Group Blog
 
 
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
O ชั่วฟ้าดินดับ .. 1 O












อารัมภบท ..


ร่าย
O ศรีอยุธยาไพจิตร - - - ราวนิมิตแดนสรวง
ตอบคำบวงบรรหาร - - - เอี่ยมโอฬารรูปลักษณ์
ลงจำหลักปฐพินทร์ - - - รองรับยินดีโลก
เกียรติบ่ายโบกกำจาย - - - พ้องบรรยายเรื่องราว
ภาพปรางค์วาววับแสง - - - ช่อฟ้าแซงเสียดยอด
เจดีย์ทอดเงาอ้อน - - - แดดรุ่มร้อนยามสาย
พฤกษ์ปลิวปลายยอดรับ - - - แสงจู่จับลมล้อม
ใบลู่น้อมแนวระเนน - - - ต้นอ่อนเอนแอบใบ
เวียงวังในเบื้องหน้า - - - กองแกล้วกล้าเรียงตอน
พร้อมราญรอนไพรินทร์ - - - ป้องธาณินทร์สินธู
ร่วมบำรูชาติให้ - - - ปลอดเศิกเสี้ยนเหนือใต้
ปลดไข้ขุกเข็ญ - - สิ้นนา


แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ หรือ เจ้าสามพระยา ..
พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๗ แห่งกรุงศรีอยุธยา
ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
พศ.๑๙๗๕



O แสะ,สาร,แกล้ว,เคลื่อนคล้อย - - - คลาขบวน
ธง,หมวก,ดาบ,ขอ,ทวน - - - ทั่ว-พร้อม
แผ่วหอมกรุ่นมาลย์หวน - - - ลมหอบ หาเนอ
คล้ายร่วมบำเรอ, น้อม - - - นบก้านชุลีกรรม ฯ

O เหือดฝนเห็นฝุ่นฟุ้ง - - - ฝากยาม
เริ่มเศิกเสี้ยนคุกคาม - - - ขอบแคว้น
กัมพุชกำแหง, ลาม - - - ปามลอบ ปล้นนา
ใจที่ขุ่นที่แค้น - - - ย่อมแค้นจนขม ฯ

O ผืนธงพลิกพลิ้วรูป- - - ระบัดลม
พร้อมหมู่ชายปรารมภ์ - - - รบป้อง-
เขต, เอา-เลือด,ร่าง ถม - - - ลงทับ ถิ่นนา
ยอเกียรติยศให้ก้อง - - - เกริกหล้าแหล่งสถาน ฯ

O แดดสายทอส่องต้อง - - - ตอน-พล
เมื่อฝุ่นลอยวกวน - - - แวดล้อม-
ขอ,ง้าว,ดาบ,จิตจะรณ - - - รบศึก
ทั่วทัพทั้งทัพพร้อม - - - พรั่งพร้อมเข้าผลาญ ฯ

O นาเนกสุโนกร้อง - - - รัวเกรง
หรุบปีกหลีกกุมเหง - - - หว่างไม้
คน,สัตว์-ข่มวังเวง - - - วอดบท
เหลือบทขุ่นข้องไว้ - - - บดขยี้ตีขอม ฯ

O พรากเมือง, เพียงแมกไม้ - - - มองชม
เสียงเอ่ยอ้อน, เพียงลม - - - ลูบไล้
แก้มเนียนอิ่ม, เพียงฉม - - - ชื่นกลิ่น มาลย์นา
กุมกอปรคำนึงไว้ - - - หว่างร้อนการณรงค์ ฯ

O ใจนั้นย่อมห่วงละห้อย - - - คอยหา
ทุกเหม่อลอย, แววตา - - - ย่อมแต้ม-
ติด-ด้วยรูปปรารถนา - - - เนื้อนิ่ม แม่แม่
จำหลักล้วนกลิ่นแก้ม - - - กรุ่นไว้เวียนถวิล ฯ

O แผ่วพลิ้วลมลูบไม้ - - - มวลผกา
นึก-ออดอ้อนเพรียกนา - - - สิกชู้
เนียนแก้ม, ช่อเกสรา - - - อวลกลิ่น
จนจบลงรับรู้ - - - รสแล้ว, จะแล้วหรือ ฯ

O ป่านนี้คงโอดอื้น - - - อาดูร
กรอมโศกกำสรดพูน - - - เพียบหน้า
หาก-เพื่อชาติไพบูลย์ - - - บทเลื่อง ลือเนอ
จำ-ขับข่มชั่วช้า - - - ไป่ช้าคืนหวน ฯ

O ช้าง, ม้า, คน-เคลื่อนคล้อย - - - ใจครวญ
มาทัพ, พรากเรือน, นวล - - - ห่างห้อง
ถ้วนเหตุที่พาหวน - - - มาห่าง
ทวน, ดาบ, ใจขุ่นข้อง - - - จักสะบั้นบั่นคอ ฯ

O ดาบต้องแดดวาบล้อ - - - อารมณ์
เนื้อ, เลือด, ชีพ-รอถม - - - ถิ่นให้-
รับรู้-โทษทัณฑ์, คม - - - ดาบขุ่น ข้องเวย
บ่มทุกข์เข็ญขื่นไข้ - - - บีบเค้นขอมเขมร ฯ

O เคลื่อนทัพมาป้องศักดิ์ - - - ศรีอโย ธยาเฮย
ล้อมกักให้เสื่อมโม - - - หะจิตสิ้น
ย่ำเหยียบเกียรติภิญโญ - - - ให้ย่อย ยับแล
เพรียก-เร่าร้อนเดือดดิ้น, - - - พลุ่งย้อมดาบสยาม ฯ







O ปราสาทสูงเสียดฟ้า - - - ฝ่าสรวง
หิน-แกะรูปบำบวง - - - ทิพทั้ง-
หกฟ้า, กล่อมเกลาดวง - - - จิตศรัท ธาเนอ
จำหลักไว้เหนี่ยวรั้ง - - - จิตรู้วิทูวิถี ฯ

O รูปหินแกะก่ายก้อน - - - เรียงกัน
โถง, แท่น, เทพ, รำพัน - - - พร่ำพร้อง
อัปสรร่ายรำ, บรร - - - โลมต่อ ทิพเนอ
ยามแว่วเสียงทัพร้อง - - - เร่งล้อมทำลาย ฯ

O แสะ, สาร, แกล้ว-เคลื่อนเข้า - - - คุกคาม
อำนาจแสนยาสยาม - - - บดขยี้
โดยอธิราช, เจ้าสาม - - - พระยา-ยก มาเนอ
ย่ำเหยียบขอมป่นปี้ - - - ศักดิ์สิ้นเสรีสลาย ฯ

O คมดาบวาบผ่านแล้ว - - - เลือดริน
คมแทรกเนื้อ, ทรพินทร์ - - - ร่วงพื้น
ดาบเดียว, วูบเดียว-ภิน - - - ทนะกิจ แล้วแล
เลือดอุ่น, เสียงโอดอื้น - - - อาจรู้สิ้นหรือ ฯ

O คมดาบวาบผ่านแล้ว - - - บรรลัย
คมเสียด-เนื้อ, กระดูก, ขัย - - - ฆาตสิ้น
ดาบเดียว, เดือดเดียว, ภัย - - - พังพาบ
ใช้ดาบพูดแทนลิ้น - - - ย่อมแล้วโดยเร็ว ฯ

O ขุนขอมเคยห่ามเหี้ยม - - - สิ้นหาญ
ศักดิ์ชาติเอี่ยมโอฬาร - - - ล่มแล้ว
เพียงเศษซากวิญญาณ - - - ย่างย่ำ
โซ่, ขื่อคา-ฤๅแคล้ว - - - ครอบค้ำคอขอม ฯ

O เชลยศึกถูกกวาดต้อน - - - ตามวิถี ศึกนา
อำมาตย์, ขุนนาง, มณี - - - ปลั่งน้ำ
อัปสร, ระบอบพิธี - - - บวงเทพ
รวบ, ริบ -เว้นชอกช้ำ - - - ชดใช้อหังการ ฯ

O ยาวเหยียดแถวผู้พ่าย - - - ผลรบ
ยกย่างก้าวอย่างสงบ - - - เงียบแท้
อับอาย, อดสู, ครบ - - - ครันอยู่
ศักดิ์และสิทธิ์ผู้แพ้ - - - พ่ายนั้นพร้อมไฉน ฯ


O จนทัพศึกย่ำก้าว - - - ถึงอกเมือง, รูปอะคร้าว-
อยู่เฝ้าจึ่งเห็น

O จนดวงเนตรเหลือบชม้อย - - - ชม้ายสบ, ความละห้อย
จึ่งแห้งเหือดหาย

O จนอ้อมแขนโอบไว้ - - - อกอุ่นแนบชิดใกล้
สร่างสิ้นฤๅเขษม

O จบจูบแก้มนิ่มเนื้อ - - - อย่างแผ่วเบา, รูปอะเคื้อ
สั่นสะเทิ้นสุดถอน





O จบจูบ, ตาซ่อนยิ้ม - - - ถูกจบจูบ, ตาพริ้ม-
หลบ-สะท้อนสะท้านเขิน

O หน้าแนบอกกระซิบอ้อน - - - งามยิ่ง-ยามเหลือบค้อน
ฝ่าร้อนปรารถนา

O เอวคอดกิ่วรูปแก้ว - - - ถูกโอบรั้งเหนี่ยวแล้ว
จักแคล้วคลาดหรือ

O หอมกรุ่นผิวผ่าวเนื้อ - - - เพรียกเร่าร้อนโชนเชื้อ
อุ่นเอื้ออาวรณ์

O กลางจันทร์รูปต่ายแต้ม - - - กลางอกอวลกลิ่นแก้ม
ยั่วแย้มรมยา

O โอบนั้น-คือโอบเนื้อ - - - เพรียกอุ่นให้อุ่น-เชื้อ-
ช่วงร้อนระเร้าระรุม

O แผ่ว-ออดอ้อน,โอดอื้น - - - ผิว-ผุดผ่องพลิ้วพื้น
ผ่าวน้อมตฤษณา

O แว่ว-กระซิกระส่ำสร้อย - - - แว่ว-ออดอ้อนอ่อนน้อย
ข่มละห้อยฤๅหาย

O แว่ว-นกค่ำหวีดก้อง - - - พร้อม-อีกเสียงหวีดร้อง
กลบสิ้นสรรพเสียง


O แขนเนียนคล้องเหนี่ยวรั้ง - - - ร่ำรอ-
โน้มจบเนื้อนวลลออ - - - อุ่นให้-
เสียงครวญสั่นเครือ, คลอ - - - เคล้าโสต พี่แม่
กอด, กล่อม, อยู่ชิดใกล้ - - - กล่าวล้วนคำประโลม ฯ

O เหนี่ยวโลกทั้งโลก-ห้อม - - - แหนขวัญ
กับออดอ้อนจำนรรจ์ - - - นั่น-นี้
แววตาอิดโรย, พลัน - - - เขินหลบ
เมื่อรูปการณ์ก่อนกี้ - - - กลับย้อนกระหึ่มกระเหิม ฯ

O อบอวลคำเอ่ยอ้อน - - - ออดแสดง
แผ่วกระซิบความแฝง - - - ฝากชู้
เยี่ยงหวานสุมาลย์แจรง - - - จรดหยาด
ผึ้ง, ภู่, คน แต่รู้ - - - หลั่งน้ำใจสนอง ฯ

O ปีกบางหรุบปีกล้อม - - - ละอองมาลย์
ตฤปรสเรณูหวาน - - - หว่างไม้
อกอุ่น-อุ่นเนื้อคราญ - - - ครวญ-กล่อม
แตะรูปตฤปรสให้ - - - แต่ละห้อยระโหยหา ฯ

O หอมกรุ่นกลีบดอกเชื้อ - - - เชิญภมร
แต่เมื่อเสียงเว้าวอน - - - แว่ว-กระชั้น
แยกฤา-สุมาลย์, สมร - - - หอม-อุ่น
เสียง, อุ่น, หอม-ยามนั้น - - - ประณีตล้ำคำแถลง ฯ

O แล้วเล่าหลังตฤปรู้- - - รสสุคนธ์
เบิกบทความอลวน - - - ว่อนล้อม
แล้วเล่าจากอนุสน- - - - ธิรูป
เพรียกจิตวิญญาณพร้อม - - - ปลีกพ้นนิพพิทา ฯ

O แอบ-อุ่นนวลอ่อนน้อย - - - นงพะงา
พิมพ์รูปรสตฤษณา - - - เหนี่ยวรั้ง-
ให้โลกล่มลับคา - - - เสียงคร่ำ ครวญเนอ
อย่างแผ่วเบาซ้ำครั้ง - - - คร่ำละห้อยคอยหวน ฯ

O หอมเอยกลางแห่งห้วง - - - เสน่หา
กลบรูปรสกุสุมา - - - มอดเชื้อ
อวลกลิ่นกล่อมถึงนา- - - - สิก-รูป
ให้รับรอง, โอบเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลนิรันดร์



พระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา
แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ
พศ. ๒๐๐๐



O ปลดขื่อคา, ถ่ายทิ้ง - - - ทรมาน
สืบเผ่าพงศ์, บริบาล - - - บทไว้-
สร้าง-เกณฑ์กรอบ, พิธีการ - - - ใช้ปก ครองเนอ
สืบลูกสืบหลานให้ - - - ห่วงด้าวแดนสยาม ฯ

O แรกรุ่งสุริยะเรื้อง - - - โรยทาง
ขับมืดหม่นสลัวลาง - - - เลื่อนพ้น
รูปหนึ่งหยัดสรรพางค์ - - - พร้อมหมู่ บ่าวเนอ
รอบาตร, จิตท่วมท้น - - - ศรัทธะ, ถ้อย, อธิษฐาน ฯ

O งามพร้อม-รูปพักตร์ล้ำ - - - เลอสมร
ลอบเหลือบเนตร, ดั่งวอน - - - เลศไว้
อิริยาทุกช่วงตอน - - - เตรียบรูป รอเนอ
รอ-ตอกตรึงจิตให้ - - - แต่ละห้อยถวิลเห็น ฯ

O แถวพระยกย่างก้าว - - - ยอกรรม-
ขึ้น-เทียบ, ทาน-สภาพธรรม - - - เท็จ-แท้
อุ้มบาตรห่มบุญ, กำ- - - - จัดโลก
ย่ำโลกเหยียบโลก, แก้ - - - บ่วงรั้ง-ปลาตรอย ฯ

O โอภาสธรรมพระล้าง - - - หม่นหลัว
แต่เมื่องามเตรียบตัว - - - ต่อหน้า
คำข้าว, คำพระ, หัว- - - - ใจหนึ่ง
หอม, แว่ว, ล่มเหว่ว้า - - - วาบสิ้นวายสูญ ฯ

O ผ้าแดงเข้มห่มเนื้อ - - - นวลอนงค์
ไหล่พาดสไบขาวลง - - - ลูกไม้
ผมยาวรวบเป็นทรง - - - เกล้าเสียบ ปิ่นแล
เลือดฝาดลูบแก้มไว้ - - - ระหว่างเช้าเบิกโฉม ฯ

O หอม-ข้าวหอม, ดอกไม้, - - - ดวงมณี-
แสงอ่อน, แถวพระลี- - - - ลาศ-คล้อย,
กรผุดผ่อง, ทัพพี - - - ผจงจับ
กอปร-ภาพงามแช่มช้อย - - - อยู่เชื้อเชิญประชัน ฯ

O บุตรีอำมาตย์เชื้อ - - - ชาติขอม
หลังพ่ายศึกจำยอม - - - ถูกต้อน-
สู่แดนต่างด้าว, ประนอม - - - ปวงขนบ ถวายแล
เผยรูป-เพรียกรุมร้อน - - - รบเร้าแรงถวิล ฯ







O คำข้าว-เจ้าคดน้อม - - - นำลง-
สู่บาตร, เกื้อกูลสงฆ์ - - - สืบไว้
เตยหอมอีกช่อ-บง- - - - กชมอบ ท่านนา
มือจบ, คอค้อมไหว้ - - - สืบสร้างทางกุศล ฯ

O คำข้าว-เจ้าคดน้อม - - - นำถวาย
พร้อมเพ่งจิตรำบาย - - - บอกเนื้อ-
ความ-ทุกข์โศกพึงวาย - - - วอดบท
เพรียกสุขศานติ์ผ่านเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลถนอม ฯ

O ห่มเหลือง, มืออุ้มบาตร - - - ยอบุญ-
ลงเทียบมือเรียวละมุน - - - ละเมียดแก้ว
เมตตาจิตยามอรุณ - - - รับ-ส่ง
ตาสบ, พักตร์ผ่องแผ้ว - - - พร่างแพร้วพรายตา ฯ

O ลาทัพออกบวชให้ - - - บุพกา รีเนอ
เทียบเที่ยวทางปฏิปทา - - - ถูก-แท้
ย่ำเหยียบแต่มรคา - - - ควร, ชอบ
ทุกบ่วงรัด-แกะแก้ - - - กร่อนสิ้นปลาตสูญ ฯ

O ฤๅ-พรหมพาผ่านพ้อง - - - พบกัน
จูงจับภพพรหมจรรย์ - - - จบหน้า-
รูปเพ็ญลักษณานัน- - - - ทิต่อ ตาแล
เช้าที่เคยผ่านช้า - - - กลับช้ากว่าเคย ฯ

O รูปพรหมจรรย์เพ่งนิ้ว - - - เรียวนวล
เมื่อรูปงามประหนึ่งชวน - - - ชิดใกล้
หอมเอยกลิ่นข้าวอวล - - - อบอยู่
หอมเยี่ยงนี้มีได้ - - - แต่ด้วยเสน่หา ฯ

O เส้นทางเบื้องหน้าทอด - - - ยาวไกล
ลมหวีดแว่ว, ไม้ใบ - - - ระบัดเต้น
แดดพร่าง, พักตร์อำไพ - - - เผยทาบ ตาแล
แทรกรูปรอยแฝงเร้น - - - รุกเร้าอารมณ์ ฯ

O เที่ยวทางเบื้องหน้า, ร่ม - - - ใบบัง
เมื่อเที่ยวทางเบื้องหลัง - - - ลับแล้ว
รูปหนึ่งค่อยแทรกฝัง - - - ฝ่ายจิต
แลจิตนั้นฤๅแคล้ว - - - คลาดละห้อยถวิลเห็น ฯ

O ตาชาย, รูปชดช้อย - - - ชำเลือง
ลมร่ำ, แดดแรกเรือง - - - เรื่อฟ้า
รูปงาม, รูปห่มเหลือง - - - ลอบสบ ตาเนอ
โลกจากนั้น - เพียงหน้า - - - อ่อนน้อย-คอยคะนึง ฯ

O แสงแรก, อกรุ่มร้อน - - - เรื่อ, รอ
เนตรเหลือบ, จิตผู้ขอ - - - ข่ม, กลั้น
นิ้วหยิบจับ, นวลลออ - - - เนียนต่อ ตานา
ข้าว, ดอกไม้ช่อนั้น - - - นบ, น้อม-ประนอมคะนึง ฯ

O เห็นเพียงปลายนิ้วหยิบ - - - จับวาง
ก่อนกลิ่นหอมเจือจาง - - - จู่ล้อม
สายลมรื่น, หทยางค์ - - - โยกแกว่ง
มือจบ, หน้าก้มน้อม - - - นิ่ง-เชื้อเชิญชม ฯ





O หลังรูปงามลับหน้า, - - - คำนึง-
ก็แทรกจิตติดตรึง - - - แต่นั้น
แทนรำงับ, ถวิลถึง - - - โถมบท
ค่อยคุกคามบีบคั้น - - - ข่มล้างฤๅสลาย ฯ

O บุตรีอำมาตย์เชื้อ - - - ชาติขอม
เผยรูปเพรียกตาประนอม - - - นิ่ง-ช้า
ข้าว, ใจ, ช่อมาลย์-หอม - - - ถ้วนสิ่ง
หอมแต่เช้าเชิญหน้า - - - แม่นั้นประสานนัยน์ ฯ


O จวบรอบเดือนเคลื่อนคล้อย - - - ตาปลาบปลั่งยังชม้อย-
ลอบชม้ายไป่วาง

O กลางโบสถ์, หน้าพระแผ้ว - - - ลาเพศพระ, อกแกล้ว-
ยากแคล้วคลาดถวิล

O ธานินทร์ถ้วนถิ่นแคว้น - - - งามอาจเทียบเปรียบแม้น-
แม่นั้นฤๅมี

O แรกรุจี, บาตรใส่ข้าว - - - แถวพระเรียงแถวก้าว
รูปอะคร้าวจึ่งเห็น

O เพ็ญอำไพพักตร์ล้ำ - - - แววเนตรปลาบปลั่งน้ำ
เหลือบชม้อยคอยหา





O แววตาชายชาติผู้ - - - เพ่งพิศงาม, รับรู้-
เลศชู้หยอกเอิน

O ขัดเขินกลางตรู่เช้า - - - ดูเถิดยืนหยัดเฝ้า-
ฝากซึ้งตรึงทรวง

O จบคำบวงนิ่งน้อม - - - ภาพแช่มช้อยลามล้อม
ป่ายย้อมรมยา

O ตาสบ, ตาหลบพริ้ม - - - หลังสบแววซ่อนยิ้ม
อกสะท้านสั่นรัว

O เผยตัว-ชายชาติแกล้ว - - - เผยร่างต่อหน้าแก้ว
จักแล้วเลือนไฉน

O ใจวาบ, เลือดซ่านแก้ม - - - เรื่อก่ำ, ด้วยยิ้มแต้ม-
ติดเนื้อใจอนงค์

O รูปองค์-ค่อยเคลื่อนพ้น - - - ความรับรู้-หวานล้น
ท่วมท้นดวงหทัย



พศ. ๒๐๐๔



O หลัง-ติโลกราชเจ้า - - - จอมคน
ยกทัพแสนยาพล - - - แผ่ล้อม
เพื่อศักดิ์เพื่อศรี-ชน - - - ชาวอยุท ธยาเฮย
จิต, ดาบ, หอกจึ่งพร้อม - - - ปกป้องแดนสยาม ฯ

O ครั้งนั้น-คือพ่อผู้ - - - ผลาญขอม
คมดาบกำราบ-ยอม - - - สยบสิ้น
ครั้งนี้-ลูกชายออม - - - ใจอด กลั้นฤๅ
เนื้อ, เลือด, ชีพดับดิ้น - - - ดาบนี้รอสนอง ฯ

O ลูกชายคุณพระผู้ - - - เพลงดาบ-
รอวาดคมวกวาบ - - - แหวกเนื้อ
ในสำนึกเพียงภาพ - - - โผเข่น อรินทร์เนอ
พร้อมภาพงามโอบเอื้อ - - - อกไว้ประคองหวัง ฯ

O ดวงตาคมปลาบคล้าย - - - รอคอย-
เผยภาพ, ผุดภาพ-ทะยอย - - - ยั่วเย้า
เหลียว, หัน, เหลือบ, ปริบปรอย - - - ปรุงตอบ โลกเนอ
โลกที่ทุกค่ำเช้า - - - ชื่นล้ำคำประโลม ฯ

O ดวงตาคมปลาบคล้าย - - - คอยพราง-
ซ่อนข่มอาวรณ์, ขนาง - - - หน่วงไว้
สายใย, เยื่อใย-กลาง - - - กลองศึก
รับ, ส่ง-ผ่านลมไล้ - - - ลูบเนื้อนวลถนอม ฯ

O พร้อม-ภาพชายชาติผู้ - - - พร้อมรบ
คือ-ภาพงามในขนบ - - - นิ่งน้อม
แสงทอด, ดาบ-กรรทบ - - - สะท้อนวาบ วามแล
รำลึกคุณพระ-พร้อม - - - พากย์เนื้อความเสนอ ฯ

O พร้อม-ภาพชายชาติผู้ - - - พร้อมรบ
คือ-ภาพแววตาสบ - - - เลศซึ้ง
เอ็นดู, อ่อนโยน-ครบ - - - ครันบ่ง บอกนา
หวิววาบถึงก้นบึ้ง - - - จิตแล้ว-ฤๅเลือน ฯ

O คำบวงในจิตน้อม - - - นอบลง-
ต่อพักตร์รูปพุทธองค์ - - - เอ่ยถ้อย
จวบชีพดับ-จักคง - - - คอยอยู่-
สองภพชาติพึงร้อย - - - ร่วมเนื้อนาบุญ ฯ



รอยอดีต ..
สี่สนมเอก .. แห่งสุพรรณภูมิ
พศ. ๑๘๙๓



ร่าย
O แต่ทวาราวดี - - - หลากหลายชีวาตม์ผอง
เข้าจับจองแผ่นดิน - - - ทั้งแหล่งสินธูผืน
ค่อยหยัดยืนรวมเหล่า - - - เป็นพวกเผ่าเสรี
สร้างธานีขอบเขต - - - รวบรวมเจตจำนง
เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ - - - ต่างราชันย์ต่างเมือง
คอยบรรเทืองขุกเข็ญ - - - ให้ร่มเย็นมีสุข
ในถ้วนทุกถิ่นแดน - - - ร่วมตอบแทนความชอบ
สร้างเกณฑ์กรอบร่วมกัน - - - แต่ละขันธสีมา
ตราบจนกาละผ่าน - - - เริ่มเชื่อมว่านวงศ์ถึง
ไมตรีตรึงติดนำ - - - สร้างสัมพันธภาพสู่
ระหว่างหมู่ต่างเมือง - - - ร่วมบรรเทืองยศศักดิ์
ร่วมใจรักสมัครสมาน - - - ร่วมสืบสานอำนาจ
รวมศูนย์อาชญาภาพ - - - ณ ที่ราบลุ่มเจ้า-
พระยาเข้าเป็นหนึ่ง - - - สองกลุ่มซึ่งร่วมกัน
คือสุพรรณภูมิปุระ - - - และจากละโว้บุรี
สานไมตรีเครือญาติ - - - รวมอำนาจจุนเจือ
จากด้านเหนือลงมา - - - ร่วมตั้งธานีใหม่
ร่วมเป็นใหญ่ในที่ - - - น้ำไหลรี่บรรจบ
แยกผืนภพเป็นเกาะ - - - เจ้าพระยาเลาะโลมฝั่ง
ป่าสักหลั่งบรรจบ - - - ตอนเหนือลพบุรีล้อม
เป็นเกราะห้อมแผ่นดิน - - - ป้องอรินทร์พวกพาล
ร่วมสืบสานธรรมพุทธ - - - กรุงศรีอยุธยานาม
เพรียกตามชื่อเมืองเดิม - - - จึงต่อเติมสร้างวัง
ทำเลหลังวัดพระราม - - - นิเวศม์คามกอปรสุข
ปวงผองทุกข์หลีกลี้ - - - พระย่อมคอยช่วยชี้
นั่นนี้ถ้อยแถลง - - - คดีนา








O เบิกเบื้องอตีตะพู้น - - - ปฐพี
แต่ละโว้สุพรรณบุรี - - - ร่วมด้าว
แผ่นดินถิ่นฐานมี - - - มาก่อน
ยกอู่ทองท่านท้าว - - - ที่ไท้ในสถาน ฯ

O รับรองสถานภาพด้วย - - - ดุษฎี
เงื่อนเหตุจากบารมี - - - มากล้น
สถาปนาราชธานี - - - เหนือถิ่น เดิมแฮ
ด้วยทำเลเหมาะพ้น - - - แผ่นพื้นไผทไหน ฯ

O สืบแต่เมืองละโว้ฟาก - - - ฝั่งขวา-
แห่งน่านน้ำเจ้าพระยา - - - รากเหง้า
สุพรรณภูมิฝั่งซ้ายมา - - - ร่วมร่ม ฉัตรเนอ
ร่วมสุขอยู่ค่ำเช้า - - - ทุกเชื้อชาติชน ฯ

O นครสวรรค์เหนือสุดด้าว - - - แดนอยุทธ
เมืองเพชรบุรีซ้ายสุด - - - จัดตั้ง
ขวาจดน่านน้ำสมุทร - - - ชลบุ รีเฮย
คือขอบขันธสีมาครั้ง - - - แรกพร้องเพรียกสยาม ฯ

O เวียงวังตระหง่านเงื้อม - - - เงาแสง
ป้อมค่ายคูกำแพง - - - รอบล้อม
บัลลังก์ร่มฉัตรแปลง - - - เปลี่ยนอาชญ ภาพนา
เกริกพระเกียรติยศพร้อม - - - เพียบพื้นปฐพินทร์ ฯ

O ทำเลอยู่ด่านหน้า - - - เมืองเหนือ
ปากแพร่งทางเดินเรือ - - - แวะ-ค้า
แลกเปลี่ยนร่วมจุนเจือ - - - ด้วยต่าง แดนแล
พูนเพิ่มอย่างช้าช้า - - - แต่ล้วนทรัพย์สิน ฯ

O โอรสแห่งท่านท้าว - - - อู่ทอง
คือพระราเมศวร์รอง - - - ฉัตรแก้ว
สายวงศ์ละโว้ครอง - - - เมืองลพ บุรีนา
เป็นหน่อพุทธเจ้าแล้ว - - - อยู่ล้อมบัลลังก์ ฯ

O จึงยามสิ้นท่านท้าว, - - - โอรส-
เถลิงเกียรติถวัลย์ยศ - - - เยี่ยงเจ้า
จึงหลวงพะงั่วปรากฎ - - - พร้อมอาชญ ภาพแล
พันหมื่นแกล้วเหยียบเข้า - - - อกด้าวแดนสยาม ฯ

O ครั้งขุนหลวงพะงั่วผู้ - - - ปิตุลา
เต็มเปี่ยมด้วยเดชา - - - ชื่อชั้น
ไม่น้อมรับศักดินา - - - หลานแต่ แรกเนอ
ประสบการณ์บารมีนั้น - - - ต่างชั้นเชิงกระบวน ฯ

O เมื่ออู่ทองท่านท้าวสู่ - - - สวรรค์บน
ควรแต่ผู้ชาญกล - - - ศึกแกล้ว
ขึ้นครองร่มฉัตรปรน - - - เปรอยศ ศักดิ์แล
หลานรวบรวมคนแล้ว - - - กลับละโว้เถิดหรือ ฯ

O สุพรรณภูมิเพียบพร้อม - - - พลังพล
ด้วยจิตมาเพื่อจะรณ - - - รบแล้ว
ยอมรับท่านท้าวบน - - - บารมีส่วน ตัวแล
ราเมศวร์-ยอม-คุมแกล้ว - - - กลับละโว้ถิ่นฐาน ฯ

O ยินยอมด้วยสุดต้าน - - - ต่อตี
ร่มฉัตรบัลลังก์มี - - - มอบให้
แล้วคุมพยุหะโยธี - - - ยกกลับ ละโว้นา
จำพรากอยุธยาไว้ - - - เพื่อย้อนมาเยือน ฯ

O ภูมิภาคสมภพพร้อม - - - ไพบูลย์
โดยเดชขัตติยาดูร - - - ดับร้อน
โอกาสอาชญภาพพูน - - - เพียบอยู่
กิตติศักดิ์เสพซ้ำซ้อน - - - ส่งให้หวงแหน ฯ

O ครั้นขุนหลวงพะงั่วไท้ - - - สู่สถาน ทิพแฮ
สมเด็จทองลันกุมาร - - - หน่อเชื้อ
ครองร่มฉัตรชั้นตระการ - - - กอปรกิต ติยศแล
ราเมศวร์เห็นการณ์เอื้อ - - - ออกหน้ามาเสนอ ฯ

O ทัพแกล้วจากละโว้เหยียบ - - - อยุธยา
ขัตติยะเยาวชันษา - - - สุดสู้
ชีวาตม์บัดพลีอา- - - - รมณ์เดียด ฉันท์เนอ
อำนาจอาชญภาพกู้ - - - กลับละโว้ฝั่งขวา ฯ

O เจ้าทองลันจับได้ - - - โดยพลัน
ด้วยศักดิ์แห่งราชันย์ - - - ชาติเชื้อ
โลหิตเมื่อต้องทัณฑ์ - - - ห้ามรด ดินนา
คุมชีพชนม์หน่อเนื้อ - - - นั่งหน้าหลักประหาร ฯ

O ท่อนจันทน์ขาวขนาดไม้ - - - เหมาะกำ มือนา
ผ้าปิดคลุมเศียรนำ - - - ครอบไว้
เพชรฆาตเคร่งครัดบำ - - - บวงเทพ ท่านนา
ขออโหสิกรรมไท้ - - - ที่ต้องกระทำการณ์ ฯ

O เสร็จพิธีฤกษ์พร้อม - - - ท่อนจันทน์-
ตวัดหวดกระเดือกพลัน - - - ชีพม้วย
จึงเศียรยุวราชันย์ - - - อ่อนพับ แล้วแฮ
ร่มฉัตรบัลลังก์ด้วย - - - อาจหิ้วหอบหรือ ฯ







O สืบวงศ์ละโว้ที่ - - - อยุธยา แลเนอ
สมเสพด้วยศักดินา - - - อยู่พร้อม
อำนาจขอบขันธสีมา - - - มอบสู่ หัตถ์เฮย
กอดเกี่ยวความนอบน้อม - - - แนบข้างเสนอสนอง ฯ


พศ. ๑๙๒๗


O ทัพแกล้วกรุงอยุทธขึ้น - - - ล้านนา
ครันครบพยุหะศาตรา - - - เร่งล้อม
เชียงใหม่สุดต้านหา- - - - ยนะสู่ เมืองแล
แพ้พ่ายเศียรจำค้อม - - - คลั่งแค้นอดสู ฯ

O ราษฎรจึงกวาดต้อน - - - ลงมา
เมื่อทัพหลวงยาตรา - - - หมู่แกล้ว
ผ่านพิษณุโลกจึ่งรา- - - - ชันย์แวะ ประทับเนอ
สมโภชน์พระชินราชแล้ว - - - กลับย้อนอโยธยา ฯ

O ส่งราษฎรไปไว้ที่ - - - เมืองจันทร์-
ทั้งพัทลุง, นครศรีธรร- - - - มราช, พร้อม
สงขลาแต่เบื้องบรร- - - - พกาลยุค นั้นนา
ชาว"ละคร"จำน้อม - - - นอบด้วยดุษณี ฯ

O เมื่อสิ้นพระราเมศวร์ไท้ - - - ในยาม นั้นนา
โอรสท่าน-พระยาราม - - - รับซ้อง-
สู่ร่มฉัตร, ครองคาม- - - - แคว้นถิ่น ต่อนา
วงศ์ละโว้อโยธยาพร้อง - - - เพรียกข้างฝ่ายขอม ฯ

O สันตติวงศ์สืบเชื้อ - - - ราชันย์
ไร้กฎเกณฑ์ระบุบัน- - - - ทึกไว้
เพียงแค่ครอบครองบัล- - - - ลังก์อยุทธ แลเนอ
เขตสุพรรณบุรีไซร้ - - - สุดเอื้อมข่มเหง ฯ

O สุพรรณภูมิมิตรแท้ - - - สุโขทัย
สอดแทรกกิจภายใน - - - ฝ่ายนี้
สัมพันธภาพเมืองไกล - - - ควรกล่าว
เป็นคู่คิดช่วยชี้ - - - แนะให้ความเห็น ฯ

O สืบสัมพันธภาพไว้ - - - ผ่านเครือ ญาติเนอ
คานอำนาจอยุธยา, เหลือ - - - เขตใต้
อำนาจส่วนสยาม-เหนือ - - - รวมแน่น แฟ้นนา
การทัพการศึกไซร้ - - - ร่วมไม้ร่วมมือ ฯ



พศ. ๑๙๕๒



O เมื่อยามขัตติยะไท้ - - - ถึงที พิโรธนา
กุมกักเจ้าเสนาบดี - - - เร่งล้อม
ครั้งนั้นท่านเจ้าหนี - - - รอดหลุด ได้แล
สู่ปท่าคูจามน้อม - - - นอบด้วยสุพรรณภูมิ ฯ

O เสนาบดีกิตติยศล้ำ - - - เลอนาม
จากแวดวงศ์เจ้าสยาม - - - รากเหง้า
ถูกหลู่เกียรติคุกคาม - - - เกินข่ม เก็บแล
เชิญทัพพระอินทราชเจ้า - - - ย่ำก้าวเหยียบเมือง ฯ

O สมเด็จพระอินทราชเจ้า - - - จอมสยาม
ยกทัพสุพรรณภูมิลาม - - - รุกล้อม
เจ้าเสนาบดีตาม - - - ต่อศึก ด้วยนา
ปล้นพระนครได้พร้อม - - - ผ่านให้นั่งเมือง ฯ

O รอนศรี, รอนศักดิ์แล้ว - - - พระยาราม
ภูมิภาคปท่าคูจาม - - - มอบไท้
สิ้นวงศ์อู่ทองตาม - - - แต่เหตุ นั้นนา
ถึงยุคสุพรรณภูมิให้ - - - ศิระค้อมคอถวาย ฯ

O ยกกาลแต่เบื้องนั้น - - - พรรณนา
สองแผ่นผืนรัฐสีมา - - - ร่วมด้าว
สยามรัฐ-ละโว้ปรา- - - - กฏหนึ่ง เดียวเวย
ขอม-ถดถอยขยับก้าว - - - กลับบ้านเมืองตน ฯ

O รวบสุโขทัยอยู่ใต้ - - - อำนาจ สยามแล
ขัตติยะรูปรองบาท - - - ท่านไท้
ร่วมสายเลือดเครือญาติ - - - ด้วยพระ ร่วงเนอ
เอื้อสิทธิ์ลูกหลานให้ - - - นั่งบ้านครองเมือง ฯ

O พรหมจรรย์เถรวาทนั้น - - - น้อมนำ
ตั้งมั่นให้ชนสัม- - - - ผัส-รู้
คติขอมแห่งละโว้จำ- - - - ต้องเปลี่ยน
เสริมจิตไว้กอบกู้ - - - เกลศร้อนกลบเผา ฯ

O ค้าขายสัมพันธภาพด้วย - - - แดนไกล
ศิลป์ศาสตร์หัตถกรรมไพ- - - - จิตรล้ำ
บ่งบอกสถานภาพใน - - - ถิ่นแว่น แคว้นนา
ยอยศอยุธยาล้ำ - - - ยิ่งล้ำคำลือ ฯ

O ค้าจีน, กัมพุช, ทั้ง - - - มะละกา
สมสั่งธุรกรรมพา- - - - นิชย์ด้วย
อุปโภค, บริโภค, อา- - - - วุธต่าง ตอบเนอ
ตอบรับความรู้ฉ้วย - - - ชาติให้วัฒนา ฯ

O บัลลังก์กรุงอยุทธนั้น - - - อุดหนุน-
จากสี่วงศาสกุล - - - ร่วมพ้อง
พระร่วง, ละโว้จุน- - - - เจือร่วม สุพรรณนา
อีกนครศรีธรรมราชซ้อง - - - แซ่ซ้องสรเสริญ ฯ

O สี่สนมเอกท่านตั้ง - - - แต่ยาม นั้นนา
"ศรีจุฬาลักษณ์"คือนาม - - - หน่อเนื้อ
จากวงศ์สุโขทัยตาม - - - เหตุผูก พันนา
แต่เมื่อสุพรรณภูมิเอื้อ - - - อกป้องภัยอรินทร์ ฯ

O "อินทรสุเรนทร์"แต่งตั้ง - - - ตามสาย สกุลเนอ
จากฝั่งสุพรรณภูมิราย- - - - รอบไท้
รากฐานเก่าแต่ภาย- - - - ก่อนร่วม แดนนา
เสริมส่งสถานภาพให้ - - - เพรียบพร้อมบารมี ฯ

O "ศรีสุดาจันทร์"จากละโว้ - - - อโยธยา
วงศ์อู่ทองสืบมา - - - ชีพเชื้อ
มั่นคงต่อบรรดา- - - - ศักดิ์เก่า ก่อนเนอ
เสาหนึ่งค้ำจุนเอื้อ - - - อาชญ์ให้ชนเห็น ฯ

O "อินทรเทวี"อีกผู้ - - - ทรงสถา นภาพแล
สายอโศกศรีธรรมา- - - - ธิราช-ใต้
ดินแดนฟากฝั่งวา- - - - รีระริก ลมเนอ
ช่วยราชกิจบ้านเมืองให้ - - - เหือดไข้ห่างเข็ญ ฯ

O นับเขตนับคาบนั้น - - - หนึ่งเดียว
ยอมร่วมใจกลมเกลียว - - - ชิดใกล้
เหนือใต้ออกตกเหลียว- - - - แลร่ม ฉัตรนา
เพียงร่มเดียวนั่นไว้ - - - ระหว่างด้าวแดนสยาม ฯ

O โอรสคนที่หนึ่งเจ้า- - - - อ้ายพระยา
ครองสุพรรณภูมิผา- - - - สุขถ้วน
ส่วนเมืองแพรกศรีราชา - - - เจ้ายี่ ครองแล
ชัยนาท-สองแควล้วน - - - อยู่ใต้เจ้าสาม ฯ

O ถึงกาลมรณะร้อน - - - รุมชนม์
พระนครินทรราชบน - - - ฉัตรชั้น
พระสวรรคตบันดล - - - รณยุทธ แล้วแฮ
เจ้ายี่-เจ้าอ้ายนั้น - - - ขาดสะบั้นไมตรี ฯ

O อำนาจอาชญภาพเชื้อ - - - เชิญประชัน
สองพี่น้องโรมรัน - - - รบแล้ว
ขึ้นช้างขับช้างบรร- - - - ลุเขต อยุธยานา
สายเลือดฤๅอาจแคล้ว- - - - คลาดพ้นประหัตประหาร ฯ

O ทัพเจ้าอ้ายตั้งที่ - - - วัดพลับ พลาไชยแฮ
เจ้ายี่เคลื่อนตั้งรับ - - - เร่งร้อน
ที่ตลาดท่าพรหม, ทัพ - - - หยุดอยู่
สองจิตสองใจสะท้อน - - - สั่นด้วยโมหันต์ ฯ



ศึกสายเลือด
พศ. ๑๙๖๗




เจ้าอ้ายกับเจ้ายี่กระทำยุทธหัตถีกันที่สะพานป่าถ่าน



O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองทัพ-
บรรจบพลสำหรับ - - - รบแล้ว
สองช้างพี่น้องขับ - - - เข้าสู่ ถิ่นแล
เมื่อโลกต่ำพร่างแพร้ว - - - ภาสเรื้องเมลืองสถาน ฯ

O สองช้างสองหน่อเชื้อ - - - ราชันย์
ย่ำเหยียบรอยโทษทัณฑ์ - - - เท่าสร้าง
มาดหมายนั่งเหนือบัล- - - - ลังก์อยุทธ แลนา
โดยศักดิ์โดยสิทธิ์อ้าง - - - เอ่ยด้วยดุษฎี ฯ

O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองทัพ-
พร้อมดาบยอแสงวับ - - - บีบคั้น
ก่อนง้าวเงือดคมสับ - - - ลงสู่ ศอแล
วาบผ่านสองศอนั้น - - - เลือดร้อนอุ่นไหล ฯ

O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองชนม์-
ซบร่างไร้เศียรบน - - - คชะ-แกล้ว
อำนาจเกียรติยศปรน- - - - เปรอแผ่น ดินเวย
สูรย์วับคนวอดแล้ว - - - ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ

O รูปหนึ่งอำนาจน้อม - - - ลงรอ
แต่เมื่อสองพี่-ม- - - - รณะพร้อม
เอ่ยอ้างวาสนายอ - - - ยกสู่ ฉัตรแฮ
อำมาตย์ขุนนางน้อม - - - นอบเกล้า-กรถวาย ฯ

O อนุชาธิราชเจ้า- - - - สามพระยา
น้อมหัตถ์รับยศถา - - - แต่งตั้ง-
ครองเมืองสืบขัตติยา - - - วงศ์ราช
ใครเล่าอาจหยุดยั้ง - - - อาชญ์ไท้ในสถาน ฯ

O อำนาจอาชญภาพพ้น - - - พันไผท
กรุงอยุธเกรียงไกร - - - ทัพแกล้ว
ยกสู่พระนครใน - - - กัมพุช แดนแฮ
เหยียบย่ำขอมสยบแล้ว - - - ศักดิ์ล้วนล่มสลาย ฯ

O แดนขอมแต่คาบนั้น - - - สิ้นนาม
แต่ทัพอยุธยาลาม - - - รุกล้อม
สิ้นยุคยิ่งใหญ่ตาม - - - แต่เหตุ นั้นนา
พระนครเศียรจำค้อม - - - สุดคั้นแรงขืน ฯ

O โอรสหน่อเนื้อ, พระ- - - - ส่งไป-
อยู่ร่วมมาตุคามไกล - - - แต่น้อย
คือสมเด็จบรมไตร- - - - โลกนารถ
สายเลือดสุโขทัย, ร้อย - - - ร่วมเชื้อสุพรรณภูมิ ฯ

O เพื่อศักดิ์และสิทธิ์-เชื้อ - - - ราชันย์
วงศ์พระร่วง, วงศ์สุพรรณ - - - อยู่พร้อม
ร่วมเครือญาติสมานฉันท์ - - - สองฝ่าย
แผ่อำนาจขึ้นล้อม- - - - รอบล้านนา-เหนือ ฯ

O เติบใหญ่ใกล้ชิดด้วย - - - หมู่ญาติ แม่นา
เพื่อรับรองบทบาท - - - หน่อไท้
ขุนนางเหล่าอำมาตย์ - - - เห็นชอบ อยู่เนอ
รวบพิษณุโลกเอาไว้ - - - อยู่ใต้แดนสยาม ฯ

O ยุษฐิธีระผู้ - - - สัมพันธ์
เติบใหญ่ขึ้นกลับผัน- - - - พลิกข้าง
เข้าด้วยติโลกราช, ฝัน- - - - เป็นใหญ่-
เหนือพิษณุโลก, อ้าง- - - - เอ่ยย้ำ-สัญญา ฯ




ภาพสงครามการรบระหว่างราชอาณาจักรอยุธยากับอาณาจักรล้านนาสมัยพระบรมไตรโลกนาถและพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่


ลำดับนี้ต่อไป .. ตามติดโคลงยวนพ่ายเข้าสู่สมรภูมิรบ ..


.. พรหมพิษณุบรเมศรเจ้า - - - จอมเมรุ มาศแฮ
ยมเมศมารุตอร - - - อาศนม้า
พรุณคณิกุเพนทรา - - - สูรเสพย
เรืองรวีวรจ้า - - - แจ่มจันทร ฯ ..

(กล่าวถึงเทพ ๑๑ องค์ได้แก่) พระพรหม พระวิษณุ พระอิศวร พระอินทร์ พระยม พระมารุตผู้ทรงม้าที่มีที่นั่งอันงาม พระพิรุณ พระอัคนี ท้าวกุเวรผู้เป็นจอมอสูร พระอาทิตย์ (ที่มี) แสงสว่างจ้า พระจันทร์ (ที่มีแสง) แจ่มกระจ่าง

.. เอกาทสเทพแส้ง - - - เอาองค์ มาฤๅ
เป็นพระศรีสรรเพชญ - - - ที่อ้าง
พระเสด็จดำรงรักษ์ - - - ล้ยงโลก ไส้แฮ
ทุกเทพทุกท้างไหงว้ - - - ช่วยไชย ฯ ..

เทพทั้ง ๑๑ องค์เสด็จมารวมกันเป็นองค์พระศรีสรรเพชญ์ เพื่อดำรงรักษาโลก โดยเทพทุกหนทุกแห่งช่วยส่งเสริมให้พระองค์ได้ประสบชัยชนะ

(เฉพาะโคลงตัวหนังสือสีเขียวด้านล่าง เป็นการแปลงโคลงดั้นยวนพ่าย เป็นโคลงสี่สุภาพ .. ซึ่งโคลงยวนพ่ายนี้เป็นพระราชนิพนธ์ใน"สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3" พระโอรสพระองค์โตของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถที่ประทับครองกรุงศรีอยุธยาช่วงที่พระบิดาเสด็จขึ้นไปประทับบัญชาการศึกที่พิษณุโลก ..

และเมื่อพระบรมไตรฯ ขึ้นไปประทับที่พิษณุโลกก็มีพระมเหสีอีกองค์หนึ่งจากราชวงศ์สุโขทัย พร้อมกับมีพระโอรสพระนามว่า "สมเด็จพระเชษฐาธิราช หรือต่อมาคือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2" ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของ "สมเด็จพระราชาธิราชที่ 3" เป็นน้องที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโอรสของพี่ชายคือ "สมเด็จพระอาทิตย์วงศ์ หรือ ต่อมาคือ สมเด็จหน่อพุทธางกูร หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4"

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นี้ครองราชย์นาน 38 ปีหลังจากพี่ชายคือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ครองราชย์ต่อจากพระบรมไตร ฯ ได้เพียง 4 ปีก็สวรรคต .. การครองราชย์นานของพระองค์ทำให้ปรากฎชื่อในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนในพระนาม .. "พระพันวษา"

ส่วนสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 นั้นนับเป็นกวีที่มีความรอบรู้ภาษาบาลีสันสกฤตสูงมากผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย .. ซึ่งนักปราชญ์พระองค์นี้คงต้องแตกฉานทั้ง รามายณะ และมหาภารตะยุทธ เป็นอย่างดีจึงสามารถนำมาอุปมาอุปไมยในงานเขียนได้ .. จากบทนี้ ..

๏ จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา
ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้
พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช
ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ฯ

เมื่อ ..
บานทพา คือ ปาณฑพ
เคารพ คือ เการพ

สันนิษฐานว่าพระองค์คือเป็นผู้แต่งโคลง .. ทวาทศมาส .. และ .. กำสรวลสุมทร(กำสรวลศรีปราชญ์) .. ด้วย .. มิใช่ 3-4 กวีร่วมกันแต่งในสมัยพระนารายณ์แต่อย่างใด .. )

O พระมาล่มโศกหล้า - - - เหลือสุข
มาตรยกไตรภพปลุก - - - ปลอบไห้
พระมากล่อมเกลาทุกข์ - - - ถ้วนสิ่ง
ทุกเทศทุกท้าวไท้ - - - นอบน้อมการณ์สนอง ฯ

O พระมายศยิ่งฟ้า - - - ดินชม ชื่นแฮ
มาแต่งไตรรัตน์, สม- - - - ภพรู้
พระมาเพื่อปรารมภ์ - - - เพญโพธิ ไส้แฮ
ใครแข่งใครข้องสู้ - - - สุดท้ายจักเห็น ฯ

O พระมาคฤโฆษเรื้อง - - - แรงบุญ ท่านนา
ถ้วนทั่วรับการุณ - - - กราบเกล้า
พระเสด็จแสดงคุณ - - - ครองโลกย ไส้แฮ
เอกกษัตริย์ส่องเฝ้า - - - ใฝ่ห้อมถวิลเห็น ฯ

O พระมายศโยคพ้น - - - พรหมา
ลือเลื่องยศขัตติยา - - - ปิ่นแก้ว
พระมาเทียบเทียมสมา- - - - ธิปราชญ เพรงแฮ
มาเทียบมาทบแผ้ว - - - แผ่นพื้นไตรภูมิ

O ศักดานุภาพแกล้ว - - - การรงค รวจแฮ
สบศาสตราคม, อง- - - - อาจรู้
สรรเพชญแกว่นการทรง - - - สรรพศาสตร์
สบศึกพระรบสู้ - - - ล่มเสี้ยนสลายสูญ ฯ

O ระบิลระเบียบเบื้อง - - - เบาราณ
พระถ่องถ้วนรูปการณ์ - - - ยิ่งผู้
แบบแผนเรื่องกลอนกานท์ - - - โคลงกาพย ก็ดี
ทรงแจ่มแจ้งรอบรู้ - - - ถูกต้องระเบียนวรรณ ฯ

O สารสยามภาคยพร้อง - - - รำพัน นี้ฤๅ
คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย
เบญญาพิศาลบรร- - - - โลมโลก พระฤๅ
คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กลีบสร้อยสุมาลย์สี ฯ


O แว่วเสียงโคลงแซ่ซ้อง - - - สดุดี
ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้-
เตรียมทัพรับยุทธี - - - ทำศึก
ให้เหล่าลาวได้รู้ - - - อาชญ์แกล้วกรุงสยาม ฯ

O บวงพระนิ่งนึกเนื้อ - - - นัยความ
เมื่อศึกล่วงมาตุคาม - - - เขตแคว้น
พาให้พลัดพรากงาม, - - - ไปห่าง
ทุกข์, ลำบากยากแค้น - - - จักเค้น-มอบคืน ฯ

O คำ, ความ-บวงบอกไว้ - - - รองถวิล
รอเถิดเมื่อภัยอรินทร์ - - - ราบแล้ว
จักย้อนกลับรับยิน- - - - ดีโลก นาแม่
จงทุกข์โศก-อย่าแผ้ว - - - ผ่านกล้ำกรายขวัญ ฯ

O รักพี่โศภิตพ้น - - - อุปมา
อันพากย์ปราชญ์เทวดา - - - รับไว้
จักคงคู่กัลปา - - - ยืนโยค
แม้นแผ่นดินฟ้าไหม้ - - - ยากสิ้นยากสูญ ฯ

O แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ
ตามต่อยไพรีลาญ - - - ร่อนแกล้ว
เมื่อลาวเหล่ารำบาญ - - - ใจบาป
รบที่น้ำลิบแล้ว - - - ล่มล้างลาวสลาย ฯ

O ปางเค้นผู้ทุรยศเจ้า - - - เจียนตาย
เมื่อพลิกเป็นเสี้ยนสาย - - - ศึกแกล้ว
ปางเมื่อปิ่นลาวหมาย - - - ไหมโทษ เท็จนา
สมคบเชียงชื่นแล้ว - - - แข่งบ้านแข็งเมือง ฯ

O ปางเมื่อเชียงชื่นเศร้า - - - ใจพล พรั่นนา
เพราะเลื่องลือพลังรณ - - - ปิ่นเกล้า
ปางพระล่อลวงกล - - - เล่ห์ศึก
โถมถั่งกำลังเข้า - - - บุกปล้นชิงเสบียง ฯ


O แสะ, สาร, คน, ดาบ-ข้าม - - - สิงขร
รุดเร่งใต้ทินกร - - - แผดกล้า
คมดาบวับวามตอน - - - แสงเหลื่อม
รอวาดใส่ชั่วช้า - - - เชือดเนื้อเถือหนัง ฯ

O ดาบ-วก, ชีวาตม์ม้วย - - - มรณัง
แดดแผดเผา, ชีพพัง - - - ร่วงพื้น
เท้าย่ำเหยียบ, ความชัง - - - แจ่มชัด ตานา
เสียงแผดร้องโอดอื้น - - - อาจรู้สิ้นหรือ ฯ

O ดาบวก, คมวาบ-แล้ว - - - เลือดกระเซ็น
คมแทรกเนื้อ, กระดูก, เอ็น - - - แบะอ้า
ขอ, ทวน, โทษ, ทุกข์เข็ญ - - - คอยอยู่
คอยชีพแกล้วผู้กล้า - - - กลบพื้นปฐพินทร์ ฯ

O ดาบวาด, ชีวาตม์ล้ม - - - บรรลัย
ลิ่มเลือด, คาวเลือด-ไหล - - - หล่นพื้น
คมทวน-ทิ่มแทง, ขัย - - - ขาดช่วง แล้วนา
ดาบเชือด, เลือดคาวชื้น - - - ชุ่มล้ำคำประลือ ฯ

O อยู่ไทธิเบศเจ้า - - - จอมปราณ
พราวพรึบพลรณการณ์ - - - ฉกาจแกล้ว
ครั้นพระฝ่ารำบาญ - - - ยวนย่อย ยับนา
รบที่น้ำลิบแล้ว - - - เลื่องชั้นลือชัย ฯ

O จึงชักช้างม้าค่อย - - - ไคลคลา
ยกกลับอยุธยา - - - แต่นั้น
พ่างเพียงหมู่ปาณฑพา - - - ทรงเดช
ข่มหมู่เการพขยั้น - - - ขยาดไข้ทุกข์เข็ญ ฯ

O ทีนั้นธิเบศรเรื้อง - - - รณรงค์ เลิศแฮ
อยู่มอบรางวัลสง- - - - เคราะห์แกล้ว
ด้วยญาณพระทราบ, ตรง - - - ซื่อคด ถ่องแล
ใครชอบใครชั่วแล้ว - - - ทั่วทั้งในพิถี ฯ



O แว่วข่าวทัพกลับย้อน - - - ถึงอกเมือง, อกร้อน-
รุ่มนั้นพลันสลาย

O ถวิลถึงชายชาติผู้ - - - เฝ้าใฝ่หาใฝ่รู้
เลศชู้ประโลมขวัญ

O จนแสงวันลูบฟ้า - - - จึงรูปงามเผยหน้า
เหลือบละล้าละลังเหลียว

O จนมือเรียวคดข้าว - - - สู่บาตร, พระสืบก้าว
ล่วงพ้นกุศลสถาน

O จึง-เนตรคราญสบแล้ว - - - สบชาติชายฉกาจแกล้ว
ผ่องแผ้วแววตา

O จึง-อาวรณ์ลึกล้ำ - - - จู่อกแก้วซ้อนซ้ำ
เตรียบน้ำใจสนอง

O ลอบมองแล้วเหลือบชม้าย - - - เพรียกชาติภพเผ่นผ้าย-
พรึบพร้อมประนอมประนัง

O เมื่อชายชาติสืบก้าว - - - ก็เมื่อนั้นรูปอะคร้าว-
สะทกสะเทิ้นสะท้านหทัย


O กรกบ, หน้าจบน้อม - - - วันทนา
ปรางเรื่อ, รูปพักตรา - - - ประหนึ่งแต้ม-
เติมรูปติดคะนึงหา - - - ให้ห่วง
มือรับไหว้, เนียนแก้ม - - - ก่ำ-ล้อแรงภิรมย์ ฯ

O พิศรูปพักตร์เรื่อ-แต้ม - - - ติดตา
หอมรื่นลมร่ำพา - - - ผ่านต้อง
อกชายอิ่มเอมปรา- - - - โมทย์แต่ สบเนอ
สบเนตร, แววเนตรฟ้อง - - - ฝากชู้ตระกองโฉม ฯ

O หอมรื่นลมร่ำล้อม - - - ประโลมใจ
รื่นกว่าริ้วลมไหล, - - - เลศแก้ว
ฟ้าบนรัศมีไพ- - - - จิตส่อง
แจ้งกว่าสูรย์แจ้งแล้ว, - - - พักตร์เบื้องหน้าเผชิญ ฯ


ต่อภาค 2




Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 9:36:03 น. 29 comments
Counter : 1802 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ
.....
ใจที่ขุ่นที่แค้น ย่อมแค้นจนขม

รับรู้ได้เพราะความรู้สึก ขณะนี้ก็ไม่ต่างจากเรื่องย้อนยุกต์ที่คุณสดายุสื่อไว้ งดงามมากค่ะ จะขออนุญาตตามอ่านนะคะ

มีความสุขกับการรังสรรค์งานคุณภาพนะคะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:17:56:05 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

รออ่านด้วยอีกคนค่ะ...


โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.119.191 วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:7:54:44 น.  

 
สวัสดีครับคุณวลี

ช่วงหลังผมไม่ค่อยได้เขียนโคลงบ่อยนัก ..
ทั้งๆที่เป็นฉันทลักษณ์ที่บรรยายความได้ลึกซึ้งไม่แพ้กลอนแปด .. เพียงแต่เขียนได้ช้ากว่า

บทนี้ตั้งใจว่าจะยาว .. คงเขียนไปเรื่อยๆครับ
ชอบประวัติศาสตร์กรุงศรีฯ .. คนอ่านก็ต้องชอบกรุงศรีฯไปด้วย .. ไฟต์บังคับ .. อิๆๆ







น้องเล็กตัวน้อย
เข้าใจว่าโคลงจะเป็นที่เข้าใจได้ง่ายกว่าฉันท์ .. จึงอุตสาหะเขียนโคลง ..

และบทนารีปราโมชในโคลงจะสื่ออกมาได้ตรงใจกว่า

หนาวนัก .. ดูแลสุขภาพนะคะ


โดย: สดายุ... วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:12:51:00 น.  

 
แวะมา สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณสดายุ....

มีความสุขมาก ๆ ...นะคะ






โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:12:17:22 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ครับพี่พรหมญาณี

พอดีกับลงมาดูงานที่กรุงเทพช่วงนี้ .. เลยไม่ค่อยได้เข้าบล็อคมากนัก .. เพราะมีเรื่องต้องทำหลายเรื่อง

หวังว่าพี่คงสบายดี สุขภาพแข็งแรงนะครับ



โดย: สดายุ... วันที่: 24 มกราคม 2556 เวลา:7:26:55 น.  

 
ประทับใจ ไพเราะมากค่ะ (Y)


โดย: Kanyarat noi IP: 180.183.249.228 วันที่: 28 มกราคม 2556 เวลา:9:39:58 น.  

 
สวัสดีครับคุณกัญญารัตน์

ยินดีที่แวะมาทักทายครับ


โดย: สดายุ... วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:7:34:20 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ
งดงามมากค่ะ จะเขียนเป็นเรื่องยาวหรือเปล่าคะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:18:01 น.  

 
สวัสดีครับคุณวลี ..

ครับ ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องยาว(ไม่มาก)นัก .. ค่อยๆเขียนวันละบทสองบทครับ ..อิๆๆ

ที่จริงโคลง๒ เขียนบทนารีปาโมชได้ไม่เลวทีเดียว


โดย: สดายุ... วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:38:20 น.  

 
อ้าวที่เขียนข้างบนไม่ใช่โคลงสี่สุภาพเหรอคะ แต่ช่วงบทอัศจรรย์ (๒) เป็นร้อยกรองประเภทไหนคะ

คุณสดายุเขียนร้อยกรองประเภทไหนก็เพราะค่ะ ยิ่งเขียนในนารีปราโมชด้วยแล้วยิ่งไพเราะค่ะ


โดย: วลีลักษณา IP: 49.49.129.124 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:35:20 น.  

 
ที่ผมเขียน ๒ นั่นคือ โคลงสองครับ
ส่วน ๔ ก็คือโคลงสี่สุภาพธรรมดา

ส่วนใหญ่ โคลงสอง โคลงสาม ร่าย เราไม่ค่อยเห็นคนเขียนบ่อยนัก .. วรรณกรรมโบราณเขาเขียนกันตอนเข้าลิลิต เท่านั้นครับ



โดย: สดายุ... วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:7:01:14 น.  

 
O จบจูบ, ตาซ่อนยิ้ม - - - ถูกจบจูบ, ตาพริ้ม-
หลบ-สะท้อนสะท้านเขิน


*** อ่านแล้วสะท้านไปถึงไหนต่อไหน
หวานจับจิต จับใจ เชียวค่ะ ***

ขอบคุณค่ะ


โดย: Pikake วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:18:57 น.  

 
สวัสดีครับคุณPikake

ตอนเขียนบทนี้ .. เห็นภาพบางคนปรากฎขึ้นมา .. ก็เลยบรรยายตามภาพครับ

อิๆๆ

ยังไปต่อไม่ถึงไหนเลย ..ไม่ค่อยมีเวลา
ยินดีที่แวะมาพูดคุยครับ




โดย: สดายุ... วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:6:07:19 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

ไม่ได้เข้ามานานเลย ยุ่งๆน่ะค่ะ...

วันนี้อากาศเย็นนะคะ เด๋วร้อน เด๋วเย็น แย่นะคะ

รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.109.144 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:30:57 น.  

 


jĭn zhù xīn nián kuài lè xìng fú,dà jí dà lì.

จิ่น จู้ ซิน เหนียน ไคว้ เล่อ ซิ่งฝู ต้า จี๋ ต้า ลี่

ขอให้ปีใหม่นี้ประสบความสุขสวัสดิมงคล

I hope you have a most happy

and prosperous New Year.

มีความสุขรับปีใหม่นะค่ะ

ปล...ใครบางคนที่ว่าอยู่ในหัวข้อบล็อค

ที่มีชื่อว่า Body Shape - woman .. หรือเปล่า อิอิ


โดย: Pikake วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:24:14 น.  

 
น้องเล็กตัวน้อย ..

ค่ะ พี่เองก็ค่อนข้างยุ่งมากกับซีรี่ย์เกาหลี อิๆๆ
เช้าๆ ยังหนาวอยู่เลย .. สมกับที่อยู่"ลำปางหนาวมาก"
ทำให้นึกถึงหาดทรายขาวๆ แดดเปรี้ยงๆ ที่เกาะเสม็ดเสียจริง ..

เปิดดูรูปในบล็อค"ท่องเที่ยวดูนะ .. ทะเล หาดทราย แบบนั้นเลย สวยงามมาก






สวัสดีครับคุณ Pikake
สวัสดีปีใหม่จีนครับ ..
ขอให้ทำมาหากินร่ำรวยอย่ามีที่สิ้นสุด

ใครบางคน นั้นอยู่ใน "ทรวดทรงองค์เอว"ครับ
ต้องแบบนั้น .. อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:51:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ก็ว่าอยู่ว่าน่าจะผิดกลุ่ม

รูปที่สรรหามานั้นสวยจังเลย
อย่างกับจำแลงแปลงกายมา
จากจินตนาการเลยเชียว

ปล..มีความสุขมากๆ นะค่ะ
สุขภาพแข็งแรงๆ สมบูรณ์
(เจ้าของบล็อคหุ่นดีเชียว) จากรูป


โดย: Pikake วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:25:17 น.  

 
สวัสดีครับคุณ Pikake

สำหรับผมแล้ว .. หน้าท้องที่ผ่านการออกกำลังจนเป็นลอนนั้นดู sexy ที่สุดสำหรับผู้หญิง .. เพียงแต่หายากในสาวไทย .. เพราะบ้านเราสาวๆขี้เกียจออกกำลัง .. ชอบอดอาหารมากกว่า .. หน้าท้องจึงแค่เรียบๆแบนๆ

สาวละตินครับ งามขนาด .. 55

ส่วนเจ้าของบล็อค .. ต้องออกกำลังทุกวัน เตรียมตัวให้แข็งแรงสำหรับการศึกใหญ่หลวงในภายภาคหน้า ขอรับ .. อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:45:33 น.  

 

แบบบ้านที่ให้ดู ดูแล้วนะคะ...แล้วคุยกันค่ะเรื่องนี้...

เย็นนี้มารับด้วยเจ้าค่ะ... ^^


โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.96.192 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:18:54 น.  

 
น้องเล็กตัวน้อย ..

เจ้าค่ะ .. บ้านหลังนั้นสวยมากนะ พี่ชอบมาก
ส่วนเย็นนี้ .. ได้ค่ะ ..


โดย: สดายุ... วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:07:47 น.  

 
สวัสดีคะ

ผู้เขียนภาษากวี คำคล้องจ้องสวยๆ งาม
อ่านแล้วไม่ติดไม่ขัด ก็หายากเช่นกัน
แต่ทว่า...การเขียนแล้วเข้าถึงคนอ่านนั้น
กลับหายากยิ่งกว่า...ที่นี่เป็นหนึ่งในนั้น(เข้าถึง)ผู้อ่าน

ปล...สาวไทยไม่ชอบออกกำลังกาย
เพียงแต่ว่าสาวไทยชอบอดอาหาร
ไม่ดีเลยเนอะ...น่าจะออกกำลังกายมากกว่า

เจ้าของบล็อคดูท่าจะเป็นผู้ชายเซ็กซี่ อิอิ

อีกนิด...การหน้าหากมีศึกจะนึกถึงท่านสดายุ...
เป็นท่านแรกเลย เชียว...


โดย: Pikake วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:08:34 น.  

 
สวัสดีครับ คุณ Pikake

ที่จริงแล้ว ร้อยกรอง เป็นวิธีเลือกสรรคำมาใช้ให้รับกับบริบทที่เขียน .. คำจึงจำต้อง"กลั่นกรอง"ให้เหมาะสมก่อนจะนำมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวที่จะสื่อให้คนอ่าน ..

คนชอบใช้สำบัดสำนวนจึงชอบที่จะกรองคำออกมาสื่อกับผู้อ่านให้จินตนาการตาม .. เป็นความรื่นรมย์ใจอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับการเล่นดนตรี

ส่วนผมท่าทางจะเป็นผู้ชาย sexy หรือไม่นั้น .. สาวน้อยของผมก็รับรองเช่นนั้น ! .. (แต่สงสัยว่าเขาจะพูดเล่น)

ศึกครั้งที่จะถึงนี้จึงใหญ่หลวงนัก .. ! ขะรับ

ยินดีที่แวะมาทักทายพูดคุยกันนะครับ


โดย: สดายุ... วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:07:02 น.  

 
มีความสุขกับความรัก ไม่ว่ารักนั้นจะเป็นรักแบบใด กับใคร
ขอให้สมหวังในความรัก และมีความรักที่บริสุทธิ์ยืนยาว ตลอดไป...นะคะ

HAPPY VALENTINE’ S DAY !!





โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:40:29 น.  

 
สวัสดีครับพี่พรหมญาณี

ขอบคุณสำหรับคำอวยพร ..
ขอให้สมพรปากครับ .. จนกว่าจะตายจากกัน

หวังว่าพี่คงสบายดีทุกประการ
และตลอดไปกับ บุคคล และวัตถุแวดล้อม ที่มีอยู่
อีกทั้งเจริญพร้อมในธรรม


โดย: สดายุ... วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:50:25 น.  

 
สวัสดีค่ะ มาอ่านอีกก็รู้สึกถึงความเก่า ขลัง ^^


โดย: medkhanun IP: 202.28.45.10 วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:15:20:51 น.  

 
เลี่ยมทองเชียวนะ


โดย: นายก๊อง IP: 58.11.178.22 วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:14:12:08 น.  

 
สวัสดี .. เม็ดขนุน
เป็นไงบ้างอากาศที่ แม่ฟ้าหลวง หมอกควันเยอะไหม




สวัสดีครับครูไหว ฯ
บทนี้ตั้งใจบรรจงครับ สองสามวันได้บท อิๆๆ
พักหลัง จะใช้เวลานานขึ้นครับในการเขียน ไม่เหมือนช่วงปี 51-52 ..

ครูสบายดีนะครับ


โดย: สดายุ IP: 118.172.108.114 วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:14:56:48 น.  

 
มาติดตามความเคลื่อนไหว ในถ้อยคำอันจับใจ
ไปติดตามอ่าน แผ่นโคลง รามเกียรติ์ ๑ มา
และจะติดตามอ่านไปเรื่อยๆ ชอบมากค่ะ

ขอบคุณมากนะพี่สดายุ...

ปล...ไม่รู้จะจำได้ไหมหายไปนานหลายปี
ตอนนี้กลับมาแล้วนะค่ะ แอบมาลงชื่อไว้
หลายครั้งแล้ว....หายไปค้นหาสัจธรรม มาค่ะ


โดย: บุปผาลีลาวดี/น้องโปร์ (Pikake ) วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:22:27:56 น.  

 
น้องโปร์

สวัสดีค่ะ .. จำได้สิ ..
บุปผาลีลาวดี ชื่อนี้ไม่เห็นแวะเวียนมานับนาน .. ไปค้นหาสัจธรรมมาหรอกรึ .. แล้วเจอไหม ?

หากชอบโคลง ก็มาอ่านเรื่อยๆ ที่บล็อคนี้แหละ บทนี้พี่เขียนยาวไม่จบง่ายๆหรอก ..

แล้วทำไมเปลี่ยนชื่อใหม่อีกแล้ว ?



โดย: สดายุ... วันที่: 12 มีนาคม 2556 เวลา:6:11:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.