พฤศจิกายน 2563

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
ที่สุดแห่งเทคโนโลยีชะลอวัยเพื่อคงความงามของยุคนี้

แทบทุกคนปรารถนาอยากมีผิวพรรณแต่งตึง  ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่นเหมือนเมื่อครั้งเยาว์วัย ซึ่งต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่จากภายในสู่ภายนอก หากดูแลร่างกายดีมาจากข้างในมักจะส่งผลต่อภายนอกด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามความเสื่อมของร่างกายจะเพิ่มขึ้นตามอายุหรือวัย
ซึ่งมีสาเหตุจากอนุมูลอิสระ เช่น ความเครียด แสงแดด การพักผ่อนนอนหลับ โรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ พรากความงดงามของผิวพรรณไปไม่น้อย  เมื่อโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ไม่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวพรรณบางประการ ในรอบ 10+ปีมานี้ มีเทคโนโลยีแห่งความงามผุดขึ้นมาบนโลกใบนี้เพื่อชะลอผิวพรรณให้เต่งตึง ไม่ให้ร่วงโรยตามวัย เช่น Ulthera,Thermage, HIFU, Facelift

1.Ulthera(อัลเทอร่า)เป็นคลื่นเสียง(Ultrasound)
Thermage(เทอทาจ)เป็นคลื่นวิทยุ(Radiofrequency)

อัลเทอร่าและเทอมาจ มีหลักการทำงานโดยเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่ 60-65 องศาเซลเซียส(ประมาณไข่ดาวสุกได้) จะเกิดการคลายและพันเกลียวของเส้นใยคอลลาเจน ส่งผลให้มีการสร้างและเรียงตัวของเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

อัลเทอร่า เน้นหน้ายกกระชับ(lifting)มากกว่าหน้าแน่น ลงได้ลึกกว่าชั้น SMAS(ชั้นที่หมอศัลยกรรมใช้ผ่าตัดดึงหน้า)

เทอมาจ เน้นหน้าแน่น(tightening) มากกว่าหน้ายก ลงลึกได้ไม่ถึงชั้น SMAS แต่ลดไขมันที่แก้มได้ดี

ระดับความเจ็บปวดระหว่างทำ

เจ็บมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความทนของแต่ละคน พลังงานที่ใช้และตำแหน่งที่ทำ เช่น พลังงานสูงจะรู้สึกเจ็บมากและได้ผลดีมาก

พลังงานต่ำจะรู้สึกเจ็บน้อยและได้ผลเล็กน้อย
บริเวณแก้มเจ็บน้อยกว่าคอ กรอบหน้า

ราคาอัลเทอร่าและเทอมาจใกล้เคียงกันเพราะต้นทุนทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกัน

ปกติทำแล้วอยู่ได้นานประมาณหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังจากนั้น

คำแนะนำสำหรับการทำอัลเทอร่า

300 ถึง 400 shot สำหรับอายุไม่เกิน 30 ปี ใบหน้าเล็ก ไม่หย่อนคล้อย ทำเฉพาะบริเวณแก้ม

400 ถึง 600 ช็อต เหมาะสำหรับอายุเกิน 30 ปีหรือมีพื้นที่เยอะ เน้นกรอบหน้า

600 ถึง 800 ช็อต เหมาะสำหรับคนที่อายุเกิน 50 ปีหรือต้องการความเป๊ะมากๆหรือมีความหย่อนคล้อยเยอะ เน้นกรอบหน้า เหนียง และคอ

ส่วนใหญ่จะคิดค่าใช้จ่ายตามช็อต ยิ่งอายุมากต้องยิ่งจ่ายเยอะ

หมายเหตุ 
คำว่า shot(ช็อต) แปลว่าจำนวนนัดยิง

2.เทอมาจ(Thermage)เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดเช่นเดียวกับอัลเทอร่า

เริ่มมีตั้งแต่ค.ศ. 2005 ถึง 2006 โดยเริ่มแรกใช้กับใบหน้า คอ ท้องแขน หน้าท้อง(ในคนที่มีน้ำหนักเยอะๆพอลดน้ำหนักแล้วผิวย้วยหย่อนคล้อย)และขา โดยจะเห็นผลภายในหกสัปดาห์แรกคือ บริเวณเหนียง ส่วนร่องแก้มจะหายไปในเดือนที่หก 

ความร้อนที่โดนผิวจะทำให้ผิวเรียบเนียน หากทำบริเวณหลังมือ มือจะหายเหี่ยวทันที

สามารถทำบริเวณรอบดวงตาที่มีริ้วรอยโดยมีหัวยิงพิเศษ ซึ่งเป็นคนละอย่างกับที่ใช้สำหรับใบหน้าหรือคอ

เหมาะสำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่ 35 จนถึง 60 ปี หากเกิน 60 ปีไปแล้ว กรุณาอย่าคาดหวัง

ความหย่อนคล้อยเป็นสัญลักษณ์แห่งความชราของผิว ซึ่งเกิดจากคอลลาเจนเสื่อม มีสาเหตุหลักคือ แสงแดด

คนที่สูบบุหรี่ ไม่เหมาะที่จะทำเทอมาจ เพราะการสูบบุหรี่จะมีนิโคตินทำลายผิว

ทำหนึ่งครั้งอยู่ได้ปีครึ่งถึงสองปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและหลีกเลี่ยงแสงแดด

ระดับความเจ็บปวด ทำใต้ตาจะเจ็บไม่มากเท่าบริเวณใบหน้า

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในสองสัปดาห์แรกคือ รูขุมขนละเอียด
ครบหนึ่งเดือน หน้ายกกระชับ หางตายกขึ้น
ในคนที่เป็นฝ้า สามารถทำได้โดยไม่ทำให้ฝ้าแย่ลง(แต่ไม่ช่วยลดฝ้า)

เทอมาจ(Thermage) เป็นแบรนด์อเมริกา มีจุดเด่นคือลดไขมันที่แก้ม แต่ถ้าโชคไม่ดีเจอแพทย์ที่วิเคราะห์ผิวหน้าไม่เป็น หลังทำเสร็จแก้มจะตอบลง ซึ่งมีผลทำให้ดูโทรมทันที

คนที่เติมไขมันที่หน้า สามารถทำเทอมาจได้ แต่ไขมันจะยุบตัวลงไปบางส่วน

คนที่ฉีดฟิลเลอร์และโบทอกซ์สามารถทำเทอมาจได้ แต่อายุของฟิลเลอร์หรือโบทอกซ์จะสั้นลง

มีคนไข้ประมาณ 10% ที่อายุถึงเกณฑ์ แต่ทำเทอมาจแล้วไม่เห็นผล หากไม่เกี่ยวข้องกับฝีมือแพทย์และคุณภาพของเครื่องมือ เกิดจากภายในร่างกายชราภาพสุดๆ เช่น มีอายุ 30 ปี แต่ข้างในเสื่อมหย่อนคล้อยเหมือนคนอายุ 40 ปี จะใช้พลังงานแค่ 300 ช็อตได้หรือไม่

 คำตอบคือ ไม่พอ ต้องใช้อย่างน้อย 900 ช็อต จนถึง 1200 ช็อต

เทอมาจไม่ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น แต่ช่วยลดถุงใต้ตาได้ดี
คนที่มีสภาพผิวแย่ คุณภาพผิวไม่ดี ผิวหน้าไหม้ หน้าแก่กว่าเพื่อนวัยเดียวกัน กระฝ้า ผิวคล้ำแดดสะสม ทำเทอมาจไม่ค่อยเห็นผล

ผลข้างเคียง
หากใช้พลังงานสูง ผิวอาจจะไหม้(Burn)ไขมันยุบ ตุ่มน้ำพอง ผิวยุบ 
เพราะฉะนั้นต้องหาข้อมูลเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ไม่ใช่ใครก็ได้ หน้าเราจะเละ นอกจากไม่เห็นผล เสียเงินฟรีแถมเจ็บตัวอีกต่างหาก

แป้งเคยเห็นรุ่นพี่ไปทำเทอมาจที่คลินิกแห่งหนึ่ง ผลปรากฏว่าหลังทำเสร็จบริเวณแก้มยุบตัวลง แพทย์แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มแก้ม จากที่จ่ายเงินไปแล้ว 80,000 กว่าบาท จ่ายค่าฟิลเลอร์เพิ่มอีก 30,000 กว่าบาท 

ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ใช่จบใหม่ไก่กาอาราเล่ ก่อนตัดสินใจทำ เช็คข้อมูลแพทย์ คุณภาพของเครื่องมือทุกครั้งเพราะแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญขนาดฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยังเป็นก้อนใต้ตาเลย ขืนให้ทำ Thermage หน้าพังพอดี

3.Hifu (Hi Intensity Focused Ultrasound) เป็นแบรนด์เกาหลี ทำเดือนละหนึ่งครั้ง ราคาย่อมเยากว่าเทอมาจและอัลเทอร่า 

Hifu(ไฮฟู่)และ Thermage(เทอมาจ)เป็นเทคโนโลยีชนิดเดียวกันคือใช้คลื่นความถี่วิทยุ(Radiofrequency)

หากใช้พลังงานสูง ผิวอาจจะไหม้(Burn)เกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์ 
ไขมันยุบ ตุ่มน้ำพอง ผิวยุบ 

หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผิวและวิเคราะห์โครงหน้าเผลอยิงชอตเยอะ จะทำให้แก้มบุ๋มผิดที่ ย่น ย้อย เพราะเนื้อที่แก้มลดไปมากบวกกับอายุที่มาก(40+) บางคลีนิคแนะนำจะต้องร้อยไหมเพิ่ม

หมายเหตุ 
หากมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีสภาพผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยมาก
ทำอัลเทอร่า เทอมาจและไฮฟู่ มักจะไม่ได้ผล ควรศึกษาการผ่าตัดดึงหน้า ปัจจุบันมีมากมายหลายเทคนิค ซึ่งมีความแตกต่างกันตามระดับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด

4.ผ่าตัดดึงหน้าหรือศัลยกรรมดึงหน้า(Facelift) เป็นการผ่าตัดแก้ไขใบหน้าที่หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงที่มาตามวัยที่เพิ่มขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของมวลกระดูก กล้ามเนื้อ  และความยืดหยุ่นบนใบหน้า กล้ามเนื้อและผิวหนังที่หน้าผาก  ส่งผลให้แก้ม กราม คางและคอห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก การผ่าตัดดึงหน้าจึงเป็นวิธีการที่ทำให้ใบหน้าสดใส เต่งตึง แลดูอ่อนเยาว์ 

การผ่าตัดดึงหน้ามีหลายเทคนิค แพทย์บางท่านอาจจะใช้เพียงเทคนิคเดียว หรือหลายเทคนิคร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุด ดังนี้
    1.    การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม ร่องแก้ม แผลหน้าหู และบริเวณตาล่าง (Mini face lift and Mid face lift)
    2.    ผ่าตัดดึงหน้าทั้งหมด( โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม- คาง)  ด้วยแผลหน้าหู และ หลังหู เย็บชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ให้ตึง ( Full facelift )
    3.    ผ่าตัดยกกระชับใบหน้าด้วยวัสดุสังเคราะห์  ( Endotine  Mid face lift)
    4.    ผ่าตัดยกกระชับคางห้อย ด้วยการเย็บกล้ามเนื้อใต้คาง ( Neck lift / Neck Tuck )
    5.    ผ่าตัดดึงคิ้ว ( Forehead lift )
    6.    ผ่าตัดเพิ่มความอวบอิ่ม ( Fat transfer : เติมไขมัน)

ปัจจุบันเทคนิคการดึงหน้า ได้มีการพัฒนาไปมากและมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง สามารถเลือกดึงได้ตามสภาพผิวหน้า บางคนอาจจะดึงหน้าเฉพาะจุดหรือแค่บางส่วน เช่น ดึงบริเวณขมับและแก้มที่ห้อยให้ยกขึ้น หรือบางคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากทั้งหน้าทั้งคอ จำเป็นต้องศัลยกรรมดึงหน้าทั้งหมด คือ ดึงหน้า ดึงหน้าผาก ดึงคอ ซึ่งจะดึงจุดไหนหรือมากน้อยเพียงใดขึ้นกับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน และดุลยพินิจของแพทย์

หลังผ่าตัดดึงหน้า ผิวหน้าจะดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป
 ผิวหน้าก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น ส่วนผิวหน้าจะคงสภาพความเต่งตึงเอาไว้ได้นานแค่ไหนนั้น  ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคน โดยเฉลี่ยจะคงอยู่ได้นาน 5 ปีขึ้นไป แต่ใครที่ดูแลผิวหน้าดีๆ อาจอยู่ได้นานเป็น 10 ปีก็มี(อันนี้ท่าทางจะยากเพราะอย่าลืมว่า !!ชั้นคอลลาเจนได้เสื่อมลงหมด ฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนก็หมดหน้าที่ลง)ดังนั้นถ้าอยากให้ผิวหน้าคงความเต่งตึงเอาไว้นานๆ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำร้ายผิว ซึ่งจะช่วยยืดระยะเวลาให้ยาวนานขึ้นได้ เช่น แสงแดด ความเครียด นอนดึก

ค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 200,000-300,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพผิวก่อนทำการรักษา

ยกตัวอย่างค่ารักษาเฉพาะจุดของรพ.ยันฮี

ดึงหน้า (Midface)    67,000 บาท
ดึงหน้าผาก (Forehead)    81,000 บาท
ดึงคอ (Neck lift)    45,500 บาท

ศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้ใบหน้าเด็กลงเป็นสิบปีได้จริงหรือ?
ตามหลักการแพทย์ไม่สามารถบอกตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่า การดึงหน้าของแต่ละคนจะสามารถลดอายุลงได้กี่ปี 

แต่โดยทั่วไปแล้ว หากอยากลดอายุได้มากๆ อย่างแรกคือ ก่อนผ่าตัด คนไข้ต้องมีริ้วรอย ความหย่อนคล้อยในเกณฑ์ที่มาก เช่น คนที่ผิวบาง คนใบหน้าแคบๆ และมีริ้วรอยเยอะ ถ้าทำในคนไข้กลุ่มนี้เวลาผ่าตัดดึงหน้าก็จะเปลี่ยนแปลงได้เยอะ จากที่ริ้วรอยที่มีเยอะ ก็จะแก้ไขได้มาก เพราะฉะนั้นใบหน้าก็จะดูเด็กลง ลดลงได้โดยเฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี

แต่ขณะเดียวกันก่อนผ่าตัด ถ้าเป็นคนที่อายุยังน้อย เช่น อายุ 30 กว่าปี อยากศัลยกรรมดึงหน้า ทำเสร็จคนไข้จะรู้สึกว่าหน้าตึงขึ้นเพราะมีการผ่าตัดไปแล้ว แต่ถามว่าคนทั่วไปดูแล้วจะรู้สึกว่าอายุลดลงไป 10 ปีไหม ก็ไม่ขนาดนั้น ความแตกต่างอาจไม่มาก เพราะว่าก่อนผ่าตัดไม่ได้มีริ้วรอยจำนวนมาก

การดึงหน้าบางคนคิดว่าจะทำทั้งทีต้องทำทั้งหน้า ทั้งคอ จริงๆไม่ใช่อย่างนั้น ใบหน้าคนเราแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณหน้าผากด้านบน สำหรับคนที่มีริ้วรอยที่หน้าผาก เวลาขมวดคิ้วมีร่องระหว่างคิ้ว ก็ต้องดึงหน้าผาก

ต่อมาคือใบหน้าด้านบน บริเวณหางตา หางคิ้ว จะเรียกว่าการดึงหน้าส่วนบน ต่อมาคือส่วนล่าง การดึงหน้าส่วนนี้จะแก้บริเวณร่องเเก้ม ร่องน้ำหมาก เหนียงที่คาง สุดท้ายคือที่คอ คนไข้แต่ละคนไม่จำเป็นต้องทำทั้งหน้า ต้องอาศัยการตรวจวิเคราะห์โครงหน้าเสียก่อน ศัลยแพทย์ตกแต่งจะแนะนำตามความเป็นจริงว่าส่วนไหนที่จำเป็นต้องทำ ส่วนไหนที่ยังไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำ เลือกทำเฉพาะส่วนที่มีปัญหาจริงๆ

บางคนมีปัญหาแค่หย่อนคล้อย แต่ผิวหน้าไม่ได้เหี่ยวย่นมาก แค่ผ่าตัดดึงหน้าทั้งหมด(Full facelift)ผลลัพธ์จะออกมาดีไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม 

การทำมากเกินไป เช่น ร่องแก้ม บางคนอยากให้หมอดึงจนไม่มีร่องแก้มเลย ตามหลักการแพทย์ทำได้แต่ไม่ควรทำเพราะมันดึงจนตึงเกินไป หน้าก็จะแข็ง ดูหลอก ที่สำคัญร่องแก้มเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อในการยิ้ม การพูด แสดงสีหน้า ถ้าร่องแก้มหายไปเวลาแสดงสีหน้า ไม่ว่าจะยิ้ม พูดก็ดูไม่ธรรมชาติ

แต่ในคนที่ผิวเหี่ยว แก้มตอบ จำเป็นต้องฉีดไขมันเพิ่ม(Fat graft)โดยเอาไขมันของตัวเองจากส่วนอื่นมาฉีดใส่หน้าให้
ดูอวบอิ่ม เต่งตึง สำหรับคนที่หน้าเหี่ยวย่นและแก้มผอมตอบ การเพิ่มไขมันบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง 

หากบางเคสใต้ตาเหี่ยวมาก แค่ผ่าตัดดึงหน้าเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเติมฟิลเลอร์อีก

ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลต่างๆรวมถึงผลข้างเคียงหลังผ่าตัด สำคัญที่สุดคือ ศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีทักษะและประสบการณ์สูง(เช็ครายชื่อแพทย์ได้ที่เวปสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย)

ความสวยความสาวมีราคาที่ต้องจ่ายซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อย
เรามีสิทธิเลือกหมอ เลือกให้ดีก่อนขึ้นเขียง จะได้ไม่มาเสียใจภายหลังเพราะการแก้ไขแต่ละครั้ง ใช้เงินพอๆกับการผ่าตัดครั้งแรกเลยนะคะ








ที่มา 
ศัลยกรรมดึงหน้า ผ่าตัดดึงหน้า | โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่ง กมล | โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่ง กมล
เพจ Prof Dr worapong/ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ
เพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว
ศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้ดูเด็กลงเป็น 10 ปี ได้จริงหรือ? ฟังความจริงจากปากคุณหมอ (คลิป)



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 11 ธันวาคม 2563 17:13:53 น.
Counter : 836 Pageviews.

0 comments

แป้งปังปอนด์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?]



เริ่มเขียนblog 20ก.ค55
ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ






หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ


ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด




New Comments
MY VIP Friend