Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
หวานนักรักไม่ปรารถนา -5- แผนสอง




5
แผนสอง

มิถุนาเอนหลังลงบนเตียงอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์ ในที่สุดเธอก็มีที่พักพร้อมอาหารฟรี ประหยัดค่าใช้จ่ายในระหว่างปฏิบัติภารกิจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ถึงกระท่อมหลังนี้จะไม่ได้อยู่ติดบ้านพักของเขมินทร์ก็เถอะ แต่ยังไงพรุ่งนี้เขาก็ต้องพาเธอไปเอกซเรย์หัวเข่าและข้อเท้าที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว เป็นโอกาสที่เธอจะได้โน้มน้าวให้เขากลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ต่อ ถ้าโชคดีเขาอาจจะใจอ่อนตั้งแต่ข้อเสนอสิบล้านเลยก็ได้

สมองของเธอโปร่งใสขึ้นหลังจัดการกับปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้สำเร็จ และตอนนี้ก็อิ่มกับมื้อเย็นแบบจัดหนักจากเจ้าของรีสอร์ต ที่สุดจึงผล็อยหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พอรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าเลย หญิงสาวกระวีกระวาดไปอาบน้ำแต่งตัวรอนายหมอเถื่อนมารับ ขณะเดียวกันก็ซักซ้อมคำพูดที่จะเจรจากับเขาไปด้วย แปดโมงตรงเสียงเคาะประตูบ้านพักก็ดังขึ้น ตรงตามเวลาที่นัดกันไว้เป๊ะ

มิถุนาเช็กเสื้อผ้าหน้าผมที่หน้ากระจกเงาเป็นครั้งสุดท้าย ฉีกยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดและขยิบตาให้ตัวเองอย่างร่าเริง “Let’s go!”

หญิงสาวเปิดประตูออกไปหวังจะได้พบกับผู้ชายที่หาเค้าอดีตศัลยแพทย์โรคสมองฝีมือดีไม่เจอสักกระผีก แต่รอยยิ้มของเธอเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจา

“อรุณสวัสดิ์...ค่ะ” จังหวะทักทายขาดช่วงเล็กน้อยเพราะคนที่ยืนคอยอยู่นั้นไม่ใช่คนที่เธอคาดหวัง รอยยิ้มก็พลันจางลงด้วย

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณมี่ เดี๋ยวเราทานอาหารเช้าก่อนไปโรงพยาบาลก็แล้วกันนะครับ ผมสั่งแม่ครัวไว้แล้ว”

ปรมัตถ์ยิ้มเก๋ รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการให้เขมินทร์ขับรถให้เพราะจะได้ถือโอกาสเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มกลับกรุงเทพฯ ด้วย แต่ก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาตกลงกับเพื่อนแล้วว่าจะจัดการกับมิถุนาเอง ไม่ให้หญิงสาวไปรบกวนหุ้นส่วนคนสำคัญที่เป็นเสาหลักในการดูแลทั้งรีสอร์ตและคอกม้าได้

“ครูสอนขี่ม้าของคุณไปไหนเหรอคะ ทำไมคุณถึงต้องมาเอง” เสียงของมิถุนาอ่อยลง ดวงตากลมโตคู่งามฉายแววผิดหวังอย่างปิดไม่มิด

“ต้องขอโทษคุณมี่ด้วยนะครับที่ผมไม่ได้ทำตามสัญญา แต่ผมอยากให้นายเขื่อนสำนึกผิดกับเรื่องที่ทำเอาไว้เลยลงโทษเขาด้วยการให้ทำความสะอาดคอกม้าทั้งวัน ส่วนงานสบายๆ อย่างขับรถพาคุณไปหาหมอขอให้เป็นหน้าที่ของผมเอง เชิญครับ” เขายิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินไปที่รถด้วยกัน

หญิงสาวได้แต่ฝืนยิ้มประหนึ่งว่าตื้นตันใจนักหนากับบทลงโทษที่เขาจัดให้คนของตัวเอง ทั้งที่ในใจแสนกล้ำกลืน แม้ไม่ได้มีจิตพิศวาสนายหมอเถื่อน แต่โดนเบี้ยวแบบนี้เธอก็เสียโอกาสในการเจรจาน่ะสิ มีที่อยู่ฟรีกินฟรีมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้านานนักมันก็น่าเกลียด อย่างเก่งเธอคงถ่วงเวลาแกล้งทำสำออยได้สักอาทิตย์เท่านั้นแหละ และเธอก็ตั้งใจว่าต้องทำงานให้สำเร็จภายในเจ็ดวันด้วย แต่นี่คงต้องกากบาททิ้งไปหนึ่งวัน

สิ่งที่มิถุนาคิดว่าแย่นั้นยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก เพราะหลังจากได้ที่อยู่และกินฟรีเธอก็ไม่มีโอกาสได้พบหน้านายหมอเถื่อนอีกเลยตลอดเจ็ดวัน ปรมัตถ์โผล่มาก่อนที่เธอจะได้ออกไปหาเขมินทร์ที่บ้านพักเสมอ และเขามักจะมีเหตุผลที่น่าฟังว่าลงโทษครูสอนขี่ม้าของตัวเองด้วยวิธีต่างๆ นานาที่จะทำให้เธอไม่ต้องทนเหม็นขี้หน้าเขมินทร์ตลอดทั้งวัน และนั่นก็ทำให้หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก

สามวันแรกข้อเท้าเธอยังเจ็บเวลาเดินจึงทำอะไรมากไม่ได้ พอตกวันที่สี่ข้อเท้าเริ่มหายดี เดินได้เป็นปกติโดยไม่ต้องระมัดระวังอะไรมาก หญิงสาวตั้งใจย่องออกจากบ้านพักไปดักรอนายหมอเถื่อนที่คอกม้า แต่ปรมัตถ์เป็นยิ่งกว่านกรู้ เขามาคอยเธออยู่ก่อนแล้ว ทำให้เธอต้องติดแหง็กอยู่กับเจ้าของรีสอร์ตที่แสนจะเอื้อเฟื้อจนแอบรำคาญเบาๆ อีกหนึ่งวัน

วันที่ห้ามิถุนาตั้งใจออกจากบ้านพักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เธอหวังว่าวันนี้จะได้พบหน้านายหมอเถื่อนและเอาเงินสิบล้านฟาดหัวเขาให้ได้ ก่อนจะลองแผนสองหากเงินสิบล้านยังไม่ได้ผล แต่ปรากฏว่าเขมินทร์ไม่ได้อยู่ที่บ้านพัก เธอตะโกนเรียกอยู่นานสองนานก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงนั่งรอที่บันไดจนเผลอหลับไป ตื่นมาตอนแปดโมงเศษๆ เขาก็ยังไม่กลับ เธอจึงลองไปดูที่คอกม้าก็เจอแต่ป้อม จึงได้รู้ว่าเขมินทร์ถูกชาวบ้านตามตัวไปดูคนเจ็บในป่าตั้งแต่ตีสี่ยังไม่กลับออกมาจนป่านนี้ แล้วปรมัตถ์ก็โผล่มาพร้อมข้อเสนอในการเป็นไกด์พาเธอเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจในจังหวัดสระบุรีและใกล้เคียง ซ้ำร้ายเขายังนัดล่วงหน้าสองวันซ้อน

ปรมัตถ์จัดเป็นพันธมิตร นอกจากนั้นเขายังเปรียบเสมือนผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเธอด้วย ชายหนุ่มว่าอะไรมาเธอก็ต้องเกรงใจและเออออเพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ ดังนั้นเจ็ดวันของมิถุนาที่รีสอร์ตชิดตะวันกับภารกิจตามตัวเขมินทร์กลับกรุงเทพฯ จึงเรียกได้ว่าสูญเปล่าจริงๆ



สนามบินสุวรรณภูมิ

ชายวัยห้าสิบกลางๆ ยืนชะเง้อคอรอคอยการกลับมาของใครคนหนึ่งด้วยความร้อนใจ กระทั่งเห็นหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเทาลากกระเป๋าปะปนออกมากับนักเดินทางคนอื่นก็รีบโบกมือเรียกไหวๆ “ทางนี้ครับคุณเขต!”

‘เขตคาม’ เหลียวตามเสียงเรียกก็เห็น ‘ปองพล’ ทนายความของบิดามาคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความยินดีอย่างแท้จริง

ชายหนุ่มพนมมือไหว้ “สวัสดีครับคุณอา ให้ใครมารับผมก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากมาเองเลย”

รอยยิ้มของผู้สูงวัยเลือนลงเล็กน้อย ขณะเดินเคียงหนุ่มรุ่นหลานออกจากอาคารที่คลาคล่ำไปด้วยผู้โดยสารทั้งไทยและเทศ

“ผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณเขตเป็นการส่วนตัวน่ะครับ เลยยังไม่ได้บอกใครว่าคุณเขตกลับมาวันนี้”

ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งขรึมของชายสูงวัยที่รู้จักชิดใกล้กันมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขตคามรู้ว่าหัวข้อที่จะพูดคุยกันเป็นเรื่องสำคัญมากและอาจเป็นความลับด้วย

“งั้นเราไปหาที่เงียบๆ คุยกันก่อน จากนั้นคุณอาค่อยไปส่งผมที่บ้านก็ได้ครับ”

ปองพลพยักหน้ารับขรึมๆ เดินนำชายหนุ่มไปยังรถที่ขับมารับลูกชายของอดีตเจ้านายที่ตนเคารพรักเสมือนผู้มีพระคุณ

ผู้สูงวัยพาเขตคามไปคุยกันที่ภัตตาคารจีนย่านหลังสวน โดยจองโต๊ะแบบห้องส่วนตัวเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อบริกรทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟจนครบและถอยออกไป ปองพลก็เริ่มธุระอย่างเครียดเคร่ง

“คุณเขตคงยังไม่ทราบใช่ไหมครับ ว่าตอนนี้ผมไม่ได้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของโรงพยาบาลทัศไนยแล้ว”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว สีหน้าตกใจแกมงุนงง “ทำไมล่ะครับ เกิดอะไรขึ้น?”

อีกฝ่ายถอนใจยาว ก่อนจะเล่าว่า “คุณเขมิกาให้ธราธรทำหน้าที่นั้นแทนผมมาเกือบครึ่งปีแล้วครับ”

“ทนายความคนนั้นเคยเป็นลูกทีมของคุณอานี่ครับ”

“ในอดีต ใช่ครับ แต่ตอนนี้ธราธรเข้ามาดูแลทุกอย่างแทนผมแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สินและโรงพยาบาล ผมถูกลดบทบาทลงหลังงานศพของท่านผ่านไปแค่ไม่กี่วัน”

“คุณแม่กดดันให้คุณอาลาออกเหรอครับ?” เขาถามพลางมุ่นคิ้ว

“ผมไม่อยากจะใช้คำนั้นนะครับ แต่...” ปองพลพยักหน้าขรึมๆ

เขตคามขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดมารดาเลี้ยงต้องทำเช่นนั้น

“มีเหตุผลเดียวที่ผมยังไม่ยอมลาออก ผมต้องการอยู่เป็นพยานในวันเปิดพินัยกรรมของท่าน อันที่จริงผมไม่อยากยุยงให้คุณเขตกับคุณเขมิกาหวาดระแวงไม่ไว้ใจกันนะครับ แต่...คุณเขมิกาไม่ใช่แม่แท้ๆ ของคุณเขต” ผู้สูงวัยเตือนอย่างลำบากใจ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ มีรอยขมขื่นฉายวาบผ่านดวงตาก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว “ครับ เรื่องนี้ผมทราบดี ถึงคุณแม่จะเลี้ยงผมมาตั้งแต่สิบขวบ แต่ผมก็ไม่ใช่ลูกของท่าน”

“คุณเขมิกาอาจจะไม่รักคุณเขตอย่างลูก แต่คุณท่านรักคุณเขตนะครับ ถ้าต้องเลือกระหว่างเมียกับลูก ท่านจะเลือกใคร ผมรู้ดี” ผู้สูงวัยยืนยันอย่างมั่นใจ

“ผมทราบครับว่าคุณพ่อรักผมมาก” เขายิ้มบางๆ ระลึกถึงการจากไปของ ‘คมสัน ทัศไนย’ ด้วยความเศร้าหมอง

“เพราะอย่างนั้นผมถึงคิดว่าท่านจะยกทรัพย์สินส่วนใหญ่รวมถึงโรงพยาบาลทัศไนยให้เป็นของคุณเขต ไม่ใช่คุณเขมิกา”

“งั้นทำไมคุณอาถึงกังวลเรื่องนี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย หากปองพลมั่นใจว่าผู้เป็นบิดาต้องการให้เขาเป็นผู้รับมรดกส่วนใหญ่แล้วก็ไม่เห็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับพินัยกรรมเลย

“คุณเขมิกายื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกด้วยตัวเองครับ”

คำตอบนั้นทำให้เขตคามพูดอะไรไม่ออก ก็ควรที่ปองพลจะวิตก หากเขมิกาไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องขอเป็นผู้จัดการมรดก แค่รอให้ถึงวันเปิดพินัยกรรมและรับทรัพย์สินส่วนที่ตัวเองจะได้ก็พอแล้ว แต่ก็ว่าไม่ได้อีกเช่นกัน เมื่อคมสันกำหนดวันเปิดพินัยกรรมไว้หลังการเสียชีวิตของตนถึงหนึ่งปี

“ผมกำลังให้คนตามสืบอยู่ครับว่าคุณเขมิกามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ หวังว่าจะได้เรื่องเร็วๆ นี้ บอกตามตรงว่าผมไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นเลย”

“แต่คุณแม่ก็เป็นภรรยาของคุณพ่อนะครับ บางทีทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่...”

“กรุณาอย่าพูดแบบนั้นอีกเลยครับคุณเขต ผมรู้ดีว่าท่านรักคุณเขตมากกว่าภรรยาคนนี้แน่นอน ดวงวิญญาณของท่านผู้หญิงที่เสียไปแล้วเป็นพยานได้” ปองพลยืนยันหนักแน่น เขาจะไม่ยอมให้เขตคามไขว้เขวและใจอ่อนกับเขมิกาเด็ดขาด ถึงอย่างไรทรัพย์สมบัติของคมสันก็ควรตกเป็นของลูกชายมากกว่าภรรยาคนที่สอง

ชายหนุ่มถอนใจแผ่วเบา ไม่แน่ใจว่าควรฟาดฟันกับมารดาเลี้ยงเรื่องมรดกของบิดา นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยสักนิด



หลังจากเจ้าของรีสอร์ตปล่อยตัวมิถุนาให้เป็นอิสระที่หน้าห้องพักของเธอในคืนวันที่เจ็ด หญิงสาวก็เดินลากขาเข้าห้องอย่างหมดแรง พอล้มตัวลงบนเตียงก็ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา สามทุ่มยี่สิบแปดนาที

ตอนนี้นายหมอเถื่อนจะหลับรึยังนะ?

พร้อมคำถามนั้นเธอก็ดีดตัวขึ้นจากเตียงทันที วิ่งไปส่องที่หน้าต่าง ฟอร์จูนเนอร์สีดำไม่อยู่แล้ว แปลว่าปรมัตถ์ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป

“เอาวะ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกับนายหมอเถื่อนให้รู้เรื่อง!”

ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้ามิถุนาก็หยิบไฟฉาย เดินเลียบริมธารไปยังบ้านพักของเขมินทร์ทันที ใช้เวลาเกือบสิบนาทีในการเดินเท้าเพราะบ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านพักแขกจึงปลูกอยู่ในทำเลที่ห่างไกลจากบ้านพักหลังอื่นพอสมควร

มิถุนายืนหอบอยู่หน้าบ้านพัก ไฟยังเปิดไว้สว่างโร่ แปลว่าเขาน่าจะยังไม่หลับ เธอติดสินใจอัญเชิญตัวเองขึ้นบันไดโดยไม่ส่งเสียงเรียกเพราะกลัวเขาไม่ยอมเปิดประตูต้อนรับ

เมื่อขึ้นบันไดมาถึงลานโล่งๆ ที่ใช้เป็นทั้งส่วนรับแขกและห้องครัว รวมถึงมุมพักผ่อนด้วย หญิงสาวจึงประกาศถึงการมาเยือนของตัวเองเสียงดังฟังชัด “นี่นาย...เอ่อ...คุณหมอเขื่อน อยู่มั้ยคะ ออกมาคุยกันหน่อย ฉันมีธุระจะพูดด้วย”

เธอเงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวจากในห้องแต่ไม่ได้ยินอะไร หญิงสาวไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็ต้องคุยกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย เธอเคาะประตูรัวๆ แบบไม่เกรงใจเจ้าของบ้านพัก ครู่หนึ่งมันก็ถูกกระชากเปิดในจังหวะเดียวกับที่มือของเธอกำลังจะทุบ กำปั้นเกือบจะชนหน้าอกของใครบางคนแต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ทัน

“หยุดทุบประตูซักทีได้มั้ย หนวกหู” เขมินทร์กำข้อมือของตัวก่อกวนเอาไว้แน่น ใช้สายตาคมดุจ้องมองเธออย่างตำหนิ

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองผู้ชายตัวโตที่กำลังยืนเปลือยอกหนั่นแน่น เส้นผมเปียกชื้น หยาดน้ำเกาะพราวตามใบหน้าและลำตัวแกร่งที่อุดมด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ เธอไม่ได้คิดไปเองว่าเขาออกกำลังกาย นายหมอเถื่อนมีซิกซ์แพ็กสวยงามอย่างกับนายแบบบนรันเวย์ แถมตอนนี้ก็มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดร่างกาย

อ๋ายยยยย...

“มองพอรึยัง?” เขาถามเมื่อรู้สึกว่าถูกลวนลามทางสายตานานเกินไปแล้ว

มิถุนาเงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่รู้ตัวเลยว่าหนังตาหลุบต่ำตั้งแต่ตอนไหน และไม่ต้องให้กระจกเงาบอกเธอก็รู้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดงแจ๋

“ฉันเปล่า” เธอพึมพำแก้ตัวแต่เสียงไม่หนักแน่นเท่าที่อยากให้เป็น ขณะเดียวกันก็พยายามดึงข้อมือกลับโดยไม่ได้สบตาเขาอีก

เขมินทร์กำข้อมือเล็กแน่นขึ้นก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลง

มิถุนาจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเกือบเท่าตัว “คุณจะทำอะไร?”

“ที่คุณย่องมาหาผมค่ำๆ มืดๆ เนี่ยก็เพราะอยากคุยไม่ใช่เหรอ นั่งรอก่อน ผมเปลี่ยนชุดแป๊บ”

เขาดึงข้อมือเธอไปนั่งที่เก้าอี้บุนวมนุ่มสบายตัวหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่าง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดใหม่ออกมาเปลี่ยนในห้องน้ำ

“พูดจาน่าเกลียด ฉันไม่ได้ย่องมาหานายซะหน่อย ก็เดินมาดีๆ ปกติจะตาย” หญิงสาวบ่นอุบพลางย่นจมูกใส่คนที่อยู่ในห้องน้ำ ก่อนจะนึกได้ว่าเขาพูดอะไรจึงยิ้มกริ่ม “พูดแบบนี้แสดงว่าก็รอข้อเสนอใหม่ของฉันอยู่เหมือนกันล่ะสิ โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็เล่นตัวโก่งราคานี่เอง”

ดังนั้นเมื่อเจ้าของบ้านพักเปิดประตูห้องน้ำออกมาในชุดเสื้อยืดสีทึมๆ กับกางเกงนอนขายาวและผ้าขนหนูที่วางแหมะอยู่บนศีรษะ มิถุนาจึงไม่รอช้าที่จะเข้าเรื่อง

“สิบล้านขาดตัว คุณเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพฯ พร้อมฉันพรุ่งนี้เลย”

เขาเลิกคิ้ว เหล่ตามองเธอนิด ขณะใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมที่เปียกชื้นไปด้วย

“ผมจะบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะ”

ชายหนุ่มหมุนตัวมาจ้องหน้าหญิงสาวตรงๆ เธอพยักหน้าหงึกหงัก รอฟังคำตอบรับอย่างกระหยิ่มใจ

“เงินกี่ล้านผมก็ไม่เอา คุณเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพฯ คนเดียวได้เลย ไม่ต้องรอ”

มิถุนากัดริมฝีปาก จ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “สิบล้านนี่น้อยไปเหรอ งั้นคุณลองบอกตัวเลขที่คุณพึงพอใจมาสิ ฉันจะลองคุยกับคุณเขมิกาให้”

“ผมบอกแล้วไงว่า...”

เธอส่ายหน้า โบกมือตัดบทก่อนที่เขาจะพูดจบ “ไม่เอาน่า อย่าโก่งราคานักเลย บอกๆ มาเหอะว่าต้องการเท่าไหร่ งานฉันจะได้เสร็จๆ ไปซะที”

เขมินทร์ถอนใจเฮือกใหญ่ เขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในการสื่อสารกับมิถุนาจริงๆ นิ่งคิดครู่หนึ่งก็อมยิ้มมุกปาก ลดผ้าขนหนูบนศีรษะลงคล้องที่ลำคอและเดินเข้าไปหาเธอที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง

มิถุนาคิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้วจึงยิ้มรอ แต่พอเขาโน้มตัวลงมาและวางมือบนแขนโซฟา กักตัวเธอไว้กลายๆ แถมยังยื่นใบหน้ามาเสียใกล้จนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่ติดผิวกายหลังอาบน้ำ เธอก็เริ่มยิ้มไม่ออก ได้แต่จ้องเขาอย่างระแวงแต่ไม่กล้าพูดอะไร

“ผมไม่ต้องการเงิน” ชายหนุ่มยิ้มเย็น กระซิบข้างหูเธออีกว่า “แต่ถ้าคุณยังมีข้อเสนออื่นที่น่าสนใจมากกว่าก็ลองว่ามา เผื่อบางทีผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”

ว่าแล้วก็ถอยใบหน้าออกมานิด เพื่อจะได้มองสบตาเธอถนัดขึ้น และเพื่อสะดวกยามใช้สายตากวาดมองเรือนร่างกลมกลึงตั้งแต่ปลายเท้าจดปลายผม ระเรื่อยมาที่ดวงตาและริมฝีปากอิ่มตึงสีชมพูจางๆ

มิถุนาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดจะมองไม่ออกว่าเขาหมายถึงอะไร แก้มนวลเปลี่ยนสีทันตา รีบเอนหลังติดพนักเก้าอี้ ยกขาขึ้นมาพร้อมกับวาดแขนกอดตัวเองไว้แน่น “ถอยออกไปนะนายหมอเถื่อน ฉันแค่มายื่นข้อเสนอ ถ้านายทำอะไรฉันละก็...ได้เห็นดีกันแน่!”

เขาเลิกคิ้ว แววตาประหลาดใจอย่างเสแสร้ง “ผมนึกว่าที่สาวๆ ย่องมาหาผู้ชายถึงในห้องนอนของเขาตอนค่ำๆ มืดๆ แบบนี้ก็เพราะมีข้อแลกเปลี่ยนเร้าใจมานำเสนอซะอีก น่าเสียดาย”

ชายหนุ่มส่ายหน้าประกอบคำพูดให้ดูว่าเสียดายจริงจัง แต่แววตามีรอยขบขันซ่อนอยู่ ซึ่งมิถุนาไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะความตื่นตระหนกบังตา

“พูดดีๆ นะ ฉันไม่ได้อยากย่องมาหานายค่ำๆ มืดๆ ซะหน่อย ก็นายอยากหลบหน้าฉันเองนี่ แล้วคุณปอก็คอยขัดแข้งขัดขาจนฉันกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ กว่าจะคิดแผนนี้ออกฉันใช้เวลาเจ็ดวันเลยนะ” เธอตะโกนตอบกึ่งกลัวกึ่งโมโห ก็เขาตัวโตออกอย่างนี้ หากใช้กำลังคงไม่แคล้วเสร็จโจร เธอยิ่งสวยๆ อยู่ด้วย ต่อให้เป็นนายหมอเถื่อนก็เถอะ จะวางใจได้ยังไงว่าไม่คิดอะไรกับคนสวย

เขมินทร์กลั้นยิ้ม นึกชมเพื่อนอยู่ในใจที่ช่วยขวางยายแมวขโมยได้ตั้งเจ็ดวัน แต่ดูท่างานนี้เสือร้ายจะไม่ได้ใจแมวเจ้าเล่ห์ซะแล้ว เพราะเจ้าหล่อนบอกปาวๆ ว่าถูกปรมัตถ์ขัดแข้งขัดขา ถ้าสลัดทิ้งได้ก็คงทำเสียหลายวันแล้ว ไม่ต้องแอบย่องมาเจรจากับเขากลางค่ำกลางคืนแบบนี้หรอก

ชายหนุ่มถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว ยืดตัวขึ้นและวางสีหน้าเรียบขรึม “งั้นเราก็หมดเรื่องคุยกันแล้ว เชิญกลับไปได้ เว้นแต่คุณอยากเสนอ ‘อย่างอื่น’ ให้ผม”

“นาย...” ยังไม่ทันได้หยาบคายมากกว่านั้นก็เจอสายตาพิฆาตของเขมินทร์เข้า หญิงสาวหุบปากฉับ พยายามระงับโทสะแล้วตั้งสติใหม่ สงสัยว่าเงินจะไม่ใช่ประเด็น ส่วนร่างกายเธอก็ไม่คิดจะขายซะด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปต่อแผนสองซะแล้ว

“นี่นายไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมเจ้าของโรงพยาบาลถึงอยากให้นายกลับไปทำงานกับเขานักหนา”

เขมินทร์รู้สึกขัดหูหลายทีแล้ว เขาหันกลับมาทำหน้าเข้ม ตาดุ “ผมว่าเราก็ไม่ใช่เพื่อนกันนะ ดูแล้วคุณคงอายุน้อยกว่าผมหลายปี เรียกคนอื่นอย่างให้เกียรติน่ะทำเป็นไหม?”

มิถุนากะพริบตา ก่อนจะนึกได้แล้วทำตาโต

จริงสิ เขมินทร์คือคนที่เธอต้องมาหว่านล้อม เธอก็ควรจะประจบเขาเอาไว้ให้มากๆ เปลี่ยนแผนด่วน!

“ขอโทษค่ะ ก็เมื่อกี้คุณทำฉันตกใจ” ว่าแล้วก็ตบปากตัวเองสามที “ฉันลงโทษตัวเองแล้ว ทีนี้เราก็คุยกันต่อนะคะ”

เธอยิ้มประจบ ลดขาลงบนพื้น วางมือประสานกันบนตัก นั่งเรียบร้อยอย่างกุลสตรีไทย

เขาเม้มปาก อยากเขกกบาลตัวเองสักร้อยที ไม่น่าต่อความยาวสาวความยืดกับเธอเลย ให้ตาย!

“จริงๆ นะคะ ถ้าแค่ถูกจ้างให้มาตามคุณกลับไปทำงานเพราะผลประโยชน์ของโรงพยาบาลเท่านั้น ฉันก็คงล้มเลิกความตั้งใจตั้งแต่ถูกคุณปฏิเสธครั้งแรกแล้ว แต่นี่มันมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้นมากค่ะ” มิถุนาปั้นหน้าเศร้า สวมบทลูกสาวกตัญญูผู้เพียรพยายามอ้อนวอนคุณหมอคนเดียวในประเทศนี้ที่จะช่วยผ่าตัดสมองให้มารดาของเธอได้ ด้วยจิตวิญญาณของนักแสดงมืออาชีพหญิงสาวบีบน้ำตาให้เอ่อคลอแต่ไม่ยอมร้องไห้ออกมา

คิ้วของเขมินทร์ขมวดเป็นปมยุ่งเหยิง มองเธออย่างงุนงงปนทึ่ง

อะไรของเธออีกล่ะเนี่ย?

เมื่อเห็นเขามองเธอเงียบๆ มิถุนาก็คิดว่าชายหนุ่มกำลังสนใจจึงตีหน้าเศร้าโน้มน้าวต่อไปว่า “คุณธราธรบอกฉันว่าคุณเคยเป็นหมอผ่าตัดสมองมือหนึ่งของโรงพยาบาล คุณคงรู้จักคุณเขมิกา เจ้าของโรงพยาบาลทัศไนยดีใช่มั้ยคะ”

ชายหนุ่มเม้มปากนิด ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่นขณะยกมือขึ้นกอดอก ทำให้มิถุนาไม่เห็นสีหน้าเขา

หญิงสาวคิดว่าตัวเองชักแม่น้ำทั้งห้ามากไปจึงรีบเข้าเรื่องก่อนที่ชายหนุ่มจะเบื่อฟัง “คุณเขมิกาป่วยค่ะ เธอเป็นเนื้องอกในสมอง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดภายในหกเดือนนี้ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ และเธอก็ไม่ไว้ใจใครนอกจากคุณ เธอไม่ยอมผ่าตัดกับหมอคนอื่นเลยค่ะ นี่แหละสิ่งที่ฉันพยายามจะบอกคุณมาตลอด ฉันกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณเขมิกาอาจจะ...”

เธอเว้นไว้ให้เขาเติมคำในช่องว่างเอง และนั่งทำหน้าเศร้า แสดงความเห็นอกเห็นใจเจ้าของโรงพยาบาลราวกับฝ่ายนั้นเป็นมารดาบังเกิดเกล้า

“รู้อย่างนี้แล้วคุณคงจะยอมจะกลับไปกับฉันใช่ไหมคะ?” ดวงตาของเธอทอประกายแห่งความหวังขณะจ้องมองเขา

เขมินทร์ถอนใจเฮือกใหญ่ หันมาสบตาหญิงสาวตรงๆ

เธอชะงัก กะพริบตางุนงง ในดวงตาคมกริบคู่นั้นไร้แววเห็นอกเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น

ทำไมล่ะ?

“ออกไปจากห้องผมได้แล้ว”

เป็นคำตอบที่ทำให้หญิงสาวอึ้งจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่ห้าวินาทีเต็ม

“คุณว่า...อะไรนะคะ?”

“ผมบอกให้คุณออกไป ถ้ายังไม่ไปอีกล่ะก็...ผมจะโยนคุณออกไปเอง”

ไม่ใช่แค่ขู่ แต่เขมินทร์ทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าเขาเป็นนายหมอเถื่อนตัวจริงเสียงจริงด้วยการเดินมาคว้าต้นแขนทั้งสองข้างของมิถุนาและดึงให้เธอลุกขึ้นอย่างไม่ออมแรง

หญิงสาวคว้าเก้าอี้ไว้ไม่ยอมปล่อย แต่เขามีแรงเยอะกว่าเลยถูกดึงให้ยืนขึ้นจนได้ ทั้งที่กำลังตกใจแต่เธอคิดว่าหากพลาดคราวนี้ไปแล้วเขาต้องไม่ยอมคุยกับเธอดีๆ อีกแน่นอน ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน อาจจะเป็นนัยน์ตาคมดุที่จ้องมองมาด้วยอารมณ์โกรธรุนแรงนั่นก็ได้

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ เรายังตกลงกันไม่ได้เลย”

“ได้” เขาพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว รวบขาทั้งสองข้างของเธอด้วยแขนเดียวและแบกหญิงสาวขึ้นบ่า

มิถุนาร้องกรี๊ดด้วยความตื่นตระหนก ทั้งยังกลัวตกลงไปเจ็บตัวอีกด้วย แต่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ปล่อยเธอลงตรงหน้าห้องและบอกเสียงเฉียบ

“กลับไปซะ ถ้าไม่อยากให้ผมจับคุณโยนลงไปในลำธาร”

หญิงสาวอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าเขาจะโกรธและยังโมโหร้ายขนาดนี้ พอเขาปิดประตูใส่หน้าเธอ มิถุนาก็กัดฟันกรอด ยกมือขึ้นจะทุบประตูห้อง แต่ชายหนุ่มเปิดออกมาเสียก่อน

“ถ้าคุณยังก่อกวนผมไม่เลิก ผมจะคิดว่าคุณให้ท่าและจะไม่ปล่อยคุณกลับห้องพักในคืนนี้ด้วย อยากลองก็เอา!”

มิถุนาได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ในตอนที่ถูกปิดประตูใส่หน้าเป็นครั้งที่สอง มือที่ยกค้างกลางอากาศกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หมอเถื่อน!”





_________________________________


จัดมาอีกตอนค่ะ ช่วงนี้มาไวเนอะ แปลกใจตัวเองเหมือนกัน 555
ขอให้หนุกหนานกับนิยายค่ะ ^___^

ปล. พี่หมูน้อย เข้าใจยากแต่เข้าใจใช่มั้ยคะ หรือยังไง เขียนเองเลยเข้าใจแบบไม่งง แหะๆ










Create Date : 30 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 20:04:57 น. 2 comments
Counter : 898 Pageviews.

 
คือต้องอ่านหลายรอบกว่าจะเข้าใจ

คือแบบมันย้อนไปย้อนมา


เช่น

แต่พอเอาเข้าจริงหนุ่มเจ้าสำราญบ้านรวยแถมขี้เบื่อสุดๆ ก็สนใจม้าได้ไม่นานพอ

ถ้าเป็น "ก็ไม่สนใจม้าได้นานพอ" พี่เข้าใจได้ง่ายกว่าค่ะ

คือพอเขียนว่า "ก็สนใจม้า.." ก็งง เพราะขึ้นต้นด้วย แต่พอเอาเข้าจริง.. มันรู้สึกว่าประโยคถัดไปต้องเป็นประโยคขัดแย้งค่ะ แล้วคำว่าไม่มันไม่อยู่ข้างหลัง พี่อ่านยังไม่ทันจบ ก็ไปขึ้นย่อหน้าใหม่ สองรอบ เอ๊ะไม่ได้อ่านไรผิดนี่หว่า รอบที่สามกว่าจะลากยาวอ่านจนจบ


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 30 พฤษภาคม 2558 เวลา:16:53:33 น.  

 
สวัสดียามบ่ายครับ



โดย: ก้อนเงิน วันที่: 1 มิถุนายน 2558 เวลา:14:29:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.