พฤษภาคม 2562

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
รู้จักเลือกส่วนผสมสำคัญ(Active Ingredients)ในเครื่องสำอางกันดีกว่า
เวลาที่เราดูละครโทรทัศน์ไม่ว่าจะช่องไหนก็ตาม หากเรามองหน้าตัวละครไม่ว่าจะเป็นพระเอก

นางเอก นักแสดงสมทบต่างๆ


หากไม่นับความสวย-หล่อ เราจะเห็นความเต่งตึงหรือริ้วรอย บนใบหน้านักแสดงเหล่านั้นเสมอ


ดาราระดับพระเอก นางเอกไม่เว้นแม้แต่นักแสดงสมทบ

ที่อายุเกิน 25 ปีขึ้น มักจะมีใต้ตาบวม ร่องแก้ม ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยย่นระหว่างคิ้วและ

หน้าผากแทบทุกคน


ทางลัดไปสู่ความงามที่เป็นอมตะคือ การเข้าคลีนิกผิวพรรณสม่ำเสมอ จะทำให้หน้าเรียบเนียนใส

ไร้ริ้วรอยรอยไปจนอายุ 50-65 ปี ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอแค่มีเงินเท่านั้นเอง


คนทั่วไปจำนวนมาก ไม่ได้มีงบประมาณเสริมความงามราคาแพงได้เรื่อยๆ อย่างทำเลเซอร์

ซึ่งมีผลทำให้ใบหน้าจะเรียบเนียนใสราว 4-6 เดือน หลังจากนั้นผิวจะดร็อปลงเรื่อยๆจนเป็นเหมือน

ก่อนทำเลเซอร์


วิธีที่ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนใส แม้ผลลัพธ์ไม่อาจเทียบเคียงเลเซอร์ แต่ไม่ต้องเทียวเข้าเทียวออก

คลีนิคผิวพรรณ โดยเราต้องรู้จักเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า


ก่อนที่จะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวใดๆก็ตาม ควรรู้จักอ่านส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อช่วยในการตัดสินใจ

เป็นอันดับแรก


กรดที่ใช้ในวงการเครื่องสำอางมักถูกมองว่าอันตราย อันที่จริงกรดส่วนใหญ่ เมื่อโดนผิวแล้วจะ

ให้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวล เรียบเนียนเพราะผิวตามธรรมชาติมีความเป็นกรดอยู่แล้ว


กรดเหล่านี้มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น เพิ่มความผุดผ่อง เปล่งปลั่ง ผลัดเซลล์ผิว ช่วยปกป้องและ

ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว


1.AHA(Alpha Hydroxy Acid) หรือเรารู้จักกันดีในชื่อ ‘’กรดผลไม้’’ช่วยกระตุ้นให้เซลล์เก่าหมองๆ

หลุดลอก ทำให้เผยผิวเซลล์ผิวใหม่ที่อ่อนเยาว์ ด้วยเหตุนี้ผิวจึงแลดูเปล่งปลั่งเพราะเม็ดสีจำนวนหนึ่ง

หลุดติดไปกับเซลล์ผิวเก่าด้วย


2.กรดไกลโคลิก(Glycolic)และกรดแลกติก(Lactic)จะซึมผ่านผิวหนังได้เร็วที่สุด เป็นกรดที่มี

ประสิทธิภาพมากที่สุดแต่สร้างความระคายเคืองได้ง่าย ไม่เหมาะกับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย


3.เบต้า ไฮดรอกซี แอซิด(Beta Hydroxy Acid)หรือ BHA เรียกอีกอย่างว่า กรดซาลิไซลิก

(Salicylic Acid)


กรด AHA ละลายในน้ำและทำปฏิกิริยากับผิวชั้นบนสุด ในขณะที่ BHA ละลายในน้ำมัน

นั่นหมายความว่าBHA จะลงลึกถึงต่อมไขมันเพื่อกำจัดคราบสกปรกและเซลล์ที่ตายแล้ว

รวมถึงฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุ

ของสิวอีกด้วย


ด้วยเหตุผลนี้ BHA จึงเหมาะกับคนที่ผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย


เคลนเซอร์ที่ผสม BHA หรือ กรดซาลิไซลิก เหมาะที่จะใช้ทุกวันโดยเฉพาะสูตรที่มีความเข้มข้น

2% หรือ มาสก์หน้าที่มีกรดซาลิไซลิก 2%สัปดาห์ละ 1 ครั้ง(หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์

รักษาสิวในวันนั้นเพราะอาจทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย)


แป้งจำได้ว่า ช่วงอายุ 30 ต้น เคยใช้เคลนเซอร์ที่มีส่วนผสมของ BHA ยี่ห้อ

Murad ซึ่งได้ผลดีมากเพราะไม่เห็นมีสิวขึ้นสักเม็ด พอจะใช้ขวดที่สองต่อ

กลับไปซื้ออีกที อ้าว!ยกเคาน์เตอร์กลับอเมริกาไปซะล่ะ


4.ไฮยาลูโรนิกแอซิด(Hyaluronic Acid)และกรดไขมัน(Fatty Acid)


ไฮยาลูโรนิกแอซิด(Hyaluronic Acid)มีความชุ่มชื้นเสมือนเป็นแม่เหล็กดูดน้ำ

ในเซลล์ช่วยหล่อเลี้ยงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ


ไฮยาลูโรนิกแอซิดนอกจากป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง แต่ยังทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้นทันตาอีกด้วย


หากอยากมีผิวนุ่มนวลสุดๆ ลองใช้ไฮยาลูโรนิกแอซิด 1%และกรดไขมันควบคู่กัน


ส่วนผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกใช้กรดไขมัน(Fatty Acid)เป็นส่วนผสมหลัก


กรดไขมัน(Fatty Acid)มีชื่อเรียกว่า ลิโนเลอิก(Linoleic),อัลฟา-ลิโนเลอิก(Alpha-Linoleic)

หรือแกมมา-ลิโนเลอิก(Gamma-Linoleic)มีคุณสมบัติเป็นเกราะกำบังของผิว คอยปกป้องผิว

จากการระคายเคือง ในขณะเดียวกันยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ เมื่อไหร่ที่ผิวแห้งเกินไป

เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวโดยธรรมชาติจะหยุดทำงาน ผิวจึงแลดูหมองคล้ำและ

ไม่เรียบเนียน


ครีมบำรุงที่ผสมกรดไขมัน(Fatty Acid)จะช่วยบรรเทาสารพัดเรื่องผิว ตั้งแต่ผิวอักเสบ

จากมลภาวะฝุ่นละออง สายลมแรง แสงแดดระอุ ไปจนถึงผิวอักเสบจากการใช้ผลิตภัณฑ์

ที่มีส่วนผสมของกรดต่างๆมากเกินไป


5.โคจิก แอซิด(Kojic Acid)และอะเซเลอิก แอซิด(Azelaic Acid)

ขณะที่กรดต่างๆมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างสว่างใสด้วยการค่อยๆกำจัด

เซลล์ผิวหมองคล้ำออกไป


โคจิก แอซิดจะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการสร้างเมลานินในเซลล์ผิวชั้นที่ลึกลงไป

เม็ดสีจึงขึ้นมาสู่ผิวชั้นบนน้อยลง


อะเซเลอิก แอซิดจะทำหน้าที่ควบคุมการผลิตเม็ดสีมากกว่าเข้าไปขัดขวางเหมือนโคจิก แอซิด

 ดังนั้นคนผิวสีมักได้ประโยชน์นี้มากกว่าเพราะอะเซเลอิก แอซิด จะทำให้ผิวปกติที่อยู่ใกล้

บริเวณจุดด่างดำสว่างขึ้นโดยไม่เป็นอันตราย


ประโยชน์อีกอย่างของอะเซเลอิก แอซิดคือ คุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย

จึงช่วยบรรเทาการเกิดสิวโรซาเซีย(Rosacea)และผิวเปลี่ยนสีเนื่องจากการอักเสบรวมถึง

รอยดำและรอยแดงจากสิวได้ดีอีกด้วย


อะเซเลอิก แอซิด(Azelaic Acid)มีจำหน่ายรูปแบบครีมในชื่อการค้าคือ Skinoren

ปริมาณ 30 กรัม ราคา ~410 บาท มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป


หมายเหตุ ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย อาจทำให้แสบระคายเคือง

เพราะอะเซเลอิก แอซิดมีฤทธิ์เป็นกรด


ถึงอย่างไรโคจิก แอซิด(Kojic Acid)และอะเซเลอิก แอซิด(Azelaic Acid มีพลังไม่เท่ากับ

ไฮโดรควิโนน(Hydroquinone)ซึ่งจัดการกับเม็ดสีทุกประเภทตั้งแต่จุดด่างดำขึ้นบางบริเวณ

ไปจนถึงรอยกระหรือฝ้าที่เป็นปื้น(สั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น)


6.เรตินอยด์ แอซิด(Retinoid Acid)กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อลดเลือนริ้วรอย

และเร่งระดับการผลัดเซลล์ ไม่ให้เซลล์เก่าทับถมซึ่งเป็นต้นเหตุของผิวหมองคล้ำหรือ

รูขุมขนอุดตัน แต่ประโยชน์เหล่านี้อาจแลกมาด้วยผิวแห้ง ลอกเป็นขุย รอยแดง


เรตินอยด์ แอซิด(Retinoid Acid)มีจำหน่ายในรูปครีมตามแพทย์สั่ง


ส่วนเรตินอยด์ที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าและมีขายทั่วไปอย่างเรตินอล(Retinol)

หรือเรตินัลดีไฮด์(Retinaldehyde)จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นกรดเรตินอยด์ในร่างกาย เช่น Retin-A


ไม่ว่าเราจะเลือกส่วนผสมแบบไหนก็ตาม อย่าลืม!ทาครีมกันแดดในทุกๆวัน

หากมีส่วนผสมซิงก์ออกไซด์(Zinc Oxide)ที่มีมิเนอรัล

ฟิลเตอร์เป็นส่วนผสม ซึ่งช่วยปกป้องผิวได้ดีอย่างกับกำแพงอิฐเลยทีเดียว


นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากรังสีของแสงทุกคลื่นความยาว แม้กระทั่งแสง

ที่ปล่อยจากจอคอมพิวเตอร์หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า

สามารถทำให้เกิดจุดด่างดำได้เช่นกัน


ในบรรดาส่วนผสมที่ทำให้ผิวหน้าใส เรียบเนียน เราต้องรู้จักส่วนผสมอันตรายต่อ

ผิวหน้าด้วย ยิ่งใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานนานผิวจะอ่อนแอและบางลง

มีผลให้เกิดสิวปะทุ ผดผื่น กระฝ้าตามมา


ปัจจุบันจะพบครีมหน้าขาวใสเด้งที่ขายตามอินเตอร์เน็ต เห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วภายใน

3-7 วันอยู่มากมาย เวลาที่เราเห็นเพื่อนๆหรือคนอื่นใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

อย่าเพิ่งรีบร้อนใช้ตาม ฉุกคิดเสียก่อนว่า ขนาดครีมบำรุงผิวตามเคาน์เตอร์แบรนด์

ราคาแพง ใช้จนหมดไปหลายกระปุก ผิวหน้ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


แต่ครีมบำรุงผิวที่ทำให้หน้าใสรวดเร็วไวขนาดนั้น ย่อมต้องมีส่วนผสมที่เป็นกรด

ซึ่งหากมีความเข้มข้นสูง จัดได้ว่ามีอันตรายต่อผิวพรรณอย่างมาก


ตามปกติกรดจะทำหน้าที่เพิ่มความผุดผ่อง เปล่งปลั่ง ผลัดเซลล์ผิว

ซึ่งคนที่มีผิวแห้งและผิวบอบบางแพ้ง่าย จะไม่สามารถใช้ได้ ยิ่งใช้ยิ่งหน้าบางและ

อ่อนแอจากคุณสมบัติของกรด ในประเทศไทยมักแอบใช้ส่วนผสมอันตรายดังนี้


1.ปรอท(Mercury)มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase)

มีผลทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานิน(Melanin) ลดลง ผิวจึงแลดูขาวใสขึ้น

และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิด staphylococcus จึงป้องกันสิว ไม่มีสิวมากวนใจ

ยิ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของปรอท หน้าจะขาวใสไร้สิว แต่อย่าหยุดใช้เชียวนะคะ


ใบหน้าจะเกิดผื่นแดง หน้าหมองคล้ำ ผิวไวต่อแสงจนเกิดฝ้าถาวร


2.สเตียรอยด์(Steroid)ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะสารประกอบที่ใช้รักษาเฉพาะที่(ทาผิวหนัง)

เพื่อบรรเทาโรคผิวหนังชนิดต่างๆเช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบฯลฯ


ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้สเตียรอยด์เฉพาะที่(ทาผิวหนัง)คือ ผิวหนังฝ่อ

ช้ำง่าย หลอดเลือดขยาย(Telangiectasis)มีรอยแตกตามผิวหนัง



3.ไฮโดรควิโนน(Hydroquinone) พบครั้งแรกในปีค.ศ 1820

โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส PelletierและCaventou ผ่านกระบวนการกลั่นแห้งของกรดQuinic


ออกฤทธิ์การยับยั้งกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดสี(Melanocyte)

โดยไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส(Tyrosinase)ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสี(Melanin)


เมื่อปริมาณเม็ดสีลดลง ผิวจึงขาวขึ้นได้

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ไฮโดรควิโนนนิยมนำมาใช้เป็นยาทารักษาผิวที่เป็นฝ้า    

ปี 2006 องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา(FDA)ได้เพิกถอน

สารไฮโดรควิโนนเนื่องจากพบอุบัติการณ์เนื้องอกในหนูทดลอง

แต่ในยุโรปบางประเทศยกเลิกการใช้ไฮโดรควิโนนตั้งแต่ปีค.ศ 1976


สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อ.ย)กำหนดให้มีส่วนผสม

สารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้า ปริมาณไม่เกิน2%แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น







ที่มา

women’s health,June 2013



 



Create Date : 15 พฤษภาคม 2562
Last Update : 15 พฤษภาคม 2562 9:49:02 น.
Counter : 963 Pageviews.

0 comments

แป้งปังปอนด์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?]



เริ่มเขียนblog 20ก.ค55
ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ






หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ


ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด




New Comments
MY VIP Friend