เมื่อวานนี้ ฟ้าไชยปราการยังฉ่ำไปด้วยสายฝน หมอกฝนคลุมฟ้าจนเป็นฝ้าขาวขุ่นไปทั่ว สิ่งที่บังดวงอาทิตย์ในเช้านี้เป็นหมอกฝนหรือความหมองหม่นมืดมิดในหัวใจเรากันแน่ วันพรุ่งนี้แล้วสินะที่เราไม่อยากให้มาถึงเลย แต่เราหรือจะเอาชนะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
ฉันขอคนที่บ้านให้ช่วยพาไปที่วัดป่าไม้แดง พระเจ้าพรหมมหาราชในเช้านี้ก่อนเพราะอยากชมพระเมรุมาศจำลองในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของอำเภอก่อนวันงานจริง เพราะวันงาน คงไม่เหมาะที่จะถ่ายภาพต่าง ๆ เก็บไว้นอกจากสายตา
ปราฏว่า เช้านี้ยังไม่แล้วเสร็จ มีจิตอาสาช่วยงานกันมากมายรวมทั้งคนที่บ้านด้วย เลยคิดว่า ค่ำคืนนี้จำเป็นต้องเรียบร้อยเพราะงานพิธีจะเริ่มวันพรุ่งนี้แล้ว ภาวนาอย่างเดียวว่า อย่าให้ฝนฟ้ากระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตาเหมือนที่ผ่านมาสองวันเต็ม ๆ อีกเลย
ราว ๆ ทุ่มตรง เราสองคนไปที่วัดป่าไม้แดงอีกครั้ง อากาศปิด ครึ้มฟ้าครึ้มฝนจนน่าวิตก แต่พระเมรุมาศจำลองสำหรับประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันที่ 26 ตุลาคมนี แล้วเสร็จอย่างสวยงามสมพระเกียรติของพระองค์ท่าน (ด้านซ้ายมือจะมีพระเมรุมาศจำลองตามแบบของทางราชการ และพระเมรุมาศที่ทางเจ้าอาวาสให้สร้างขึ้นตามแบบล้านนาเพื่อถวายดอกไม้จันทน์ในวันจริง สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ )
หลังจากเก้บภาพเสร็จ เราออกซ้อมวิ่งเหมือนเช่นทุกวัน ฟ้าฝนทำท่าจะตกอีกครั้ง เราวิ่งได้เพียงห้าสิบนาที ฝนก็ตกโปรยปราย อดใจหายไม่ได้ เราไม่ควรกังวลสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ก็ไม่คิดอะไรไปมากกว่านี้ ไม่ควรทุกข์ล่วงหน้า ไม่ว่าจะอย่างไร เราไม่คิดว่าฝนฟ้าคืออุปสรรคที่มาลบหรือหยุดยั้งความตั้งใจของเราได้
ค่ำคืนนี้ น้องชายของฉันก็เตรียมชุดใหญ่เต็มยศพร้อมติดเครื่องราชอิสรียาภรณ์ชั้นสูงสุดของเขาสำหรับงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ที่ชัยภูมิ เขาส่งภาพที่ติดเครื่องราชอิสรียาภรณ์จนครบมาให้ชมเป็นบุญตาสำหรับคนที่ไม่ได้รับราชการอย่างฉันและน้องสาว ดูยังไงก็ไม่ทราบว่า แต่ละเหรียญเครื่องราชฯที่ใช้ประดับเกียรตินั้นมียศฐาบรรดาศักดิ์อย่างไร นอกจาเชิดชูและภูมิใจไปกับเขาด้วย น้องชายเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่า ได้ใช้เหรียญเครื่องราชอิสรียาภรณ์ของพ่อพอดี
ส่วนคนที่บ้าน ก็เตรียมชุดใหญ่เต็มยศสำหรับงานพิธีในวันพรุ่งนี้เช่นกัน เป็นข้าราชการก็ต้องแต่งกายให้สมพระเกียรติพระองค์ท่าน อย่างเรา ๆ ก็แต่งกายด้วยชุดสุภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ สำรวมกาย วาจา ใจ น้อมถวายดอกไม้จันทน์ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
เช้าวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ตอนตีห้า ฉันฝันว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ไม่ทราบว่าเป็นงานอะไร แต่ทุกคนใส่ชุดไทยจิตรลดาสีดำกันทุกคน และฉันเป็นคนสุดท้ายที่หมอบ ๆ คลาน ๆ เข้าไปรับถุงทองของชำร่วยพระราชทานอะไรสักอย่างจากพระหัตถ์พระองค์ท่าน คนที่หมอบข้าง ๆ พระองค์ท่านเสียงเข้มกับฉันว่า อย่าหมอบขนาดนี้ คลานคุกเข่าเข้ามาแล้วทำมือเอางานก่อนรับของจากพระองค์ท่าน
ฉันก้ม และเงยหน้ามองพระพักตร์พระองค์ท่านและเอางาน ปีติล้น ตื้นตันใจว่า ทำไมถึงโชคดีมีบุญที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์มากขนาดนี้ คลานสองเข่าออกมาและดูถุงทองพระราชทานเล็ก ๆ นั้น เป็นยาเม็ดสีส้ม ยาแก้ปวดลดใข้ที่บ้านฉันขายมากที่สุด นับเป็นยาหลักของบ้านเลยก็ว่าได้บรรจุอยู่ในถุง มีใครสักคนมาขอถุงทองในมือนี้ ฉันก็ยินดีจะให้เขา แต่สะดุ้งตื่นก่อนพอดี คนที่บ้านมาปลุกเพราะเขากำลังจะออกไปงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ที่วัดป่าไม้แดง พระเจ้าพรหมมหาราชแล้ว
ฉันเล่าให้เขาฟัง ก่อนเห็นเขาใส่ชุดใหญ่สีขาวออกบ้านไป ฉันเขียนเล่าให้แม่และน้องฟังในไลน์ เป็นฝันดี รู้สึกตัวเองมีบุญมาก ๆ ที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านที่สุดแล้ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
บันทึกเช้าวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ณ ตรงนี้
ฉันจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีและจะเป็นคนดี
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ตราบนิรันดร์
น้อมส่งเสด็จ..
ธ อยู่ในดวงใจไทยนิรันดร์
ดูถ่ายทอดสดอยู่ค่ะ