กุมภาพันธ์ 2559

 
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
 
 
15 กุมภาพันธ์ 2559
จุติวิบัติ - บทที่ 6
จุติวิบัติ
บทที่ 6

ร่างเปลือยเปล่าของดวงยิหวานั่งยองๆบนบันไดขั้นสุดท้ายของศาลาริมน้ำ... ศาลาเล็ก ไม้แต่ละแผ่นผุมีรอยขีดข่วนและเขียนด้วยหมึกทั่ว กระดาษโฆษณาและแผ่นสติ๊กเกอร์แปะติดตรงนู้นตรงนี้เหลืองซีด บางแผ่นขาดเหลือแต่ขั้วที่ติดกาวแน่น สายลมพัดโหมมา หลังคาเผยออ้า ราวกับจะพังลงเสียให้ได้

ดวงยิหวาใช้ผ้าขนหนูสีเหลืองชุบน้ำเช็ดตามเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมมบรรจงทำความสะอาดแผลฉกรรจ์ตรงหัวไหล่ขวาซึ่งแขนด้วนไป กลายเป็นก้อนขยุกขยุยสีดำแข็งและด้าน

ด้วยอำนาจจิตอันแรงกล้าดวงยิหวาสามารถเข้าแทรกแซงกระบวนการฟื้นฟูร่างกายซึ่งมีอยู่แล้วในพันธุกรรมมนุษย์ให้เกิดเร็วขึ้นรักษาแผลนั้นจนหายสนิท อาการเจ็บปวดมลายสิ้น... น่าเสียดายที่กระบวนการนี้มิอาจทำให้แขนงอกใหม่

รู้สึกว่าเนื้อตัวสะอาดสะอ้านขึ้นมาบ้างดวงยิหวาก้าวขึ้นบนศาลา หยิบเอาเสื้อคลุมตัวยาวที่ขโมยจากราวแขวนหลังวัดมาห่มทับอำพรางร่างกายพิกลพิการ ชายเสื้อคลุมยาวจนถึงเข่าปกปิดมิดชิด

แม้จะเรียกตนเองว่าบุตรแห่งบาเลบา แต่ดวงยิหวาไม่คิดว่าตนเองมีชีวิตหากเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่คอยรับการชี้นำของผู้ให้กำเนิดเพียงเท่านั้น

ไม่มีจิตแท้ไม่มีสังขารแท้

แค่เครื่องจักรที่ฝังในสังขารต้นและเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของเจ้าของสังขารนั้นให้เป็นดั่งโปรแกรมที่ฝังไว้

...ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของตน

เมื่อไร้แรงปรารถนาจำเพาะ ดวงยิหวาก็ขาดเจตนารมย์ในการดำเนินชีวิตและไม่รู้ตัวว่าจะต้องไปทางใด ได้แต่เคว้งคว้างกลางราตรีสีหม่น

“สังหารสิ้น”ดวงยิหวาพึมพำกับตนเอง ราวกับต้องการจะตอกย้ำเหตุผลที่ควรดำรงชีวิตอยู่“ธิดาแห่งอาดามะ ทั้งผู้สังเกตการณ์... ข้าจักสังหารสิ้น”

เสียงสวบสาบดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ศาลาดวงยิหวายืดระยางค์สีดำออกจากปลายนิ้วหมายจัดการผู้บุกรุก ทว่า จู่ๆร่างเล็กกระจ้อยก็หลุดออกมา มีเศษใบไม้และกิ่งไม้แห้งติดตามหัวและตัว

“โฮ่ง!”

ลูกหมาตัวกระจ้อยเห่าเมื่อเห็นดวงยิหวาท่าทางกล้าๆ กลัวๆ สักครู่หนึ่ง แต่คงทานความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ จึงค่อยย่องเข้ามาใกล้ทีละนิดทีละนิด จนในที่สุดก็เกือบประชิดตัว

ดวงยิหวายื่นระยางค์จ่อหน้ามันมุ่งคร่าวิญญาณ หากเจ้าหมาตัวน้อยแลบลิ้นเลียแผล่บ ผัสสะสากๆ

อาวุธสังหารหดกลับ...

ดวงยิหวาเลิกสนใจสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ไม่เป็นอันตรายตัวนี้

ไร้ประโยชน์เปลืองพลังงานเสียเปล่าๆ เพราะการต่อสู้กับผู้สังเกตการณ์ก็ผลาญกำลังภายในไปมากโข จำต้องออมแรงฟื้นฟูสภาพกายโดยไว

ดวงยิหวาเลือกม้านั่งด้านที่แข็งแรง ไม่ผุพัง แล้วเอนนอน เสียงเห่าโฮ่งดังขึ้นอีกคำรบดวงยิหวาตาขวาง ลูกหมาน้อยกระโดดหย็องๆ ตะกายจะขึ้นมาหา

สายลมพัดอีกคราใบไม้ร่วงหล่นทับถม

ดวงยิหวาคว้าร่างเล็กนั้นขึ้นวางข้างตัวเจ้าลูกหมาเดินวน ปีนป่ายตัวของผู้มาจากต่างดาว ก่อนจะมุดนอนขดตรงซอกขา เอาคางเกยเข่าคนแปลกหน้า

อบอุ่นจนอัศจรรย์



ตีห้าเจ้าเอยปรือตาที่บัดนี้ลึกโหล ควานหาแอปเปิ้ลสีแดงสดจากตะกร้าบนโต๊ะมางับเสียงดังกร๊วบรสหวานและกลิ่นหอมของผลไม้ซ่านในปาก ช่วยบรรเทาอาการมึนงงจากการอดหลับอดนอนได้พอสมควรแต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเป็นการกินไปหาวไป อยู่ดี

หลังจากผ่านเหตุการณ์วินาศสันตะโรเจ้าเอยยืนยันกับจ๊อดเด็ดขาดว่าจะไม่เอา "มนุษย์ต่างดาวคนนั้น"เข้าบ้านเด็ดขาด เพราะหากเหตุการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุม ก็ไม่อยากให้บริวารกว่าหลายสิบชีวิตที่บ้านต้องโดนลูกหลงไปด้วย

จึงตกลงใจว่าเอามาซุกไว้ที่อาคารสำนักพิมพ์นี่แหละถ้าจะเจ๊งก็ให้เจ๊งตรงนี้ ยังไงซะ ตัวต้นเหตุอย่างสบชัยก็ต้องรับผิดชอบ

จะมาลอยตัวฟรีๆแล้วปล่อยให้สาวน้อยแสนสวยสุดบอบบางอย่างเธอ แบกรับชะตากรรมอันหนักอึ้งเพียงคนเดียวไม่ได้!

นึกถึงตอนที่สบชัยเห็นมนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆแล้วยิ่งเคือง

แววตาเป็นประกายสีหน้าสีตาแลดูตื่นเต้นสุดๆ...

จะรู้ไหมเนี่ยว่าน้องนุ่งเกือบเอาชีวิตไม่รอด...

รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ชะมัด!!

ผิดกับจ๊อดที่ไม่เชื่อเลยว่านั่นคือคนต่างโลกเขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงแรม เป็นการเล่นตลกของกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือไม่ก็ คนที่ไม่หวังดีกับพ่อของเจ้าเอยจนผู้สังเกตการณ์ทำการสังเกตใจเขาอย่างถูกต้องหมดจด จ๊อดจึงเริ่มเชื่อและคล้อยตาม

นอกจากเจ้าเอย จ๊อด และสบชัยแล้วไม่มีใครรู้เรื่องการซุกซ่อนตัวพลเมืองนอกโลกเลยถึงจ๊อดจะเรียกบอดี้การ์ดมาเฝ้าหน้าตึกอีกสองคน แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียด

แต่ถึงอย่างนั้น พอมีพรรคพวกมากเข้าเจ้าเอยก็อุ่นใจกว่าตอนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมนุษย์ต่างดาวสองตนล่ะ

"อาวิน...นั่นคือนามแห่งข้า"

อาคันตุกะแปลกหน้าบอกลอยๆ ตอนที่ถูกหามเข้าอาคารเพราะหมดสภาพหลังการต่อสู้เจ้าเอยเริ่มชินกับการที่จู่ๆ เขาก็ให้ข้อมูลโดยพลการถ้าไม่ใช่ไอ้เฮียก็คงจ๊อดน่ะแหละ ที่สงสัยในใจ

แต่จะว่าไปแล้ว ตอนที่ต่อสู้กันดวงยิหวาได้เปิดเผยให้เห็นว่า ภายในของเธอมี "ร่าง" อื่นอยู่ด้วยในขณะที่สภาพภายนอกของดวงยิหวา เป็นเพียงร่างอาศัย ก็หมายความว่ามนุษย์ต่างดาวได้ฆ่าดวงยิหวาไปแล้ว

ถ้าอย่างนั้น อาวินเองก็ฆ่าผู้ชายที่เขาอาศัยร่างอยู่ไปแล้วรึเปล่า

...ไอ้ฆาตกร!!

"เหตุไร เจ้าจึงช่างคิดนัก"คนที่นอนแหม่บต่อว่า ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมาทางเธอ "จินตนาการและการคาดเดาของมนุษย์นั้นล้ำลึกจริงหนอ”

พอถูกโยนลงโซฟารับแขกภายในห้องทำงานของสบชัยเป็นที่เรียบร้อยเจ้าตัวก็เอ่ยอธิบาย

“รูปร่างของพวกเราทั้งสามไม่เหมาะสมแก่การดำรงชีพบนพื้นพิภพนี้ จึงต้องใช้สังขารของผู้อื่นเพื่อทำให้ตนเองดำรงชีวิตอยู่ได้”

“ใช้ร่างกายสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเพื่อดำรงชีพ...”สบชัยขยับแว่น “ก็ไม่ต่างจากภาวะปรสิต”

“เหมือนมนุษย์โลก” อาวินว่า

“ไฮ้... ไม่เหมือน” สบชัยเถียง

“เหมือน” อาวินยืนกราน“พวกเจ้าทุกคนล้วนเคยดำรงชีพภายในกายสตรี สูบเลือดสูบเนื้อเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด จนกว่าจะถึงเวลาคลอดออกมา”

“นั่นมันไม่ใช่ภาวะปรสิตนี่” จ๊อดว่า“เขาเรียกการสืบพันธุ์ต่างหาก”

“ถ้าเช่นนั้น สำหรับพวกเราแล้วการอาศัยสังขารก็นับเป็นการสืบพันธุ์”

เจ้าเอยส่ายหน้าไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด

“นายจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก การที่พวกนายอยู่ในร่างกายคนอื่นไม่ได้เกิดจากความยินยอมแต่เด็กทารกในท้องแม่ เกิดจากความต้องการและความรัก”

“ทุกคนหรือ...”

“อือ ใช่”

“เด็กทุกคนเกิดจากความต้องการและความรัก...จริงๆ หรือ”

เจ้าเอยเห็นอาวินเลิกคิ้วถามสายตาของเขาเหมือนบีบบังคับให้เธอชั่งใจและคิดไตร่ตรองในคำพูดของตัวเอง

ไม่มีใครตอบคำถามของอาวินว่าเด็กทุกคนเกิดมาจากความรักและความต้องการของผู้เป็นพ่อแม่เพราะต่างคนต่างก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจ

อาวินเองก็ไม่ได้เซ้าซี้หรือจะไล่ต้อนอะไรนัก

“พวกเราจำเป็นต้องมีสังขารต้นทว่ามีเพียงผู้ที่เลือกวิถีแห่งตนแล้วเท่านั้น จึงจะครอบครองสังขารต้นได้โดยสมบูรณ์”

“ยึดร่างโดยสมบูรณ์”จ๊อดบ่นงึมงำกับตัวเอง “หมายถึง เจ้าของร่างนั้นจะตาย อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่” อาวินตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน“เข้าควบคุมศูนย์กลางสัญญาณชีพ ทั้งอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกตลอดจนกระบวนการพื้นฐานทางร่างกาย เมื่อทำได้ดังนั้นแล้วผู้เลือกวิถีย่อมสำแดงพลังดั้งเดิมของตนได้เต็มกำลัง”

“แล้วนาย...” เจ้าเอยกำลังคิดคำเหมาะๆที่จะถาม แต่เจ้าตัวรีบชิงตอบ

“ข้าเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เจ้าของสังขารต้นเพียงแค่นิทราชั่วขณะในยามที่ข้าใช้สังขารเท่านั้น”

เจ้าเอยระบายลมหายใจเบาสิ่งที่เธอสงสัยก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวโดยตรง

อาวินไม่ใช่ฆาตกร...อย่างน้อยก็ในตอนนี้ล่ะ

แต่สบชัยเหมือนจะจับประเด็นอื่นได้จากการสนทนาเมื่อครู่

“แล้วที่บอกว่ามากันสามคน เรื่องมันเป็นยังไง”

อาวินมองหน้าสบชัยสักครู่แล้วหันหน้าหนี ไม่ยอมพูด สบชัยจึงหันมาพยักเพยิดใส่เจ้าเอยให้เป็นคนถามแทน

ให้มันได้อย่างนี้สิ!

“นี่...”เจ้าเอยเอ่ยห้วนๆ “นี่... นายน่ะ”

“บางสิ่งพวกเจ้าไม่สมควรรู้”

“มีอะไรที่ฉันไม่ควรรู้ด้วยงั้นเรอะ”เจ้าเอยชักฉุน พูดแบบนี้เหมือนด่ากันว่าเธอเป็นคนช่างสอดนะเนี่ย“ฉันเกือบตายเพราะพวกนายนะ ไม่มีสิทธิ์รู้อะไรเลยรึไง”

อาวินหันมามองเธอสายตาของเขาเหมือนจะค้นลึกเข้าไปภายในใจแต่มันไม่ใช่ความรู้สึกถูกคุกคามเหมือนตอนที่จ้องตากับดวงยิหวาหรือตอนที่จ้องตากับเขาตอนที่เป็นบริกรแปลกหน้ามันเหมือนกับเขาพยายามส่งความรู้สึกบางอย่างมาให้ความรู้สึกที่สั่นสะเทือนลึกในอก...

เป็นห่วง...งั้นเหรอ...

บ้าไปแล้วยัยเจ้าเอย หมอนี่เป็นมนุษย์ต่างดาว ฆ่าคน จะมาเป็นห่วงเป็นใยมนุษย์ได้ไงเพ้อเจ้อชัดๆ

“พวกเรามีพันธสัญญาระหว่างกันว่าจะปกปิดการดำรงอยู่ของพวกเรา ไม่ให้บุตรแห่งอาดามะ และบุตรแห่งเนฟีลารู้”

สบชัยกับจ๊อดมองหน้ากันงงเต๊กเจ้าเอยเคยได้ยินคำศัพท์นี้จึงอธิบาย

“บุตรแห่งอาดามะก็คือมนุษย์นี่แหละ...แต่บุตรแห่งเนฟีลานี่ ใครกันอีกล่ะ”

“เผ่าพันธุ์อื่นที่แฝงกายอยู่ในกลุ่มของพวกเจ้านับตั้งแต่สมัยโบราณกาล”

สบชัยตีเข่าดังป้าบ

“ไหมล่ะเอ๋ยเฮียว่าแล้วว่าโลกของเรามีมนุษย์ต่างดาวมาตั้งนมตั้งนานละ”

“เฮียว่าตอนไหนวะ”

“เฮียว่าในใจ”

เจ้าเอยกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะซักไซ้พ่อคนต่างดาวต่อ

“ถ้างั้นนายจะให้พวกฉันปิดหูปิดตา พอจะโดนฆ่าก็ให้ยอมๆ หยวนๆ งั้นเหรอ...ไม่เอาด้วยหรอกนะ”

“แต่การเปิดเผยตัวตนของพวกเราดังที่พวกเจ้าคิดจะทำจะนำภัยใหญ่หลวงมาสู่ทุกคนข้าไม่คิดว่าบาเลบาจะปล่อยให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่รู้เรื่องรอดไปได้”

คราวนี้เจ้าเอยยิ้มมุมปาก หันมาหาสบชัยพลางยักคิ้ว

“ว่าไงเฮีย...เขาพูดมางี้ หนูก็เห็นด้วย... ทีนี้จะเลิกบ้าสั่งให้หนูทำงานพวกนี้ได้รึยังอยากเดือดร้อนก็เดือดร้อนตัวเองไปสิ เอาหนูมาเดือดร้อนด้วยทำไม”

“เอ๋ยก็...เฮียขอโทษ” สบชัยวิงวอน “แต่ยิ่งได้ยินแบบนี้ เอ๋ยไม่คิดเหรอว่ามันไม่ใช่แค่เราจะเดือดร้อนไหม แต่มันหมายถึงทุกคน ทั้งพ่อแม่พี่น้อง ทุกคนที่พวกเรารู้จักถ้าเราไม่เตือนพวกเขาก่อน จะรู้ได้ไงว่า คนต่อไปที่จะโดนเล่นงานจะไม่ใช่คนที่เรารัก”

“ผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้คุณหนูเสี่ยงชีวิตหรอกนะครับ”จ๊อดเสริม “แต่ที่บอกอว่ามาก็มีเหตุผล ถ้าพวกเราสามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้ ก็น่าจะดี”

เจ้าเอยกอดอกถอนใจหนัก น้ำเสียงซีเรียส

“แล้วพวกนายไม่คิดบ้างเหรอว่านี่จะกลายเป็นการกระพือไฟให้ลุกแรงมากกว่าจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม... ว่าไงเฮียถ้ามันกลายเป็นว่าพวกเราคือต้นเหตุที่สร้างความหายนะให้กับคนอื่นๆเราจะเอาปัญญาที่ไหนไปรับผิดชอบวะ”

“ไม่มีใครรู้หรอกเอ๋ย”สบชัยตอบ “เฮียก็ไม่รู้ว่าการตัดสินใจแบบไหนถึงจะถูกต้อง แต่ที่แน่ๆพวกเราอยู่ในจุดที่มีแต่พวกเราเท่านั้น แล้วพวกเราก็ต้องเลือกสักอย่าง ว่าจะเสี่ยงหรือจะอยู่เฉยๆ”

เจ้าเอยนิ่งตรองตามคำพูดของรุ่นพี่ยอมรับกับตัวเองอย่างหนึ่งว่า นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินตัวเธอมากนัก ไม่ว่าเลือกเส้นทางไหนก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่การเลือกของพวกเธอจะไร้ผลกระทบกับคนในโลกมันจะมีผลกระทบอย่างแน่นอน และเป็นผลกระทบที่ใหญ่หลวงเสียด้วย...

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง!

เหมือนโยนหินลงในน้ำแล้วก่อให้เกิดวงคลื่นเคลื่อนกระจายออกไป... ไม่สิ้นสุด

“อาวิน”เจ้าเอยกลืนน้ำลายฝืดเหนียวลงคออย่างยากเย็น “พวกคุณมาที่นี่ทำไม”

คนถูกเรียกมองหน้าเธอแน่วนิ่ง

“เพื่อเรียนรู้ชีวิต...และสร้างโลกดั่งที่พวกเราปรารถนาให้เป็น”

นั่นคือคำตอบของอาวิน

และบางที...นั่นก็อาจจะเป็นคำตอบของเธอเหมือนกัน

เจ้าเอยนั่งสัปหงกแอปเปิ้ลในมือร่วงลงพื้น กลิ้งหลุนๆ หญิงสาวสะดุ้งตัวเฮือก รู้สึกแห้งไปทั้งตาเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ข้างในเจ้าเอยเอามือทั้งสองข้างคลึงดวงตาแล้วตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติเกิดมาไม่เคยต้องมานั่งอดหลับอดนอนด้วยความหวาดผวาอย่างนี้มาก่อน

ฟ้าภายนอกเริ่มสว่างเจ้าเอยนึกถึงการอาบน้ำที่แสนสบายและเตียงอุ่นๆ ก่อนที่อาวินจะหลับไปเขาบอกว่าบริกรหนุ่มเจ้าของร่างจะฟื้นคืนสติขึ้นมา ทั้งสามคนเลยตกลงปลงใจว่าจะคุยเรื่องนี้ให้เจ้าตัวฟัง และขอความร่วมมือจากเขา... ก็ถ้า เขาฟื้นเมื่อไหร่เธอก็จะได้กลับบ้านอันแสนสุขเสียที

ประตูห้องเปิดพรวด...จ๊อดเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“มีอะไรอีกล่ะยะ”

“คุณหนูครับ”จ๊อดจ้องเธอเขม็ง “คนที่บ้านโทรฯมารายงานว่า มีตำรวจมาขอพบคุณหนู”

“ตำรวจ...เรื่องอะไร”

“จะสอบปากคำเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงแรมเมื่อคืน”

เวรแล้วไง...อย่าบอกนะว่าพวกนั้นรู้เรื่องของเธอหมดแล้ว

“จ๊อดนายเก็บกวาดหลักฐานหมดแล้วใช่ไหม”

“ครับไม่มีอะไรยืนยันว่าคุณหนูเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้แน่”

“กล้องวงจรปิดล่ะ”

“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่เสียทั้งระบบ คุณหนูวางใจได้ครับ”

“ก็ดี”เจ้าเอยว่า เธอไม่อยากให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตัวเอง เพราะห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางสังคมของพ่อกับแม่

มันคงไม่ดีถ้าลูกสาวนายธนาคารใหญ่จะมีเรื่องพัวพันกับความรุนแรงสะเทือนขวัญแบบนั้น

ถึงจะอยากจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแต่ดูเหมือนเรื่องทางโน้นจะเร่งด่วนกว่า อีกอย่างด้านนี้มีทั้งเฮียทั้งบอดี้การ์ดอีกสองคน เธอคงพอจะวางใจได้

“เตรียมรถ”เจ้าเอยสั่งการ เสียงแหบแห้ง “ฉันจะกลับบ้าน”

“คุณหนูแน่ใจนะครับว่าจะทำอย่างนี้”

เจ้าเอยพยักหน้าเบาๆอ่อนล้าไปทั้งร่างกาย แต่จิตใจแน่วแน่มั่นคง

“อือ...ฉันตัดสินใจแล้ว!”

..........โปรดติดตามตอนต่อไป




Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2559 12:17:51 น.
Counter : 545 Pageviews.

1 comments
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:16:32:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2273544
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



เชิญติดตามผลงานของบล็อกได้ครับ

.........................



แคนโต้:เรื่องราวในช่องว่าง
แจกฟรี
โดย...กลิ้งโคลงแก้มขาว

ช่องว่าง คือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในทุกที่หน
บางครั้งช่องว่างก็นำพา
เอาความหมองหม่นมาให้
แต่บางคราวช่องว่างก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ
ที่ช่วยผลักดันให้หัวใจเติบโต

.........................

***หมายเหตุตัวโตโต***

ขอความกรุณาอย่าลอกหรือนำผลงานใดๆ
ในบล็อกนี้ไปดัดแปลงเลยนะครับ
สงสารนักเขียนตาดำๆ นะค้าบบบ

^o^
กลิ้งโคลงแก้มขาว