|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
O ชั่วฟ้าดินดับ .. 1 O
อารัมภบท ..
ร่าย O ศรีอยุธยาไพจิตร - - - ราวนิมิตแดนสรวง ตอบคำบวงบรรหาร - - - เอี่ยมโอฬารรูปลักษณ์ ลงจำหลักปฐพินทร์ - - - รองรับยินดีโลก เกียรติบ่ายโบกกำจาย - - - พ้องบรรยายเรื่องราว ภาพปรางค์วาววับแสง - - - ช่อฟ้าแซงเสียดยอด เจดีย์ทอดเงาอ้อน - - - แดดรุ่มร้อนยามสาย พฤกษ์ปลิวปลายยอดรับ - - - แสงจู่จับลมล้อม ใบลู่น้อมแนวระเนน - - - ต้นอ่อนเอนแอบใบ เวียงวังในเบื้องหน้า - - - กองแกล้วกล้าเรียงตอน พร้อมราญรอนไพรินทร์ - - - ป้องธาณินทร์สินธู ร่วมบำรูชาติให้ - - - ปลอดเศิกเสี้ยนเหนือใต้ ปลดไข้ขุกเข็ญ - - สิ้นนา
แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ หรือ เจ้าสามพระยา .. พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๗ แห่งกรุงศรีอยุธยา ราชวงศ์สุพรรณภูมิ พศ.๑๙๗๕
๔ O แสะ,สาร,แกล้ว,เคลื่อนคล้อย - - - คลาขบวน ธง,หมวก,ดาบ,ขอ,ทวน - - - ทั่ว-พร้อม แผ่วหอมกรุ่นมาลย์หวน - - - ลมหอบ หาเนอ คล้ายร่วมบำเรอ, น้อม - - - นบก้านชุลีกรรม ฯ
O เหือดฝนเห็นฝุ่นฟุ้ง - - - ฝากยาม เริ่มเศิกเสี้ยนคุกคาม - - - ขอบแคว้น กัมพุชกำแหง, ลาม - - - ปามลอบ ปล้นนา ใจที่ขุ่นที่แค้น - - - ย่อมแค้นจนขม ฯ
O ผืนธงพลิกพลิ้วรูป- - - ระบัดลม พร้อมหมู่ชายปรารมภ์ - - - รบป้อง- เขต, เอา-เลือด,ร่าง ถม - - - ลงทับ ถิ่นนา ยอเกียรติยศให้ก้อง - - - เกริกหล้าแหล่งสถาน ฯ
O แดดสายทอส่องต้อง - - - ตอน-พล เมื่อฝุ่นลอยวกวน - - - แวดล้อม- ขอ,ง้าว,ดาบ,จิตจะรณ - - - รบศึก ทั่วทัพทั้งทัพพร้อม - - - พรั่งพร้อมเข้าผลาญ ฯ
O นาเนกสุโนกร้อง - - - รัวเกรง หรุบปีกหลีกกุมเหง - - - หว่างไม้ คน,สัตว์-ข่มวังเวง - - - วอดบท เหลือบทขุ่นข้องไว้ - - - บดขยี้ตีขอม ฯ
O พรากเมือง, เพียงแมกไม้ - - - มองชม เสียงเอ่ยอ้อน, เพียงลม - - - ลูบไล้ แก้มเนียนอิ่ม, เพียงฉม - - - ชื่นกลิ่น มาลย์นา กุมกอปรคำนึงไว้ - - - หว่างร้อนการณรงค์ ฯ
O ใจนั้นย่อมห่วงละห้อย - - - คอยหา ทุกเหม่อลอย, แววตา - - - ย่อมแต้ม- ติด-ด้วยรูปปรารถนา - - - เนื้อนิ่ม แม่แม่ จำหลักล้วนกลิ่นแก้ม - - - กรุ่นไว้เวียนถวิล ฯ
O แผ่วพลิ้วลมลูบไม้ - - - มวลผกา นึก-ออดอ้อนเพรียกนา - - - สิกชู้ เนียนแก้ม, ช่อเกสรา - - - อวลกลิ่น จนจบลงรับรู้ - - - รสแล้ว, จะแล้วหรือ ฯ
O ป่านนี้คงโอดอื้น - - - อาดูร กรอมโศกกำสรดพูน - - - เพียบหน้า หาก-เพื่อชาติไพบูลย์ - - - บทเลื่อง ลือเนอ จำ-ขับข่มชั่วช้า - - - ไป่ช้าคืนหวน ฯ
O ช้าง, ม้า, คน-เคลื่อนคล้อย - - - ใจครวญ มาทัพ, พรากเรือน, นวล - - - ห่างห้อง ถ้วนเหตุที่พาหวน - - - มาห่าง ทวน, ดาบ, ใจขุ่นข้อง - - - จักสะบั้นบั่นคอ ฯ
O ดาบต้องแดดวาบล้อ - - - อารมณ์ เนื้อ, เลือด, ชีพ-รอถม - - - ถิ่นให้- รับรู้-โทษทัณฑ์, คม - - - ดาบขุ่น ข้องเวย บ่มทุกข์เข็ญขื่นไข้ - - - บีบเค้นขอมเขมร ฯ
O เคลื่อนทัพมาป้องศักดิ์ - - - ศรีอโย ธยาเฮย ล้อมกักให้เสื่อมโม - - - หะจิตสิ้น ย่ำเหยียบเกียรติภิญโญ - - - ให้ย่อย ยับแล เพรียก-เร่าร้อนเดือดดิ้น, - - - พลุ่งย้อมดาบสยาม ฯ
O ปราสาทสูงเสียดฟ้า - - - ฝ่าสรวง หิน-แกะรูปบำบวง - - - ทิพทั้ง- หกฟ้า, กล่อมเกลาดวง - - - จิตศรัท ธาเนอ จำหลักไว้เหนี่ยวรั้ง - - - จิตรู้วิทูวิถี ฯ
O รูปหินแกะก่ายก้อน - - - เรียงกัน โถง, แท่น, เทพ, รำพัน - - - พร่ำพร้อง อัปสรร่ายรำ, บรร - - - โลมต่อ ทิพเนอ ยามแว่วเสียงทัพร้อง - - - เร่งล้อมทำลาย ฯ
O แสะ, สาร, แกล้ว-เคลื่อนเข้า - - - คุกคาม อำนาจแสนยาสยาม - - - บดขยี้ โดยอธิราช, เจ้าสาม - - - พระยา-ยก มาเนอ ย่ำเหยียบขอมป่นปี้ - - - ศักดิ์สิ้นเสรีสลาย ฯ
O คมดาบวาบผ่านแล้ว - - - เลือดริน คมแทรกเนื้อ, ทรพินทร์ - - - ร่วงพื้น ดาบเดียว, วูบเดียว-ภิน - - - ทนะกิจ แล้วแล เลือดอุ่น, เสียงโอดอื้น - - - อาจรู้สิ้นหรือ ฯ
O คมดาบวาบผ่านแล้ว - - - บรรลัย คมเสียด-เนื้อ, กระดูก, ขัย - - - ฆาตสิ้น ดาบเดียว, เดือดเดียว, ภัย - - - พังพาบ ใช้ดาบพูดแทนลิ้น - - - ย่อมแล้วโดยเร็ว ฯ
O ขุนขอมเคยห่ามเหี้ยม - - - สิ้นหาญ ศักดิ์ชาติเอี่ยมโอฬาร - - - ล่มแล้ว เพียงเศษซากวิญญาณ - - - ย่างย่ำ โซ่, ขื่อคา-ฤๅแคล้ว - - - ครอบค้ำคอขอม ฯ
O เชลยศึกถูกกวาดต้อน - - - ตามวิถี ศึกนา อำมาตย์, ขุนนาง, มณี - - - ปลั่งน้ำ อัปสร, ระบอบพิธี - - - บวงเทพ รวบ, ริบ -เว้นชอกช้ำ - - - ชดใช้อหังการ ฯ
O ยาวเหยียดแถวผู้พ่าย - - - ผลรบ ยกย่างก้าวอย่างสงบ - - - เงียบแท้ อับอาย, อดสู, ครบ - - - ครันอยู่ ศักดิ์และสิทธิ์ผู้แพ้ - - - พ่ายนั้นพร้อมไฉน ฯ
๒ O จนทัพศึกย่ำก้าว - - - ถึงอกเมือง, รูปอะคร้าว- อยู่เฝ้าจึ่งเห็น
O จนดวงเนตรเหลือบชม้อย - - - ชม้ายสบ, ความละห้อย จึ่งแห้งเหือดหาย
O จนอ้อมแขนโอบไว้ - - - อกอุ่นแนบชิดใกล้ สร่างสิ้นฤๅเขษม
O จบจูบแก้มนิ่มเนื้อ - - - อย่างแผ่วเบา, รูปอะเคื้อ สั่นสะเทิ้นสุดถอน
O จบจูบ, ตาซ่อนยิ้ม - - - ถูกจบจูบ, ตาพริ้ม- หลบ-สะท้อนสะท้านเขิน
O หน้าแนบอกกระซิบอ้อน - - - งามยิ่ง-ยามเหลือบค้อน ฝ่าร้อนปรารถนา
O เอวคอดกิ่วรูปแก้ว - - - ถูกโอบรั้งเหนี่ยวแล้ว จักแคล้วคลาดหรือ
O หอมกรุ่นผิวผ่าวเนื้อ - - - เพรียกเร่าร้อนโชนเชื้อ อุ่นเอื้ออาวรณ์
O กลางจันทร์รูปต่ายแต้ม - - - กลางอกอวลกลิ่นแก้ม ยั่วแย้มรมยา
O โอบนั้น-คือโอบเนื้อ - - - เพรียกอุ่นให้อุ่น-เชื้อ- ช่วงร้อนระเร้าระรุม
O แผ่ว-ออดอ้อน,โอดอื้น - - - ผิว-ผุดผ่องพลิ้วพื้น ผ่าวน้อมตฤษณา
O แว่ว-กระซิกระส่ำสร้อย - - - แว่ว-ออดอ้อนอ่อนน้อย ข่มละห้อยฤๅหาย
O แว่ว-นกค่ำหวีดก้อง - - - พร้อม-อีกเสียงหวีดร้อง กลบสิ้นสรรพเสียง
๔ O แขนเนียนคล้องเหนี่ยวรั้ง - - - ร่ำรอ- โน้มจบเนื้อนวลลออ - - - อุ่นให้- เสียงครวญสั่นเครือ, คลอ - - - เคล้าโสต พี่แม่ กอด, กล่อม, อยู่ชิดใกล้ - - - กล่าวล้วนคำประโลม ฯ
O เหนี่ยวโลกทั้งโลก-ห้อม - - - แหนขวัญ กับออดอ้อนจำนรรจ์ - - - นั่น-นี้ แววตาอิดโรย, พลัน - - - เขินหลบ เมื่อรูปการณ์ก่อนกี้ - - - กลับย้อนกระหึ่มกระเหิม ฯ
O อบอวลคำเอ่ยอ้อน - - - ออดแสดง แผ่วกระซิบความแฝง - - - ฝากชู้ เยี่ยงหวานสุมาลย์แจรง - - - จรดหยาด ผึ้ง, ภู่, คน แต่รู้ - - - หลั่งน้ำใจสนอง ฯ
O ปีกบางหรุบปีกล้อม - - - ละอองมาลย์ ตฤปรสเรณูหวาน - - - หว่างไม้ อกอุ่น-อุ่นเนื้อคราญ - - - ครวญ-กล่อม แตะรูปตฤปรสให้ - - - แต่ละห้อยระโหยหา ฯ
O หอมกรุ่นกลีบดอกเชื้อ - - - เชิญภมร แต่เมื่อเสียงเว้าวอน - - - แว่ว-กระชั้น แยกฤา-สุมาลย์, สมร - - - หอม-อุ่น เสียง, อุ่น, หอม-ยามนั้น - - - ประณีตล้ำคำแถลง ฯ
O แล้วเล่าหลังตฤปรู้- - - รสสุคนธ์ เบิกบทความอลวน - - - ว่อนล้อม แล้วเล่าจากอนุสน- - - - ธิรูป เพรียกจิตวิญญาณพร้อม - - - ปลีกพ้นนิพพิทา ฯ
O แอบ-อุ่นนวลอ่อนน้อย - - - นงพะงา พิมพ์รูปรสตฤษณา - - - เหนี่ยวรั้ง- ให้โลกล่มลับคา - - - เสียงคร่ำ ครวญเนอ อย่างแผ่วเบาซ้ำครั้ง - - - คร่ำละห้อยคอยหวน ฯ
O หอมเอยกลางแห่งห้วง - - - เสน่หา กลบรูปรสกุสุมา - - - มอดเชื้อ อวลกลิ่นกล่อมถึงนา- - - - สิก-รูป ให้รับรอง, โอบเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลนิรันดร์
พระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ พศ. ๒๐๐๐
O ปลดขื่อคา, ถ่ายทิ้ง - - - ทรมาน สืบเผ่าพงศ์, บริบาล - - - บทไว้- สร้าง-เกณฑ์กรอบ, พิธีการ - - - ใช้ปก ครองเนอ สืบลูกสืบหลานให้ - - - ห่วงด้าวแดนสยาม ฯ
O แรกรุ่งสุริยะเรื้อง - - - โรยทาง ขับมืดหม่นสลัวลาง - - - เลื่อนพ้น รูปหนึ่งหยัดสรรพางค์ - - - พร้อมหมู่ บ่าวเนอ รอบาตร, จิตท่วมท้น - - - ศรัทธะ, ถ้อย, อธิษฐาน ฯ
O งามพร้อม-รูปพักตร์ล้ำ - - - เลอสมร ลอบเหลือบเนตร, ดั่งวอน - - - เลศไว้ อิริยาทุกช่วงตอน - - - เตรียบรูป รอเนอ รอ-ตอกตรึงจิตให้ - - - แต่ละห้อยถวิลเห็น ฯ
O แถวพระยกย่างก้าว - - - ยอกรรม- ขึ้น-เทียบ, ทาน-สภาพธรรม - - - เท็จ-แท้ อุ้มบาตรห่มบุญ, กำ- - - - จัดโลก ย่ำโลกเหยียบโลก, แก้ - - - บ่วงรั้ง-ปลาตรอย ฯ
O โอภาสธรรมพระล้าง - - - หม่นหลัว แต่เมื่องามเตรียบตัว - - - ต่อหน้า คำข้าว, คำพระ, หัว- - - - ใจหนึ่ง หอม, แว่ว, ล่มเหว่ว้า - - - วาบสิ้นวายสูญ ฯ
O ผ้าแดงเข้มห่มเนื้อ - - - นวลอนงค์ ไหล่พาดสไบขาวลง - - - ลูกไม้ ผมยาวรวบเป็นทรง - - - เกล้าเสียบ ปิ่นแล เลือดฝาดลูบแก้มไว้ - - - ระหว่างเช้าเบิกโฉม ฯ
O หอม-ข้าวหอม, ดอกไม้, - - - ดวงมณี- แสงอ่อน, แถวพระลี- - - - ลาศ-คล้อย, กรผุดผ่อง, ทัพพี - - - ผจงจับ กอปร-ภาพงามแช่มช้อย - - - อยู่เชื้อเชิญประชัน ฯ
O บุตรีอำมาตย์เชื้อ - - - ชาติขอม หลังพ่ายศึกจำยอม - - - ถูกต้อน- สู่แดนต่างด้าว, ประนอม - - - ปวงขนบ ถวายแล เผยรูป-เพรียกรุมร้อน - - - รบเร้าแรงถวิล ฯ
O คำข้าว-เจ้าคดน้อม - - - นำลง- สู่บาตร, เกื้อกูลสงฆ์ - - - สืบไว้ เตยหอมอีกช่อ-บง- - - - กชมอบ ท่านนา มือจบ, คอค้อมไหว้ - - - สืบสร้างทางกุศล ฯ
O คำข้าว-เจ้าคดน้อม - - - นำถวาย พร้อมเพ่งจิตรำบาย - - - บอกเนื้อ- ความ-ทุกข์โศกพึงวาย - - - วอดบท เพรียกสุขศานติ์ผ่านเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลถนอม ฯ
O ห่มเหลือง, มืออุ้มบาตร - - - ยอบุญ- ลงเทียบมือเรียวละมุน - - - ละเมียดแก้ว เมตตาจิตยามอรุณ - - - รับ-ส่ง ตาสบ, พักตร์ผ่องแผ้ว - - - พร่างแพร้วพรายตา ฯ
O ลาทัพออกบวชให้ - - - บุพกา รีเนอ เทียบเที่ยวทางปฏิปทา - - - ถูก-แท้ ย่ำเหยียบแต่มรคา - - - ควร, ชอบ ทุกบ่วงรัด-แกะแก้ - - - กร่อนสิ้นปลาตสูญ ฯ
O ฤๅ-พรหมพาผ่านพ้อง - - - พบกัน จูงจับภพพรหมจรรย์ - - - จบหน้า- รูปเพ็ญลักษณานัน- - - - ทิต่อ ตาแล เช้าที่เคยผ่านช้า - - - กลับช้ากว่าเคย ฯ
O รูปพรหมจรรย์เพ่งนิ้ว - - - เรียวนวล เมื่อรูปงามประหนึ่งชวน - - - ชิดใกล้ หอมเอยกลิ่นข้าวอวล - - - อบอยู่ หอมเยี่ยงนี้มีได้ - - - แต่ด้วยเสน่หา ฯ
O เส้นทางเบื้องหน้าทอด - - - ยาวไกล ลมหวีดแว่ว, ไม้ใบ - - - ระบัดเต้น แดดพร่าง, พักตร์อำไพ - - - เผยทาบ ตาแล แทรกรูปรอยแฝงเร้น - - - รุกเร้าอารมณ์ ฯ
O เที่ยวทางเบื้องหน้า, ร่ม - - - ใบบัง เมื่อเที่ยวทางเบื้องหลัง - - - ลับแล้ว รูปหนึ่งค่อยแทรกฝัง - - - ฝ่ายจิต แลจิตนั้นฤๅแคล้ว - - - คลาดละห้อยถวิลเห็น ฯ
O ตาชาย, รูปชดช้อย - - - ชำเลือง ลมร่ำ, แดดแรกเรือง - - - เรื่อฟ้า รูปงาม, รูปห่มเหลือง - - - ลอบสบ ตาเนอ โลกจากนั้น - เพียงหน้า - - - อ่อนน้อย-คอยคะนึง ฯ
O แสงแรก, อกรุ่มร้อน - - - เรื่อ, รอ เนตรเหลือบ, จิตผู้ขอ - - - ข่ม, กลั้น นิ้วหยิบจับ, นวลลออ - - - เนียนต่อ ตานา ข้าว, ดอกไม้ช่อนั้น - - - นบ, น้อม-ประนอมคะนึง ฯ
O เห็นเพียงปลายนิ้วหยิบ - - - จับวาง ก่อนกลิ่นหอมเจือจาง - - - จู่ล้อม สายลมรื่น, หทยางค์ - - - โยกแกว่ง มือจบ, หน้าก้มน้อม - - - นิ่ง-เชื้อเชิญชม ฯ
O หลังรูปงามลับหน้า, - - - คำนึง- ก็แทรกจิตติดตรึง - - - แต่นั้น แทนรำงับ, ถวิลถึง - - - โถมบท ค่อยคุกคามบีบคั้น - - - ข่มล้างฤๅสลาย ฯ
O บุตรีอำมาตย์เชื้อ - - - ชาติขอม เผยรูปเพรียกตาประนอม - - - นิ่ง-ช้า ข้าว, ใจ, ช่อมาลย์-หอม - - - ถ้วนสิ่ง หอมแต่เช้าเชิญหน้า - - - แม่นั้นประสานนัยน์ ฯ
๒ O จวบรอบเดือนเคลื่อนคล้อย - - - ตาปลาบปลั่งยังชม้อย- ลอบชม้ายไป่วาง
O กลางโบสถ์, หน้าพระแผ้ว - - - ลาเพศพระ, อกแกล้ว- ยากแคล้วคลาดถวิล
O ธานินทร์ถ้วนถิ่นแคว้น - - - งามอาจเทียบเปรียบแม้น- แม่นั้นฤๅมี
O แรกรุจี, บาตรใส่ข้าว - - - แถวพระเรียงแถวก้าว รูปอะคร้าวจึ่งเห็น
O เพ็ญอำไพพักตร์ล้ำ - - - แววเนตรปลาบปลั่งน้ำ เหลือบชม้อยคอยหา
O แววตาชายชาติผู้ - - - เพ่งพิศงาม, รับรู้- เลศชู้หยอกเอิน
O ขัดเขินกลางตรู่เช้า - - - ดูเถิดยืนหยัดเฝ้า- ฝากซึ้งตรึงทรวง
O จบคำบวงนิ่งน้อม - - - ภาพแช่มช้อยลามล้อม ป่ายย้อมรมยา
O ตาสบ, ตาหลบพริ้ม - - - หลังสบแววซ่อนยิ้ม อกสะท้านสั่นรัว
O เผยตัว-ชายชาติแกล้ว - - - เผยร่างต่อหน้าแก้ว จักแล้วเลือนไฉน
O ใจวาบ, เลือดซ่านแก้ม - - - เรื่อก่ำ, ด้วยยิ้มแต้ม- ติดเนื้อใจอนงค์
O รูปองค์-ค่อยเคลื่อนพ้น - - - ความรับรู้-หวานล้น ท่วมท้นดวงหทัย
พศ. ๒๐๐๔
๔ O หลัง-ติโลกราชเจ้า - - - จอมคน ยกทัพแสนยาพล - - - แผ่ล้อม เพื่อศักดิ์เพื่อศรี-ชน - - - ชาวอยุท ธยาเฮย จิต, ดาบ, หอกจึ่งพร้อม - - - ปกป้องแดนสยาม ฯ
O ครั้งนั้น-คือพ่อผู้ - - - ผลาญขอม คมดาบกำราบ-ยอม - - - สยบสิ้น ครั้งนี้-ลูกชายออม - - - ใจอด กลั้นฤๅ เนื้อ, เลือด, ชีพดับดิ้น - - - ดาบนี้รอสนอง ฯ
O ลูกชายคุณพระผู้ - - - เพลงดาบ- รอวาดคมวกวาบ - - - แหวกเนื้อ ในสำนึกเพียงภาพ - - - โผเข่น อรินทร์เนอ พร้อมภาพงามโอบเอื้อ - - - อกไว้ประคองหวัง ฯ
O ดวงตาคมปลาบคล้าย - - - รอคอย- เผยภาพ, ผุดภาพ-ทะยอย - - - ยั่วเย้า เหลียว, หัน, เหลือบ, ปริบปรอย - - - ปรุงตอบ โลกเนอ โลกที่ทุกค่ำเช้า - - - ชื่นล้ำคำประโลม ฯ
O ดวงตาคมปลาบคล้าย - - - คอยพราง- ซ่อนข่มอาวรณ์, ขนาง - - - หน่วงไว้ สายใย, เยื่อใย-กลาง - - - กลองศึก รับ, ส่ง-ผ่านลมไล้ - - - ลูบเนื้อนวลถนอม ฯ
O พร้อม-ภาพชายชาติผู้ - - - พร้อมรบ คือ-ภาพงามในขนบ - - - นิ่งน้อม แสงทอด, ดาบ-กรรทบ - - - สะท้อนวาบ วามแล รำลึกคุณพระ-พร้อม - - - พากย์เนื้อความเสนอ ฯ
O พร้อม-ภาพชายชาติผู้ - - - พร้อมรบ คือ-ภาพแววตาสบ - - - เลศซึ้ง เอ็นดู, อ่อนโยน-ครบ - - - ครันบ่ง บอกนา หวิววาบถึงก้นบึ้ง - - - จิตแล้ว-ฤๅเลือน ฯ
O คำบวงในจิตน้อม - - - นอบลง- ต่อพักตร์รูปพุทธองค์ - - - เอ่ยถ้อย จวบชีพดับ-จักคง - - - คอยอยู่- สองภพชาติพึงร้อย - - - ร่วมเนื้อนาบุญ ฯ
รอยอดีต .. สี่สนมเอก .. แห่งสุพรรณภูมิ พศ. ๑๘๙๓
ร่าย O แต่ทวาราวดี - - - หลากหลายชีวาตม์ผอง เข้าจับจองแผ่นดิน - - - ทั้งแหล่งสินธูผืน ค่อยหยัดยืนรวมเหล่า - - - เป็นพวกเผ่าเสรี สร้างธานีขอบเขต - - - รวบรวมเจตจำนง เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ - - - ต่างราชันย์ต่างเมือง คอยบรรเทืองขุกเข็ญ - - - ให้ร่มเย็นมีสุข ในถ้วนทุกถิ่นแดน - - - ร่วมตอบแทนความชอบ สร้างเกณฑ์กรอบร่วมกัน - - - แต่ละขันธสีมา ตราบจนกาละผ่าน - - - เริ่มเชื่อมว่านวงศ์ถึง ไมตรีตรึงติดนำ - - - สร้างสัมพันธภาพสู่ ระหว่างหมู่ต่างเมือง - - - ร่วมบรรเทืองยศศักดิ์ ร่วมใจรักสมัครสมาน - - - ร่วมสืบสานอำนาจ รวมศูนย์อาชญาภาพ - - - ณ ที่ราบลุ่มเจ้า- พระยาเข้าเป็นหนึ่ง - - - สองกลุ่มซึ่งร่วมกัน คือสุพรรณภูมิปุระ - - - และจากละโว้บุรี สานไมตรีเครือญาติ - - - รวมอำนาจจุนเจือ จากด้านเหนือลงมา - - - ร่วมตั้งธานีใหม่ ร่วมเป็นใหญ่ในที่ - - - น้ำไหลรี่บรรจบ แยกผืนภพเป็นเกาะ - - - เจ้าพระยาเลาะโลมฝั่ง ป่าสักหลั่งบรรจบ - - - ตอนเหนือลพบุรีล้อม เป็นเกราะห้อมแผ่นดิน - - - ป้องอรินทร์พวกพาล ร่วมสืบสานธรรมพุทธ - - - กรุงศรีอยุธยานาม เพรียกตามชื่อเมืองเดิม - - - จึงต่อเติมสร้างวัง ทำเลหลังวัดพระราม - - - นิเวศม์คามกอปรสุข ปวงผองทุกข์หลีกลี้ - - - พระย่อมคอยช่วยชี้ นั่นนี้ถ้อยแถลง - - - คดีนา
๔ O เบิกเบื้องอตีตะพู้น - - - ปฐพี แต่ละโว้สุพรรณบุรี - - - ร่วมด้าว แผ่นดินถิ่นฐานมี - - - มาก่อน ยกอู่ทองท่านท้าว - - - ที่ไท้ในสถาน ฯ
O รับรองสถานภาพด้วย - - - ดุษฎี เงื่อนเหตุจากบารมี - - - มากล้น สถาปนาราชธานี - - - เหนือถิ่น เดิมแฮ ด้วยทำเลเหมาะพ้น - - - แผ่นพื้นไผทไหน ฯ
O สืบแต่เมืองละโว้ฟาก - - - ฝั่งขวา- แห่งน่านน้ำเจ้าพระยา - - - รากเหง้า สุพรรณภูมิฝั่งซ้ายมา - - - ร่วมร่ม ฉัตรเนอ ร่วมสุขอยู่ค่ำเช้า - - - ทุกเชื้อชาติชน ฯ
O นครสวรรค์เหนือสุดด้าว - - - แดนอยุทธ เมืองเพชรบุรีซ้ายสุด - - - จัดตั้ง ขวาจดน่านน้ำสมุทร - - - ชลบุ รีเฮย คือขอบขันธสีมาครั้ง - - - แรกพร้องเพรียกสยาม ฯ
O เวียงวังตระหง่านเงื้อม - - - เงาแสง ป้อมค่ายคูกำแพง - - - รอบล้อม บัลลังก์ร่มฉัตรแปลง - - - เปลี่ยนอาชญ ภาพนา เกริกพระเกียรติยศพร้อม - - - เพียบพื้นปฐพินทร์ ฯ
O ทำเลอยู่ด่านหน้า - - - เมืองเหนือ ปากแพร่งทางเดินเรือ - - - แวะ-ค้า แลกเปลี่ยนร่วมจุนเจือ - - - ด้วยต่าง แดนแล พูนเพิ่มอย่างช้าช้า - - - แต่ล้วนทรัพย์สิน ฯ
O โอรสแห่งท่านท้าว - - - อู่ทอง คือพระราเมศวร์รอง - - - ฉัตรแก้ว สายวงศ์ละโว้ครอง - - - เมืองลพ บุรีนา เป็นหน่อพุทธเจ้าแล้ว - - - อยู่ล้อมบัลลังก์ ฯ
O จึงยามสิ้นท่านท้าว, - - - โอรส- เถลิงเกียรติถวัลย์ยศ - - - เยี่ยงเจ้า จึงหลวงพะงั่วปรากฎ - - - พร้อมอาชญ ภาพแล พันหมื่นแกล้วเหยียบเข้า - - - อกด้าวแดนสยาม ฯ
O ครั้งขุนหลวงพะงั่วผู้ - - - ปิตุลา เต็มเปี่ยมด้วยเดชา - - - ชื่อชั้น ไม่น้อมรับศักดินา - - - หลานแต่ แรกเนอ ประสบการณ์บารมีนั้น - - - ต่างชั้นเชิงกระบวน ฯ
O เมื่ออู่ทองท่านท้าวสู่ - - - สวรรค์บน ควรแต่ผู้ชาญกล - - - ศึกแกล้ว ขึ้นครองร่มฉัตรปรน - - - เปรอยศ ศักดิ์แล หลานรวบรวมคนแล้ว - - - กลับละโว้เถิดหรือ ฯ
O สุพรรณภูมิเพียบพร้อม - - - พลังพล ด้วยจิตมาเพื่อจะรณ - - - รบแล้ว ยอมรับท่านท้าวบน - - - บารมีส่วน ตัวแล ราเมศวร์-ยอม-คุมแกล้ว - - - กลับละโว้ถิ่นฐาน ฯ
O ยินยอมด้วยสุดต้าน - - - ต่อตี ร่มฉัตรบัลลังก์มี - - - มอบให้ แล้วคุมพยุหะโยธี - - - ยกกลับ ละโว้นา จำพรากอยุธยาไว้ - - - เพื่อย้อนมาเยือน ฯ
O ภูมิภาคสมภพพร้อม - - - ไพบูลย์ โดยเดชขัตติยาดูร - - - ดับร้อน โอกาสอาชญภาพพูน - - - เพียบอยู่ กิตติศักดิ์เสพซ้ำซ้อน - - - ส่งให้หวงแหน ฯ
O ครั้นขุนหลวงพะงั่วไท้ - - - สู่สถาน ทิพแฮ สมเด็จทองลันกุมาร - - - หน่อเชื้อ ครองร่มฉัตรชั้นตระการ - - - กอปรกิต ติยศแล ราเมศวร์เห็นการณ์เอื้อ - - - ออกหน้ามาเสนอ ฯ
O ทัพแกล้วจากละโว้เหยียบ - - - อยุธยา ขัตติยะเยาวชันษา - - - สุดสู้ ชีวาตม์บัดพลีอา- - - - รมณ์เดียด ฉันท์เนอ อำนาจอาชญภาพกู้ - - - กลับละโว้ฝั่งขวา ฯ
O เจ้าทองลันจับได้ - - - โดยพลัน ด้วยศักดิ์แห่งราชันย์ - - - ชาติเชื้อ โลหิตเมื่อต้องทัณฑ์ - - - ห้ามรด ดินนา คุมชีพชนม์หน่อเนื้อ - - - นั่งหน้าหลักประหาร ฯ
O ท่อนจันทน์ขาวขนาดไม้ - - - เหมาะกำ มือนา ผ้าปิดคลุมเศียรนำ - - - ครอบไว้ เพชรฆาตเคร่งครัดบำ - - - บวงเทพ ท่านนา ขออโหสิกรรมไท้ - - - ที่ต้องกระทำการณ์ ฯ
O เสร็จพิธีฤกษ์พร้อม - - - ท่อนจันทน์- ตวัดหวดกระเดือกพลัน - - - ชีพม้วย จึงเศียรยุวราชันย์ - - - อ่อนพับ แล้วแฮ ร่มฉัตรบัลลังก์ด้วย - - - อาจหิ้วหอบหรือ ฯ
O สืบวงศ์ละโว้ที่ - - - อยุธยา แลเนอ สมเสพด้วยศักดินา - - - อยู่พร้อม อำนาจขอบขันธสีมา - - - มอบสู่ หัตถ์เฮย กอดเกี่ยวความนอบน้อม - - - แนบข้างเสนอสนอง ฯ
พศ. ๑๙๒๗
O ทัพแกล้วกรุงอยุทธขึ้น - - - ล้านนา ครันครบพยุหะศาตรา - - - เร่งล้อม เชียงใหม่สุดต้านหา- - - - ยนะสู่ เมืองแล แพ้พ่ายเศียรจำค้อม - - - คลั่งแค้นอดสู ฯ
O ราษฎรจึงกวาดต้อน - - - ลงมา เมื่อทัพหลวงยาตรา - - - หมู่แกล้ว ผ่านพิษณุโลกจึ่งรา- - - - ชันย์แวะ ประทับเนอ สมโภชน์พระชินราชแล้ว - - - กลับย้อนอโยธยา ฯ
O ส่งราษฎรไปไว้ที่ - - - เมืองจันทร์- ทั้งพัทลุง, นครศรีธรร- - - - มราช, พร้อม สงขลาแต่เบื้องบรร- - - - พกาลยุค นั้นนา ชาว"ละคร"จำน้อม - - - นอบด้วยดุษณี ฯ
O เมื่อสิ้นพระราเมศวร์ไท้ - - - ในยาม นั้นนา โอรสท่าน-พระยาราม - - - รับซ้อง- สู่ร่มฉัตร, ครองคาม- - - - แคว้นถิ่น ต่อนา วงศ์ละโว้อโยธยาพร้อง - - - เพรียกข้างฝ่ายขอม ฯ
O สันตติวงศ์สืบเชื้อ - - - ราชันย์ ไร้กฎเกณฑ์ระบุบัน- - - - ทึกไว้ เพียงแค่ครอบครองบัล- - - - ลังก์อยุทธ แลเนอ เขตสุพรรณบุรีไซร้ - - - สุดเอื้อมข่มเหง ฯ
O สุพรรณภูมิมิตรแท้ - - - สุโขทัย สอดแทรกกิจภายใน - - - ฝ่ายนี้ สัมพันธภาพเมืองไกล - - - ควรกล่าว เป็นคู่คิดช่วยชี้ - - - แนะให้ความเห็น ฯ
O สืบสัมพันธภาพไว้ - - - ผ่านเครือ ญาติเนอ คานอำนาจอยุธยา, เหลือ - - - เขตใต้ อำนาจส่วนสยาม-เหนือ - - - รวมแน่น แฟ้นนา การทัพการศึกไซร้ - - - ร่วมไม้ร่วมมือ ฯ
พศ. ๑๙๕๒
O เมื่อยามขัตติยะไท้ - - - ถึงที พิโรธนา กุมกักเจ้าเสนาบดี - - - เร่งล้อม ครั้งนั้นท่านเจ้าหนี - - - รอดหลุด ได้แล สู่ปท่าคูจามน้อม - - - นอบด้วยสุพรรณภูมิ ฯ
O เสนาบดีกิตติยศล้ำ - - - เลอนาม จากแวดวงศ์เจ้าสยาม - - - รากเหง้า ถูกหลู่เกียรติคุกคาม - - - เกินข่ม เก็บแล เชิญทัพพระอินทราชเจ้า - - - ย่ำก้าวเหยียบเมือง ฯ
O สมเด็จพระอินทราชเจ้า - - - จอมสยาม ยกทัพสุพรรณภูมิลาม - - - รุกล้อม เจ้าเสนาบดีตาม - - - ต่อศึก ด้วยนา ปล้นพระนครได้พร้อม - - - ผ่านให้นั่งเมือง ฯ
O รอนศรี, รอนศักดิ์แล้ว - - - พระยาราม ภูมิภาคปท่าคูจาม - - - มอบไท้ สิ้นวงศ์อู่ทองตาม - - - แต่เหตุ นั้นนา ถึงยุคสุพรรณภูมิให้ - - - ศิระค้อมคอถวาย ฯ
O ยกกาลแต่เบื้องนั้น - - - พรรณนา สองแผ่นผืนรัฐสีมา - - - ร่วมด้าว สยามรัฐ-ละโว้ปรา- - - - กฏหนึ่ง เดียวเวย ขอม-ถดถอยขยับก้าว - - - กลับบ้านเมืองตน ฯ
O รวบสุโขทัยอยู่ใต้ - - - อำนาจ สยามแล ขัตติยะรูปรองบาท - - - ท่านไท้ ร่วมสายเลือดเครือญาติ - - - ด้วยพระ ร่วงเนอ เอื้อสิทธิ์ลูกหลานให้ - - - นั่งบ้านครองเมือง ฯ
O พรหมจรรย์เถรวาทนั้น - - - น้อมนำ ตั้งมั่นให้ชนสัม- - - - ผัส-รู้ คติขอมแห่งละโว้จำ- - - - ต้องเปลี่ยน เสริมจิตไว้กอบกู้ - - - เกลศร้อนกลบเผา ฯ
O ค้าขายสัมพันธภาพด้วย - - - แดนไกล ศิลป์ศาสตร์หัตถกรรมไพ- - - - จิตรล้ำ บ่งบอกสถานภาพใน - - - ถิ่นแว่น แคว้นนา ยอยศอยุธยาล้ำ - - - ยิ่งล้ำคำลือ ฯ
O ค้าจีน, กัมพุช, ทั้ง - - - มะละกา สมสั่งธุรกรรมพา- - - - นิชย์ด้วย อุปโภค, บริโภค, อา- - - - วุธต่าง ตอบเนอ ตอบรับความรู้ฉ้วย - - - ชาติให้วัฒนา ฯ
O บัลลังก์กรุงอยุทธนั้น - - - อุดหนุน- จากสี่วงศาสกุล - - - ร่วมพ้อง พระร่วง, ละโว้จุน- - - - เจือร่วม สุพรรณนา อีกนครศรีธรรมราชซ้อง - - - แซ่ซ้องสรเสริญ ฯ
O สี่สนมเอกท่านตั้ง - - - แต่ยาม นั้นนา "ศรีจุฬาลักษณ์"คือนาม - - - หน่อเนื้อ จากวงศ์สุโขทัยตาม - - - เหตุผูก พันนา แต่เมื่อสุพรรณภูมิเอื้อ - - - อกป้องภัยอรินทร์ ฯ
O "อินทรสุเรนทร์"แต่งตั้ง - - - ตามสาย สกุลเนอ จากฝั่งสุพรรณภูมิราย- - - - รอบไท้ รากฐานเก่าแต่ภาย- - - - ก่อนร่วม แดนนา เสริมส่งสถานภาพให้ - - - เพรียบพร้อมบารมี ฯ
O "ศรีสุดาจันทร์"จากละโว้ - - - อโยธยา วงศ์อู่ทองสืบมา - - - ชีพเชื้อ มั่นคงต่อบรรดา- - - - ศักดิ์เก่า ก่อนเนอ เสาหนึ่งค้ำจุนเอื้อ - - - อาชญ์ให้ชนเห็น ฯ
O "อินทรเทวี"อีกผู้ - - - ทรงสถา นภาพแล สายอโศกศรีธรรมา- - - - ธิราช-ใต้ ดินแดนฟากฝั่งวา- - - - รีระริก ลมเนอ ช่วยราชกิจบ้านเมืองให้ - - - เหือดไข้ห่างเข็ญ ฯ
O นับเขตนับคาบนั้น - - - หนึ่งเดียว ยอมร่วมใจกลมเกลียว - - - ชิดใกล้ เหนือใต้ออกตกเหลียว- - - - แลร่ม ฉัตรนา เพียงร่มเดียวนั่นไว้ - - - ระหว่างด้าวแดนสยาม ฯ
O โอรสคนที่หนึ่งเจ้า- - - - อ้ายพระยา ครองสุพรรณภูมิผา- - - - สุขถ้วน ส่วนเมืองแพรกศรีราชา - - - เจ้ายี่ ครองแล ชัยนาท-สองแควล้วน - - - อยู่ใต้เจ้าสาม ฯ
O ถึงกาลมรณะร้อน - - - รุมชนม์ พระนครินทรราชบน - - - ฉัตรชั้น พระสวรรคตบันดล - - - รณยุทธ แล้วแฮ เจ้ายี่-เจ้าอ้ายนั้น - - - ขาดสะบั้นไมตรี ฯ
O อำนาจอาชญภาพเชื้อ - - - เชิญประชัน สองพี่น้องโรมรัน - - - รบแล้ว ขึ้นช้างขับช้างบรร- - - - ลุเขต อยุธยานา สายเลือดฤๅอาจแคล้ว- - - - คลาดพ้นประหัตประหาร ฯ
O ทัพเจ้าอ้ายตั้งที่ - - - วัดพลับ พลาไชยแฮ เจ้ายี่เคลื่อนตั้งรับ - - - เร่งร้อน ที่ตลาดท่าพรหม, ทัพ - - - หยุดอยู่ สองจิตสองใจสะท้อน - - - สั่นด้วยโมหันต์ ฯ
ศึกสายเลือด พศ. ๑๙๖๗
เจ้าอ้ายกับเจ้ายี่กระทำยุทธหัตถีกันที่สะพานป่าถ่าน
O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองทัพ- บรรจบพลสำหรับ - - - รบแล้ว สองช้างพี่น้องขับ - - - เข้าสู่ ถิ่นแล เมื่อโลกต่ำพร่างแพร้ว - - - ภาสเรื้องเมลืองสถาน ฯ
O สองช้างสองหน่อเชื้อ - - - ราชันย์ ย่ำเหยียบรอยโทษทัณฑ์ - - - เท่าสร้าง มาดหมายนั่งเหนือบัล- - - - ลังก์อยุทธ แลนา โดยศักดิ์โดยสิทธิ์อ้าง - - - เอ่ยด้วยดุษฎี ฯ
O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองทัพ- พร้อมดาบยอแสงวับ - - - บีบคั้น ก่อนง้าวเงือดคมสับ - - - ลงสู่ ศอแล วาบผ่านสองศอนั้น - - - เลือดร้อนอุ่นไหล ฯ
O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองชนม์- ซบร่างไร้เศียรบน - - - คชะ-แกล้ว อำนาจเกียรติยศปรน- - - - เปรอแผ่น ดินเวย สูรย์วับคนวอดแล้ว - - - ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ
O รูปหนึ่งอำนาจน้อม - - - ลงรอ แต่เมื่อสองพี่-ม- - - - รณะพร้อม เอ่ยอ้างวาสนายอ - - - ยกสู่ ฉัตรแฮ อำมาตย์ขุนนางน้อม - - - นอบเกล้า-กรถวาย ฯ
O อนุชาธิราชเจ้า- - - - สามพระยา น้อมหัตถ์รับยศถา - - - แต่งตั้ง- ครองเมืองสืบขัตติยา - - - วงศ์ราช ใครเล่าอาจหยุดยั้ง - - - อาชญ์ไท้ในสถาน ฯ
O อำนาจอาชญภาพพ้น - - - พันไผท กรุงอยุธเกรียงไกร - - - ทัพแกล้ว ยกสู่พระนครใน - - - กัมพุช แดนแฮ เหยียบย่ำขอมสยบแล้ว - - - ศักดิ์ล้วนล่มสลาย ฯ
O แดนขอมแต่คาบนั้น - - - สิ้นนาม แต่ทัพอยุธยาลาม - - - รุกล้อม สิ้นยุคยิ่งใหญ่ตาม - - - แต่เหตุ นั้นนา พระนครเศียรจำค้อม - - - สุดคั้นแรงขืน ฯ
O โอรสหน่อเนื้อ, พระ- - - - ส่งไป- อยู่ร่วมมาตุคามไกล - - - แต่น้อย คือสมเด็จบรมไตร- - - - โลกนารถ สายเลือดสุโขทัย, ร้อย - - - ร่วมเชื้อสุพรรณภูมิ ฯ
O เพื่อศักดิ์และสิทธิ์-เชื้อ - - - ราชันย์ วงศ์พระร่วง, วงศ์สุพรรณ - - - อยู่พร้อม ร่วมเครือญาติสมานฉันท์ - - - สองฝ่าย แผ่อำนาจขึ้นล้อม- - - - รอบล้านนา-เหนือ ฯ
O เติบใหญ่ใกล้ชิดด้วย - - - หมู่ญาติ แม่นา เพื่อรับรองบทบาท - - - หน่อไท้ ขุนนางเหล่าอำมาตย์ - - - เห็นชอบ อยู่เนอ รวบพิษณุโลกเอาไว้ - - - อยู่ใต้แดนสยาม ฯ
O ยุษฐิธีระผู้ - - - สัมพันธ์ เติบใหญ่ขึ้นกลับผัน- - - - พลิกข้าง เข้าด้วยติโลกราช, ฝัน- - - - เป็นใหญ่- เหนือพิษณุโลก, อ้าง- - - - เอ่ยย้ำ-สัญญา ฯ
ภาพสงครามการรบระหว่างราชอาณาจักรอยุธยากับอาณาจักรล้านนาสมัยพระบรมไตรโลกนาถและพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่
ลำดับนี้ต่อไป .. ตามติดโคลงยวนพ่ายเข้าสู่สมรภูมิรบ ..
.. พรหมพิษณุบรเมศรเจ้า - - - จอมเมรุ มาศแฮ ยมเมศมารุตอร - - - อาศนม้า พรุณคณิกุเพนทรา - - - สูรเสพย เรืองรวีวรจ้า - - - แจ่มจันทร ฯ ..
(กล่าวถึงเทพ ๑๑ องค์ได้แก่) พระพรหม พระวิษณุ พระอิศวร พระอินทร์ พระยม พระมารุตผู้ทรงม้าที่มีที่นั่งอันงาม พระพิรุณ พระอัคนี ท้าวกุเวรผู้เป็นจอมอสูร พระอาทิตย์ (ที่มี) แสงสว่างจ้า พระจันทร์ (ที่มีแสง) แจ่มกระจ่าง
.. เอกาทสเทพแส้ง - - - เอาองค์ มาฤๅ เป็นพระศรีสรรเพชญ - - - ที่อ้าง พระเสด็จดำรงรักษ์ - - - ล้ยงโลก ไส้แฮ ทุกเทพทุกท้างไหงว้ - - - ช่วยไชย ฯ ..
เทพทั้ง ๑๑ องค์เสด็จมารวมกันเป็นองค์พระศรีสรรเพชญ์ เพื่อดำรงรักษาโลก โดยเทพทุกหนทุกแห่งช่วยส่งเสริมให้พระองค์ได้ประสบชัยชนะ
(เฉพาะโคลงตัวหนังสือสีเขียวด้านล่าง เป็นการแปลงโคลงดั้นยวนพ่าย เป็นโคลงสี่สุภาพ .. ซึ่งโคลงยวนพ่ายนี้เป็นพระราชนิพนธ์ใน"สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3" พระโอรสพระองค์โตของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถที่ประทับครองกรุงศรีอยุธยาช่วงที่พระบิดาเสด็จขึ้นไปประทับบัญชาการศึกที่พิษณุโลก ..
และเมื่อพระบรมไตรฯ ขึ้นไปประทับที่พิษณุโลกก็มีพระมเหสีอีกองค์หนึ่งจากราชวงศ์สุโขทัย พร้อมกับมีพระโอรสพระนามว่า "สมเด็จพระเชษฐาธิราช หรือต่อมาคือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2" ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของ "สมเด็จพระราชาธิราชที่ 3" เป็นน้องที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโอรสของพี่ชายคือ "สมเด็จพระอาทิตย์วงศ์ หรือ ต่อมาคือ สมเด็จหน่อพุทธางกูร หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4"
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นี้ครองราชย์นาน 38 ปีหลังจากพี่ชายคือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ครองราชย์ต่อจากพระบรมไตร ฯ ได้เพียง 4 ปีก็สวรรคต .. การครองราชย์นานของพระองค์ทำให้ปรากฎชื่อในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนในพระนาม .. "พระพันวษา"
ส่วนสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 นั้นนับเป็นกวีที่มีความรอบรู้ภาษาบาลีสันสกฤตสูงมากผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย .. ซึ่งนักปราชญ์พระองค์นี้คงต้องแตกฉานทั้ง รามายณะ และมหาภารตะยุทธ เป็นอย่างดีจึงสามารถนำมาอุปมาอุปไมยในงานเขียนได้ .. จากบทนี้ ..
๏ จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้ พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ฯ
เมื่อ .. บานทพา คือ ปาณฑพ เคารพ คือ เการพ
สันนิษฐานว่าพระองค์คือเป็นผู้แต่งโคลง .. ทวาทศมาส .. และ .. กำสรวลสุมทร(กำสรวลศรีปราชญ์) .. ด้วย .. มิใช่ 3-4 กวีร่วมกันแต่งในสมัยพระนารายณ์แต่อย่างใด .. )
O พระมาล่มโศกหล้า - - - เหลือสุข มาตรยกไตรภพปลุก - - - ปลอบไห้ พระมากล่อมเกลาทุกข์ - - - ถ้วนสิ่ง ทุกเทศทุกท้าวไท้ - - - นอบน้อมการณ์สนอง ฯ
O พระมายศยิ่งฟ้า - - - ดินชม ชื่นแฮ มาแต่งไตรรัตน์, สม- - - - ภพรู้ พระมาเพื่อปรารมภ์ - - - เพญโพธิ ไส้แฮ ใครแข่งใครข้องสู้ - - - สุดท้ายจักเห็น ฯ
O พระมาคฤโฆษเรื้อง - - - แรงบุญ ท่านนา ถ้วนทั่วรับการุณ - - - กราบเกล้า พระเสด็จแสดงคุณ - - - ครองโลกย ไส้แฮ เอกกษัตริย์ส่องเฝ้า - - - ใฝ่ห้อมถวิลเห็น ฯ
O พระมายศโยคพ้น - - - พรหมา ลือเลื่องยศขัตติยา - - - ปิ่นแก้ว พระมาเทียบเทียมสมา- - - - ธิปราชญ เพรงแฮ มาเทียบมาทบแผ้ว - - - แผ่นพื้นไตรภูมิ
O ศักดานุภาพแกล้ว - - - การรงค รวจแฮ สบศาสตราคม, อง- - - - อาจรู้ สรรเพชญแกว่นการทรง - - - สรรพศาสตร์ สบศึกพระรบสู้ - - - ล่มเสี้ยนสลายสูญ ฯ
O ระบิลระเบียบเบื้อง - - - เบาราณ พระถ่องถ้วนรูปการณ์ - - - ยิ่งผู้ แบบแผนเรื่องกลอนกานท์ - - - โคลงกาพย ก็ดี ทรงแจ่มแจ้งรอบรู้ - - - ถูกต้องระเบียนวรรณ ฯ
O สารสยามภาคยพร้อง - - - รำพัน นี้ฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย เบญญาพิศาลบรร- - - - โลมโลก พระฤๅ คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กลีบสร้อยสุมาลย์สี ฯ
O แว่วเสียงโคลงแซ่ซ้อง - - - สดุดี ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้- เตรียมทัพรับยุทธี - - - ทำศึก ให้เหล่าลาวได้รู้ - - - อาชญ์แกล้วกรุงสยาม ฯ
O บวงพระนิ่งนึกเนื้อ - - - นัยความ เมื่อศึกล่วงมาตุคาม - - - เขตแคว้น พาให้พลัดพรากงาม, - - - ไปห่าง ทุกข์, ลำบากยากแค้น - - - จักเค้น-มอบคืน ฯ
O คำ, ความ-บวงบอกไว้ - - - รองถวิล รอเถิดเมื่อภัยอรินทร์ - - - ราบแล้ว จักย้อนกลับรับยิน- - - - ดีโลก นาแม่ จงทุกข์โศก-อย่าแผ้ว - - - ผ่านกล้ำกรายขวัญ ฯ
O รักพี่โศภิตพ้น - - - อุปมา อันพากย์ปราชญ์เทวดา - - - รับไว้ จักคงคู่กัลปา - - - ยืนโยค แม้นแผ่นดินฟ้าไหม้ - - - ยากสิ้นยากสูญ ฯ
O แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ ตามต่อยไพรีลาญ - - - ร่อนแกล้ว เมื่อลาวเหล่ารำบาญ - - - ใจบาป รบที่น้ำลิบแล้ว - - - ล่มล้างลาวสลาย ฯ
O ปางเค้นผู้ทุรยศเจ้า - - - เจียนตาย เมื่อพลิกเป็นเสี้ยนสาย - - - ศึกแกล้ว ปางเมื่อปิ่นลาวหมาย - - - ไหมโทษ เท็จนา สมคบเชียงชื่นแล้ว - - - แข่งบ้านแข็งเมือง ฯ
O ปางเมื่อเชียงชื่นเศร้า - - - ใจพล พรั่นนา เพราะเลื่องลือพลังรณ - - - ปิ่นเกล้า ปางพระล่อลวงกล - - - เล่ห์ศึก โถมถั่งกำลังเข้า - - - บุกปล้นชิงเสบียง ฯ
O แสะ, สาร, คน, ดาบ-ข้าม - - - สิงขร รุดเร่งใต้ทินกร - - - แผดกล้า คมดาบวับวามตอน - - - แสงเหลื่อม รอวาดใส่ชั่วช้า - - - เชือดเนื้อเถือหนัง ฯ
O ดาบ-วก, ชีวาตม์ม้วย - - - มรณัง แดดแผดเผา, ชีพพัง - - - ร่วงพื้น เท้าย่ำเหยียบ, ความชัง - - - แจ่มชัด ตานา เสียงแผดร้องโอดอื้น - - - อาจรู้สิ้นหรือ ฯ
O ดาบวก, คมวาบ-แล้ว - - - เลือดกระเซ็น คมแทรกเนื้อ, กระดูก, เอ็น - - - แบะอ้า ขอ, ทวน, โทษ, ทุกข์เข็ญ - - - คอยอยู่ คอยชีพแกล้วผู้กล้า - - - กลบพื้นปฐพินทร์ ฯ
O ดาบวาด, ชีวาตม์ล้ม - - - บรรลัย ลิ่มเลือด, คาวเลือด-ไหล - - - หล่นพื้น คมทวน-ทิ่มแทง, ขัย - - - ขาดช่วง แล้วนา ดาบเชือด, เลือดคาวชื้น - - - ชุ่มล้ำคำประลือ ฯ
O อยู่ไทธิเบศเจ้า - - - จอมปราณ พราวพรึบพลรณการณ์ - - - ฉกาจแกล้ว ครั้นพระฝ่ารำบาญ - - - ยวนย่อย ยับนา รบที่น้ำลิบแล้ว - - - เลื่องชั้นลือชัย ฯ
O จึงชักช้างม้าค่อย - - - ไคลคลา ยกกลับอยุธยา - - - แต่นั้น พ่างเพียงหมู่ปาณฑพา - - - ทรงเดช ข่มหมู่เการพขยั้น - - - ขยาดไข้ทุกข์เข็ญ ฯ
O ทีนั้นธิเบศรเรื้อง - - - รณรงค์ เลิศแฮ อยู่มอบรางวัลสง- - - - เคราะห์แกล้ว ด้วยญาณพระทราบ, ตรง - - - ซื่อคด ถ่องแล ใครชอบใครชั่วแล้ว - - - ทั่วทั้งในพิถี ฯ
๒ O แว่วข่าวทัพกลับย้อน - - - ถึงอกเมือง, อกร้อน- รุ่มนั้นพลันสลาย
O ถวิลถึงชายชาติผู้ - - - เฝ้าใฝ่หาใฝ่รู้ เลศชู้ประโลมขวัญ
O จนแสงวันลูบฟ้า - - - จึงรูปงามเผยหน้า เหลือบละล้าละลังเหลียว
O จนมือเรียวคดข้าว - - - สู่บาตร, พระสืบก้าว ล่วงพ้นกุศลสถาน
O จึง-เนตรคราญสบแล้ว - - - สบชาติชายฉกาจแกล้ว ผ่องแผ้วแววตา
O จึง-อาวรณ์ลึกล้ำ - - - จู่อกแก้วซ้อนซ้ำ เตรียบน้ำใจสนอง
O ลอบมองแล้วเหลือบชม้าย - - - เพรียกชาติภพเผ่นผ้าย- พรึบพร้อมประนอมประนัง
O เมื่อชายชาติสืบก้าว - - - ก็เมื่อนั้นรูปอะคร้าว- สะทกสะเทิ้นสะท้านหทัย
๔ O กรกบ, หน้าจบน้อม - - - วันทนา ปรางเรื่อ, รูปพักตรา - - - ประหนึ่งแต้ม- เติมรูปติดคะนึงหา - - - ให้ห่วง มือรับไหว้, เนียนแก้ม - - - ก่ำ-ล้อแรงภิรมย์ ฯ
O พิศรูปพักตร์เรื่อ-แต้ม - - - ติดตา หอมรื่นลมร่ำพา - - - ผ่านต้อง อกชายอิ่มเอมปรา- - - - โมทย์แต่ สบเนอ สบเนตร, แววเนตรฟ้อง - - - ฝากชู้ตระกองโฉม ฯ
O หอมรื่นลมร่ำล้อม - - - ประโลมใจ รื่นกว่าริ้วลมไหล, - - - เลศแก้ว ฟ้าบนรัศมีไพ- - - - จิตส่อง แจ้งกว่าสูรย์แจ้งแล้ว, - - - พักตร์เบื้องหน้าเผชิญ ฯ
ต่อภาค 2
Create Date : 20 มกราคม 2556 |
|
29 comments |
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 9:36:03 น. |
Counter : 1806 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.119.191 21 มกราคม 2556 7:54:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 21 มกราคม 2556 12:51:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 23 มกราคม 2556 12:17:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: Kanyarat noi IP: 180.183.249.228 28 มกราคม 2556 9:39:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 3 กุมภาพันธ์ 2556 19:38:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: วลีลักษณา IP: 49.49.129.124 3 กุมภาพันธ์ 2556 22:35:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 4 กุมภาพันธ์ 2556 7:01:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pikake 7 กุมภาพันธ์ 2556 11:18:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 8 กุมภาพันธ์ 2556 6:07:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.109.144 8 กุมภาพันธ์ 2556 11:30:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pikake 9 กุมภาพันธ์ 2556 12:24:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 9 กุมภาพันธ์ 2556 19:51:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pikake 11 กุมภาพันธ์ 2556 20:25:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 11 กุมภาพันธ์ 2556 22:45:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.96.192 12 กุมภาพันธ์ 2556 12:18:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 12 กุมภาพันธ์ 2556 13:07:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pikake 12 กุมภาพันธ์ 2556 15:08:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 13 กุมภาพันธ์ 2556 13:07:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 14 กุมภาพันธ์ 2556 10:40:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ... 14 กุมภาพันธ์ 2556 15:50:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: medkhanun IP: 202.28.45.10 4 มีนาคม 2556 15:20:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายก๊อง IP: 58.11.178.22 7 มีนาคม 2556 14:12:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ IP: 118.172.108.114 7 มีนาคม 2556 14:56:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: บุปผาลีลาวดี/น้องโปร์ (Pikake ) 11 มีนาคม 2556 22:27:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|
|
.....
ใจที่ขุ่นที่แค้น ย่อมแค้นจนขม
รับรู้ได้เพราะความรู้สึก ขณะนี้ก็ไม่ต่างจากเรื่องย้อนยุกต์ที่คุณสดายุสื่อไว้ งดงามมากค่ะ จะขออนุญาตตามอ่านนะคะ
มีความสุขกับการรังสรรค์งานคุณภาพนะคะ