หนึ่งตัวแปรของคนสองคน(2)
หนุ่มร่างสูงตามมาตรฐานชายไทย ผมหยักศกสั้นสีน้ำตาลเข้มกับใบหน้าลูกครึ่งนิดๆ จากเสี้ยวผสมของฝ่ายมารดาในชุดสูทเข้ารูปสีควันบุหรี่ดูสง่าสมกับเป็นนัก ธุรกิจบริษัทใหญ่ ก้าวออกมาพร้อมกระเป๋าสัมภาระจากทางเดินออกสอดสายตาสีเขียวเข้มหาคนที่มารอ รับเขา และเมื่อเจอ ก็เข็นรถปรี่เข้าไปหาทันที
"ไอ้อิน ไอ้พีช พี่ก้อง แล้วก็... ใครอ่ะ" เสียงนุ่มหวานเหมือนใบหน้าร้องทัก กับกลุ่มบุคคลที่คิดว่ายังไม่เห็นเขาเดินออกมาแล้ว
"ยอดชาย อ๊าย มานี่แกๆ " พีร์ธาดาและอินทิราร้องทักเสียงดังทันทีที่เห็นใบหน้าคุ้นเคย ก่อนปรี่เข้าไปหาตัวเพื่อนหนุ่มที่ก้าวออกมาหาพวกเธอ ก่อนเข้าสวมกอดให้หายคิดถึงคนละที
"สวยขึ้นนะยะ พวกแกเนี่ย แล้วฉันก็ชื่อชาย ไม่ใช่ยอดชาย"
"ชายเหนือชาย ก็คือยอดชายนั่นแหละ" อีกเสียงทุ้มใหญ่กลั้วหัวเราะแทรกมากลางวง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร
"ปากดีพี่ก้อง อยากมาเหนือกับชายมั้ยล่ะ แล้วนั่น... ใครอ่ะ" ชาตรีพยักหน้าไปทางอัทธ์ซึ่งมองมาทางพวกเขาหากแต่ไม่ได้ตามมา เพราะกำลังยืนรอใครอีกคนอยู่
"อัทธ์มานี่หน่อย" ก้องภพหันไปเรียกเพื่อน กวักมือให้มันมาทางที่พวกเขายืนอยู่พร้อมแนะนำคนแปลกหน้าให้รู้จัก "นี่อัทธ์เพื่อนพี่ แฝดพี่อิทธ์นะ อัทธ์นี่ชายหรือชาตรีเพื่อนสองสาวนั่น น้องสาวข้าอีกคน"
"ต๊าย น้องสาวเหรอ ถูกใจ... อ้อ แฝดพี่อิทธ์ หน้าเหมือนกันอยู่แฮะ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่อัทธ์"
อัทธ์มองคนตรงหน้าอย่างฉงนใจ หนุ่มหน้าหน้าออกลูกครึ่งที่มองให้ตายก็แทบไม่มีใครจะนึกว่าเขามีลักษณะ เบี่ยงเบนทางเพศ แม้ส่วนสูงจะไม่สูงมากเท่าเขากับเพื่อน หากแต่กะประมาณก็ตกราวเกือบห้าฟุตเจ็ดเก้านิ้วได้ คงพอฟัดพอเหวี่ยงกับพีร์ธาดานั่นแหละ
เมื่อชาตรีเห็นหน้างงของคนที่เพิ่งรู้จักก็รู้สึกขำขึ้นมา ไม่แปลกหรอกที่คนจะงงว่าทำไมเขาถึงชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะลักษณะท่าทางการเดิน การพูดจาของเขา หากไม่ใช่เพื่อนหรือคนรู้จักจริงๆ จะไม่แสดงออกมาเด็ดขาด เพราะมันค่อนข้างมีผลต่อทางธุรกิจของเขา
"ไม่ต้องตกใจหรอกพี่อัทธ์ ยอดชายมันต้องแอ๊บแมนไว้แบบนี้แหละ รู้จักไปนานๆ เดี๋ยวก็ชิน" อินทิราอธิบายเพิ่มจากสายตาของคนที่ถูกเรียกเข้ามาใหม่ ซึ่งเป็นปกติที่เธอจะนั่งอธิบายแบบนี้ให้กับคนที่เห็นชาตรีเปิดเผยตัวตนที่ แท้จริง
"อ้อ ครับ"
"พี่อัทธ์ไม่ต้องกลัว เกย์แบบชาย ไม่กระสันผู้ชายทุกคนหรอกน่า แฟนชายที่อเมริกาหึงโหดมาก" ชาตรีตอบคลายกังวล พร้อมยักคิ้วหลิ่วตายามพูดถึงคนรักตัวเองที่แดนไกล
"เจมส์นั่นเหรอแก ยังไม่เลิกกันอีกเหรอ ฉันล่ะเสียดายผู้ชายหล่อจริง"
"น้อยหน่อยนังอิน เรื่องอะไรมายุให้คนเขาเลิกกัน เจโม่กับฉันยังแฮปปี้กันอยู่ยะ" ชาตรีทำเสียงจิ๊จ๊ะส่ายหน้ากับคำที่เขาถือว่าเป็นคำสาบแช่งอย่างร้ายแรงของ เพื่อนสาว
"แล้วนี่ มาคนเดียวหรือไงชาย" ก้องภพถามขึ้นส่งผลให้ทั้งวงต่างเริ่มเงียบ
ชาตรีทำหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมา เมื่อนึกถึงอีกคนที่ดันไปเจออยู่ที่ทำงานเดียวกัน แถมยังต้องโดนข่อนแขวะตลอดที่ทำงานอีก พอเขาจะกลับบ้านเกิดเจ้าหล่อนก็ดี๊ด๊าตามกลับมาด้วย
"อีกคนคงทะเลาะกับแอร์ที่ไหนอยู่มั่ง น่าเบื่อ ขึ้นเครื่องมาก็พูดไม่หยุดปากเลย หาว่าตัวเองสวยกว่าอย่างโน้น อย่างนี้... ไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองเล้ย" ชาตรีพูดเสียงเริ่มเบาลงเมื่อเห็นว่าผู้ที่ถูกพาดพิงเริ่มเดินออกมา
หนังหน้าที่เขาว่าก็ไม่ได้แพ้แอร์โฮสเตสสวยทั้งหลาย เผลออาจจะสวยกว่าตามที่เจ้าหล่อนชมตัวเองเสียอีก ร่างบางสูงโปร่งในชุดทำงานเข้ารูปเข็นรถสัมภาระเดินออกมาเรียกสายตาผู้คนแถว นั้นให้จ้องมองได้อย่างไม่วางตา ผมที่ปล่อยยาวจนถึงกลางหลังปลิวสยายไปตามท่วงทำนองการเดิน และเมื่อหล่อนเจอเป้าหมายก็รีบตรงดิ่งมาหาทันที
"อัทธ์ ก้อง คิดถึงจัง" หล่อนเดินเข้ามากอดทั้งคู่ โดยเฉพาะรายหลังที่กอดแน่นไม่ยอมปล่อย
"ลี ปล่อยเราก่อน" เมื่อเห็นว่าสาวเจ้ากอดไม่ยอมปล่อย สันหลังเริ่มเย็นวาบ ขนท้ายทอยเริ่มลุกชูชันราวกับมีสายตาอำมหิตจ้องมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ อยู่
อัญชลีปล่อยอย่างว่าง่าย หากแต่มือยังคงจับมือชายหนุ่มไว้แน่น แล้วค่อยเอ่ยไปทักสองสาวที่แกล้งทำเป็นไม่เห็น "อ้าว สวัสดีคะน้องพีช น้องอิน"
แต่สิ่งที่ได้รับมาแทบจะทำให้หล่อนปรี๊ดแตก เมื่อใบหน้าของคนที่หล่อนจำใจทักเลิกคิ้วมองอย่างกับคนไม่รู้จักกัน แถมลอยหน้าไปหาเก้งอย่างไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย แถมไอ้ที่พูดกันนั่น
"ยอดชาย วันนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวพวกเราพาไปกิน"
"มียำ 'แรด' มั้ยแก ฉันอยากกิน"
"จะมีได้ไงแก 'แรด' มันจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว อีกอย่างหนังมันหนาจะตาย เอามากินแบบนี้เสียดายของหมด"
"แหมพีช ฉันว่ามันไม่สูญพันธุ์ง่ายๆ หรอก ฉันเพิ่งเห็นแถวๆ นี้ตัวหนึ่ง"
สิ้นเสียงการรับมุขกันของเหล่าเพื่อนซี้ทำเอาก้องภพและอัทธ์เบือนหน้าไป หัวเราะตัวเกร็งอย่างอดไม่ได้ ก้องภพทำหน้าบอกอัทธ์ซึ่งจับใจความได้ว่า 'แสบนะไอ้พวกนี้' ซึ่งอัทธ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย สงสัยงานนี้เขาได้ดูอะไรสนุกๆ แล้วสิ
ส่วนคนโดนแขวะก็เริ่มนิ่งไม่ได้ ยิ่งผู้ชายทั้งสองคนเบือนหน้าไปเพื่อกลั้นขำยิ่งทำให้หล่อนเริ่มอายและโกรธ ขึ้น "พวกน้องหมายถึงใครกันค่ะ"
"แรดไงคะ คุณพี่" เสียงประสานดังสวนขึ้นมาราวกับเตี๊ยมกันไว้เป็นอย่างดี ประกอบกับหน้าตาที่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพิ่มดีกรีความโกรธให้กับอัญชลีเป็นอย่างมาก
"ก้องคะ เราไปกันเถอะค่ะ"
อัญชลีดึงมือชายหนุ่มให้เดินตาม หากแต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อนไปไหน พลางมองเธอหน้าแหยก่อนเบนหน้าไปขอความช่วยเหลือทั้งเพื่อนชาย และเหล่าก๊วนตัวแสบ
"เห็นทีคงจะไม่ได้หรอกค่ะ คุณอัญชลี พี่ก้องมากับ 'พีช' ก็คงต้องกลับกับ 'พีช' " และมันก็คงต้องถึงเวลาที่เธอต้องออกโรงเองเสียงที พีร์ธาดาเน้นชื่อตัวเองที่แฝงความหมายถึงความเป็นเจ้าของให้หล่อนรู้
เมื่อเห็นดังนั้นก้องภพรีบดึงมือตัวเองออกพร้อมไปยืนข้างสาวคนรักทันที "เออ เราต้องพาพวกนี้ไปฉลองนะลี"
อัญชลีมองหน้าก้องภพทีสลับพีร์ธาดาที และหน้าเริ่มเสียเมื่อรู้สถานะของคนทั้งสองเมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้าไปชิด กัน แล้วพีร์ธาดาก็เกาะแขนก้องภพไว้อย่างแสดงถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
"อะไรกันเนี่ย ฉันตกข่าวไปเหรอยัยอิน" ชาตรีเบิกตาโตเมื่อเห็นอะไรๆ ที่มันดูจะเปลี่ยนแปลงไป
"คนรักกันก็ต้องคบกันเป็นเรื่องธรรมดาสิคะ พ่อยอดชาย"
"แหม รักกันขนาดนี้ ก็ไม่ส่งสัญญาณให้รู้เลยนะครับ"
อินทิราเริ่มสนุกอย่างมาก ยิ่งได้เห็นน้าอริตัวเอ้เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดยิ่งสะใจ เริ่มต้นปฏิบัติการกวนประสาทต่อ โดยลูกคู่อย่างชาตรีก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง
"รู้มั้ย เมื่อวานยัยพีชปากงี้... เจ่อเลย"
"ต๊าย เขาทำอะไรกันอ๊ะ" ชาตรีเอามือจับปากตัวเอง พร้อมจีบปากจีบคอถามอย่างอยากรู้เต็มที่
"ไม่รู้สิ เสียดายฉันไม่ได้เห็น"
"ต้องให้อิทธ์สาธิตให้ดู ดีมั้ยอิน" ก้องภพที่ชักทนไม่ไหวกับการละลาบละล้วงของน้องตัวดีจึงต้องเบรกโดยชื่อต้องห้าม
"ไม่! อัปมงคลที่สุด" อินทิราโวยวาย สะบัดหน้าพรืดเดินไปหลบหลังชาตรีทันที
พีร์ธาดาตอนนี้ก็ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก ก็รู้อยู่หรอกว่าอินทิราอยากจะตอกหน้าอัญชลีให้หงายเงิบ แต่คนที่เงิบแทนสงสัยจะเป็นหล่อนนี่แหละ ก็ดูมันพูดสิ... ไม่ขายเพื่อนเลย
ส่วนอัทธ์เองก็ยืนมองสาวสวยโดนรุมอยู่ตรงหน้า ใจก็อยากเข้าไปช่วย ส่วนอีกใจก็รู้สึกสะใจเล็กๆ ที่คนอย่างอัญชลีผู้ไม่เคยแพ้ หากแต่เมื่อต้องมาเจอการรวมพลังของกลุ่มแสบตรงหน้ากลับพ่ายไม่เป็นรูป นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงมองอยู่เงียบๆ ต่อไป
แต่เหมือนสิ่งที่อัญชลีได้ยินยิ่งทำให้เธอกวาดสายตามองรอบตัว ก่อนเอียงหน้าถามสงสัย "อิทธ์มาเหรอก้อง"
ก้องภพชะงักเล็กน้อยเหมือนลืมไปว่าชื่อนี้มีผลส่งถึงสองคน คนแรกที่ดูเหมือนมือจะกำเสื้อที่เอวเพื่อนชายแน่นขึ้นพอได้ยินอัญชลีพูดถึง อิทธ์ ส่วนอีกคนก็ถามเพราะคงสงสัยจริงๆ ... ล่ะมั้ง "เปล่าน่ะ อิทธ์ไม่ว่าง"
"อ๋อ" อัญชลีเหมือนนึกอะไรออก มองไปยังชาตรีแต่สายตาดูท่าจะทะลุไปทางด้านหลังของเขา ยิ้มเยาะไปยังจุดหมาย "ลีลืมไป"
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี ฝ่ายเพลี้ยงพล้ำกลับตกมาอยู่ที่ฝ่ายเธอ จะให้หนึ่งรุมสามได้เช่นไร พีร์ธาดาจึงเดินอ้อมไปดึงตัวเพื่อนสาวออกมาจากหลังชาตรี สบตาอย่างแน่แน่วสื่อความหมายด้วยกระแสจิตให้รับรู้ ดีที่ไม่มีหูแหลมเล็กยื่นออกมาจากหัว ไม่เช่นนั้นคนทั่วไปคงคิดว่าสามคนนี้เป็นอีทีแน่นอน... ก็เล่นจ้องหน้ากันไปมาไม่พูดไม่จาสักนิด
เริ่มปฏิบัติการ...
"พี่ก้องคะ ไปกันได้หรือยัง พีชเมื่อยแล้ว หิวด้วย"
"คืนนี้ยาวนะพี่ชาย แต่เดี๋ยวอินเปิดทางให้สวีตกับพีชเต็มที่"
"ชวนพี่อัทธ์ไปอีกคนก็ได้นะครับ พี่ก้อง"
ใบหน้าอย่างกับลูกหมาหิวโหยสามตัวจ้องมองเขา พร้อมส่งเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร หนึ่งสาวคนรักพูดพลางเอนศีรษะไถหน้าลงบนไหล่หนา อีกหนึ่งน้องสาวตัวดีก็พูดพลางเขย่ามืออีกข้างของเขา ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มเทียมก็จับชายเสื้อกระตุกเบาๆ หลายที... โอย อยากหัวเราะดังๆ จริงโว้ย ไอ้พวกนี้
"ป่ะอัทธ์ กินข้าวกัน เชิญลีด้วยนะ" ก้องภพตอบเสียงกลั้นหัวเราะ ชวนเพื่อนชายที่ตอนนี้ก้มจับท้องตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนไม่เสียมารยาทชวนอีกสาวที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ของเหล่าลูกหมาตัวน้อย
"ไม่ล่ะค่ะ ลีอยากกลับบ้าน ขอตัวเลยนะคะ" อัญชลีเข็นรถออกไปอย่างเสียหน้า เมื่อตัวเองเป็นฝ่ายแพ้หมดรูป ภาพขวางหูขวางตา แล้วยังการยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าเยาะเย้ยหล่อนอีก แทบจะทนไม่ได้อยากจะร้องกรี๊ดๆๆ สักหลายทีให้พวกนั้นฟัง
"เดี๋ยวลี เดี๋ยวเราไปส่ง" อัทธ์เดินมาจับรถเข็นสัมภาระไว้พร้อมพยักหน้าให้อัญชลีเดินนำไปก่อน "ไปที่ร้านข้าแล้วกัน พาน้องๆ ไปด้วยเดี๋ยวจัดที่เลี้ยงต้อนรับเอง... ไม่ต้องทำหน้างั้นไอ้ก้อง ข้าไม่เอาลีไปด้วยหรอกนะ"
อัทธ์หยุดบอกเพื่อนชายก่อนมันทำหน้าแหยเมื่อคิดว่าเขาคงพาอัญชลีไปด้วย แม้ช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยเขาจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน ถึงจะรับรู้เรื่องราวต่างๆ จากทั้งเพื่อนและน้องสาวมาโดยตลอด เพียงแต่มิตรภาพเท่านั้นที่เขาตัดมันไม่ขาด... ก้องภพ อัทธ์ อิทธ์ กรกฏ อัญชลี กลุ่มเพื่อนเขาสมัยเรียนที่เมืองไทย กลุ่มที่เขารักที่สุด แม้ความรักที่เขาให้ไปมันจะไม่ถึงผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มก็ตาม...
"แสบจริงๆ เลยพวกเราเนี่ย" ก้องภพพูดขึ้นเมื่อไร้เงาของบุคคลที่สาม
"ฮึ ช่วยไม่ได้" อินทิราตอบแทนกลุ่มผองเพื่อน
"หิว" พีร์ธาดาปล่อยมือก้องภพแทบจะทันทีเมื่อเห็นอัญชลีเดินออกไป พลางเช็ดมือลวกๆ กับเสื้อบางของตัวเองราวกับไปต้องเชื้อโรคมา พร้อมสะบัดหน้าเดินนำทุกคนไปยังลานจอดรถ
"สม ตัวเองไม่ได้โสดแล้วนะ ทำอะไรก็นึกถึงมันหน่อย" เสียงเล็กของผู้หญิงคนเดียวที่เหลืออยู่ในกลุ่มบอกออกมา ก่อนเดินลิ่วตามเพื่อนไป
"พี่ทำอะไรผิด พี่ยังไม่ทันทำอะไรเลย"
"ทำ ทำไมจะไม่ทำ ก็พี่ก้องไม่ปฏิเสธเจ๊แกเลย แบบนี้ยัยคุณอัญชลีอันเชิญพี่ก้องเข้าห้อง พี่ก้องก็จะเข้างั้นเรอะ" ชาตรีอดแขวะไม่ได้ ก็มันน่าหมั่นไส้ไหมเล่า แฟนก็มีอยู่แล้ว ดันปล่อยให้หญิงอื่นจับมือถือแขนตัวเองอยู่อย่างนั้น
"โอเค พี่จะพยายามแล้วกัน" ดูเหมือนชายหนุ่มจะนิ่งอึ้งเล็กน้อย พยักหน้าอย่างเข้าใจความหมาย
ภายในรถของอัทธ์ระหว่างทางที่ไปส่งอัญชลีที่บ้านของเธอ อัทธ์ก็เพียรถามสารทุกข์สุกดิบของเจ้าหล่อนตลอดทาง รู้อยู่ว่าบางทีเพื่อนเขาคนนี้อาจจะสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างก้องภพ กับพีร์ธาดาอยู่แน่นอน
"ลีก็สบายดีเรื่อยๆ แหละอัทธ์ งานที่นู่นก็หนักอยู่ แต่ก็สนุกดี... อัทธ์ ก้องกับพีชนี่เขาเป็นอะไรกันเหรอ"
"อันนี้เราเองก็ไม่รู้นะลี แต่ก็คงเหมือนที่เห็นกันนั่นแหละ"
"ไม่อยากจะเชื่อเลย เมื่อก่อนไม่เห็นมีวี่แววอะไรเลยนี่หน่า... แบบนี้ก็งานหนักสิ" อัญชลีบ่นเสียงเบาเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของทั้งคู่
"แต่ก่อนคู่นี้เขาทำไมเหรอลี" อัทธ์ละสายตาจากท้องถนนหันมามองอัญชลีเพียงครู่ เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของเจ้าหล่อนเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย
"อัทธ์ไปอยู่เมืองนอกมานานคงไม่รู้จักพีชสินะ แต่ก่อนก้องกับพีชเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันเลย เจอหน้ากันเป็นต้องมีปากมีเสียงกัน พีชเนี่ยเป็นเพื่อนน้องอิน แล้วก็แสบเหมือนกัน ลีล่ะไม่ชอบเลย คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ เจอแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ ไม่รู้ไปโดนน้องอินเป่าหูอะไรเข้า ถึงได้ร้ายเอาขนาดนี้... แต่พีชเคยจะหมั้นกับปิงนี่นา ลีก็ยังไปงานมาเลย แต่ว่าโดนสาวที่ไหนแย่งตัวคู่หมั้นไปก็ไม่รู้... หึ ขำชะมัดเลยวันนั้น"
อัญชลีจีบปากจีบคอบอกกับสิ่งที่ตนประสบมา มีอย่างที่ไหนรู้จักมักจี่ก็ไม่ คุยกันก็แทบนับคำได้ แต่สายตากับกริยาที่ทำกับเธอสิ ไม่มีการเคารพกันแม้แต่น้อย เวลาเจอกันก็ชอบส่งสายตาเหยียดๆ ให้ แถมเวลาเธอมีปากเสียงกับอินทิราคุณเธอก็คอยแต่จะโดดป้อง ไม่ฟังเหตุฟังผลอะไรเลย
"ไม่ตลกเท่าไหร่นะลี แล้วลีไปทำอะไรเพื่อนเขาล่ะ เขาถึงทำแบบนั้นกับลี... จากที่ได้ยินไอ้อิทธ์มันเล่าให้ฟังนี่ พีชน่าจะเป็นพวกรักเพื่อนมาก ทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนได้นะ"
"ถ้าอัทธ์จะว่าลีล่ะก็ ลีไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ อยากรู้อะไรก็ไปถามกันเอาเองเถอะ... ว่าแต่อิทธ์เป็นไงบ้าง" เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง แม้เธอจะไปขอโทษเจ้าตัวขนาดไหน แต่ 'ทิฐิ' ของเธอที่ไม่สามารถทำตามเขาขอได้ จนถึงตอนนี้เขาก็คงยังไม่ยกโทษให้เธอ
"ก็ดี เราก็ไม่ค่อยได้เจอมันหรอก พักกันคนละที่ ลีอยากเจอมันมั้ยเดี๋ยวเราโทรบอกมันให้" เมื่อเพื่อนสาวทำท่าจะเปลี่ยนเรื่องไม่อยากเล่าความสัมพันธ์ก่อนหน้าของก้อง ภพและพีร์ธาดาเขาก็ไม่ว่าอะไร เพราะเรื่องบางส่วนก็รู้มาจากฝาแฝดบ้างแล้ว
"ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวเราติดต่อไปเอง คงใช้เบอร์เดิมอยู่มั้ง"
"อืม... เลี้ยวซอยนี้ใช่เปล่า"
"นั่นแหละ แล้วเลี้ยวขวาซอยสองนะ"
อัทธ์เลี้ยวรถเข้าอาณาเขตบ้านของอัญชลี บ้านเดี่ยวในหมู่บ้านใหญ่ใจกลางเมืองแม้จะกินพื้นที่ไม่มากนักตามฐานะของ ครอบครัวนี้ สวนหย่อมหน้าบ้านแม้จะดูแห้งแล้งไม่สดชื่นเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังคงสร้างความร่มรื่นให้กับบ้านได้อยู่เสมอ เก้าอี้ตัวนั้นที่เขาและเพื่อนชอบใช้เวลาอยู่ยามมาท่องหนังสือบ้านหญิงสาว ยังคงวางอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากสิ่งที่เปลี่ยนไปคงเป็นใจของพวกเขานั่นเอง
"พ่อค่ะ แม่ค่ะ ลีกลับมาแล้ว"
"ไหนมาให้พ่อกอดให้ชื่นใจหน่อยสิ"
"แม่ด้วย ขอแม่กอดหน่อยลูก แม่บอกว่าจะไปรับก็ไม่ยอมให้ไป แล้วดูสิ ลูกสาวแม่สวยขึ้นเยอะเลย"
อัญชลีเข้ากอดบุพการีคนละทีก่อนส่ายหน้าช้าๆ เมื่อเห็นอาการงอนของท่านทั้งสอง เพราะเหตุว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่นั่งรถเหนื่อยไปรับเธอ จึงกำชับให้อยู่บ้านแล้วเธอจะกลับมาเอง
"สวัสดีครับ"
"อัทธ์หรืออิทธ์นั่น" ลีณวัฒน์ถามขึ้นเมื่อผู้ชายร่างใหญ่ช่วยขนกระเป๋าเสื้อผ้าของลูกสาวลงรถ เสร็จแล้ว เดินเข้ามาไหว้ทั้งเขาและภรรยา
"อัทธ์ครับ"
"เป็นไงบ้างเรา ไม่เจอกันนานเลยนะ ทำอะไรอยู่ไหนตอนนี้ กลับมานานแล้วเหรอ แฝดเราล่ะเป็นไงบ้างตาอัทธ์"
"โหแม่ ยิงคำถามเป็นชุดแบบนั้น อัทธ์จะตอบคำถามไหนก่อนล่ะค่ะ" อัญชลีสวมกอดมารดาก่อนกระเซ้าแหย่กับคำถามชุดใหญ่ที่ส่งไปยังเพื่อนชาย พ่อกับแม่เธอไม่รู้กับปัญหาของพวกเธอ และยังคงคิดว่ากลุ่มเธอยังคงเหมือนเดิมกันอยู่
"ไม่เป็นไรลี เราตอบได้หมดแหละ ผมกลับมาพักนึงแล้วครับ ตอนนี้ก็หุ้นเปิดบริษัทกับก้องและปิงมัน ส่วนอิทธ์หมอนี่งานยุ่งตลอดครับ ทั้งโรง’บาล ทั้งคลินิก งานสุ่มหัวเต็มไปหมด" อัทธ์ตอบคำถามทุกข้อของมารดาหญิงสาวที่ถามเขา
"พวกหมอนี่เนอะ แม่ไม่เจอพวกเราเลย หวังว่าคงสบายดีทุกคน"
"ครับ"
"กินข้าวมายังตาอัทธ์ เย็นแล้วมากินด้วยกันก่อนมั้ย"
"วันหลังดีกว่าครับ วันนี้ผมนัดก้องไว้แล้ว ขอตัวก่อนเลยนะครับ ไปแล้วนะลี ไว้เจอกัน"
อัทธ์ยกมือไว้ผู้ปกครองของอัญชลี ก่อนยกมือขึ้นลาหญิงสาว ครอบครัวของเธอยังคงเหมือนเดิม อบอุ่นเหมือนเดิม แต่ลูกสาวคนเดียวของบ้านกลับชอบทำตัวเหมือนคนขาดความอบอุ่นเสมอ... เรื่องนี้เขามิอาจรู้ได้
ระหว่างทางไปร้านของตัวเอง อัทธ์เสียบบลูทูธเข้าหูก่อนกดรับโทรศัพท์ได้ทัน "สวัสดีครับ"
"ยังอยู่สนามบินเปล่า" เสียงโทนเดียวกันส่งตอบกับมาในน้ำเสียงที่ราบเรียบตามสไตล์
"เปล่า กำลังกลับร้าน พาก้องกับน้องๆ มันไปกินข้าว"
"เหรอ เค เจอที่ร้านนะ ออกเวรพอดี อยากเจอไอ้ก้องมัน"
"เออ เจอกัน"
แต่ก่อนที่อัทธ์จะกดวางโทรศัพท์ก็พลันนึกสิ่งที่ควรเตือนคู่สายให้รู้ก่อน เพราะเดี๋ยวมันหาว่าเขาไม่ยอมบอกมันอีก "เฮ้ย อิทธ์ มีอินไปด้วยนะ"
"เหรอ... อืมดี"
ถึงเขาจะไม่เห็นว่าแฝดผู้น้องทำหน้าอย่างไร หากแต่การที่ได้อยู่คู่กันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็พอจะเดาออกว่า ตอนนี้มันคงกำลังยิ้ม แล้วคงรีบบึ่งไปที่ร้านดักรอแน่แท้
ตอนนี้มี 2 หน้านะค่ะ 12.1 กับ 12.2 มันยาวเกินไปเลยต้องแบ่งเป็น 2part
อยากจะอัพบ่อยๆ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับต้นฉบับและดินฟ้าอากาศ (เกี่ยวมั้ย )
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ปล. พบกันวันพุธจ้า