ทนายเล่ห์รัก มณีจันท์
เมื่ออาชีพของเธอคือนักข่าวความอยุติธรรมบนโลกนี้คือสิ่งที่อเล็กซิสต้องเปิดโปงและยิ่งมันคร่าชีวิตเพื่อนที่แสนดีของเธอไปด้วยแล้วต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรเธอก็ต้องกระชากหน้ากากของเหล่าอาชญากรตัวเอ้ให้ได้ทว่าปราการสำคัญที่อาจจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากดำเป็นขาวจากผิดเป็นถูกก็เพราะทนายร้อยเล่ห์อย่างคริสเตียน วูลฟ์แต่จะให้อเล็กซิสนิ่งเฉยก็ไม่มีวันครั้งนี้เธอยอมเสี่ยงทุกอย่างจนหมดหน้าตักแล้วจริงๆ
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหนุ่มจอมเสเพลหากแต่คริสเตียนกลับถูกสะกดด้วยสายตาคู่นั้น และเมื่อผู้หญิงปริศนาปลุกบางอย่างในกายเขาให้ลุกโชนคริสเตียนก็จะไม่ปล่อยให้สัญชาตญาณของเขาหลุดมือไปความลับของเธอช่างน่าค้นหาเสียเหลือเกิน เมื่อเธอคืออเล็กซิส ฮาร์เปอร์นักข่าวสาวที่กระหายอยากจะเปิดโปงความลับบางอย่าง คนที่คริสเตียนควรหลีกให้ไกลแต่เขากลับอยากวิ่งไล่เธอให้มาอยู่บนเตียงของเขามากกว่า
เขาคือตัวอันตรายอย่างแท้จริงเสน่ห์ล้นเหลือของคริสเตียนทำให้อเล็กซิสที่มีเกราะป้องกันตัวเองอย่างดีกลับทำในสิ่งตรงกันข้ามเธอเปิดใจรับเข้าอย่างง่ายดาย แต่มันไม่ใช่เพียงแค่พิศวาสที่แสนเร้าใจหากแต่เขาคือสะพานเพื่อก้าวไปสู่ความลับที่อเล็กซิสต้องการถึงเธอจะอยากตกลงไปในบ่วงรักสักเพียงใดแต่เล่ห์ลวงของทนายอย่างคริสเตียนก็เตือนเธอให้รู้ตัวเสมอว่าเขาอาจเป็นส่วนหนึ่งของเดอะ แชโดว์ เอ็มเพอเรอร์
ถึงเสน่ห์ของอเล็กซิสจะน่าเย้ายวนแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ต่างจากอเล็กซิสคริสเตียนรู้ดีว่ามีบางอย่างที่ทำให้เธอเปิดใจกับเขาได้ง่ายดายหากเมื่อเขารู้ดีว่าสิ่งใดคือความจริงต่อให้เธออยากค้นหาเท่าไรเขาก็ไม่มีวันเป็นในสิ่งที่เธอคิดหากแต่บางอย่างที่คริสเตียนเป็นในบางครั้งก็อาจจะไม่ต่างไปจากที่เธอคาดไว้สำหรับคริสเตียนแล้วเวลาคือสิ่งที่เขารอเพื่อทำภารกิจสำคัญและเมื่อนั้นอเล็กซิสจะได้เข้าใจว่าเขาคือใคร
ในความโกรธเกรี้ยวผิดหวังหรือความเสียใจอะไรมากมายหากสิ่งที่ทำให้อเล็กซิสต้องยอมรับก็คือเธอรักผู้ชายที่ไม่ควรรักอย่างคริสเตียน เขาคือทนายความเจ้าเล่ห์ผู้เป็นดั่งพระเจ้าของเหล่าอาชญากรคนที่อาจรู้เห็นถึงการตายของคนที่เธอรักหลายคนแต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่โง่งมที่สุดเมื่อตกอยู่ในความรัก
ที่ผ่านมาสิ่งที่คริสเตียนทำหรือเป็นมันอาจทำให้อเล็กซิสเคลือบแคลงแต่เขาจะใช้ความจริงพิสูจน์ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่บนโลกใบนี้ไม่มีแค่เพียงสีขาวหรือสีดำ คนดีหรือเลว เหมือนดั่งที่เขาเป็น ชัยชนะที่เขาได้มาอาจจะไม่ได้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้นแต่ก็ถือว่านี้คือจุดเริ่มต้นของการสั่นคลอนความมั่นคงของรากฐานสภาอันแข็งแกร่งแต่การประสบความสำเร็จในเกมนี้มันกลับเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ในสายตาคนอื่นนั่นก็คือการที่ทำให้อเล็กซิสยอมรับในตัวเขาและรักในสิ่งที่เขาเป็นเพราะเขาคือคริสเตียน วูลฟ์ ทนายร้อยเล่ห์รักของเธอ
ก็ว่าจะดองเพราะรู้อยู่ว่ามีเล่มต่อ แต่คนอื่นเขาได้มาก็รีบอ่านกันหมด จะดองไว้ให้เสียของเพื่ออะไรกันเล่า เอามาเล่าสู่กันฟังดีกว่าถึงจะดี งานนี้รีวิวหาเพื่อนคุยอีกเช่นกัน เพราะแฟนหนังสือแม่มณีได้มาก็ต้องรีบจัดไปกันทุกคนอย่างแน่นอน ชุดนี้เป็นเล่มต่อของอริรักมาเฟีย เล่มต่อจากนิราศรักร้ายนะคะ แต่ฟีน่าสารภาพเลยว่าลืมเล่มแรกไปแล้ว ตามประสาอายุมากขึ้นความจำเริ่มไม่ดีตามไปด้วย ดังนั้นก็เหมือนอ่านใหม่หมดเลยงานนี้ จากความทรงจำที่เลือนลางนิดๆ ในเล่มแรกจะพูดถึงองค์กรลับๆ ที่ชื่อว่า เดอะ แชโดว์ เอ็มเพอเรอร์เอาไว้ ซึ่งปมขององค์กรนี้จะมาเล่าอย่างจริงจังในเล่มนี้ นางเอกที่เคยปรากฏตัวในเล่มแรกไปแล้ว เมื่อเธอคือนักข่าวที่ตามเกาะติดเรื่องนี้ เธอจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปเงียบๆ และยิ่งมันคร่าชีวิตคนที่เป็นเสมือนเพื่อนในชีวิตเธอไปอีก เธอจึงยอมเสี่ยงทุกอย่างแม้แต่ชีวิตตัวเอง แต่การเข้าไปยุ่งกับองค์กรอันตรายที่เต็มไปด้วยบุคคลที่มีไม่น่าต่อกรด้วย และคนที่เธอดันต้องเกี่ยวพันแบบถึงเนื้อถึงตัวสุดๆ ก็คือคนที่น่ารังเกียจที่สุด ทนายหนุ่มที่ว่าความให้กับเหล่าตัวร้ายจนหลุดคดีมาแล้วมากมาย จากคนที่น่ารังเกียจในสายตาและสายงาน กลับกลายเป็นคนที่เธอกำลังตกหลุมรัก แต่มันจะแยกออกได้ยังไงเมื่อคนที่เธอรักอาจเป็นคนร้าย โดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสภาอันน่าหวาดกลัวนี้ต่อเธอ
นิยายเล่มหนามาก ชนิดที่ว่าอ่านกันตาแฉะไปข้างหนึ่งเลย ใครเป็นแฟนหนังสือของแม่มณีคงจะเรียกว่าถูกใจสำหรับหนังสือเล่มโตแบบนี้ พอเห็นความหนาแล้วประมาณได้เลยว่าเนื้อเรื่องต้องแยะมากอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่ต่างไปจากที่คิดไว้เลยค่ะ หนักและเยอะมากจริงๆ
ยังคงคอนเซปต์พระเอกหล่อเหลาน่าฟัดในสายตาสาวๆ สำหรับพ่อหนุ่มคริสเตียนคนนี้ มาดดีพิมพ์นิยม เซ็กส์แอพพีลฟุ้งกระจายลอยมาตามสายลม แม้แต่นางเอกที่ไม่อยากจะยอมรับอีตาทนายเจ้าเล่ห์คนนี้ทำให้ผู้หญิงที่สนใจแต่งานแบบเธอยังต้องแพ้เสน่ห์ของเขาเลย รุกหนักจนเต็มแบบนี้จะไปต้านทานไหวได้ยังไงกัน ช่วงแรกนี้ยังไม่เท่าไร พอจะรู้ว่าแค่ความพอใจในเรื่องบนเตียงเท่านั้น แต่เข้ากลางๆ เรื่องไป เริ่มเห็นความดีงาม ความน่ารักแสนดีของพระเอกมากขึ้น แบบที่ไม่ต้องเอ่ยว่ารักก็พอรู้ว่าเขาคิดกับนางเอกพิเศษกว่าสาวคนอื่นที่เคยควงๆ มา ไม่ค่อยขี้เก๊กจนน่าหมั่นไส้เสียด้วย แสดงออกแบบให้เห็นว่านางเอกเป็นคนค่อนข้างสำคัญในชีวิต มีโกรธ มีงอนรอให้นางเอกมาง้อเสียด้วย เป็นมุมน่ารักๆ แบบหนึ่งของพระเอก หรือบางทีก็รู้สึกว่าคริสเตียนออกจะขี้อ้อนด้วยซ้ำไป ดูขัดๆ กับอาชีพเล็กน้อยไปหลายในบางที แต่ก็น่ารักดีไปอีกแบบ
ส่วนของนางเอก ความที่เธอเป็นนักข่าว ความมุ่งมั่นของเธอบางครั้งก็กลายเป็นความมุทะลุแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในบางที เหมือนว่าจะไม่ค่อยรักตัวเองไปบ้าง แต่มันก็มาจากความคับอกคับใจที่เธอต้องเสียเพื่อนในชีวิตไป ผลักดันให้เธอต้องเปิดโปงเรื่องลับๆ นี้ให้ได้ จนบางทีต้องเหมือนหลอกใช้พระเอก ซึ่งดีว่าพระเอกรู้เต็มอกว่านางเอกทำอะไรไปบ้าง ก็เลยไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจกันให้วุ่นวายกันในเรื่องมากไปกว่านี้ แต่ส่วนความน่ารัก ยังไม่ค่อยรู้สึกสักเท่าไรนะคะ เพราะอะไรเดี๋ยวจะมาคุยกันว่า อะไรทำให้เราไม่ค่อยเห็นเสน่ห์ของนางเอกมากนัก
ความรู้สึกหลังจากอ่านเล่มนี้จบ ก็ต้องบอกกันตามความรู้สึกจริงๆ เลยว่าเล่มนี้ไม่หวานสมกับที่นักเขียนบอกไว้จริงๆ แรกเริ่มที่เปิดตัวพระเอกขึ้น คริสเตียนเด่นมาก เปล่งประกายสุดๆ ให้บทบาทว่าเขาคือทนายตัวร้ายที่ทำให้คนเลวกลายเป็นคนบริสุทธ์ได้ เราก็คิดเลยว่าอีตานี้ต้องเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด ต่างๆ นานา แต่พออ่านไปแล้วกลายเป็น แค่หนุ่มหล่อธรรมดาๆ ความเป็นทนายสุดเจ๋งไม่ค่อยปรากฏให้เราเห็นมากนัก ปล่อยให้ตัวร้ายและตัวประกอบในเรื่องเด่นหมด ทั้งตำรวจที่พยายามไขคดีหรือตัวละครอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อนนางเอกอย่างมือแฮกเกอร์สาวจีนซิซี แม่สาวนักสืบคิม หรือทางฝ่ายสภาก็นักบุญฟรานซ์ หรือตัวละครที่แสนคลุมเครืออย่างชาร์ล็อต ส่วนนางเอกก็ไม่ต่างกัน ยังดีที่พอจะไม่ถูกกลบไปมากเท่ากับพระเอก แต่กลางเรื่องเธอก็ถูกชาร์ล็อตแย่งซีนไปจนหมดสิ้น ความเป็นปริศนาของเธอคืออำนาจที่เย้ายวนใจว่าเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่ เมื่อตัวตนของนางเอกไม่เปล่งประกายสมกับความเป็นนางเอกทำให้เรายังไม่เห็นเสน่ห์ในแบบที่เป็นเด่นชัดสักเท่าไรเลย
ช่วงกลางเป็นช่วงที่พูดได้เลยว่าพระเอกแทบจะไร้บทบาทมาก เนื้อหาเทไปที่เรื่องสภาจนหมดสิ้น การเล่าเรื่องของโครงสร้างของสภาผลักตัวพระเอกนางเอกให้ไม่จำเป็นต้องมีความสำคัญในช่วงนี้ แต่ก็ยังพอมีอะไรบ้าง เสียแต่ว่าเนื้อหาสภามันเยอะและกลบตลอด จะมารู้สึกว่าเริ่มมีความสำคัญก็ตอนท้ายเรื่องที่ต้องการล่มล้างสภานี้ให้ได้ ทำให้เนื้อเรื่องตรงนี้หนักและเต็มไปหมด ส่งให้นิยายไม่ค่อยมีความหวานไปด้วยเลย บทกุ๊กกิ๊กของพระเอก นางเอกก็มีสัดส่วนน้อยมากถ้าเทียบกับความหนาของเรื่อง และยิ่งเมื่อเล่าเรื่องสภามากขึ้นเท่าไร ก็ต้องมีตัวละครเกี่ยวข้องมาเรื่อยๆ จนบอกตรงๆ เลยว่างงว่าใครเป็นใคร ชื่อคล้ายกัน สับสนกันไปเลย เกี่ยวพันกับคนโน่นที คนนี้ที บางช่วงต้องขอผ่านไปเลยกับเรื่องสภา ต้องพยายามเปิดหาตัวพระเอก นางเอกสักหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยเจอสักเท่าไร เจอแต่ผู้คนมากมายในเรื่องแทน เข้าใจว่านักเขียนอยากจะเล่าเรื่องสภาในเล่มนี้เพื่อให้คนอ่านเข้าใจ แต่มันมีปริมาณที่มากสำหรับการพูดถึงในหนังสือหนึ่งเล่ม เพราะเวลาเราดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับความลึกลับซับซ้อนขององค์กรลับต่างๆ ต้องใช้เวลาในการเล่าค่อนข้างจะหลายซีซันกว่าจะเปิดโปงเรื่องทั้งหมดได้แบบทำให้คนดูไม่งง แต่หนังสือความหนาไม่มากพออัดหนักๆ มันเลยไปตัดส่วนสำคัญในสิ่งที่สาวๆ ต้องการคือความฟินจากความรักของพระเอกนางเอก ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่มันน้อยไปค่ะ เพราะยังไงเราก็มองว่านี้คือนิยายรักเสียมากกว่า
และอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ฟีน่ารู้สึกเลยว่าเคมีสองคนนี้ไม่เกิด กว่าสองคนนี้จะได้คุยกันก็เข้าไปที่หน้า 148 ไม่นับการเจอหน้ากันแบบผ่านๆ ตามสถานที่อื่น หรือเพราะเราจำไม่ได้ถึงเนื้อเรื่องในนิราศรักร้ายก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้เคยคุยอะไรกันบ้างหรือเปล่า แต่บทบาทของพระเอกนางเอกยังไงก็ต้องให้มารู้สึกถึงสายสัมพันธ์ของกันและกันในเล่มตัวเองจะดีที่สุด แต่มาเล่มนี้กว่าพระเอก นางเอกจะคุยกันนานมากจริงๆ และที่งงต่อก็คือว่าพระเอกปิ๊งนางเอกตอนไหน แทบไม่ได้คุยกันสักคำ สักพักพระเอกจู่โจมมาถึงตัว แสดงออกว่าชอบเลย แค่เจอกันในผับสองครั้ง(ไม่นับเจอกันข้างนอก ที่นางเอกไม่มีอะไรดึงดูดใจเลย อยู่ในรูปลักษณ์นักข่าวสาวสุดเชยตลอด) แต่อนุโลมว่าก่อนจะขอนัดเดตเขาก็พอจะรู้จักนางเอกจากข่าวที่ไปสืบมา อาจจะเป็นความประทับใจและอยากแค่จีบผู้หญิงที่ถูกสเป็กเล่นๆ แต่นางเอกนี้ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรพระเอกเลย แถมงงด้วยว่าอีตาทนายนี้จะมาหว่านเสน่ห์ใส่เธอเพื่ออะไร แต่เอาเป็นคิดไปว่าที่ยอมเดตด้วยคงมาจากแผนบางอย่างของเธอ แต่ที่น่างงกว่าคือเธอยอมมีอะไรกับเขาง่ายดายมาก ไปเดทกันครั้งหรือสองครั้งเอง ลงเอยกันบนเตียงแล้ว คือมันยังไม่ทำให้เรารู้สึกว่านางเอกปิ๊งพระเอกขนาดนั้นเลย ส่วนพระเอกน่ะตามประสาผู้ชายนั่นละ ผู้หญิงสวยน่าลิ้มลองไม่ยากหรอกที่จะมีอะไรด้วย ยังดีที่พอช่วงกลางๆ เรื่องถึงจะบทหายไปบ้าง แต่ก็พอมีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารัก (ที่น้อยมาก) พอให้หวานอกหวานใจกันบ้างกลางเรื่องของสภาที่อัดแน่น แต่อีกท้ายเล่มก็ดันปล่อยให้คู่ของเล่มถัดไปอย่างเคนดริกและไลลาแย่งซีนอีก อ่านจนจบ พระเอกไม่เท่อย่างที่เปิดตัว รู้สึกเหมือนว่าเขาถูกผลักให้เป็นตัวประกอบในเล่มไปเลยในบางช่วง น่าเสียดายมากค่ะ นางเอกก็ธรรมดาๆ เกินไป ทั้งคู่เจอตัวละครอื่นมาเด่นแย่งซีนตลอดขนาดนั้น
ดังนั้นเรื่องนี้นะคะ ส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าตัดเรื่องของสภาทิ้งไปบ้างหรือเล่ามาตั้งแต่เล่มแรกให้มากกว่านี้ แล้วกระจายไปจนถึงเล่มสาม เรื่องที่ค่อนข้างใหญ่อย่างองค์กรลับนี้จะไม่ได้ไม่มากระจุกกันในเล่มเดียว จะทำให้ให้ผ่อนคลายน้ำหนักในเรื่องมากขึ้น ตัดตัวละครที่เยอะมากขนาดนี้ออกไปบ้างก็คงจะดีค่ะ อ่านแล้วจำไม่ได้ไปเลย ใส่บทเด่นๆ ที่จะโชว์ว่าพระเอกเขี้ยวสมกับความเป็นทนายร้อยเล่ห์ให้มากกว่านี้ เปิดตัวมาดีมากค่ะ แต่บุคลิกอย่างที่บอกว่าเขาดูขี้อ้อนผิดความเป็นทนายไปนิดหนึ่ง อาจจะขี้อ้อนกับนางเอกได้ละ แต่เรื่องการจัดการกับสภาอยากให้เห็นชัดเจนกว่านี้เขาเจ๋งขนาดไหน ซึ่งจริงเนื้อหาของพระเอกอาจจะเก่ง แต่ดันรู้สึกว่าคนที่สุดๆ ในเรื่องคือนักบุญฟรานซ์มากกว่า เป็นจอมบงการตัวเอ้ที่แม้ว่าจะต้องพลาดท่าไปบ้าง แต่สิ่งที่เขากระทำหลายอย่างให้ความรู้สึกว่าอีตานี้มันร้ายแบบสุดๆ ดี ต้องลดความมีบทบาทของตัวประกอบลงกว่านี้สักหน่อยหนึ่ง ซึ่งอาจจะเพราะว่านักเขียนอยากจะเล่าเรื่องในทางของนิยายแนวสืบสวนมากกว่านิยายรักหรือเปล่า ก็เลยทำให้ลดความหวานลง เพราะยิ่งอธิบายโครงสร้างสภา ก็เพิ่มเนื้อหาให้มากขึ้นเข้าไปอีก อาจจะถูกใจคอนิยายที่ไม่ชอบนิยายทางหวานมาก ไปเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับความลับทางองค์กรอะไรพวกนี้แทน ส่วนเราก็ไปคาดหวังในเล่มที่สามต่อไปแล้วกันนะคะว่าเคนดริกกับไลลาจะหวานขึ้นหรือเปล่า หรือจะหนักกว่าเดิม เพราะตัวเคนดริกเองก็ใช่ย่อยมีคดีติดตัวจากเล่มนี้ไป ส่วนไลลาก็ไม่เชื่อในความรักเสียอีก จะลงเอยกันยังไง แต่ส่วนตัวแล้วยังรู้สึกว่าสองคนนี้เคมีเป๊ะมากตั้งแต่ท้ายเล่มนี้จนเป็นที่มาที่บอกไว้ว่าแย่งซีนพระเอกนางเอกตัวจริงไปเลยทีเดียว ดังนั้นแฟนนิยายอย่างเราก็ต้องร้องเพลงรอต่อไปในเล่ม กลพยัคฆ์ซ่อนลายแล้วกันนะคะ