่อนคลาย แม่จึงระอา ขอกลับเข้าบ้าน ทั้งๆที่อยากให้ก้องกฤตรู้ว่า...แม่กำลังพิชิตศึกใหญ่ อยู่ แล้ว...นายก้องจึงเดินหน้าล่าเหยื่อต่อไป หนีเรื่องที่ไปทำระยำตำบอนไว้กับทิพย์
วารี...มันเรื่องคอขาดบาดตายโดยแท้...

คืนนี้ ขณะที่ทอรุ้งนั่งทานข้าวต้มอยู่หน้าบ้าน ท่าทาง ไม่ปวดหัว และสดชื่นขึ้น เพราะยาของหมอเอกวีร์...และมีหมอเอกวีร์นั่งคุยอยู่ด้วย

"ยาหมอได้ผลดีมากเลยค่ะ อาการปวดหัวหายเป็นปลิดทิ้ง"

"คุณทอรุ้งต้องระวังช่วงนี้ อย่าคิดอะไรมาก สมองจะได้ ฟื้นตัวเร็วขึ้น"

"ฉันเป็นห่วงพ่อ กลัวว่าท่านจะเป็นอันตราย อยากเอาตัวท่านออกมาให้เร็วที่สุด"

"คุณทอรุ้งไม่ต้องห่วงนะครับ ผมคอยเปลี่ยนยาให้

คุณนเรนทรมาตลอด เมื่อวานผมก็แอบเปลี่ยนยาที่กิ่งแก้วจะฉีดให้คุณนเรนทร ยาชิ้นนี้เป็นอีกชิ้นหนึ่งที่จะเอาผิดหมอพิธานได้ แต่ว่าเราต้องหาหลักฐานอื่น ที่มามัดตัวหมอพิธานได้แน่นหนากว่านี้ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะอ้างว่าเป็นการใช้ยารักษาอาการของโรคก็ได้..."

"หมอคิดว่าจะมีหลักฐานอะไรคะ"

"ก็พวกใบสั่งยาที่เขาใช้กับคุณทอรุ้งและคุณนเรนทร"

"หมอช่วยดูแลพ่อฉันด้วยนะคะ" ทอรุ้งจับแขนหมอเอกวีร์อย่างวิงวอนขอร้อง หมอจับมือทอรุ้งตอบ

"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมรู้ว่าคุณโดนอะไรมาบ้าง ยังไงผมช่วยคุณทอรุ้งเต็มที่อยู่แล้วครับ"

นายต่อถือถาดกาแฟ ไข่เจียวมา เห็นทั้งสองจับมือกัน ถึงชะงักเป็นหุ่นขี้ผึ้ง

"ฉันไว้ใจหมอมากที่สุดนะคะ ตอนนี้หมอเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของฉัน"

"แล้วคุณต่อล่ะครับ"

"ฉันไม่เคยไว้ใจเขาเลยค่ะ"

เสียงนั้นเสียดแทงลึก เจ็บปวดจนสุดจะทน กำลังจะหันหลังกลับด้วยความอดสูในความเป็นคนของเขา แต่พอทอรุ้งหันมาเห็นนายต่อ เธอรีบหดมือจากหมอ หมอเอกวีร์มองตาม เห็นนายต่อยืนนิ่งถือถาด เพราะขยับไม่ได้อีกแล้ว

"ผมเอากาแฟมาให้ครับ...แล้วก็ไข่เจียว"

"ขอบคุณครับ...ผมว่าพอแล้วละครับ มานั่งคุยกันดีกว่า" หมอเอกวีร์เชิญชวน

"ไม่เป็นไรครับ...ผมจะเข้าไปเก็บของในครัวก่อน"

"เอาไว้ก่อนดีกว่าครับ" เอกวีร์ดึงเก้าอี้มาให้นั่งข้างๆทอรุ้ง นายต่อจำต้องนั่งอย่างพะอืดพะอม ทอรุ้งกลับเสนอขึ้นทันที

"หมอเอกช่วยพาฉันไปพักผ่อนก่อนได้ไหมคะ...รุ้งยังรู้สึกเหมือนร้าวๆที่สมอง"

หมอเอกวีร์หรือจะไม่รู้ว่าทอรุ้งพยายามหนีนายต่อ หมอเอกวีร์ไม่กล้าขัดใจคนไข้เช่นกัน เดี๋ยวจะเกิดปวดหัวขึ้นมาอีก...จึงรับคำ แล้วประคองทอรุ้งเข้าข้างใน...

นายต่อตระกูลจึงไม่มีอะไรจะต่อจะรองทั้งสิ้น นั่งซื่อบื้อ เป็นนกทึดทืออยู่คนเดียว

ooooooo

เมื่อได้เวลากลับในคืนนั้น เอกวีร์ออกมาหานายต่อ พร้อมกับอธิบายเรื่องการใช้ยาให้เขาฟัง...มียาที่จะให้ทอรุ้งทานหลังอาหารสามมื้อและก่อนนอน ยาวิตามินบำรุงร่างกาย และที่สำคัญ เมื่อทอรุ้งเกิดปวดหัวขึ้นมาอีก เอายานี้ให้กินทันที

เอกวีร์เห็นนายต่อนั่งซึมนิ่ง ไม่รู้ว่านายต่อกำลังนึกถึงความสัมพันธ์ของทอรุ้งที่มีให้หมอเอกวีร์จนน่าอิจฉา หมอเอกวีร์จึงเรียกนายต่อ...พอเขาตื่นจากภวังค์ จึงถามว่าที่บอกเรื่องยาให้ทอรุ้ง จำได้ไหม นายต่อรีบรับทันทีว่าจำได้แล้ว

"ถ้าคุณทอรุ้งมีอาการผิดปกติอะไรอีก โทร.หาผมได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจ"

"ครับ...ขอบคุณมากครับหมอ" เอกวีร์จะเดินไปขึ้นรถ นายต่อเรียกไว้ "หมอเอกครับ...ฝากคุณทอรุ้งด้วยนะครับ"

"อ๋อ...ไม่ต้องห่วงครับ" เอกวีร์ไม่สังเกตความหมายของนายต่อ "ผมจะดูแลคุณทอรุ้งอย่างดีครับ...กลับก่อนนะครับ" นายต่อได้แต่ยืนมองหมอขับรถกลับไป...

ต่อตระกูลกลับเข้าไปในบ้าน อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูทอรุ้งในห้องอีกครั้ง...มองทอรุ้งด้วยความห่วงหาอาทร ส่วนทอรุ้งนอนนิ่งเหมือนหลับเป็นตาย นายต่อดึงผ้าห่มมาห่มให้... ถอนใจอย่างลำบากยากแค้นเต็มอก ก่อนจะเดินกลับออกไป

ทอรุ้งที่ทำเป็นนอนหลับ ขยับตัวแล้วหันมามอง ทอรุ้งน้ำตาคลอ เธอรู้ดีว่าเขาห่วงเธอมาก แต่มันเหมือนเขาลูกใหญ่มาผงาดกั้น เพราะกรองกาญจน์ แม่ของต่อตระกูล กับครอบครัวทอรุ้ง มันเกิดรอยปริร้าว ยากที่จะประสานกันได้แล้ว...

ooooooo

เช้าวันนี้ กรองกาญจน์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยหัวใจเอิบอิ่มลำพอง เพราะมีข่าวตื่นเต้นในวงการธุรกิจ กรองกาญจน์ซื้อหุ้นบริษัทยักษ์จากคุณนเรนทร...พอได้ยินเสียงนายก้อง ลูกชายเพิ่งกลับเข้าบ้านตอนเช้าตามเคย จึงทำเป็นไม่สน แต่พอนายก้องเข้ามาเห็นแม่ จะถอยหลัง แม่จึงถามเอาเรื่องว่า กลับมาตอนนี้จะไปทำงานไหวเหรอ นายก้องจึงยิ้มเร่มาหาแม่ แบบใจดีสู้เสือ บอกแม่
ว่าไหว นอนพักเดี๋ยวก็ไปทำงานได้แล้ว แม่ประชดทันทีว่า ไปทำงานตอนกลางคืนอีกใช่ไหม

จบตอนที่ 16
เครดิต ไทยรัฐ


Create Date : 04 มีนาคม 2553
Last Update : 4 มีนาคม 2553 14:46:18 น. 0 comments
Counter : 246 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com