มุมพักผ่อนของคนอยากเขียน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

เพียงเปิดใจ 10

บทที่ 10


เมื่อความจริงเปิดเผย


    พีร์ธาดาตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการปวดตุ้บที่ขมับด้านขวาอย่างแรง'ไมเกรน'ปวดแบบนี้ใช่เลย โรคประจำตัวของเธอเอง หญิงสาวลากสังขารออกไปยังตู้ยาของบ้านพักเพื่อดูว่ามียาแก้ปวดหัวอยู่บ้างไหม พอหาเจอก็จัดการยัดมันเข้าปากทันทีเพื่อหวังให้มันออกฤทธิ์บรรเทาอาการปวดหนึบ เธอพยายามสอดสายตาหาเพื่อนสาว แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พลันสายก็กวาดไปเจอโน้ตที่เขียนแปะไว้บนโต๊ะกินข้าว


                             'ฉันกลับก่อนนะพีช พอดีมีธุระด่วน กลับถึงกรุงเทพแล้วโทรหาฉันด้วย
                                                                     เป็นห่วง
                                                                    อินคนสวย'


    พีร์ธาดาหันไปมองนาฬิกาเข็มสั้นเพิ่งจะกระดิกไปที่เลขแปดส่วนเข็มยาวก็เลยเลขหกไปไม่มาก สำหรับมนุษย์ที่ชื่อพีร์ธาดาถือว่าเช้าเอามากๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเพื่อนหญิงถึงต้องรีบเดินทางขนาดนี้ หันไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองก่อนจิ้มปุ่มค้างเลขตัวเดียวเพื่อต่อสาย


    "ว่าไงแก"


    "รีบกลับไปหาแฟนใหม่เหรอ ไปแต่เช้าเลย"


    "มีก็ดีสิค่ะคุณพีร์ธาดา ฉันมีธุระยะ... ว่าแต่ตื่นเช้าเชียวแก"


    "อืม ปวดหัว เหมือนไมเกรนจะขึ้น"


    "เฮ้ย เป็นไรมากเปล่า"


    "ยังอยู่เป็นเพื่อนแกได้อีกนาน ขับรถอยู่ใช่มั้ย ฉันวางล่ะ ไว้เจอกันที่กรุงเทพ"


    "เออ ดูแลตัวเองด้วยนะแก... เฮ้ยๆ ไอ้พีช เปี๊ยกเปี๊ยกยังอยู่ที่โรงหมอใช่ไหม"


    "ใช่"


    "แล้วนี่จะออกกี่โมง กลับยังไง"


    "คงสักสิบเอ็ดโมงมั้ง ก็ต้องรถทัวร์วะ เปี๊ยกเปี๊ยกเป็นไข้อยู่ไง แกถามทำไมนิ จะกลับมารับฉันเหรอ"


    "ล้อรถหน้าฉันเหยียบเข้าชลบุรีมาได้ห้าเมตรแล้ว จะกลับไปรับแกทำบ้าอะไร ไม่มีไรหรอก แค่นี้นะ จะขับรถ"


    "เออ บาย"


    พีร์ธาดาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะยกมือนวดขมับตัวเองก่อนไปเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน เธอมองไปยังแม็คบุ๊คของตัวเองก่อนตัดสินว่าค่อยส่งงานให้กรกฏเมื่อถึงกำหนดดีกว่า อันที่จริงงานถ่ายของเธอแทบจะไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรมากเพราะฝีมือที่ไม่เคยรองใครสามารถการันตีภาพถ่ายตามนิตยสารชั้นนำทั้งไทยและเทศได้เป็นอย่างดี เพียงหากเธอขี้เกียจที่จะนั่งลงทำงานต่อได้ อันที่จริงต้องเรียกว่า ไม่มีกระจิตกระใจเลยต่างหาก


    เข็มนาฬิกาบ่งบอกถึงเวลาเดินทาง ก่อนเธอจะกลับ ตามมารยาทที่ดีควรไปล่ำลาเจ้าของรีสอร์ทซึ่งเป็นคนรู้จักเสียก่อน และการไปครั้งนี้ให้ความรู้สึกต่างจากตอนมาเพราะมันมีทั้งความสุข และซุปเปอร์ความทุกข์ติดตัวมาด้วย... สุขและทุกข์จากคนสองคน


    การหาครอบครัวของเจ้าของสถานที่นี้หาได้ไม่ยากนัก เพราะเธอแบกเอาร่างโทรมๆ กับท้องว่างๆ มายังห้องอาหารประจำที่พักหรู ก่อนเดินทางเธอจำเป็นต้องหาอาหารมายัดลงท้องก่อน ไม่งั้นไมเกรนจะพาลขึ้นสมองอีกได้ ยาที่กินสามารถระงับอาการปวดได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หากไม่มีอะไรลงกระเพราะคาดว่าเธอคงต้องไปนอนเล่นที่โรงหมอเป็นเพื่อนเจ้าเปี๊ยกเปี๊ยกแน่นอน


    "สวัสดีค่ะพี่ปิง คุณพลอย น้องแนต" พีร์ธาดาเดินไปทักทายครอบครัวตรงหน้าอย่างยิ้มแย้ม และเต็มใจที่จะทำ


    "อุ๊ย น้องพีช ทำไมหน้าโทรมอย่างนี้ล่ะค่ะ นี่ทานอะไรหรือยังคะ พลอยสั่งอาหารให้นะ" พลอยจันทร์ตกใจกับสภาพคนตรงหน้า เมื่อวานนี้กับวันนี้มันช่างต่างกันมากเหลือเกิน นี่อะไรกันตาโปนๆ อย่างกับคนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ขอบตาดำคล้ำอย่างกับคนนอนไม่พอ ปากซีดๆ อย่างกับคนไม่สบาย


    "พีชสั่งอาหารแล้วค่ะ พอดีพีชปวดหัวนะคะ เดี๋ยวพีชจะกลับแล้ว แต่แวะมาทานอาหารมาลาครอบครัวพี่ปิงก่อนค่อยกลับ"


    "ไมเกรนหรือพีช... โรคประจำตัวเขานะพลอย ไปหายามาให้ผมหน่อยสิ น้องแนตไปเป็นเพื่อนคุณแม่สิลูก"


    กรกฏหันไปบอกภรรยาดูเหมือนจะต้องการพูดกับหญิงสาวแค่คนเดียว และพลอยจันทร์ก็รู้เสียด้วยจึงทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่หึงหวงอะไรสามีแม้แต่น้อย เพราะรับรู้มานานแล้วว่าเขา'รัก'เธอและลูกมาโดยตลอด


    "ปกติเวลาพีชเป็นไมเกรนจะต้องเครียดเอามากๆ ไม่ใช่เหรอ มีปัญหาอะไรรึเปล่า แล้วไหวมั้ย"


    น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นปกติของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาหญิงสาวอย่างจะวิ่งเข้าไปกอดเหมือนน้องสาวที่อยากได้อ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ชาย พีร์ธาดาบังคับใบหน้าให้แต้มรอยยิ้มส่งเป็นคำตอบแก่เจ้าของคำถาม


    "ไหวคะ เดี๋ยวพีชอัดยาเพิ่ม กลับกรุงเทพคงทันยาหมดฤทธิ์พอดี"


    "แล้วเครียดเรื่องอะไรครับ"


    "ไม่มีอะไรหรอก คงเป็นเพราะอากาศแหละพี่ปิง"


    "โอเค ไม่มีอะไรก็ไม่มี แต่พีชรู้ไหมว่าตัวเองโกหกไม่เป็น"


    รู้สิทำไมจะไม่รู้ แต่เธอแค่ไม่พร้อมที่จะบอกอะไรเขาคนนี้ คนที่เป็นเพื่อนกับตัวต้นเหตุที่ทำให้ไมเกรนมันมาหาเธออีกจนได้ พอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟหญิงสาวจึงจัดการกินอย่างรวดเร็ว


    "พลอยว่าให้น้องพีชค้างอีกคืนดีไหม ดูน้องพีชอาการไม่ดีเลยนะค่ะคุณปิง" พลอยจันทร์หันไปพูดเสียงเบากับสามี แต่ก็ไม่พอที่จะทำให้คนนั่งสวาปามอาหารจะไม่ได้ยิน


    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพลอย พีชมีงานจ่อคิวอีกเต็มเลย ไอ้ไมเกรนนี่ แปปๆ เดี๋ยวมันก็หายแล้ว"


    "แต่พลอยว่าพักอีกหน่อยไม่ดีเหรอคะ คุณปิงห้ามน้องพีชทีสิ"


    กรกฏลูบผมภรรยาขี้อ้อนเบามือ ก่อนยิ้มอย่างเอ็นดู "เด็กดื้ออย่างพีช ให้คนทั้งเกาะมารั้งก็เอาไม่อยู่หรอกพลอย"


    "พี่ปิง คุณพลอย"


    "ครับ/ค่ะ"


    "พีชอิจฉา"


    นั่น ว่าเข้าไปนั่น พาโลโทเลมาลงกับพวกเขาได้ซะอย่างนั้น อารมณ์ไม่อยู่กับล่องกับลอยผสมความเป็นศิลปินที่ดูเหมือนจะเข้าใจยากทำให้พลอยจันทร์ชะงักหน้าแหยเล็กน้อย ส่วนกรกฏก็ได้แต่ขำเอ็นดูเด็กดื้อของเขา วิญญาณพีร์ธาดากลับคืนสู่ร่างเสียที


    "อิจฉาก็หาไว้ดูเล่นสักคนสิพีช"


    "ผู้ชายเฮงซวย... สะดุ้งทำไมพีชไม่ได้หมายถึงพี่ปิงสักหน่อย" พีร์ธาดาตวัดสายตานิ่งๆ ยิงไปยังกรกฏให้ตกใจเล่น


    "ก็พีชเล่นขึ้นแบบนั้น มันเหมือนเข้าตัวพี่นี่นา"


    "ร้อนตัว... พี่ปิงหารถไปส่งพีชที่ท่ารถหน่อยได้มั้ย พีชไม่อยากเดินดุ่มๆ ไปโบกรถอ่ะ"


    "พี่จัดรถไปส่งเราที่กรุงเทพเลยดีกว่า ไม่ต้องเกรงใจหรอก'คนรถ'พี่รออยู่หน้ารีสอร์ทนะ"


    "พีชเคยเกรงใจเหรอ ดีซะอีกสบายตัวสบายเงิน งั้นพีชขอตัวเลยดีกว่าค่ะ ไม่ต้องไปส่งหรอก พีชไม่หลง"


    "หายไวๆ นะค่ะน้องพีช ถึงกรุงเทพแล้ว ก็โทรมาทักทายหน่อยนะคะ" พลอยจันทร์ยิ้มหวานลาผู้หญิงตรงหน้า


    "ค่ะ... พีชขอเรียกคุณพลอยว่าพี่พลอยได้มั้ยคะ"


    ดูเหมือนคำถามนอกเหนือความคาดหมายจะกระแทกลงใจของพลอยจันทร์อย่างจังเลยทีเดียว และนี่เป็นสิ่งที่เธอต้องการเสมอ เธอรู้สึกชอบในตัวหญิงสาวตั้งแต่ได้พบหน้า แต่ความรู้สึกผิดก็เกาะกุมใจเรื่อยมา นี่คงเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากอย่างแน่นอน


    "ได้ ได้สิคะ พี่ยินดีมากเลยคะ" พลอยจันทร์ตอบพลางยิ้มทั้งน้ำตา เดือดร้อนถึงกรกฏที่ต้องดึงตัวภรรยาเข้ามากอดหวังซับน้ำตาปีติได้


    "พีช อิจ ฉา"


    "โชคดีนะพีช" กรกฏส่ายหัวกับคำพูดเรียงคำของคนขี้อิจฉา แต่มือยังคงโอบภรรยาอยู่อย่างเดิม


    "ไปแล้ว น้องแนตเดี๋ยวอาพีชมาหาใหม่นะ" พีร์ธาดาเดินเข้าไปหอมแก้มเด็กหญิงแก้มอูมหนึ่งที ไม่พอ สองแล้วกัน ก่อนผละออกหันมาพูดกับสามีภรรยาทั้งประโยคสุดท้ายก่อนลา ซึ่งเด็กหญิงที่กำลังง่วนอยู่กับการจิ้มไส้กรอกเข้าปากตอบทั้งที่ยังเคี้ยวแก้มตุ้ยๆ อยู่ "จ้า"


    "พวกพี่เป็นคู่ที่เหมาะกันมาก พีชจะไม่เสียใจกับการกระทำของทั้งตัวพีชเองและของพี่ปิงอีกต่อไป หลานคลอดเมื่อไหร่อย่าลืมโทรมาบอกนะค่ะ"


    รอยยิ้มแทนคำตอบ แทนคำบอกลา พีร์ธาดาก็เดินไปยังที่หมายที่เจ้าของสถานที่บอกไว้ว่าจัดคนรถพาเจ้าตัวส่งกลับกรุงเทพ



    และเมื่อไปถึง ไมเกรนที่ทำท่าว่าจะหายกลับปวดตึ้บเพิ่มมากขึ้น ขาบังคับเดินหันหลังคิดจะหนี'คนรถ'ที่ว่าหากแต่กลับมีมือใหญ่มายื้อกระเป๋าเดินทางของเธอไว้ก่อน


    "ผมไปส่ง"


    "พี่ปิง ทำกันได้" พีร์ธาดาบ่นพึมพำก่อนจงใจเดินเลยไปไม่แม้แต่มองหน้าหรือพูดจาตอบคำถามสักแอะเดียว


    "พีช อย่าเพิ่งดื้อตอนนี้สิ เป็นไมเกรนอยู่เดี๋ยวจะเป็นลมไปนะ ให้ผมไปส่งเถอะ" ก้องภพเดินตามจับกระเป๋าถือขืนไว้เล็กน้อยพลางพูดเสียงอ้อนวอนกึ่งขอร้อง หากเจ็บได้เขาขอเจ็บแทน เพราะล่าสุดที่เขาเห็นเธอเป็นไมเกรนคือพีร์ธาดาเข้าแอดมิดนอนอยู่โรงพยาบาลถึงสองคืน


    "ฉันจะหายปวดแน่ ถ้าคุณเลิกตอแยกับฉัน สมองฝ่อเหรอ คุณพูดอะไรไว้ลืมไปแล้วหรือไง" พีร์ธาดาหยุดหันไปสบตาตอบเสียงเรียบ ขี้เกียจจะสงสัยว่าคนคนนี้รู้ได้อย่างไร พลางยกมือกุมขมับที่เต้นรัว
สายตาที่แข็งกร้าวทำเอาก้องภพชะงักไป เขาพยายามส่งสายตาอ้อนวอนสำนึกผิดอย่างมากไปให้หญิงสาว แต่ดูเหมือนกำแพงที่เธอสร้างไว้จะสูงเกินไปที่จะเข้าถึงได้


    "พีช ผมขอโทษ ผมมันไม่ดีเอง แต่ตอนนี้พีชอย่าทำแบบนี้เลยนะ ให้ผมไปส่งเถอะ แล้วต่อไปนี้พีชจะโกรธจะเกลียดผมก็ได้ผมไม่ว่า ถ้าพีชไม่อยากเห็นหน้าผม ผมก็จะไม่มาให้เห็น... ขึ้นรถเถอะนะครับ ผมไม่อยากให้พีชเป็นอะไรอีก... ผมเป็นห่วง"


    เมื่อเห็นแววตาห่วงใยอย่างไม่เปิดเผยพร้อมน้ำเสียงที่อ่อน อ่อนแรงเอามากทำให้เธอปล่อยตัวเองตามแรงดึงจากมือใหญ่ไปที่รถของเขา


    พอเข้าไปอยู่ในรถก้องภพจัดการรัดเข็มขัดนิรภัยให้สาวหน้าซีดที่ยังคงกุมขมับตัวเองไว้อยู่ ซึ่งพอจะมองออกว่าอาการไม่ได้ดีขึ้นเลย แถมยังดูจะหนักกว่าเดิมอีก เมื่อเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามอีกรอบ


    "พีช ไหวมั้ย ไปหาหมอก่อนมั้ย" พร้อมเอามือเตรียมไปอังที่หน้าผาก แต่เจ้าหล่อนหันหน้าหนีแทน


    "ฉันจะกลับบ้าน"


    พีร์ธาดาตอบทั้งที่ตายังปิดอยู่ นอกจากที่ต้องสู้กับอาการปวดหัวแล้ว เธอยังต้องต่อสู้อะไรต่อมิอะไรที่มันวนเวียนอยู่ทั้งในความคิด และหัวใจ


    เธอไม่เข้าใจเมื่อวานเขาบอกไม่อยากยุ่ง แล้วนี่มันคืออะไร เขามาทำดีด้วยทำไม ทั้งที่คำพูดของเขามันยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง และไอ้หัวใจไม่รักดีทำไมต้องเต้นแรงตอนเขาพูดและแสดงออกอย่างอ่อนโยนแบบนั้นด้วย สุดท้ายเธอต้องหยุดความคิดที่วนเวียนอยู่ในสมองลง ไม่เช่นนั้นคงต้องไปฟื้นตัวอีกทีที่โรงพยาบาลแน่นอน


    ก้องภพขับรถไปอย่างเงียบและช้า พร้อมหันไปมองผู้หญิงข้างๆ ที่หลับเพราะฤทธิ์ยา หากเป็นอารมณ์ปกติเขาอยากเอามือไปถึงคลึงที่หัวคิ้วทั้งสองข้างไม่ให้มันขมวดอยู่แบบนี้ ใจหนึ่งก็อยากขับให้ถึงที่หมายเร็วๆ แต่อีกใจหนึ่งเตือนเขาว่าหากไปถึงเร็วเท่าไหร่... โอกาสที่จะได้เจอเธออีกก็น้อยลงเท่านั้น ก้องภพจึงเลือกขับกลางๆ ไม่เร็วหากแต่ก็ไม่ช้าเกินไป เพื่อซึมซับใบหน้าของคนที่เขารักไว้เนิ่นนาน


     การจราจรกรุงเทพไม่แน่นมากนักเพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาของคนทำงานอยู่ แต่ถ้าเขามาถึงช้ากว่านี้สักสิบนาที จากที่จะถึงที่พักภายในครึ่งชั่วโมงคงจะเพิ่มเป็นชั่วโมงครึ่งแน่นอน และความหวังที่ริบหรี่ของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อเลี้ยวรถเข้าอาณาเขตคอนโดมีเนียมของพีร์ธาดา


    "พีช ถึงแล้วครับ" ก้องภพเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับพร้อมสะกิดอย่างแผ่วเบาราวกลับไม่อยากให้เธอตื่นขึ้นมา


     "... "


    ไม่มีการเอื้อนเอ่ย ไม่มีการบอกลา มีเพียงแววตาสั่นส่งไปให้ พีร์ธาดาก้าวลงจากรถหากพื้นที่ดูเหมือนจะไม่ระนาบกันนั้นทำเอาเจ้าหล่อนต้องยกมือเท้ากับรถเก๋งไว้ได้ทันก่อนจะลงไปสำรวจพื้น แต่ถึงจะยึดรถไว้ไม่ทันเธอก็คงไม่ลงไปนอนกับพื้นแน่นอน เมื่อมือใหญ่คว้าหมับไว้ที่ต้นแขนเธอได้ทันเวลาพอดี


    "ผมขึ้นไปส่งพีชข้างบนแล้วกัน เถอะนะ"


    "... "


    การไม่ตอบก้องภพถือเป็นคำตกลง เขาเปิดประตูหลังคว้าข้าวของของหญิงสาวก่อนประคองร่างบางให้เดินตามแรงของเขาไปยังห้องพักของเธอ



    ก้องภพประคองหญิงสาวจนมาถึงหน้าห้องพักชั้นแปดของเธอ พีร์ธาดายื่นคีย์การ์ดให้เปิดประตู ไม่ใช่ว่าอยากจะให้เขาเข้าห้อง แต่เป็นเพราะอาการปวดที่ไม่ได้ลดลงเลยแม้ได้พักผ่อนในรถแล้วก็ตาม ก้องภพเห็นอาการเธอไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น เพียรบอกจะพาไปหาหมอก็โดนเธอทำตาขวางปฏิเสธลูกเดียว เขาจึงค่อยๆ พาเธอไปยังโซฟานอน


    ภายในห้องสาวคนรักก้องภพแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เขาเคยมาเมื่อสามปีกว่าก่อน สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเดียวก็คือ ภาพถ่ายที่มีมากขึ้นตามผนังห้อง และดูจะมากขึ้นตามลำดับจากการรับจ็อบถ่ายภาพของเธอ ห้องนี้พีร์ธาดาเป็นคนจัดเองทุกอย่าง มีเพียงเขาที่เป็นลูกมือค่อยตอกคอยเจาะตามคำสั่งของเธอ ภาพอดีตย้อนกลับมา เฟอร์นิเจอร์บิลด์อินทุกตัวคือการออกแบบของเธอ และเขาคือคนที่ติดตั้งทุกอย่างให้เธอ


    สถาปานิกออกแบบอาคารอย่างเขาไม่ค่อยถนัดนักกับการออกแบบตกแต่งภายใน จึงต้องปล่อยเป็นฝีมือของเจ้าของห้อง หรืออดีตอินทีเรียร์มือฉมังของบริษัทเก่าเขานั่นเอง


    หลังบริษัทเก่าภายใต้ชื่อ พีเอ็น โฮมเมอร์ ปิดตัวไปจากทั้งพิษเศรษฐกิจ ประสบการณ์ที่น้อยนิด และความรู้ในวงแคบของเขาผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในวัยเพียงยี่สิบเจ็ดปี เป็นการรับช่วงงานต่อจากเพื่อนของพ่อที่เข้ามาดูแลให้จนเขาอายุครบยี่สิบห้าจึงได้เปลี่ยนมือ พนักงานแต่ละคนได้รับเงินชดเชยพร้อมแยกย้ายไปตามทางเดินของตัวเอง หนึ่งในนั้นมีพีร์ธาดาอยู่ด้วย เธอเป็นนักออกแบบภายในมือต้นๆ ของบริษัท แม้เธอจะเพิ่งจบมาได้ไม่นาน แต่เพราะประสบการณ์จากการทำงานพิเศษตั้งแต่สมัยเรียน และความคิดสร้างสรรค์หรือน่าจะเป็นพรสวรรค์มากกว่า ทำให้เธอสามารถประยุกต์จับนู่นจับนี่มายำกัน ความแตกต่างกลับกลายเป็นทำให้ลูกค้าชอบ


    บริษัทใหม่ในปัจจุบันยังคงมีตำแหน่งว่างให้เธอเสมอ


    "นี่เริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้พีชกินก่อนนะ"


    "ไม่ต้อง ฉันทำเองได้ คุณกลับไปได้แล้ว"


    "ผมรู้ว่าคุณทำเป็น แต่ตอนนี้คุณนอนเฉยๆ เถอะ ผมจัดการเอง"


    ก้องภพเดินตรงไปยังมุมครัวทันทีที่พูดเสร็จ เปิดตู้เย็นหาของสดที่พอจะทำได้ พบเพียงหมูบดที่หมดอายุแล้วตามฉลาก แต่มันอยู่ในช่องฟรีซมาตลอด คงไม่เป็นอะไรมั้ง ก้องภพหยิบขึ้นมาคิดพิจารณาแล้วเอาออกมานอกตู้ ในรางไข่มีไข่อยู่อีกไม่กี่ฟอง ส่วนของไม่สดก็มี... กระป๋องเบียร์อยู่ครึ่งโหล ถ้าเป็นตอนปกติจะจับตีตูดเลย


    เมื่อมีของสดเพียงเท่านี้ในตู้เย็นใบเล็ก เขาจัดการเอาหมูบดออกมาแช่น้ำไว้ให้ละลายน้ำแข็งที่จับเกาะ ต้มน้ำใส่หม้อใบเล็ก รอจนน้ำเดือดก็เอาข้าวสารลงใส่ คนข้าวจนได้ที่ ลวกหมูในอีกหม้อที่ต้มน้ำแยกไว้ ก่อนตักชิ้นหมูที่ลกแล้วใส่ในข้าวต้ม คนอีกทีแล้วปรุงรสให้มีรสหวานนิดๆ ตามความชอบของคนป่วย ก่อนเสร็จชายหนุ่มก็ตอกไข่ลงไป เป็นอันจบการข้าวต้มหมูบริการคนป่วย


    ชายหนุ่มยกอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะหน้าโซฟาที่หญิงสาวดูท่ากำลังนอนหลับอยู่ เขาไม่อยากปลุกเธอขึ้นมาตอนนี้จึงทำเพียงนั่งมองใบหน้ายามหลับใหลของเธออย่างสงสาร ก้องภพเอื้อมมือไปอังที่หน้าผากพบว่าคนตรงหน้าตัวลุมๆ เหมือนมีไข้และเหมือนต้องมนต์ ชายหนุ่มพลิกฝ่ามือค่อยๆ เลื่อนจากหน้าผากไปยังแก้มแดงเพราะฤทธิ์ไข้ที่มาพร้อมกับไมเกรน ใช้หัวแม่มือเกลี่ยแผ่วเบาบนแก้มเนียน


    "ใครใช้ให้คุณมาทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน"


    เสียงจากคนที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วพูดขึ้นมาเสียงเรียบ แต่ก้องภพยังคงไม่ปล่อยมือจากการสัมผัส นิ้วโป้งเขายังคงไล่เรียงไปยังแก้มเนียนเหมือนเดิม


    "ผมคิดว่าพีชหลับไปแล้ว"


    "ถ้าฉันหลับ ฉันจะพูดได้เหรอ" พีร์ธาดาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบตากับคนทำตัวรุ่มร่าม


    "ผมขอโทษ"


    คำสั้นๆ เอ่ยออกมาจากปากบางของเขาทำเอาเธอต้องหลับตาลงอีกรอบ'ผมขอโทษ' ใช่ เธอรู้ว่ามันหมายถึงทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ แล้วเธอจะไม่ยกโทษให้เขาหรือ เธอจะไม่ฟังเขาพูดใหม่ ไม่อธิบายให้เขาเข้าใจ จะปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปหรือ...


    จากการหลับตาลงหลังนอนมองเขาทำนู่นทำนี่อยู่ในครัวทำให้เธอค่อยๆ คิดไตร่ตรองดูใหม่ เพราะตอนนั้นทั้งเขาและเธอล้วนใช้แต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง แต่หากในวันนี้แต่ละคนต่างมีเหตุผลมากกว่าวันวาน เธอก็ควร'เปิดโอกาส'ให้เขาได้ขอโทษ และอธิบายการกระทำในวันนั้นสิ ส่วนเขาก็ควรให้เธอได้พูดอะไรบ้างเช่นกัน


    "ทำไม พี่ก้องถึงพูดกับพีชแบบนั้น"


    "พีช"


    คำพูดที่เปลี่ยนแปลง สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำเอาเจ้าตัวแทบจะกระโดดดีใจ ก้องภพอ้ำอึ้งยิ้มตาประกาย ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาผสมปนเปกันมั่วไปหมด เขาไม่รู้จะพูดต่ออย่างไรได้แต่เรียก "พีช" อยู่เกือบสิบรอบ


    "จะเรียกอีกนานมั้ย พีชถาม"


    "ผม... ผมขอโทษ"


    "พีชรู้แล้ว แต่ที่อยากรู้เพราะอะไร ทำไมพี่ก้องพูดจาแบบนั้นกับพีช"


    ก้องภพสูดลมหายใจเข้าปวดเฮือกใหญ่ ก่อนค่อยๆ ดึงสติตัวเองกลับมาเพื่ออธิบายความผิดพลาดให้เธอฟัง


    "ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยตอนนั้น ผมพูดแย่กับพีชมาก ผมเสียใจ"


    "พี่ก้องเป็นคนพูดเองใช่ไหมว่าอย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเรา พี่ก้องเป็นคนเตือนพีชเอง... พี่ก้องทำมันได้ไหม"


    "ผม... ผมขอโทษ ผมไม่มีอะไรแก้ตัว ผมทำได้เพียงเท่านี้ ผมขอโทษนะพีช"


    "ค่ะ พี่ก้องบอกพีชได้มั้ย ว่าทำไมพี่ก้องถึงพูดกับพีชอย่างนั้น"


    "ผมรู้สึกเจ็บ เจ็บตรงนี้" ก้องภพอธิบายต่อโดยเลื่อนมือหญิงสาวเข้ามาทาบตรงช่วงอก "ไม่รู้สิ พอผมเห็นพีชเดินมากับไอ้ปิง พีช ยิ้ม ยิ้มแบบนั้นกับไอ้ปิง"


    "แบบไหน"


    "แบบที่พีชกับมันเคยคบกัน ผมเลยคิดว่า พีชยังรักมันอยู่"


    "ก็รัก"


    "พีช... "


    ก้องภพชักมือออกจากแก้มหญิงสาวทันที ความเจ็บปวดเริ่มฉายออกมาทางแววตา ก่อนจู่โจมเข้าหัวใจอย่างรวดเร็ว หญิงสาวลุกขึ้นนั่งก่อนเอื้อมมือไปจับมือข้างเดิมที่สัมผัสแก้มเธอไว้


    "พีชรักพี่ปิงเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง"


    พีร์ธาดายิ้มอ่อนโยนให้ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเริ่มอึ้งไปกับคำตอบที่ได้รับ


    "ผมไม่เข้าใจ"


    "วันนั้นพีชออกไปคุยกับพี่ปิง พี่ปิงก็มาขอโทษพีชนั่นแหละ เราคุยอะไรกันสักพัก พีชรู้สึกอบอุ่นเวลาได้คุยกับพี่ปิง... อบอุ่นเหมือนตอนที่ยังคบกันอยู่ แต่พี่ปิงพูดกับพีชคำหนึ่งว่า 'พีชเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่เสมอ' แค่คำนั้นคำเดียว พีชปิ๊งเลย เพราะพีชก็รู้สึกเหมือนกัน


    "พี่ปิงเตือนให้พีชคิดดูให้ดีๆ ทุกอย่างที่เคยทำด้วยกันตอนคบกันอยู่ หัวใจเราสองคนรู้สึกอย่างไร มันเต้นรัวเวลาเราบอกรักกันไหม ซึ่งพีชนึกสรุปคือ ไม่... มันเต้นธรรมดาเหมือนเดิม เหมือนคนไม่ได้รักกันแบบชายหญิง อันนี้พี่ปิงบอก พี่ปิงมีน้องสาวชื่อพี่ป่าน พีชกับพี่ป่านนิสัยเหมือนกันมาก แต่พี่ป่านก็มาด่วนจากไปเสียก่อน


    "พี่ปิงบอก ตอนพีชขอถอนหมั้นเขาไม่เจ็บปวดเท่ากับพี่พลอยจะเดินหนีเขาไป เขาแค่รู้สึกใจหายที่เสียผู้หญิงคนหนึ่งไป และก็แค่รู้สึกผิดที่ทำให้พีชเจ็บ ซึ่งเขามานั่งคิดดูดีๆ ว่าความรักระหว่างเรามันไม่สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ พี่ปิงเล่าให้พีชฟังแบบนี้ พีชก็เริ่มคิด เพราะพีชไม่มีพี่ชาย พีชไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นแบบนี้มานาน ทำให้พีชคิดเองเออเองว่าพี่ปิงคือคนที่พีชอยากแต่งงานด้วย


    "แต่สิ่งหนึ่งที่พีชไม่ได้บอกพี่ปิงไป คือ พีชไม่ได้คิดว่าพี่ปิงเหมือนพี่ชายพีช... พีชเห็นพี่ปิงเป็นเหมือนพ่ออีกคนมากกว่า พี่ปิงนิสัยเหมือนพ่อพตของพีชเด๊ะเลย เวลาอยู่กับพี่ปิงมันทำให้พีชคิดถึงพ่อ"


    "นี่ผมทำอะไรลงไป"


    "พีชตั้งใจมากว่าจะมาเล่าให้พี่ก้องฟัง แต่พีชดันไปเจอคำพูดห่วยๆ ของผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเข้าใจพีชดีที่สุดเข้า พีชช็อคมาก มัน มันนึกไม่ถึง จากอารมณ์ที่มันโล่งแล้วมันกลับมาเจ็บอีก เจ็บตรงนี้" พีร์ธาดาจิ้มมือตัวเองไปยังอกเยื้องทางซ้ายนิดนึง


    "ผมมันแย่ ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกับพีช แต่ผม... ผมขอโทษ"


    ก้องภพก้มหน้าหลบตาหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้เขาหลังเล่าจบ เขาละอายใจตัวเองที่พ่นคำพูดยัดเยียดการผิดศีลธรรมไปให้เธอ หากวันนั้นระงับอารมณ์ตัวเองได้ เขาก็คงได้ฟังคำอธิบายเช่นนี้เหมือนกัน มือบางที่จับเขาไว้อยู่บีบอย่างเบาเพื่อให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ


    "รู้ไหม พี่ปิงเล่าอะไรพีชฟังอีก"


    "... "


    "พี่ปิงเล่าให้พีชฟังว่า พอพีชถอนหมั้น มีคนบุกเข้าไปชกพี่ปิงจนหน้าเยินไปหมด ด่าพี่ปิงว่าเป็นเพื่อนเลว ไอ้ผู้ชายมักมาก พี่ปิงว่าเขาแทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่าผู้ชายคนนี้จะน็อตหลุดเอาตอนทำพีชร้องไห้หนัก พี่ปิงเลยถามผู้ชายคนนั้นกลับไปว่า ว่าเขารักพีชเหรอ... ตั้งแต่เมื่อไหร่พี่ก้อง"


    "... "


    "พี่ก้องรักพีชตอนไหน"


    "พีชไม่ปวดหัวแล้วเหรอ"


    "อย่าเปลี่ยนเรื่อง ปวดมากแล้วจะบอก ตอนนี้ยังปวดไม่มาก" พีร์ธาดาหลับตาลง งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่ปวดหัวเหมือนเมื่อตอนอยู่ในรถ สงสัยจะได้นอนพักหรือ'ยาดี'ก็ไม่รู้สิ


    "งั้นกินข้าวไปด้วย ผมจะเล่าให้ฟัง"


    "อื้อ"






 

Create Date : 11 ตุลาคม 2553
4 comments
Last Update : 11 ตุลาคม 2553 16:21:00 น.
Counter : 666 Pageviews.

 

มากันแบบยาวๆ เจอกันวันศุกร์ค่ะ

พยายามจะลงให้เป็นเวลา แต่ช่วงนี้หาเวลาไม่ค่อยได้ (ข้ออ้างของนิยายไม่กระดืบ lol)

ขอบคุณที่ติดตามคะ

 

โดย: ตุยเหมี่ย 11 ตุลาคม 2553 16:23:01 น.  

 

ยังไงก้อรอจ้า พยายามเข้านะ

 

โดย: kwan IP: 10.41.11.144, 202.28.180.202 11 ตุลาคม 2553 17:40:24 น.  

 

พึ่งได้เข้ามาอ่าน ก็เลยตะลุยอ่านตั้งแต่ตอนแรก ชอบค่ะ...จะเข้ามาติดตามตอนต่อไปนะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ป.ล. ชอบชื่อพีร์ธาดาจังเลย เพราะมากๆ ค่ะ

 

โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 12 ตุลาคม 2553 0:04:57 น.  

 

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ

กำลังใจมาอีกบึม ฮึ้บ !!

จะรีบเอาอีกตอนมาลงให้อย่างเร็วทีสุดค่ะ (ตอนนี้มีอุบัติเหตุเล็กน้อยเลยยังเอามาลงไม่ได้)

 

โดย: ตุยเหมี่ย 15 ตุลาคม 2553 10:36:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตุยเหมี่ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"ดากร" ... ณ ตอนนี้ขอเปลี่ยนนามปากกาเป็นชื่อนี้แล้วนะคะ

นามปากกานี้เป็นการดึงชื่อจริงของตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ว่าเข้าไปนั่น)

เหตุที่เปลี่ยนก็เพราะว่า รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่เอานางเอกของเรื่องมาทำเป็นนามปากกา มันเขินบวกรู้สึกชาที่หน้าแบบบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้

ดากร ... จำไม่ยากหรอกค่ะ ดากร
< /embed>

Friends' blogs
[Add ตุยเหมี่ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.