Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2560
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 มิถุนายน 2560
 
All Blogs
 

ถอดความเรื่องเล่าจาก The Shock ชุดที่ 28



  สำหรับชาว pantip ผู้ที่รักการอ่านมากกว่าการฟังค่ะ หัวเราะ


ถ้ามีตรงไหนที่ผิดพลาดหรือยังไงก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ Facepalm

1.แอบตายที่ใต้เตียง
2.ยายไอ้แผน
3.ลุงจัน
4.คนแต่งหน้าศพ
5.เพื่อนข้างบ้าน

และก็ขอฝากจิ้มไปที่เพจด้านล่างนี้นิดนึงนะคะ
https://www.facebook.com/THEEYESOFGHOST/
ชื่อเพจว่า คนอ่านผี ค่ะ

อย่าลืมติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ รับรองว่าจะมีออกมาให้อ่านกันจนเบื่อเลยค่ะ

ประสบการณ์สยองขวัญ
#แอบตายที่ใต้เตียง
เล่าโดย : คุณหนึ่ง

    เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่หอพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกรุงเทพ เมื่อประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณหนึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง และได้เช่าหออยู่แถวๆมหาลัย ห้องของคุณหนึ่งจะอยู่ที่ชั้นห้า คุณหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวจนขึ้นปีสอง

    ก็ได้รู้จักกับเพื่อนคนนึง ชื่อคุณบอย เป็นนักศึกษาที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ อยู่ห้องเดียวกัน หลังจากที่คุณหนึ่งเริ่มสนิทกับคุณบอย จนเรียกได้ว่าซี้กันมาก จึงได้ชวนคุณบอยย้ายมาอยู่หอพักด้วย เพราะจะได้ช่วยกันหารค่าห้อง

    หลังจากที่คุณบอยย้ายเข้ามาอยู่ได้สักพัก คุณบอยก็มีแฟน และได้พาแฟนเข้ามาอยู่ด้วย ด้วยความที่คุณหนึ่งคิดว่าคุณบอยคงอยากจะอยู่กับแฟนแบบส่วนตัว คุณหนึ่งจึงได้ย้ายหอไปอยู่อีกซอยนึง

    หลังจากนั้นประมาณสี่เดือน คุณบอยกับแฟนก็เริ่มทะเลาะกัน โดยที่ฝ่ายหญิงคิดว่าคุณบอยแอบไปมีคนอื่น จนทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวัน ปรากฏว่าแฟนของคุณบอยคิดสั้นกระโดดตึกเสียชีวิต ในเวลาประมาณเที่ยงคืน ตอนที่คุนบอยกำลังหลับอยู่

    จนเช้าวันต่อมา คุณหนึ่งก็ไปเรียนที่มหาลัยปกติ โดยที่ยังไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอเห็นคุณบอยเดินมาเรียนคนเดียว คุณหนึ่งก็ถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมแฟนไม่มาด้วย คุณบอยอ้ำๆอึ้งๆอยู่พักหนึ่ง

    ก็ยอมบอกว่าแฟนกระโดดตึกตายเมื่อคืน คุณหนึ่งและเพื่อนคนอื่นๆก็นึกว่าคุณบอยล้อเล่น คุณบอยจึงให้ไปถามคนที่อยู่แถวนั้นดู เพราะรู้กันเกือบทั้งซอย แต่คุณบอยก็ยังไม่ได้ย้ายออก เพราะติดที่ค่ามัดจำ

    เย็นวันนั้น หลังจากเลิกเรียน คุณบอยก็กลับมาที่ห้องปกติ จนวันที่สอง เวลาประมาณห้าทุ่ม คุณบอยนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง รู้สึกเห็นอะไรบางอย่างขยับเขยื้อนอยู่แถวๆหางตา จึงได้หันไปมอง

    ปรากฏว่าเห็นแฟนนอนตะแคง เอามือเท้าหัว จ้องคุณบอยตาไม่กระพริบอยู่บนตู้เสื้อผ้า ใบหน้าเฉยเมย จนเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผิวซีดขาวออกคล้ำๆ สายตาของคนตายที่จ้องมาทางคุณบอย ทำให้รู้สึกเย็นไปทั้งร่าง ทั้งที่ปกติแล้วคุณบอยเป็นคนไม่กลัวผี แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้ามันก็ชวนให้ขนหัวลุกตั้ง

    เศษเสี้ยวของความกลัวเล็กๆ ผุดขึ้นเกาะกุมอยู่ในใจ จนวันต่อมา เวลาประมาณตีสอง คุณบอยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ภายในห้องจะมืดมาก มีแสงไฟจากด้านนอกสาดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้เห็นสภาพห้องสลัวๆ

    ปรากฏว่าคุณบอยเห็นเงาร่างหนึ่ง ยืนอยู่บนเตียง แล้วโค้งลำตัวลงมาหา เหมือนกำลังจ้องมองหน้าคุณบอย คุณบอยพยายามเพ่งมองเงาที่โค้งลำตัวลงมา จนพอมองออกว่านั้นคือแฟนของตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้ว

    มีเสียงเย็นๆแหบๆ พูดขึ้นมาอย่างช้าๆว่า "บอย ไปอยู่ด้วยกันมั้ย" คุณบอยรู้สึกชาไปทั้งตัว ทั้งๆที่รู้ว่านั่นคือแฟน แต่ความกลัวมันเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ แทนความกล้าที่มันเริ่มพังทลายลงทีละนิด คุณบอยแข็งใจตอบกลับไปว่า "ไม่ไป ยังเรียนไม่จบ" แต่เงาดำนั่นก็ยังคงยืนจ้องคุณบอยอยู่แบบนี้ทั้งคืน

    หลังจากวันนั้น คุณบอยจะถูกแฟนมากวนอยู่ทุกๆคืน จนเริ่มอยู่ไม่ได้ จึงได้มาปรึกษาคุณหนึ่งกับเพื่อนๆที่มหาลัย คุณหนึ่งก็บอกว่าแถวนี้มีวัดอยู่ที่หนึ่ง หลวงพ่อท่านเก่งมาก จึงได้ชวนกันไปปรึกษาดู แต่พอไปถึง หลวงพ่อท่านไม่อยู่วัดพอดี

    จึงได้เข้าไปปรึกษาหมอธรรมที่อยู่ในวัดแห่งนั้น หมอธรรมแนะนำว่าให้คุณบอยลงไปนอนที่ใต้เตียงเป็นเวลาเจ็ดวัน ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกมาจากใต้เตียงเด็ดขาด จากนั้นคุณบอยก็ได้ทำตามคำแนะนำของหมอธรรม

    จนย่างเข้าวันที่สี่ เป็นวันสอบปลายภาค คุณหนึ่งก็งงว่าทำไมวันนี้คุณบอยถึงไม่มาสอบ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของนักศึกษามาก หลังจากสอบเสร็จเวลาประมาณหกโมงเย็น คุณหนึ่งจึงไปหาคุณบอยที่ห้อง

    แต่ก็เข้าห้องไม่ได้ เพราะว่าลูกบิดถูกล็อกไว้จากด้านใน ซึ่งคุณหนึ่งเคยบอกกับคุณบอยไว้ว่าในช่วงที่กำลังทำพิธีนี้อยู่ ห้ามล็อคห้อง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณหนึ่งจะได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที

    คุณหนึ่งจึงไปตามแม่บ้านให้มาช่วยเปิดห้อง หลังจากที่เปิดประตูห้องเข้าไป มีกลิ่นบางอย่างที่เหม็นมาก ทะลักออกมาจากในห้อง จนคุณหนึ่งและแม่บ้านต้องเอามือปิดจมูก คุณหนึ่งพยายามนึกว่ามันคือกลิ่นของอะไรกันแน่ แต่ก็นึกไม่ออก

    ภายในห้องค่องข้างมืดทึบ ผ้าม่านถูกดึงปิดไว้จนมิด ประกอบกับเป็นช่วงเวลาประมาณหกโมงครึ่ง แม่บ้านจึงเดินฝ่าความมืดเข้าไปในห้อง เพื่อที่จะไปเปิดประตูหลังห้องให้ระบายกลิ่นออกไปบาง แต่ไปสะดุดเข้าอะไรบางอย่างจนเกือบหน้าคว่ำ คุณหนึ่งและแม่บ้านจึงช่วยกันมอง ปรากฏว่ามันคือแขนของคุณบอย โผล่ออกมาจากใต้เตียง

    คุณหนึ่งและแม่บ้านจึงรีบช่วยกันดันเตียงออก ก็พบว่าคุณบอยนอนหงายลิ้นจุกปาก ลักษณะเหมือนถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ ที่ลำคอมีลอยแดงๆช้ำๆ เหมือนถูกบีบอย่างแรง เมื่อคุณหนึ่งเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกฉุนหมอธรรม คนที่แนะนำให้คุณบอยทำพิธีนี้มาก

    จึงได้นั่งแท็กซี่ไปหาคืนนั้นเลย หมอธรรมก็ถามว่า "ตอนที่ผู้หญิงกระโดดตึก เค้ากระโดดลงสภาพไหน" ซึ่งคุณหนึ่งก็ไม่ทราบ จึงได้โทรถามแม่บ้าน เพราะแม่บ้านเห็นสภาพศพ แม่บ้านบอกว่าเอาหัวลง

    หมอธรรมจึงบอกว่า "เวลาที่ผู้หญิงเค้ามา เค้าไม่ได้เอาเท้าเดิน แต่เค้าเอาหัวเดิน ใช้หัวไถมากับพื้น จากระเบียงหลังห้องแล้วไถไปรอบๆเตียง จึงสามารถมองเห็นคนที่นอนอยู่ใต้เตียง" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด


ประสบการณ์สยองขวัญ
#ยายไอ้แผน
เล่าโดย : คุณลพ

    เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา คุณแผนกับคุณโพธิ์เป็นพี่น้องกัน ไปไหนก็มักจะไปด้วยกัน ไม่ว่าจะไปปักเบ็ด ดักหนูที่ทุ่งนา บ้านของทั้งสองคนจะอยู่ติดเขา

    คุณพ่อคุณแม่ของคุณแผนกับคุณโพธิ์จะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะต้องไปเฝ้าไร่ที่อยู่ติดกับชายเขา คอยไล่พวกสัตว์ป่าที่ลงมากินพืชผล ปล่อยให้คุณแผนกับคุณโพธิ์อยู่กับคุณยาย

    ปกติคุณลพเป็นคนชอบปักเบ็ดหาปลา จึงมักจะไปกับคุณแผนกับคุณโพธิ์อยู่บ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณแผนได้ไปเหยียบหอย จนเลือดไหลนองเต็มเท้า จึงช่วยกันพยุงกลับมาบ้าน

    คุณโพธิ์อาสาจะไปซื้อยามาล้างแผล แล้วให้คุณลพอยู่เป็นเพื่อนคุณแผน พอคุณโพธิ์ออกไปได้สักพัก คุณแผนก็นอนหลับไป ส่วนคุณลพก็จัดการเอาผ้าพันแผลห้ามเลือดไว้ก่อน

    แต่อยู่ๆ คุณยายที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ข้างๆ ก็กระโดดลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วพูดว่า "เป็นอะไร ไปไหนกันมา" ทำให้คุณลพตกใจมาก เพราะปกติ คุณยายจะเป็นอํามพฤกอัมพาต นอนนิ่งขยับตัวไม่ได้ พูดจาไม่ได้ ตัวผอม ผมขาวไปทั้งศีรษะ

    คุณลพก็ตอบกลับไปว่า "แผนโดนหอยบาดครับ ผมห้ามเลือดให้อยู่" แล้วคุณยายก็กวักมือเรียกพร้อมกับพูดว่า "ไอ้หนูมานี่ซิ" คุณลพจึงลุกขึ้นเดินไปหาคุณยายด้วยอาการงงๆ

    แล้วคุณยายก็บอกให้คุณลพขึ้นมานั่งใกล้ๆ คุณลพก็ไปนั่งข้างๆอยู่ยาย แต่อยู่ๆคุณยายก็ผลักตัวคุณลพจนล้มลง แล้วก็ไล่คุณลพเสียงดังว่า "ไป!! เอ็งอะไป ร้อน อยู่แล้วร้อน ไป!!"

    ทำให้คุณลพรู้สึกงงเข้าไปใหญ่ จึงตอบกลับไปว่า "เดี๋ยวรอให้โพธิ์มันกลับมาก่อนได้มั้ยครับ จะได้อยู่ห้ามเลือดให้ไอ้แผนมันก่อน" คุณยายไม่ฟัง เอาแต่ตะโกนไล่คุณลพอย่างเดียว "ไปเลย เอ็งอะไป ออกจากบ้านข้าไปเลย"

    คุณลพได้แต่คิดว่าตนเองทำอะไรผิด หรือเพราะว่าพาคุณแผนไปเที่ยวกันจนได้รับบาดเจ็บ สักพักคุณโพธิ์ก็วิ่งกลับมา แต่อยู่ๆคุณยายก็ล้มตัวลงนอนทันที เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณลพจึงบอกกับคุณโพธิ์ว่า

คุณลพ : เฮ้ยโพธิ์ ข้ากลับก่อนนะ
คุณโพธิ์ : เฮ้ยเอ็งจะรีบไปไหน อยู่ด้วยกันก่อนดิ ช่วยกันทำแผลก่อน
คุณลพ : ยายเอ็งไล่ข้า
คุณโพธิ์ : จะบ้าเรอะ ยายข้าพูดไม่ได้จะเป็นปีสองปีแล้ว
คุณลพ : ยายเอ็งลุกขึ้นมานั่งแล้วไล่ข้า จริงๆ
คุณโพธิ์ : โกหกเหรอวะ จะเป็นไปได้ยังไง ทุกวันนี้กุยังต้องป้อนข้าวเช็ดตัวให้อยู่เลย
คุณลพ : จริงๆ ยายเอ็งลุกขึ้นมานั่งยองๆ แล้วผลักข้า
คุณโพธิ์ : เออๆ ถ้าจะไปก็ไป

    คุณลพก็เลยเดินกลับบ้าน หลังจากวันนั้นคุณแผนก็มาโรงเรียนไม่ได้ ส่วนคุณโพธิ์ก็ต้องอยู่ดูแลคุณแผน จนผ่านมาสองวัน คุณโพธิ์มาบอกกับคุณลพว่า "ลพ ไปนอนเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย"

    คุณลพก็ตอบแบบเคืองๆว่า "แล้วยายเอ็งจะไม่ด่าข้าเหรอวะ" คุณโพธิ์ตอบกลับมาว่า "จะด่าได้ยังไง ยายข้าพูดไม่ได้" คุณลพเถียงกลับไปว่า "พูดได้จริงๆ" แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณโพธิ์ก็ไม่เชื่อ แต่สุดท้ายคุณลพก็ยอมตามคุณโพธิ์กลับไป

    ลักษณะจะเป็นบ้านไม้สองระดับ คุณยายจะนอนอยู่ชั้นล่าง ส่วนคุณลพและคนอื่นๆจะนอนตรงพื้นยกระดับสูงขึ้นมาหน่อย ช่วงหัวค่ำ คุณลพก็นั่งมองคุณโพธิ์ที่กำลังป้อนข้าวเช็ดตัวให้คุณยาย ซึ่งดูแล้วมันขัดใจคุณลพมาก เพราะหลายวันก่อน คุณยายยังกระโดดลุกขึ้นนั่ง ไล่คุณลพอยู่เลย

    จนตกดึกก็ได้เข้านอน คุณแผนจะนอนริมสุด คุณโพธิ์จะนอนตรงกลาง ส่วนคุณลพนอนอีกริมหนึ่ง คุณลพรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียง "คลืดด..พรืดด" เสียงมันมาจากทางมุ้งของคุณยาย

    คุณลพจึงผงกหัวขึ้นมาดู ภายในบ้านค่อนข้างมืด เห็นเพียงมุ้งสีขาวๆลางๆ ปลิวเป็นคลื่นเบาๆเพราะแรงลม แต่พอคุณลพลองเพ่งมองดูดีๆ ปรากฏว่าเห็นคุณยายกำลังคลานออกมาจากมุ้ง

    ลักษณะคลานสี่ขา จนไปถึงหัวบันไดหน้าบ้าน แล้วอยู่ๆคุณยายก็กระโดดพรวดลงไปข้างล่าง คุณลพที่เห็นแบบนี้ก็รู้สึกตกใจปนสยอง รีบหันไปเขย่าคุณโพธิ์ที่นอนอยู่ข้างๆ ปากก็พยายามพูดให้เสียงลอดออกมาเบาๆ แต่ให้ชัดเจนที่สุด เพราะกลัวว่าคุณยายจะได้ยิน "ไอ้โพธิ์ ตื่นก่อนเร็ว ยายเอ็งกระโดดลงจากบ้านว่ะ"

    แต่ไม่ว่าจะเขย่าแรงแค่ไหน คุณโพธิ์ก็เหมือนว่าจะไม่รู้สึกตัว จนคุณลพไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยล้มตัวลงนอน พยายามเพ่งมองไปที่ประตูหน้าบ้าน ระวังตัวแจ เผื่อว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ จะได้รีบมือได้ทันท่วงที

    จนผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ คุณลพทนความสงสัยที่เล้าหลืออยู่ในใจไม่ไหว จึงได้คลานออกจากมุ้งไปดูที่หน้าประตู มองลงไปที่ล่างบันได ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า บริเวณด้านล่างและรอบๆของบ้านถูกปกคลุมไปด้วยความมืด จนยากที่จะสังเกตอะไรได้

    คุณลพจึงหันกลับแล้วเดินเข้ามุ้ง จังหวะนั้นหางตาก็เหลือบไปที่มุ้งของคุณยาย ปรากฏว่าเห็นคุณยายนอนขดเอาผ้าคลุมหัวอยู่ในมุ้ง เหมือนกับว่ายังไม่ได้ลุกออกไปไหน คุณลพยืนงงอยู่กับที่ ในหัวตีกันจนมั่วซั่ว แล้วสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้มันคืออะไร

    ในระหว่างนั้น คุณลพสังเกตเห็นว่าคุณยายค่อยๆดึงเอาผ้าที่คลุมหัวอยู่ ลงทีละนิดๆ จนทำให้คุณลพเห็นใบหน้าที่กำลังส่งยิ้มมาให้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในความมืด แล้วคุณยายก็ดึงผ้าขึ้นคลุมใบหน้าตามเดิม

    คุณลพยืนตัวชา งงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ คุณยายทำไมถึงทำอะไรแปลกๆแบบนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ คุณยายก็ดึงผ้าที่คลุมใบหน้าลงมา เหมือนพยายามจะแอบดูคุณลพ สายตาที่จ้องมองมา ทำให้รู้สึกเย็นวูบวาบ จนมือไม้กระตุกเป็นช่วงๆ

    คุณลพคิดว่ายืนอยู่แบบนี้คงไม่ดีแน่ จึงพยายามลากขาทั้งสองข้างกลับเข้ามุ้งตามเดิม พยายามข่มตาให้หลับ ระหว่างนั้นก็มีเสียง 'ก๊อกๆแก๊กๆ" อยู่แถวๆนอกมุ้ง แต่คุณลพคิดในใจว่ายังไงก็จะไม่ลืมตาขึ้นมาดูเด็ดขาด จนเผลอหลับไป

    รุ่งเช้า คุณลพรีบเล่าเหตุการณ์ให้คุณโพธิ์ฟังทันที แต่คุณโพธิ์ก็ยังเถียงขาดใจ จนคืนที่สอง หลังจากที่นกกลางคืนเริ่มส่งเสียงร้อง คุณลพก็เห็นคุณยายค่อยๆคลานออกมาจากมุ้ง แต่คราวนี้กลับคลานเข้ามาในมุ้งของคุณลพ

    คุณลพเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกว่าผวาจนตัวเกร็ง อยากจะลุกออกวิ่งไปจากที่นี่ แต่ก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้ เพราะความกลัวมันบังคับให้นอนอยู่นิ่งๆ คุณยายค่อยๆคลานไปทางคุณแผน แล้วก้มหัวลงเลียแผลที่เท้าของคุณแผน

    คุณลพทนมองภาพที่น่าขนลุกแบบนี้ไม่ไหว พยายามสะกิดคุณโพธิ์ แต่ก็ไม่เป็นผลอีกเหมือนเดิม ทั้งๆที่อากาศหนาวเย็นจนตัวแทบสั่น แต่เหงื่อกาฬกับผุดออกมาเป็นเม็ดๆจนทั่วตัวของคุณลพ

    คุณลพไม่มีทางเลือก ได้แต่นอนตัวสั่นฟังเสีบงดูดเลียดัง "แจ๊บๆๆ" อยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วคุณยายก็คลานกลับเข้าไปนอนในมุ้งตามเดิม มีเสียงเบาๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากในมุ้งว่า "อึ้ม อร่อยดีนะ" คุณลพได้ยินเช่นนั้นก็แทบอยากจะร้องไห้ จนรุ่งเช้ามา คุณโพธิ์บ่นว่า

คุณโพธิ์ : ทำไมข้ารู้เจ็บแขนจังวะ
คุณลพ : ข้าหยิกแขนเอ็งเมื่อคืนเนี้ย ไม่รู้เรื่องเลยหรอ
คุณโพธิ์ : ไม่รู้อ่ะ แล้วเอ็งหยิกข้าทำไม
คุณลพ : ข้าเห็นยายเอ็งมาเลียแผลไอ้แผน

    คุณโพธิ์ก็รู้สึกโมโห เพราะคิดว่าคุณลพพูดจาใส่ร้ายคุณยาย แต่ปรากฏว่าแผลของคุณแผนบวมเป่ง เขียวช้ำไปทั้งขา เอาแต่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด คุณลพก็คิดว่าคงไม่นอนที่นี่ต่อแล้ว เพราะไม่อยากเจอภาพที่น่าขนลุกเหมือนคืนก่อนๆ ประกอบกับที่คุณแผนเอาแต่นอนร้องครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

    คุณลพจึงบอกให้คุณโพธิ์ไปตามคุณพ่อคุณแม่ที่สวน แต่คุณโพธิ์บอกว่าไปไม่ได้ เพราะต้องดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำคุณยาย จนเข้าคืนที่สาม คุณแผนเอาแต่นอนร้องด้วยความเจ็บปวด

    คุณลพจึงตัดสินใจบอกให้คุณโพธิ์ไปตามคุณพ่อคุณแม่ที่ไร่ แล้วเดี๋ยวคุณลพจะอยู่เฝ้าให้เอง ส่วยคุณยายเดี๋ยวจะป้อนข้าวป้อนน้ำให้ คุณโพธิ์จึงรีบออกไปตามคุณพ่อคุณแม่ที่ไร่

    พอคุณโพธิ์ออกไปได้สักพัก คุณลพก็วิ่งกลับบ้านทันที เพื่อที่จะไปตามคุณพ่อมาอยู่เป็นเพื่อนก่อน แต่เวลานั้นคุณพ่อไม่อยู่บ้านพอดี จึงวิ่งกลับมาดูคุณแผน ตอนนั้นคุณโพธิ์ก็ยังไม่กลับมาสักที

    คุณลพจึงเข้าไปนอนคลุมโปงอยู่ในมุ้ง จนเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง คุณโพธิ์ก็ยังไม่กลับมา แต่จังหวะนั้นคุณลพได้ยินเสียงคุณแผนร้อง "แค๊กๆ อ๊อคๆ" เหมือนถูกอะไรบางอย่างบีบคอจนหายใจไม่ออก

    คุณลพจึงแง้มผ้าห่มดู ปรากฏว่าเห็นคุณยายนั่งยองๆอยู่บนหน้าอกของคุณแผน แต่ที่ทำให้คุณลพตกใจกลัวจนแทบหยุดหายใจก็คือ คุณยายใช้มือช้อนศีรษะของคุณแผนให้โน้มขึ้นมา แล้วใช้ลิ้นที่ยาวจนผิดปกติ แยงเข้าไปในปากของคุณแผน

    คุณลพไม่กล้าที่จะมองภาพอันน่าสยดสยองนี้ต่อ และกลัวเกินกว่าที่จะขยับตัววิ่งหนี จึงได้แต่นอนตัวสั่นอยู่ใต้ผ้าห้ม เสียงของคุณแผนร้องเหมือนคนกำลังสำลักน้ำอยู่สักพักก็เงียบไป แต่ก็ยังได้ยินเสียง "สวบสาบ" อยู่ข้างๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขยับเขยื่อนอยู่ ไม่กี่อึดใจต่อมา คุณลพได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมา

    จึงได้เปิดผ้าห้มออก เห็นคุณยายรีบคลานกลับเข้าไปนอนในมุ้งตามเดิม แล้วคุณโพธิ์พร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็มาถึง คุณลพรีบเล่าเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง แต่กลับไม่มีใครเชื่อ หาว่าคุณลพเพ้อเจ้อ

    คุณพ่อจึงได้เข้าไปเขย่าตัวคุณแผน แต่ตอนนั้นคุณแผนได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการเอาศพไปชันสูตรดู ผลออกมาว่าขาดอากาศหายใจ ทุกคนต่างเค้นถามคุณลพถึงการตายของคุณแผน แต่คุณลพก็เล่าไปตามที่ตนเองเห็นมา แต่กลับไม่มีใครเชื่อ

    ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่คุณลพเล่า แต่ทุกคนต่างก็เริ่มจับพิรุธ ทุกๆคืน คุณพ่อของคุณโพธิ์แทบจะไม่ได้นอน เพราะต้องอยู่ดูพฤติกรรมของคุณยาย

    ปรากฏว่าเห็นอย่างที่คุณลพเล่ามาจริงๆ กลางดึกของคืนหนึ่ง คุณพ่อเห็นคุณยายคลานออกจากมุ้ง แล้วกระโดดออกจากบ้าน เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน จึงได้ไปปรึกษาพระที่วัด ท่านก็บอกว่าคุณยายน่าจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่มีอย่างอื่นแฝงอยู่

    พอรู้แบบนั้น จึงได้พาหมอที่แก้คุณไสยมาดูคุณยายที่บ้าน หมอใช้ว่านชนิดหนึ่ง แตะลงที่ตัวของคุณยาย ปรากฏว่าคุณยายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หมอก็พูดขึ้นมาว่า "ต้องตัดกรรมนะ ถ้าไม่ตัดกรรมก็ไม่ตายสักที แล้วนี่ไปกินลูกหลานของคนอื่นมันบาปกรรมมากนะ"

    หมอจึงได้ทำพิธีตัดกรรม พอจบพิธี คุณยายก็เสียชีวิตลงทันที ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งเหมือนกับศพที่ตายมาแล้วเป็นเวลาหลายวัน คุณโพธิ์เคยถามคุณลพในเรื่องที่คุณลพเคยโดนคุณยายผลักจนล้ม คุณลพจึงเล่าว่า ตอนนั้นคุณยายคงคิดจะกินคุณลพ ถึงได้เรียกให้ไปนั่งใกล้ๆ แต่ว่าในตัวคุณลพมีตะกรุดหลวงพ่อเงินอยู่ คุณยายจึงรู้สึกร้อน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด







 

Create Date : 24 มิถุนายน 2560
0 comments
Last Update : 24 มิถุนายน 2560 6:55:28 น.
Counter : 1195 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สมาชิกหมายเลข 2533784
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2533784's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.