เมื่อสองวันก่อน ไปอ่านบล็อคพี่แอ็ก (ปลาทอง9) พาไปเที่ยวฟุกุโอกะ เห็นรูปที่พี่แอ็กถ่ายมาแล้วนึกถึงความหลังจังเลยค่ะ หลายที่ที่พี่แอ็กไปคือที่ที่พิมเคยไปบ่อยๆสมัยยังทำงานอยู่นั่งนึกกลับไปช่วงทำงานห้าปีช่วงนั้น ความทรงจำมันเหมือนมีหมอกมาบัง มองอะไรก็ไม่ชัด พิมเลยไปรื้อไดอารี่ที่เคยเขียนเอาไว้มาอ่าน แล้วก็เลยมาเรียบเรียงเขียนใหม่ เพื่อให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น แปลกนะคะ ช่วงนั้นอายุยังน้อยกว่านี้ แต่พิมกลับจำอะไรไม่ค่อยได้เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเวลากินเวลานอน เวลาทำงานหรือเวลาเที่ยว มันปนเปกันไปหมด สับสันอลหม่านไปหมด แล้วสมัยก่อนนู้นพิมก็ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้มากๆเหมือนตอนนี้ด้วยสิคะเรื่องราวที่จะเขียนเป็นเรื่องราวเก่าๆ ของแอร์ แ... เก่าๆ ^^ เมื่อสมัยเกือบสิบปีที่แล้วนู้นเลยนะคะ ข้อมูลอะไรก็คงไม่อัพเดทแล้วล่ะพิมเรียบเรียงมาจากไดอารี่ที่เคยไว้ในช่วงนั้นๆนะคะ บางตอนบางช่วง อย่างตอนแรกเนี่ย อาจจะไปซ้ำกับเรื่องราวในหนังสือ Fun Flight แต่พิมก็ยังอยากที่จะเขียนเก็บเอาไว้อีกสักครั้งน่ะค่ะพิมคงจะตั้งหน้านี้เป็นหน้าแรกแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าใครสนใจอยากจะอ่านต่อวันหลังคงต้องคลิ๊กไปตรงบล็อคขีดๆเขียนๆนะคะ ส่วนรูปพิมก๊อปปี้มาจากในเวิร์ดที่เคยเก็บไว้ แต่ทำไมภาพสีมันไม่ครบก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่พิมขี้เกียจไปรื้อมาสแกนใหม่แล้วล่ะ พิมจะเริ่มจากแพทเทิร์น 9 วัน เซนได ฮอนโน นะคะวันนั้นพิมเริ่มแพทเทิร์นด้วยการทำงานจากกรุงเทพไปโอซากา ผู้โดยสารเต็มค่ะ แต่ปรกติไพล์ทเข้าออกโอซากาผู้โดยสารจะไม่ค่อยเต็มนะคะ ไม่เหมือนไพล์ทเข้าออกนาริตะ อันนั้นมักจะเต็มซะส่วนมาก บินเข้าออกโอซากาจะใช้เครื่องบินรุ่น DC10 จะเป็นเครื่องเล็กกว่าโบอิ้ง บรรจุผู้โดยสารได้น้อยกว่า (รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้จะไม่มีบินด้วย DC10 แล้วล่ะค่ะ สมัยก่อนกัปตันดีซีเท็นกับโบอิ้งมักจะเกทับกันบ่อยๆ กัปตันโบอิ้งก็จะบอกว่าตัวเองบินเครื่องทันสมัย ส่วนกัปตันดีซีเท็นก็จะบอกว่าตัวเองเก่งกว่า เพราะต้องใช้ฝีมือในการขับเครื่องบิน ทุกอย่างเป็นเมนนวลหมด ^^วันนั้นพิมทำงานเป็นแม่ครัวอยู่ขั้นธุรกิจ ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะว่าจะต้องยุ่งขนาดไหนปรกติถึงผู้โดยสารไม่เต็มเสิร์ฟชั้นนี้ก็ยุ่งอยู่แล้ว นี่เต็มด้วยคิดดูละกันค่ะว่าหัวจะฟูหน้ามันจะกันขนาดไหน เวลาที่บินเราจะทำงานร่วมกันระหว่างแอร์คนไทยและแอร์ญี่ปุ่นที่มาจากบริษัทแม่ (Janpan Airline) ซึ่งแอร์ญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า SI (Service Instructor) ซึ่งจะคอยช่วยเหลือเรื่องการเสิร์ฟและเรื่องภาษาญี่ปุ่นในไพล์ทบินนั้นๆค่ะวิธีการเสิร์ฟชั้นธุรกิจจะมีหลายชั้นตอนกว่าการเสิร์ฟชั้นประหยัดค่ะ คือพอผู้โดยสารขึ้นมานั่งที่แ้ล้ว เราก็ต้องเสิร์ฟ Welcome Drink ซึ่งเราจะเสิร์ฟด้วยสปากกิ้งไวน์ (แต่เราบอกว่าแชมเปิญ) หลังจากนั้นก็เสิร์ฟหนังสือพิมพ์ ทั้งหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ หนังสือพิมพ์ไทยและนิตยสารต่างๆ จากนั้นก็จะเสิร์ฟพวกเซ็ตเครื่องใช้สำหรับบนเครื่องบิน เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่ปิดตา ปิดหู อะไรพวกเนี่ยค่ะ พอเครื่องจะขึ้นเราก็จะต้องเดินเก็บแก้วน้ำคืนจากผู้โดยสารให้เรียบร้อยพอเครื่องขึ้นเราก็จะเสิร์ฟผ้าร้อน แจกเมนูอาหาร ถ้าเป็นชั้นประหยัด เมนูอาหาร จะเสียบไว้ตรงกระเป๋าหน้าที่นั่งของผู้โดยสาร แต่ถ้าชั้นธุรกิจแอร์จะต้องเดินแจกไปทีละคนค่ะ แล้วก็จะมีแอร์อีกคนเอาผ้าปูโต๊ะมาปูตามแ้ล้ว เราก็จะออกคาร์ทเสิร์ฟน้ำค่ะ ซึ่งน้ำที่เสิร์ฟสำหรับชั้นธุรกิจจะมีให้เลือกหลากหลาย หลายกว่าชั้นประหยัดมาก สมมุติว่าผู้โดยสารอยากจะดื่มสาเก เราก็จะีมีให้เลือกประมาณ 4 ยี่ห้อ แล้วต้องถามว่าจะให้เสิร์ฟร้อนหรือเสิร์ฟเย็น พวกคอกเท็ลก็มีให้เลือกหลายชนิดมาก สำหรับของทานเล่นที่เสิร์ฟพร้อมกับน้ำ ถ้าเป็นชั้นประหยัดเราก็มีแค่อย่างเดียวแต่ถ้าเป็นชั้นธุรกิจเรามีให้สองอย่างค่ะเราจะเสิร์ฟน้ำสองรอบ หลังจากนั้นก็จะออกคาร์ทข้าว สำหรับชั้นธุรกิจเราจะมี อาหารให้เลือกสามชนิดค่ะ และโดยส่วนมากแล้วผู้โดยสารจะต้องได้อาหารอย่างที่ต้องการ จะไม่มีการบอกว่า "ขอโทษนะคะอาหารชนิดนี้หมดแล้วเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้มั๊ยค่ะ" เราไม่ทำอย่างนั้นค่ะ เพราะเราจะมีอาหารลูกเรือที่เป็นอาหารชนิดเดียวกันกับอาหารสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจเผื่อไว้ด้วยค่ะ คือถ้าผู้โดยสารวันนั้น ต้องการทานสเต็กกันเยอะมากจนสเต็กที่สำหรับเสิร์ฟผู้โดยสารหมด เราก็ไป หยิบสเต็กที่โหลดมาสำหรับลูกเรือเสิร์ฟแทนได้ค่ะ จากนั้นเราก็จะเสิร์ฟขนมปัง ให้สำหรับผู้โดยสารที่เลือกรับประทานอาหารสากลและชาเขียวสำหรับผู้ที่เลือกรับประทานอาหารญี่ปุ่น เวลาเราเสิร์ฟขนมปังก็มีให้เลือกทั้งขนมปังนิ่มหรือขนมปังแข็งนะคะ จะมีตะกร้าสำหรับใส่ขนมปังเราก็พับผ้าสีขาวสะอาดให้สวยงามรองไว้ก่อน แล้วเราก็เอาขนมปังวางแยกไว้เป็นพวกๆค่ะ เวลาเสิร์ฟก็ใช้คีมคีบให้ผู้โดยสารค่ะ ทุกทุกอย่างที่เสิร์ฟผู้โดยสารชั้นนี้จะต้องเรียบร้อยและสวยงามค่ะหลังจากนั้นเราก็จะออกไวน์ต่อทันที ไวน์เราก็จะมีให้เลือกหลายชนิดค่ะ ทั้งไวน์ ขาวและไวน์แดง และก็เป็นหน้าที่ของแอร์ด้วยนะคะที่จะต้องจำชื่อไวน์ให้ได้และ ต้องบอกให้ได้ว่าไวน์ชนิดไหนมาจากที่ไหน เสิร์ฟไวน์นี่ยากมากเลยนะคะ เพราะเราต้องระวังหลายอย่างเลยล่ะ ขวดไวน์ก็แสนจะหนัก เวลาที่เสิร์ฟก็จะต้องมีวิธีการรินและที่สำคัญจะต้องไม่ให้หก เวลาออกเสิร์ฟไวน์มือนึงก็จะถือตระกร้าไวน์ซึ่งมีทั้งหมดสามขวดเต็มๆ (หนักนะคะนั่น) มือนึงจะต้องถือผ้าสะอาด เวลาเสิร์ฟไวน์สำหรับผู้โดยสารที่นั่งริมทางเดิน ไม่ยากเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะอยู่ใกล้จะรินจะเทก็สะดวก แต่ลองนึกสภาพผู้โดยสารที่นั่งริมหน้าต่างสิคะ แล้วเราต้องเอื้อมแขนให้ยาวที่สุดเพื่อไปรินไวน์ให้อย่างสวยงามและไม่หก แล้วถ้าไวน์ยังเต็มๆ ขวดยังหนัก รินกันมือสั่นระริกๆกันเลยล่ะค่ะ และทุกครั้งที่เราจะเข้าไปเสิร์ฟอะไรแก่ผู้โดยสารทั้งคนที่นั่งข้างนอกและข้างใน เราต้องเอ่ยคำว่าขอโทษก่อนนะคะ ขอโทษที่เราจะต้องล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตของท่านผู้โดยสารค่ะ ถ้าเป็นผู้โดยสารที่นั่งริมทางเดินเราก็ขอโทษแล้วก็เสิร์ฟ แต่ถ้าเป็นผู้โดยสารที่นั่งริมหน้าต่าง เราต้องขอโทษผู้โดยสารที่อยู่ริมทางเดินก่อนเพราะเราจะต้องผ่านทางหน้าเค้าแล้วเราก็ไปขอโทษผู้โดยสารที่เราจะกำลังจะล่วงล้ำเข้าไปเสิร์ฟอีกรอบนึงค่ะ แล้วคำพูดระดับสุภาพที่ใช้พูดกับผู้โดยสารน่ะย๊าวยาวค่ะ สรุปว่าเหนื่อยทั้งเสิร์ฟและเหนื่อยทั้งพูดพอจบจากเสิร์ฟอาหาร เราก็จะออกผ้าร้อนอีกรอบให้ผู้โดยสารได้เช็ดมือเช็ดปาก แล้วตามด้วยคาร์ทขนม ส่วนมากก็เป็นพวกเค้กชิ้นเล็กๆ และขนมญี่ปุ่นแต่บางทีก็มีไอติมเหมือนกันค่ะ เสร็จจากตรงนี้พอเก็บทุกอย่างเรียบร้อย เราก็จะเสิร์ฟเหล้าขวดเล็กๆที่ใช้ทานกับช็อคโกแลต แล้วก็เก็บเป็นอันเสร็จเรื่องสำหรับการเสิร์ฟอาหารค่ะจากนั้นเราก็จะขายของปลอดภาษีบนเครื่องบิน เราจะขายสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจก่อนแล้วถึงจะลงไปยังผู้โดยสารชั้นประหยัด เพื่อให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจได้เลือกซื้อของก่อนค่ะ แล้วเราก็แจกเอกสารสำหรับเข้าเมืองกันค่ะ หลังจากนั้นก็จะให้ผู้โดยสารพักผ่อน และถ้าเผื่อระหว่างไพล์ทผู้โดยสารคนไหนเกิดหิวขึ้นมา เราก็มีบะหมี่สำเร็จรูปให้ทานค่ะ มีหลายรสให้เลือกด้วยนะคะ พิมละช๊อบชอบแอบเอามาทานบ่อยๆ ทำแบบแห้งแล้วใส่น้ำพริกเจ๊คุ้งนะคะ นึกแล้วอยากทานขึ้นมาทันทีเลยพอก่อนเครื่องจะแลนด์เราจะเสิร์ฟอาหารว่างอีกหนึ่งรอบ ซึ่งก็ต้องปูผ้าปูโต๊ะกันอีกรอบ เสิร์ฟเสร็จเก็บเสร็จบางครั้งเราจะมีของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆให้สำหรับ ผู้โดยสารชั้นธุรกิจด้วยค่ะ เช่นแผ่นซีดี เครื่องกระเบื้องชิ้นเล็กๆ กระเป๋าเล็กๆ สำหรับใส่ อุปกรณ์เดินทางอะไรพวกเนี่ยค่ะ สลับสับเปลี่ยนกันไป (ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังจะมีแจกอยู่รึเปล่านะคะ)เห็นมั๊ยค่ะว่าขั้นตอนในการเสิร์ฟจะหลายขั้นมาก ถ้าผู้โดยสารไม่เยอะก็เสิร์ฟกัน สบายๆ แต่ถ้าผู้โดยสารเยอะ แอร์ที่รับผิดชอบดูแลผู้โดยสารชั้นธุรกิจจะเหนื่อย กว่าที่จะเสิร์ฟผู้โดยสารชั้นประหยัดมากค่ะ เรียกได้ว่าเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจเวลาที่แอร์จะออกไปคุยกับผู้โดยสารชั้นธุรกิจเราจะยืนคุยก็ไม่ได้นะคะ เราจะ ต้องนั่งลงเพื่อคุยกัุบผู้โดยสารหรือเพื่อรับคำสั่งจากผู้โดยสารว่าต้องการอะไรค่ะ และแอร์ที่เสิร์ฟชั้นธุรกิจทุกคนจะต้องรู้จักปุ่มเก้าอี้ทุกปุ่มนะคะ ว่าปุ่มไหนสำหรับทำอะไร เพราะถ้าเวลาผู้โดยสารถามจะได้อธิบายได้ มีเหมือนกันเวลาที่เปลี่ยนที่นั่งใหม่ๆ แล้วบางทีเราก็ยังไม่รู้อะไรเท่าไหร่ เพราะยังไม่เคยได้ลองนั่ง พอผู้โดยสารถามแล้วตอบไม่ได้นี่น่าอายจังเลยนะคะผู้โดยสารชั้นธุรกิจก็ใช่ว่าจะดีทุกคนนะคะ บางคนก็ขี้บ่นค่ะ อุ่นเนื้อบางทีสุกเกินไปก็บ่น ดิบเกินไปก็บ่น เรื่องการอุ่นเนื้อสเต็กบนเครื่องให้อร่อยเนี่ยถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือของแม่ครัวแต่ละคนเลยนะคะ บางคนขอนู้นขอนี่ไม่ได้หยุดได้หย่อนก็มี บางคนที่ดีๆก็มีค่ะ แต่ที่พิมจำไม่เคยลืมเลยก็คือ วันนั้นพิมทำงานชั้นธุรกิจจากโอซากาเ้ข้ากรุงเทพ ผู้โดยสารที่นั่งข้างหน้าสุดริมทางเดิน เป็นผู้โดยสารฝรั่งค่ะ แต่ชาิติไหนพิมไม่ทราบ พิมก็เสิร์ฟโดยปรกติตามที่ควรจะเสิร์ฟผู้โดยสารชั้นนี้ ระหว่างช่วงที่พักหลังจากเสิร์ฟเสร็จแล้ว ผู้โดยสารคนนั้นก็เรียกพิมไป แล้วถามว่า มีบริการนวดเท้าบ้างมั๊ย ผมบินชั้นธุรกิจจะขอให้แอร์ทำอะไรก็น่าจะได้ ใช่มั๊ย เพราะฉะนั้นมานวดเท้าให้หน่อย โหยยยยยย พิมงี้หน้าร้อนผ่าวๆเลยค่ะ อะไรกัน ทำไมดูถูกกันขนาดนี้ พิมตอบไปว่าเราไม่มีบริการอย่างนั้นและลุกขึ้นเดินออกมาเลย ผู้โดยสารอย่างนี้ไม่ต้องไปพูดดีด้วยค่ะ แล้วก็เข้าไปบอกชีพเพอร์เซอร์และบอกว่าพิมจะไม่เสิร์ฟทางฝั่งนั้นอีกแล้ว ชีพเพอร์เซอร์ก็เลยต้องเป็นคนเสิร์ฟผู้โดยสารฝั่งนั้นเทนพิมค่ะชีพเพอร์เซอร์ไม่ใช่ว่าขึ้นมาบนเครื่องเฉยๆ คอยดูแลแอร์กับควบคุมงานเฉยๆนะ คะ เป็นชีพก็ต้องเสิร์ฟค่ะ ส่วนมากชีพจะเสิร์ฟชั้นธุรกิจ ถ้าไพล์ทนั้นมีแต่ชั้น ประหยัด ชีพก็จะเสิร์ฟอยู่ในส่วนหน้าค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าชีพจะทำงานทุกชนิดเหมือนกับแอร์ทำนะคะ อาจจะมาช่วยแค่ช่วงเสิร์ฟอาหารเท่านั้น ชีพบางคนก็ดี ถ้าข้างหน้าว่างแล้วข้างหลังยุ่ง ชีพก็จะลงไปช่วยเสิร์ฟข้างหลังเหมือนกันค่ะ แต่ชีพเพอร์เซอร์บางคนก็จะไม่ลงไปเอง แต่จะส่งแอร์ข้างหน้าให้ลงไปช่วยแทนสำหรับพิมนะ ทำงานกับพวกแอร์ด้วยกันเองดีกว่า ถ้าชีพมาเสิร์ฟร่วมกับพิมมัน เกร็งๆยังไงพิกล แหะๆๆ ไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ค่ะ เหมือนโดนเช็คการทำงานตลอดเวลาอย่างนั้นนั่นแหล่ะค่ะเรื่องราวของการเสิร์ฟชั้นธุรกิจ แค่ฟังก็ดูยุ่งยากแล้วนะคะไว้พรุ่งนี้ค่อยมาต่อเรื่องที่โอซากาค่ะ
++ บทความล่าสุด ++
เอาว่ายังไงก็ขอเรียนรู้ และเข้าใจงานบนเครื่องก่อน
ว่าเค้าทำกันยังไงบ้าง
เราเองนั่งบ่อยแต่ว่าก็ไม่ได้รู้ว่างานมันยาก
ลำบากแล้วก็ซับซ้อนยังไงบ้าง เอาว่าขอแอบ
มาอ่านแบบสนุกๆ แบบนี้ดีกว่านะค่ะ ...