Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
16 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ปีกนางฟ้า 11


11.

เช้าวันรุ่งขึ้นสองสาวก็ทำงานเที่ยวบินที่บินกลับไปเมืองนาโกยาประเทศญี่ปุ่น บรรดาแอร์ที่บินมาด้วยกันจะได้พักสองคืนที่เมืองนาโกยา ปรกติปริมเป็นคนตื่นแต่เช้าอยู่แล้ว และวันนี้ก็เช่นกันเธอตื่นขึ้นมาบรรยากาศฟ้าใสแดดสวยซะจนอดไม่ได้ที่จะต้องออกไปเดินเล่น เธอหยิบหนังสือไปหนึ่งเล่ม แวะซื้อขนมกับน้ำหนึ่งขวด แล้วเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสวนสาธารณะ เธอไปนั่งตากแดดอุ่นๆ มองเด็กๆ ที่กำลังเล่นเครื่องเล่นกันอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอหยุดทานยาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูกไปเลย ชาตินี้เธอจะได้มีโอกาสเป็นแม่คนบ้างมั๊ยนะ

ปริมเปิดหนังสือเตรียมจะอ่านถึงตาเธอจะมองจ้องอยู่ที่หนังสือแต่ใจเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย ป่านนี้ศัลย์จะเป็นยังไงบ้างตัดสินใจได้รึยัง เธอเชื่อว่าศัลย์คงยังรักเธออยู่ แต่กับผู้หญิงอีกคนศัลย์ก็คงจะทิ้งไม่ได้ ถ้าทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกันเรื่องคงจะไม่ลำบากขนาดนี้ เธอพร้อมที่จะอภัยให้ศัลย์ แต่เธอก็สงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่องราวคนนั้น คงจะเป็นการใจร้ายต่อเด็กเกินไปที่จะให้เกิดมาเจอครอบครัวที่แตกร้าว เธอบอกกับตัวเองว่าคิดดีแล้วละปริม คิดดีที่เป็นฝ่ายถอยออกมาซะเอง กลับไปคราวนี้เธอคงจะต้องขอให้ศัลย์จัดการเรื่องการหย่าให้เรียบร้อยก่อนที่เธอจะไปเที่ยว ส่วนไมค์เธอไม่ปฎิเสธว่า ไมค์เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าสนใจ และเธอก็รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอมั่นใจว่าเธอก่อกำแพงระหว่างไมค์กับเธอไว้อย่างแน่นหนาแต่มาเดี๋ยวนี้ถ้าเธอจะคบกับเขาเป็นเพื่อนอีกสักคนก็คงจะไม่เป็นอะไร

ปริมนั่งเล่นไปจนกระทั่งบ่าย เธอจึงเดินกลับไปหาซื้อผักซื้อของสดมาทำสุกี้เป็นอาหารมื้อเย็นกับผึ้งและรุ่นน้องอีกสองคน การที่มีอาชีพเป็นแอร์คนภายนอกอาจจะดูว่าสวยหรู แต่จริงๆ แล้วอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เหงามาก ทำงานมาเหนื่อยๆ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปเที่ยวกันได้ทุกครั้ง จะถูกใจสาวๆ ก็ตรงที่ได้ช็อปปิ้งซื้อของกันนี่ละ แล้วก็ทำให้เกิดความเคยตัว ครีมอาบน้ำจะต้องมาซื้อของญี่ปุ่นใช้ ครีมสระผมจะต้องใช้ของอเมริกา กระเป๋า รองเท้าชื่อดังก็สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าคนอื่นๆ หลายๆ คนจึงติดกับอาชีพนี้เพราะเหตุนี้เอง เหมือนกับเธอจากที่ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะมาทำงานบริการแบบนี้กลับกลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้เธอรู้สึกสนุกที่ได้มาบิน ได้มาเจอบรรยากาศที่แตกต่างจากที่ที่เธออยู่ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นต้องแลกกับชีวิตครอบครัวของเธอ ถ้าเธอเลิกบินไปตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ววันนี้ก็คงจะต่างจากนี้ แต่จะคิดทำไมในเมื่อเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราก็คงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำได้เท่านั้นเอง

ปริมกลับเข้ามาที่ห้อง ก็เห็นว่ามีข้อความฝากไว้ที่โทรศัพท์ เธอกดฟัง “พี่ปริม กลับมาถึงแล้วโทรหาผึ้งด้วยนะ น้องแอนกับน้องฝนก็อยู่ที่ห้องผึ้งแล้วค่ะ” ส่วนข้อความที่สอง “ผมไมค์นะฮะ อืมมม..ไม่มีอะไรฮะ แล้วเจอกันที่ฮาวายครับ” ปริมสั่งเสร็จก็กดลบทั้งสองข้อความแล้วกดโทรศัพท์ไปยังห้องผึ้ง

“ทำอะไรกันอยู่ผึ้ง เดี๋ยวพี่หอบของไปที่ห้องผึ้งเลยนะ”

“ค่ะพี่ เร็วๆ นะ หิวกันจะเป็นลมอยู่แล้ว”

เย็นวันนั้นหลังจากที่ทำสุกี้ทานกันเสร็จเรียบร้อย น้องแอนกับน้องฝนก็ขอตัวออกไปเดินช็อปปิ้ง เลยเหลือแค่ผึ้งกับปริมนั่งคุยกันต่อ

“พี่ปริมรู้มั๊ยว่ากัปตันไมค์นะไปถามฌอนใหญ่เลยเรื่องพี่น่ะ เขาคงรู้ว่าพี่มีเรื่องไม่สบายใจอยู่นะ แล้วฌอนก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอกบอกไมค์ไปว่า เดี๋ยวจะมาถามหนูให้ หนูก็ทำเฉยจะพูดรึก็ไม่ใช่เรื่องตัว ทั้งที่ปากเนี่ยคันยิบๆ อยากจะบอกไมค์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะพี่ หนูว่าเขาชอบพี่มากเลยนะพี่ปริม”

“พี่ยังไม่อยากมีใครตอนนี้หรอกผึ้ง ให้คบเป็นเพื่อนไปน่ะได้หรอกนะ แต่จะให้มาเป็นแฟนเป็นคนพิเศษ พี่ยังเข็ดอยู่เลย แล้วเรื่องของพี่ก็ยังไม่เรียบร้อยทำอะไรไม่ดีไปคนเขาจะว่าพี่เอาได้นะ”

“พี่ปริมน่ะแคร์อะไรกับปากคนอื่น ทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจนะคะ” ผึ้งพูดขัดขึ้นมา

“แล้วเนี่ยเข้าฮาวายคราวหน้าไมค์ชวนพี่ไปเที่ยวโพลีนีเชี่ยนละ พี่ตอบตกลงไปแล้วด้วยนะผึ้ง แต่พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำถูกหรือทำผิดกันแน่ ถ้าพี่ยังไม่พร้อมก็ไม่น่าจะไปเที่ยวไหนต่อไหนกับเค้านะ”

“คิดมากน่ะพี่ เพื่อนกันก็ไปเที่ยวด้วยกันได้นี่คะ บางครั้งนะพี่ปริม เราก็ต้องทำตามสิ่งที่ใจเราต้องการบ้างอย่าไปแคร์คนอื่นให้มากนัก พี่อยากไปพี่ก็ไป ไม่อยากไปพี่ก็ปฎิเสธซะ ไม่ใช่ว่าอยากไปแต่งั้นแต่งี้ อยากทำอะไรทำไปเลยพี่ ถ้าสิ่งนั้นทำให้พี่มีความสุขนะคะ”

“ขอบคุณนะผึ้งที่คอยเป็นเพื่อนคอยเป็นกำลังใจให้พี่ตลอด”

“ขอบคุณอะไรกันนะ พี่ปริมก็เหมือนพี่สาวผึ้งคนนึงเหมือนกัน ผึ้งรักพี่รักครอบครัวพี่ด้วยนะ แล้วผึ้งก็รู้ว่าพี่ก็รักผึ้งเป็นห่วงผึ้งเหมือนกันใช่ม๊า”

“จ้ายัยน้องสาว แล้วจะไม่เล่าเรื่องฌอนให้พี่ฟังบ้างเหรอ เป็นไงมั่ง”

“ก็ดีนะคะ ยังแฮปปี้อยู่ แต่ผึ้งคงต้องดูกันนานๆ หน่อยละ คงไม่ผลีผลามเหมือนคนเก่า เก็บใจของเราให้อยู่กับตัวไว้ให้นานที่สุดดีกว่าละ .... ไปอาบน้ำดีกว่า พี่ปริมอย่าเพิ่งกลับห้องนะ นอนดูทีวีด้วยกันก่อนแล้วดึกๆ ค่อยกลับไปนอน” ผึ้งพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำเตรียมตัวอาบน้ำ

ปริมรู้ว่าผึ้งไม่อยากจะให้เธออยู่คนเดียว เพราะกลัวว่าจะคิดมากในเรื่องนั้น และพรุ่งนี้ผึ้งก็นัดเธอไปเดินช็อปปิ้งกันทั้งวัน และเธอกำลังคิดว่าอาจจะซื้อของติดมือไปฝากไมค์สักชิ้นเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ


เมื่อถึงวันต้องทำงานเข้าฮาวายรอบที่สอง ปริมมีหน้าที่รับผิดชอบผู้โดยสารที่นั่งตรงส่วนด้านหน้า ผู้โดยสารเที่ยวนี้มีไม่มากนัก ทำงานกันอย่างสบายๆ ได้มีเวลานอนพักระหว่างทางกันคนละชั่วโมงกว่า แต่เที่ยวบินเที่ยวนี้กลับมีสิ่งที่ทำให้ปริมรู้สึกสะเทือนใจอย่างเหลือเกิน เธอเจอผู้โดยสารผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางกับลูกชายที่ป่วยไม่สามารถที่จะขยับตัวได้เอง ปริมไปคอยช่วยเหลือและพูดคุยกับแม่ของเด็ก เธอก็เล่าให้ปริมฟังว่าสามีทิ้งเธอไปในช่วงที่ลูกเธอเริ่มจะมีอาการป่วย จนเดี๋ยวนี้ก็ไม่เคยมาเหลียวแลหรือให้ความช่วยเหลืออะไรเลย ลูกของเธออยากจะไปเที่ยวฮาวายมาก และช่วงนี้ร่างกายยังคงพอที่จะเดินทางไหวเธอก็อยากพาลูกไปเที่ยวเพราะเธอไม่รู้เลยว่าลูกของเธอจะมี ชีวิตอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่

ปริมฟังแล้วก็แสนจะเศร้า พร้อมๆ กับโกรธผู้ชายคนนั้นอย่างเหลือเกิน ทิ้งลูกทิ้งเมียไปหาความสุขส่วนตัว ปล่อยให้ทั้งคู่ลำบากขนาดนี้ เมื่อนึกมาถึงเรื่องตนเอง เธอก็หวังว่าศัลย์จะไม่เป็นอย่างนั้น เธอจะไม่พรากลูกพรากพ่อมาเพื่อตัวเธอคนเดียวแน่ๆ ปริมคอยดูแลผู้โดยสารสองคนแม่ลูกอย่างดีตลอดการเดินทาง หวังว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนั้นจะเก็บความสุขกลับไปอย่างเต็มเปี่ยม


หลังจากที่เธอมาถึงโรงแรมแล้วเธอก็รีบอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น ยังดีที่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้นอนพักบนเครื่องบินไปตั้งชั่วโมงกว่า วันนี้เธอคงจะไม่เพลียมากนัก ขณะที่กำลังแต่งตัวเกือบเสร็จก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“เฮลโหล” ปริมรับสาย

"ผมเองฮะไมค์ ผมอยู่ที่ล็อบบี้แล้วนะฮะ ปริมเสร็จเมื่อไหร่ลงมาได้เลยนะ ไม่ต้องรีบนะผมรอได้”

“ขอเวลาห้านาทีนะคะไมค์ แล้วเจอกันค่ะ” ปริมหวั่นใจเหลือเกิน ไมค์มารออยู่ที่ล็อบบี้ก็คงจะต้องเจอบรรดาแอร์ที่กำลังทยอยเข้ามาจากเที่ยวบิน ต่างๆ ที่ส่วนมากมักจะถึงฮาวายในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ช่างเถอะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา

และเป็นไปอย่างที่เธอนึก บริเวณล็อบบี้คร่ำคร่าไปด้วยแอร์ที่เพิ่งเข้าและแอร์ที่กำลังจะออกไปทำงาน ปริมเดินลงไป มีแต่คนเรียกทักกว่าเธอจะเดิน ถึงไมค์ที่ยืนนั่งอยู่บริเวณสระน้ำก็เสียเวลาไปอีกหลายนาที

“ขอโทษนะคะ ฉันมาช้าไปหน่อย” ปริมรีบเอ่ยขอโทษ

“ไม่เป็นไรฮะ แต่ผมกำลังคิดว่าผมมาถูกเวลารึเปล่าเนี่ยคนเต็มไปหมด” ไมค์พูดยิ้มๆ

ยังไม่ทันจะตอบอะไรก็มีแอร์รุ่นน้องเดินมาทักทายเธอและไมค์

“จะไปเที่ยวไหนกันหรือคะพี่ปริม” ซินดี้เดินเข้ามาถามด้วยความอยากรู้

“พี่จะไปเที่ยวโพลีนีเชี่ยนจ๊ะ”

“อะไรกันไปกันสองคนเท่านั้นเหรอคะ ทำไมกัปตันไม่เห็นเคยชวนซินดี้ไปเที่ยวบ้างละคะ แหมเสียดายนะซินดี้ต้องทำงานวันนี้ซะด้วย ไม่งั้นจะขอตามไปเที่ยวด้วยคนแน่ๆ เลยค่ะ งั้นเที่ยวกันให้สนุกนะคะ ฝากความคิดถึงไปถึงพี่ศัลย์ด้วยนะคะพี่ปริม พี่ศัลย์จะรู้มั๊ยเนี่ยว่าพี่ปริมมาบินอย่างสนุกสนานมีคนพาเที่ยวอย่างนี้” พูดจบซินดี้ก็เดินหันหลังกลับไปทันที

ปริมรู้ว่าซินดี้ชอบกัปตันไมค์มาก พยายามที่จะจีบไมค์เป็นแฟนมานานแล้วแต่ไมค์ไม่เล่นด้วย จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ซินดี้ก็มีแฟนคนอื่นไปแล้ว แต่ก็คงจะรู้สึกเสียหน้าที่กัปตันคนนี้ไม่ยอมรับรักเธอ ปริมไม่อยากจะคิดว่าซินดี้จะเอาเรื่องนี้ไปพูดในทางไหน แต่ถ้าจะให้เดาคงไม่ใช่ในทางที่ดีแน่ๆ ทุกคนยังคงคิดว่าเธอมีสามี แล้วผู้หญิงที่มีสามีแล้วมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นสองต่อสองอย่างนี้จะให้ตีความหมายไปในทางไหนได้อีก เธอหันไปมองไมค์เห็นเขาทำหน้าไม่ค่อยดี ไมค์คงสะดุดกับคำพูดที่ซินดี้ฝากถึงศัลย์แน่ๆ หรือเธอควรจะเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

“จะเปลี่ยนใจมั๊ยคะไมค์” ปริมหันไปถามไมค์

“ไม่ฮะ เราไปกันเถอะปริมเดี๋ยวจะช้าไปนะ แล้วคุณก็นอนพักระหว่างที่ผมขับรถไปนะฮะ”

ระยะทางระหว่างโรงแรมที่ปริมพักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่าโพลีนีเชี่ยนนั้นใช้เวลาขับรถประมาณสี่สิบนาที ปริมเอ่ยขึ้นมาว่า

“ไมค์คะ ปริมมีเรื่องอะไรจะเล่าให้คุณฟัง”

“คุณพร้อมจะเล่าแล้วเหรอฮะปริม”

“ค่ะ ไม่งั้นคุณคงไม่สบายใจที่พาปริมมาเที่ยวอย่างนี้ ... ปริมอยากจะบอกคุณว่า ปริมกับศัลย์คงจะสิ้นสุดกันในไม่ช้า ตอนแรกปริมยังไม่อยากพูด เพราะเรื่องมันยังไม่เสร็จสิ้น แต่วันนี้ซินดี้มาพูดอย่างนั้นกับคุณ ปริมก็เลยไม่อยากจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีน่ะค่ะ คือ ปริมอยากจะบอกว่าที่เรามาเที่ยว กันวันนี้มันไม่มีอะไรผิด ปริมไม่ได้ผูกพันธ์กับใครอีกแล้ว ปริมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในสิ่งที่ปริมอยากจะทำ”

“ผมเสียใจด้วยครับปริม เรื่องซินดี้น่ะผมไม่ห่วงตัวผมเองหรอก ผมห่วงคุณมากกว่า กลัวว่าเธอจะเอาไปพูดเสียๆ หายๆ แล้วทำให้คุณรำคาญใจ”

“ขอบคุณค่ะไมค์ แต่ปริมไม่แคร์อะไรแล้วค่ะ ปริมเคยแคร์มาก เคยดูแลระวังตัวเองไม่ให้ใครเอาไปพูดถึงในทางไม่ดีได้มาตลอด แล้วการทำตัวดีอยู่ในกรอบของปริมกลับกลายเป็นคนไม่มีคุณค่าในสายตาของคนอื่น เขาถึงกล้าทำร้ายปริมขนาดนี้” เธอพูดเสียงสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

“คุณอย่าคิดอย่างนั้นสิปริม คุณมีค่าและมีคุณค่าเสมอในสายตาของผม ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ... ไม่เอาฮะ อย่าคิดมาก ผมแนะนำว่าคุณนอนสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกคุณเอง ตื่นขึ้นมาคุณจะรู้สึกสดชื่นกว่านี้ แล้วเราจะได้เที่ยวกันอย่างสนุกเลยไงฮะ”

สักประมาณสิบโมง ไมค์ก็ขับรถมาจอดที่หน้าโพลินีเชี่ยนเคาเชอรอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่ไมค์จะซื้อตั๋วเข้าชม เขาหันมาถามปริมว่า

“คุณอยากอยู่ทานอาหารเย็นพร้อมชมโชว์ตอนกลางคืนด้วยมั๊ยครับ แต่ถ้าอยู่กว่าจะเลิกก็คงสี่ทุ่ม คุณจะเหนื่อยเกินไปมั๊ยปริม”

“ไหนๆ มาแล้วอยู่จนเลิกเลยดีกว่าคะไมค์ เดี๋ยวปริมซื้อตั๋วเองค่ะ” ปริมรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา

“ผมจ่ายไปแล้วฮะปริม เอางี้อาหารกลางวันคุณเลี้ยงผมแทนแล้วกันนะ”

บรรยากาศด้านในโพลินีเชี่ยนเคาเชอรอลเซ็นเตอร์เป็นการจำลองเกาะโพลีนีเชี่ยนทั้งหมดเจ็ดเกาะมาไว้รวมกัน ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่เกาะฮาวาย เกาะซามัว เกาะนิวซีแลนด์ เกาะฟิจิ เกาะตาฮิติ เกาะถองก้า และเกาะมาควิส พวกเขาเชื่อกันว่าประชาชนพื้นเมืองในหมู่เกาะเหล่านี้มาจากชนเผ่าเดียวกันคือชาวโพลินีเชี่ยน แต่เดินเรือแยกย้ายกันไปจับจองอาศัยตามเกาะต่างๆ เหล่านี้ เมื่อสมัยนานมาแล้ว

แต่ละเกาะที่จำลองก็จะมีการแสดงโชว์ศิลปะอารยธรรมของเกาะตัวเอง ไมค์พาปริมเดินชมการแสดงต่างๆ ของแต่ละเกาะตามตารางเวลาที่เขียนกำหนดเอาไว้ ปริมสนุกสนานมาก บางครั้งเธอก็ไปหัดเต้นฮูลากับหญิงชาวพื้นเมืองฮาวาย ไมค์ซื้อเลอิซึ่งก็คือพวงมาลัยดอกไม้มาคล้องใส่คอให้เธอ ทั้งคู่สนุกสนานกับการแสดงจนกระทั่งได้เวลาอาหารเย็นที่จะมีพร้อมโชว์ช่วงกลางคืน การโชว์กลางคืนก็คือนำการแสดงของทุกๆ หมู่เกาะมาโชว์บนเวที มีทั้งแสงสีเสียง นั่งชมไปพร้อมๆ กับอาหารพื้นเมืองที่แสนอร่อย

“วันนี้ปริมสนุกมากเลยค่ะไมค์ ดูสิลืมง่วงไปเลย ถึงตอนนี้ปริมเหมือนจะลืมตาไม่ขึ้นแล้วล่ะค่ะ” ปริมชวนไมค์คุยขณะที่ขับรถกลับเข้าโรงแรม

“ผมก็สนุกมากครับ ปริมเก่งมากเลยนะ ทำงานมาเหนื่อยแล้วไม่ได้นอนพักเลยเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนครับเนี่ย”

“สนุกนี่คะ ปริมชอบจังอยากมาอีกถ้ามีโอกาสนะคะ ไมค์คะ เดี๋ยวส่งปริมแล้วรออยู่ก่อนแป๊บนึงได้มั๊ย ปริมมีอะไรจะให้คุณค่ะ แต่เมื่อเช้าปริมลืมหยิบลงมา”

“ลำบากซื้ออะไรมาฮะปริม ปริมก็รู้ว่าผมไม่ต้องการของตอบแทนอะไรเลย แค่ได้เห็นคุณสนุกผมก็ดีใจแล้วฮะ”

“ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ ปริมตั้งหาเดินหาอยู่นานเชียวน๊า ไม่รับละเสียความตั้งใจแย่เลยค่ะ”

“ขอบคุณนะปริม” ไมค์นึกอยากจะเอื้อมมือไปกุมมือบางนวลนั้นอย่างเหลือเกิน แต่เขายังไม่กล้ากับผู้หญิงคนนี้ ไมค์รู้ว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้ แค่ความเป็นเพื่อนที่เธอให้กับเขามานั่นก็ดีอย่างเหลือเกินแล้ว

หลังจากที่ไมค์ส่งปริม เขาก็นั่งรออยู่ในรถ ปริมวิ่งหายขึ้นไปแป๊บนึงก็ลงมาพร้อมกล่องบางเรียว

“ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่คุณให้กับปริมคะไมค์ หวังว่าคุณคงชอบ” ปริมยื่นกล่องบางนั้นมาให้เขา

“ขอบคุณครับปริม ขอผมแกะดูเลยได้มั๊ยฮะ”

“ตามใจคุณสิคะ” ปริมพูดยิ้มๆ

ไมค์รีบแกะหล่องบางสวยนั้น เมื่อเปิดออกมาเขาเห็นปากกาลูกลื่นยี่ห้อหรูวางเด่นอยู่ในกล่อง

“สวยมากครับปริม ผมจะพกติดตัวตลอดเวลา” ปริมยื่นมือออกมาข้างหน้า ไมค์จับมือบางเรียวนั้นแล้วยกขึ้นมาแตะตรงจมูก

“ขอบคุณมากปริม คืนนี้ผมคงฝันดี”

“กู๊ดไนท์คะไมค์ แล้วก่อนปริมเดินทางออกจากเมืองไทย ปริมจะโทรหาอีกครั้งนะคะ” ขณะที่ปริมกำลังจะหันตัวกลับ ไมค์ก็เอ่ยทักขี้นมาว่า “ปริมฮะ ผมโทรหาปริมบ้างได้มั๊ย”

“ได้สิคะ” พูดจบปริมก็โบกมือบ๊ายบายแล้ววิ่งกลับไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปบนห้องพัก





Create Date : 16 เมษายน 2550
Last Update : 16 เมษายน 2550 7:15:54 น. 1 comments
Counter : 409 Pageviews.

 
หายไปหลายวันกลับมาก็ตามมาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:18:29:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pim(พิม)
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]





** ถ้าต้องการรูปจากบล็อคพิม รบกวนบอกกล่าวกันสักนิดนะคะ พิมไม่หวงภาพ เพียงแต่ขอให้บอกกันก่อน อย่าเอาไปโดยพลการนะคะ ... ขอบคุณค่ะ **

++ บทความล่าสุด ++

Friends' blogs
[Add pim(พิม)'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.