มุมพักผ่อนของคนอยากเขียน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เพียงเปิดใจ 18

บทที่ 18


ขุดกับดัก





    ระหว่างทางกลับบ้านหลังโตของหญิงสาว อิทธ์ดูเหมือนจะเห็นท่าทางที่เงียบลงอย่างเห็นได้ชัดของเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็พูดจาโต้ตอบเขาได้ดี เขาพยายามชวนเธอคุยหลายเรื่องแต่บางครั้งก็ได้คำตอบบ้างไม่ได้บ้าง จนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลอะไรบางอย่าง ลองตั้งคำถามเกี่ยวกับหนังดูถ้าหญิงสาวไม่ตอบ แสดงว่าต้องไม่พอใจเขาแน่นอน “สรุปแล้วตอนท้ายอินว่ามันเป็นยังไง เขาอยู่ในโลกไหน”


    “ไม่รู้”


    นั่นป่ะไร ต้องมีเรื่องไม่พอใจอะไรเขาแน่นอน แม้ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ตอนออกไปกับตอนเข้ามามันต่างกันขนาดริบรับ ถึงเธอจะยังงอนเขาอยู่ไม่หายแต่ส่วนใหญ่ก็พูดกับเขาดีกว่านี้ แถมตอนไปซื้อของก็ยังเลือกให้อีก  เขาตัดสินใจเปิดไฟให้สัญญาณเบี่ยงรถไปทางซ้ายแล้วจอดข้างถนนในทางเข้าบ้านของเธอ


    อินทิราหันขวับมาขมวดคิ้วให้กับคนขับ “จอดทำไม”


    “คุย” อิทธ์ตอบพร้อมหันหน้ามาเผชิญคนขี้งอน “อินเป็นอะไร ตั้งแต่ดูหนังแล้ว”


    “เปล่า ไปส่งอินเถอะเดี๋ยวไปเปิดคลินิกช้า”


    “ไม่ คุยกันก่อน ถ้าพี่ไม่รู้ว่าอินงอนอะไรพี่ พี่ก็ไม่ไปไหน และจะไม่ปล่อยอินกลับบ้านด้วย” หมอหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ


    ใครบอกคุณหมออิทธ์ใจดี อบอุ่น ณ นาทีนี้เธอขอเถียงขาดใจเพราะเธอเจอแต่คุณหมอจอมเผด็จการ จะถามทำไมว่าเธอเป็นอะไร ก็เธอยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร! ก็เพราะมันไม่รู้นี่แหละ ถึงตอบไม่ได้ ชักหงุดหงิดแล้วนะ


    “อิน เรื่องน้องนนท์กับคุณทิพย์ใช่ไหม”


    “... ” ไม่ใช่ซะหน่อย... เธอปฏิเสธเสียงอ่อนในใจ แน่แล้วจึงส่ายหัวแรงๆๆ ให้เขาดู


    “น้องนนท์น่าสงสาร ลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่เกิด พอน้องเขาเริ่มโตเขาก็ชอบวิ่งเล่นชอบกินขนมกรอบๆ อาการเลยทรุดไปอยู่พักหนึ่ง แต่ช่วงนี้น้องเขาอาการดีขึ้นเยอะเพื่อนพี่เลยฝากให้พี่ช่วยดูแลต่อ พี่รักษาคู่กับเพื่อนพอดีว่าน้องนนท์ค่อนข้างกลัวเพื่อนพี่น่ะ”


    อินทิราค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่ตนได้ฟัง เพราะดูยังไงเด็กน้อยนั่นก็ดูท่าจะอายุไม่เกินห้าหกปี แต่กลับเป็นโรคน่ากลัวถึงขนาดนี้ ขนาดเธอเป็นหอบตอนเด็กๆ ยังแทบแย่เวลาวิ่งเล่นกับพวกพี่ชาย แล้วเด็กคนนั้นเขาจะได้มีโอกาสได้พบความสดใสของวัยเด็กรึเปล่าหนอ


    “คุณทิพย์เป็นแม่น้องนนท์ ผมเจอเธอบ่อยเพราะแต่ก่อนนัดน้องนนท์ทุกอาทิตย์ แต่ไม่มีอะไรหรอกอดีตสามีเธอเป็นคนขี้หึงมาก”


    “อดีต” หญิงสาวทวนคำเบาๆ แต่ปลายเสียงก็ดันไปปะทะเข้ากับหูหมอหนุ่ม แล้วที่ว่าอดีตสามีเป็นคนขี้หึงเลยไม่มีอะไรหรอกงั้นหรือ ถ้าอดีตสามีไม่ขี้หึงก็คง...


    “คุณทิพย์เป็นคนสวย”


    ยอกันเข้าไป มีลูกแล้วนะนั่น


    “เก่งด้วย เลี้ยงลูกคนเดียวแบบนั้นมาตั้งนาน”


    อ๋อ เลยอยากไปช่วยเลี้ยงด้วยล่ะสิ


    “รักลูกมากกว่าตัวเธอเองอีก”


    แหม อิจฉาเด็กนนท์ล่ะสิ อยากได้มั่งใช่ไหมเล่า


    อินทิรารู้สึกเหมือนตัวเองควันออกหูได้ เธอรู้สึกโกรธ โกรธมาก โกรธจริงๆ เรื่องอะไรมายอคนอื่นให้เธอฟัง ไม่ได้อยากรับรู้อะไรสักหน่อย ฉะนั้นเสียงที่พูดออกไปจึงเป็นการตวาดและสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “อินไม่อยากฟัง อินจะกลับบ้าน! ”


    อิทธ์รู้สึกเหวอไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าการยั่วเธอจะทำเอาของขึ้นขนาดนี้ อย่างน้อยเขาก็ชื้นใจขึ้นมาบ้างว่าเธอก็หึงเขาด้วย ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจไม่พูดแก้ตัวอะไรออกไป เขาจงใจให้เธอเข้าใจผิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่า เผื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต ชายหนุ่มเปิดไฟสัญญาณให้ทาง เคลื่อนรถกลับสู่ถนนเส้นเดิมเพื่อไปส่งหญิงสาว




    เมื่ออาทิตย์ก่อนพีร์ธาดาตัดสินใจตอบรับสัมภาษณ์กับนิตยสารอินดิเพนเดนท์ เพื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาชีพช่างภาพอิสระของหล่อน แม้ตอนที่บอกไปตอนนั้นว่าอีกไม่นานเธอจะกลับไปทำงานประจำแล้ว คนของนิตยสารนี้ก็ยืนยันต้องการสัมภาษณ์หล่อนเหมือนเดิม จึงเป็นเหตุให้ต้องมานั่งอยู่ในร้านกาแฟดีไซน์สุดเดิ๊นจุดนัดพบ เธอมาก่อนเวลาอยู่มากเพราะมาส่งภาพให้กับลูกค้าแถวนี้ จากนั้นไม่นานก็มีหญิงสาวหัวฟูที่หน้าตาสุดจะหวานในชุดนักศึกษากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางเธอ พร้อมหนุ่มคิ้วดกผมยาวรวบม้วนอยู่กลางหัวตามมาติดๆ


    “สวัสดีค่ะ คุณพีร์ธาดาใช่ไหมคะ”


    นอกจากหน้าจะหวานแล้ว เสียงยังหวานแบบไม่น่าเชื่ออีก ผู้หญิงคนนี้น่าอิจฉาที่สุด(แม้ผมจะฟูสุดๆ เหมือนกัน) พีร์ธาดานึกอิจฉาเอ่ยตอบ


    “ค่ะ”


    “ขอโทษนะคะที่มาช้า” เธอเอ่ยขอโทษพร้อมก้มหัวให้หงกๆ ทำเอาพีร์ธาดาต้องรีบลุกขึ้นยืนกล่าวลิ้นรัวว่าไม่เป็นไร


    “โห สวยวะ โคตรสูงเลย” ส่วนเบาๆ ลอยมาจากอีกเสียงที่ก้มหัวอยู่ข้างหลัง ซึ่งดูแล้วเธอคงสูงกว่าเขานิดหน่อย รู้สึกแย่จัง ดันสูงกว่าผู้ชาย


    “พี่มันเตี้ย เห็นใครก็ว่าสูงไปหมด... คุณพีร์ธาดาอย่าถือสาเลยค่ะ”


    “เรียกพีชก็ได้ค่ะ น้องเป็นนักศึกษาเหรอ”


    สาวหัวฟูยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันสามสิบสองซี่ อะไรมันจะยิ้มได้ขนาดนั้น เธอพยักหน้าหงึกๆ พร้อมบอก “หนูชื่อกี้ กีรติ นักศึกษาฝึกงาน แต่ไม่เหมือนฝึกเลยเพราะวิ่งวุ่นสัมภาษณ์ไปทั่ว ตังค์ก็ไม่ได้ ใจร้ายเนอะ” กีรติตอบพลางส่ายหัวชายตามองไปยังช่างภาพอีกคนอย่างไม่จริงจัง


    “ไอ้กี้ มากไป จบมาแกก็มาทำงานที่นี่เดี๋ยวก็ได้ตังค์เอง สัมภาษณ์คุณเขาเถอะ เดี๋ยวคุณเขารอนาน” หนุ่มคิ้วดกเงยหน้าจากการจัดการกับกล้องตัวเองบอกเสียงระอากับสาวรุ่นน้อง


    “เดี๋ยวสิ พี่พีชไม่รีบใช่ไหม... เห็นมั้ยล่ะ นี่พี่โต้งช่างภาพค่ะ หนูว่าเราคุยกันก่อนดีกว่าจะได้ไม่เกร็ง” กีรติจัดการถาม พูด บอก สั่งเออเองหมดทุกอย่าง พีร์ธาดายังไม่เห็นความเกร็งอย่างที่เธอบอกเลยสักนิด เห็นแต่ความอเลิร์ตของเจ้าหล่อน


    “อ๊ะ หนูเรียกพี่ว่าพี่พีชนะ พี่พีชสวยจังเลย”


    พอแนะนำตัวกันพอประมาณ ความเป็นกันเองก็แผ่ซ่านทั่วตัวไปหมด จะว่าเธอไม่คิดว่าหน้าหวานๆ เสียงหวานๆ แบบนี้จะเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศและบางทีก็ดูหยาบบ้างตามคนสมัยนี้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดูจากทรงผมเธอก็รู้ว่าสาวผู้นี้จะต้องมีความมั่นใจในตัวเองสูงปรี๊ดแน่นอน ไม่งั้นคงไม่เอาหัวไปโดนช็อตจนมันฟูแบบนั้นหรอก(อันนี้เจ้าตัวพูดออกมาเองเมื่อเห็นสายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ผม) แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเก่งเอาการเพราะจากคำถามที่ถามมาระหว่างสัมภาษณ์นั้นตรงจุด ตรงประเด็น แถมถามอย่างสร้างสรรค์จนเธออดทึ่งในความสามารถไม่ได้ จนมาถึงคำถามท้ายๆ


    “พี่พีชมีแฟนยังคะ”


    “หือ อันนี้อยู่ในสคริปต์กี้ด้วยเหรอ”


    “ไม่มี หนูไม่เขียนสคริปต์ อันนี้หนูอยากรู้” กีรติตอบหน้าตาเฉย เพราะไม่คิดว่านี่เป็นการละลาบละล้วงแต่อย่างใด ในเมื่อนิตยสารก็อปซิปยังลงเรื่องนี้กันให้ควัก


    “ดูท่ากี้จะรู้แล้วนา”


    กีรติหัวเราะตาประกาย ก่อนพยักหน้ายอมรับอย่างเขินๆ “ก็เพื่อนหนูมันกรี๊ดคุณก้องภพกันมาก หนูก็กรี๊ดเหมือนกันคนอะไรหล๊อ หล่อ เนี่ยๆ พอที่กองบอกจะสัมภาษณ์พี่พีชนะ หนูเสนอตัวเองสุดๆ เพราะหนูสวยพวกพี่เขาเลยให้หนูมาสัมภาษณ์พี่พีช”


    “พี่ก้องดังขนาดนั้นเลยเหรอ” พีร์ธาดาไม่สนการหลงตัวเองของหญิงสาว ทั้งที่เธอแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่


    “ข้างนอกไม่รู้สิ แต่ในกลุ่มหนูคือพวกเรียนด้านเดียวกับหนู อ๊ะ หนูเรียนถา’ปัตย์นะ แต่ทำไมมาชอบเอาด้านนี้ก็ไม่รู้ กว่า’จารย์แกจะยอมปล่อยหนูมาทำนิตยสารนี้ก็เล่นเอาหนูพูดจนเหนื่อย คือพวกหนูเห็นคุณก้องภพพวกนิตยสารเกี่ยวกับบ้านบ่อยก็เลยเคลิ้มกันหลายคน แล้วคุณก้องภพแกก็พวกไฮโซไอ้ซุบซิบทั้งหลายเลยเอามาลงว่าคุณก้องภพมีแฟนแล้วเพราะเห็นเคยควงด้วยกัน แต่พวกหนูมันเก่งก็รู้ว่าคนนั้นคือพี่พีช... พี่พีชนี่สวยสุดๆ จริงๆ นะ หุ่นก็ดี ขาก็ยาว ตัวก็ข๊าวขาว ได้มาเจอแบบนี้ชาตินี้หนูนอนตายตาหลับแล้วล่ะ” กีรติพูดเสร็จพร้อมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก็น่าอยู่หรอกเล่นพูดไม่หยุดเลย มันหายใจทางเหงือกได้หรือไงนี่


    ให้ตายเถอะ คนอะไรพูดเก่งชะมัด เธอรู้สึกเหนื่อยแทนมาก แต่เวลาผู้หญิงคนนี้พูดไม่รู้มันมีอะไรดลใจให้ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เอาเป็นว่าเธอรู้สึกถูกชะตากับสาวหัวฟูมากอารมณ์ขันคนนี้ขึ้นมาแล้วสิ นี่ไม่เกี่ยวกับการชมเธอจนลอยสักนิดเลยนะ “อยากสัมภาษณ์พี่ก้องด้วยมั้ยล่ะ”


    “อ๊ะ” กีรติดูผงะตาเบ่งโตอย่างตกใจ จากนั้นน้ำเสียงสั่นที่ไม่ปิดบังอาการตื่นเต้นก็พูดขึ้นมา “ได้เหรอ... แต่หนูไม่กล้าหรอก หนูเขิน”


    “เฮ้ย มาเขินอะไรแฟนพี่”


    “นั่นแน่ พี่พีชหึงล่ะสิ หนูก็รู้ตัวหรอกว่าสวยสู้พี่พีชไม่ได้ แต่หนูคิดว่าหนูน่ารักกว่านะ ผู้ชายบางคนอาจจะชอบเตี้ยๆ  แนวๆ สไตล์ของแปลกแบบหนูก็ได้ หนูมันน่ารัก”


    อ่าว ไอ้เด็กบ้านี่ ชักกวนประสาทใหญ่และ พีร์ธาดาพยายามไม่สนใจการยั่วประสาทของหญิงตรงหน้า นี่เธอกับหล่อนสนิทกันมาแต่ชาติปางไหนทำไมมันถึงเล่นหัวเล่นหางกับเธอเสียลื่นขนาดนี้หนอ แต่คนอย่างพีร์ธาดาซะอย่างเรื่องอะไรจะยอมได้ เธอส่งยิ้มละมุนละไมให้พร้อมเอ่ยเสียงนุ่มหวาน “แต่หนูสู้พี่ไม่ได้หรอก พี่ไม่ฟีบแบบหนู”


    กีรติอ้าปากหวอพร้อมจ้องหน้าอกคนตรงหน้าอย่างถือดี ก่อนยอมรับว่าเธอมันฟีบกว่าจริงๆ “โอ๊ย พี่พีชเจ็บว่ะ สักวันมันต้องมีคนที่เข้าใจหนู ไม่เตี้ยไม่แฟบบ้างให้มันรู้ไป”


    เอ การเอาปมของตัวเองมาพูดบ่อยๆ นี่มันเหมือนไอ้อินเลยวุ้ย


    “ไอ้กี้! กลับได้แล้ว” หนุ่มคนเดียวในวงที่นั่งฟังตาปริบๆ ชักทนไม่ได้กับการพูดคุยที่เริ่มถลำลึกลงเรื่อยๆ แล้วมีอย่างที่ไหนผู้ใหญ่กว่าอย่างพีร์ธาดาก็เล่นด้วย ทั้งขำทั้งเหนื่อยใจ และดูท่าทั้งคู่จะสนิทกันไวจนน่ากลัวไปแล้ว


    “แต่ว่า... ”


    “ไม่มีแต่ ฉันประเมินแกอยู่นะ เดี๋ยวก็ไม่ให้ผ่านหรอก”


    “ใจร้าย” กีรติกระดกลิ้นเน้นชัดคำว่า ‘ร้าย’ พร้อมยื่นปากล่างส่งไปให้ลูกพี่ตัวเองจากนั้นจึงรีบหันมาปิดบทสนทนา “พี่พีช หนูจะติดต่อพี่ได้ยังไง จะได้เอาบทสัมภาษณ์มาให้เช็คก่อน”


    “อ้าว เบอร์พี่ไง ก็โทรมาสิ นัดเวลามาก็พอ”


    “หนูเมมไว้เลยนะ”


    “อืม”


    “หนูโทรหานอกเรื่องได้นะ”


    “ตามใจ”


    “หนูขอคุณก้องภพนะ”


    “ไอ้กี้! ” พีร์ธาดาตวัดเสียงอย่างเอาเรื่อง ไอ้บ้านี่ เดี๋ยวแม่ก็จับฆ่าหมกร้านซะเลย


    เจ้าหล่อนหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ เธอไม่คิดเลยว่าพี่พีชของเธอ(เหมารวมเป็นของตัวเองไปเรียบร้อย)จะขี้หึงเอาโล่ขนาดนี้ แต่ก็รู้สึกถูกชะตาอย่างรุนแรง นี่เธอไม่เคยถูกชะตาใครแบบรุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลยนะ(คือปกติถูกชะตาทุกคนแต่แค่ผิวเผิน) หญิงสาวเอ่ยขอตัวเก็บของลุกออกไปพร้อมช่างภาพลูกพี่


    ช่วงจังหวะลับหลังของสาวกี้ไปได้นิดหน่อยก็ปรากฏร่างก้องภพเดินเข้ามา หญิงสาวตกใจก้มมองดูนาฬิกาพบว่าเวลาที่เธอนั่งคุย(ซึ่งมากกว่าสัมภาษณ์)กินเวลาไปเกือบสามชั่วโมงเลยทีเดียว


    ก้องภพเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามแฟนสาวพร้อมบอกเล่าเรื่องที่ประสบมาเมื่อครู่ “เมื่อกี้ผมเจอผู้หญิงคนนึง หัวฟูๆ มาชี้หน้าผม” ก้องภพทำมือบอกขนาดความฟูของหัวด้วยเสียงขำ
หัวฟูๆ ยัยกี้แน่นอน


    “เข้ามาบอก ‘เมื่อกี้หนูสัมภาษณ์แฟนคุณก้องด้วย’ แล้วก็ขอผมถ่ายรูปคู่บอกจะเอาไปอวดเพื่อน... ใครเหรอ” ก้องภพถามถึงคนที่เพิ่งเจอมาเพราะดูเหมือนแฟนเขาจะรู้จัก ก่อนหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานของร้าน “คาปูร้อนแก้วนึงครับ”


    “ชื่อกี้น่ะ เพิ่งไปได้แป็ปเดียว เจอพี่ก้องแล้วเหรอ มันคลั่งพี่ก้องนะ”


    “ตลกดี”


    “ตลกมาก กวนมากด้วย แถมยั่วให้พีชหึงพี่ก้องอีก”


    ก้องภพยิ้มขำทันที นี่แฟนเขาหึงไม่เลือกคนเลยเหรอไง “เฮ้ย พีช นี่พีชหึงผมกับเด็กคนนั้นด้วยเหรอ ดูยังไงก็เด็กกว่าผมเป็นสิบปี”


    “ไม่รู้เหรอ พี่ก้องอาจชอบเคี้ยวเนื้ออ่อนๆ ก็ได้” พีร์ธาดาตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก เธอไม่ได้หึงหรอกแต่อดหมั่นไส้เสน่ห์ของเขาไม่ได้


    “มะรืนนี้พี่ก้องต้องใช้รถไปไหนนอกจากทำงานเปล่า”


    “เปล่า ทำไมเหรอ” ชายหนุ่มช้อนสบตากับเธอทั้งปากยังคงค่อยละเมียดละไมจิบคาปูชิโนแก้วร้อนอยู่


    “พีชต้องไปสัตหีบ จะยืมรถหน่อย”


    “ไปทำไม”


    “งานชิ้นสุดท้ายนะ ไปถ่ายแฟชั่นให้แมกกาซีน”


    “เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้ งานช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก” เขาวางแก้วพร้อมเสนอตัวเป็นคนขับรถให้เพราะก็อยากเห็นการทำงานทิ้งทวนของเธอเสียหน่อย อีกอย่างอาจจะพักผ่อนสักวันสองวันค่อยกลับกรุงเทพก็ได้


    “พีชว่าพี่ก้องไม่อยากไปหรอก”


    “หือ” ก้องภพเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย


    “ก็นางแบบที่พีชต้องไปถ่ายน่ะ”


    “... ”


    “ชื่อปราย เห็นว่าจบกับพี่ก้องไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ใช่เหรอ”


    ก้องภพนิ่งกลืนน้ำลายอย่างลำบาก ไม่สงสัยเท่าไหร่ว่าเธอรู้ได้อย่างไร แต่ที่กังวลเห็นจะเป็นฤทธิ์แม่นางแบบคนนั้น เพราะกับเขาที่เจอมาก็หันหลังกลับแทบไม่ทัน “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมไปด้วย”


    “ก่อนไป เล่าให้พีชฟังหน่อยว่ามีปัญหาอะไรกัน”


    “เอ่อ... สัญญาก่อนนะว่าจะไม่โกรธผม” ก้องภพถามส่งสายตาหวาดๆ ไปให้เธอ “มันเป็นแค่อดีต พีชจะไม่โกรธผมนะ”


    “อืม เล่ามาซะทีเถอะ” พีร์ธาดาตอบหน้าตาย แววตาดูเย็นชาผิดปกติแต่อย่างน้อยก้องภพก็ชื้นใจเล็กน้อยที่เธอตกลงสัญญาด้วย


    “ก็ ผมกับเธอรู้จักกันที่ฝรั่งเศส ปรายไปถ่ายแฟชั่นที่นู่น ผม... ผมเข้าไปคุยกับเธอ แล้วเราก็ควงกันสักพัก คือเธอขึ้นมาหาผมค่อนข้างบ่อยน่ะ” ถึงตรงนี้ก้องภพชักอยากหยุดเรื่องราวตัวเอง เพราะดันไปเจอสายที่เริ่มแสดงความเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ คอระหงตั้งตรงใบหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ ของคนตรงหน้า แต่พอได้ยินคำว่า ‘เล่าต่อ’ จากเสียงเย็นชาเขาก็ต้องทำตามที่เธอบอก... นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานนะไอ้ก้อง


    “แต่ผมกับเธออยู่ไกลกันพอผ่านไปได้สามเดือนปรายก็ไม่ขึ้นมาหาผมอีก ไม่ใช่ผมเสียใจนะ... ดีใจต่างหาก” ก้องภพเบาเสียงลงเหมือนเด็กทำความผิดแล้วถูกผู้ใหญ่ทูนหัวอย่างพีร์ธาดาจับได้ “ผมก็จบกับเธอ แต่พอผมกลับมาเมืองไทยปรายก็ติดต่อกับผมอีก แต่ครั้งนี้ผมไม่เล่นด้วยแล้วก็เลยตัดการติดต่อทุกอย่าง เธอคงไม่พอใจผมล่ะมั้งเลยตามอาละวาดผมทุกที่ที่รู้ว่าผมอยู่ไหน ปล่อยข่าวว่าผมคบกับเธอมั่งบางข่าวก็ว่าผมทำเธอท้องแล้วไม่รับผิดชอบอะไรอย่างนี้ ทั้งที่ผมไม่ได้เจอเธอมาครึ่งปี ช่วงนั้นผมต้องวิ่งวุ่นหลบทั้งเธอทั้งนักข่าว จนเธอคงเหนื่อยก็เลยหยุดไปเอง... แต่ตอนนี้คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ผมไม่ยุ่งอะไรกับเธอตั้งแต่กลับมาแล้ว แล้วอีกอย่างเขาก็รู้กันหมดแล้วว่าผมคบพีชอยู่”


    พีร์ธาดานิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก็พอจะรู้ข่าวคราวตามหน้าหนังสือดาราต่างๆ อยู่บ้าง แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่ยักจะสนใจสักเท่าไหร่ ออกแนวสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ แต่พอเหตุการณ์แปรผลันเป็นคู่รักนี่คนละเรื่องกันเลย แม้รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ฟัง แต่ก็รู้ดีว่าก่อนหน้านั้นคือช่วงที่เขาไม่ได้คบเธอ เธอไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธเขา เธอไม่รู้หรอกว่าปัญหานี้จะมีผลอะไรกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขาหรือไม่ แต่ในเมื่อเขายินยันว่าเลิกยุ่งกับหล่อนแล้วเธอก็ควรเชื่อใจและไว้ใจเขาดู “ก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาตามมานะ ไม่อย่างนั้นพีชจะจัดการเอง”


    ก้องภพเองก็ไม่อยากให้มีปัญหาตามมา แต่ถ้ามันมีเขาก็อยากรู้ว่าหญิงสาวจะจัดการกับมันอย่างไรนะ




    ทางด้านของอินทิราที่ตอนนี้เริ่มเข้ามาช่วยเหลืองานครอบครัวอย่างจริงจังเสียที อันที่จริงต้องบอกว่าเพราะเธอโดนป๊ากับหม้ายื่นคำขาดว่าถ้าไม่ไปช่วยงานที่บริษัท ก็ให้หาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันเสียทีไม่อย่างนั้นจะยึดบัตรเครดิตและไม่ให้ตังค์ไว้กินขนม! หญิงสาวจึงต้องจำใจยอมเข้ามาทำงานที่บริษัทของครอบครัว โดยในตอนนี้เรียนรู้งานอยู่ในแผนกการตลาดตามที่ร่ำเรียนมา


    แม้จะได้รับอภิสิทธ์การเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัท อินทิราก็ปฏิเสธทันทีที่ทางบิดาจะจัดห้องส่วนตัวให้ แต่หญิงสาวกับเลือกทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานในห้องใหญ่มากกว่า โดยโต๊ะทำงานแบ่งเป็นแพทริชั่นไว้อย่างดูสมส่วน ซึ่งตอนนี้เธอเพิ่งจะออกจากห้องประชุมของแผนกการตลาดเพื่อคิดหาแผนโปรโมตโปรโมชั่นลดค่าโทร เปรมมิกาเพื่อนร่วมงานก็สะกิดหญิงสาวให้ละใบหน้าขึ้นจากกองเอกสารพร้อมบอก “มีคนมาขอพบน่ะอิน หล่อเป็นบ้าเลย”


    เธอเลิกคิ้วจ้องหน้าเพื่อนร่วมงานอย่างสงสัยว่าใครมาหา แถมเป็นผู้ชายด้วย แวบแรกที่นึกถึงก็หนีไม่พ้นพี่หมอที่หลังจากเจอกันเมื่อหลายวันก่อนก็ไม่ได้โผล่ใบหน้าขาวๆ มาให้เห็นเลย ก็แน่ล่ะมีแม่ทิพย์พราวเสน่ห์อยู่แล้วนิ แต่พอออกไปพบกลับเป็นฝาแฝดของเขาแทน


    “อ้าวพี่อัทธ์ มาหาอินมีอะไรเหรอ” อินทิรายกมือไหว้ชายหนุ่ม


    “มาดูหน้าคนทำงานแล้วซะที”


    “อะไรอ่ะ อินก็ทำงานเป็นเหมือนกันนะ แค่ก่อนหน้านี้ขี้เกียจเท่านั้นเอง” หญิงสาวบอกหน้างอ


    “พี่มาส่งสาสน์” อัทธ์ยิ้มพร้อมเปลี่ยนเรื่อง ที่เขาต้องมาวันนี้ก็เพราะถูกแฝดไหว้วานไว้ “อิทธ์ฝากบอกว่าช่วงนี้มันคงไม่โผล่มาให้อินรำคาญใจเล่น เพราะมันต้องไปอเมริกาหลายอาทิตย์อยู่ มันเลยฝากถามว่าอินจะเอาอะไรมั้ย”


    “แล้วทำไมเขาไม่บอกอินเอง” เธอถามอย่างสงสัย เพราะเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องให้ใครมาเลย โทรมาก็สิ้นเรื่อง... เอ๊ะ แต่ฉันไม่ได้อยากรู้นี่นา “เหอะ แต่เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาเถอะ”


    “พี่มาทำธุระแถวนี้พอดี แล้วตอนนี้มันคงอยู่บนเครื่องแล้วมั้ง มันไปกะทันหันน่ะ เห็นว่าทั้งเรื่องส่วนตัวและถูกขอตัวไปช่วยงานที่นู่นด้วย”


    “เรื่องส่วนตัว” เธอทวนคำอย่างเบาๆ พลางก็นึกไปถึงผู้หญิงอีกคนที่เคยเห็น ก่อนสะบัดความคิดทิ้งไปเพราะถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี... แต่ทำไมนะมันต้องกระวนกระวายใจแบบนี้ก็ไม่รู้


    “หือ อินว่าไงนะ” อัทธ์ถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ แต่จับไม่ได้ศัพท์ของสาวตัวเล็ก


    “เปล่า”


    “งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ เออ อิน ผู้หญิงคนเมื่อกี้น่ารักดีนะ” อัทธ์บอกพร้อมยักคิ้วทำตาเยิ้ม


    “หน้าหม้อ มีคนไหนบ้างที่พี่อัทธ์ไม่ชมเนี่ย” เธอส่ายหัวให้กับคำหยอดของเขา เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเธอไม่เคยเห็นพี่ชายคนนี้คบใครจริงๆ จังๆ เสียที มีแต่ควงไปก็ควงมาไปวันๆ


หลังคนส่งข่าวกลับไปแล้วเธอก็ต้องจมอยู่แต่ความคิดที่ว่า ‘เรื่องส่วนตัว’ มันวนเวียนวิ้งๆ เหมือนยุงตัวเล็กๆ ที่ตบไม่ได้เสียที และตั้งแต่บ่ายยันเลิกงานเธอก็ยังไม่เขียนอะไรสักตัวลงไปในงาน




Create Date : 14 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2553 0:07:22 น. 2 comments
Counter : 513 Pageviews.

 
บางทีกับการที่อยากจะลงให้อ่านง่ายๆ (โดยเข้าไปแก้อีกอัน) ซึ่งมันไม่ง่ายเลยหากมันผิดไปจุดเดียว แล้วเราก็ดันปิดหน้าเวปนั้นทิ้งไปแล้ว T^T

ขอเป็นอาทิตย์หน้าจะมาลงให้อีกนะคะ (ช่วงนี้โดนงานถาโถมอย่างหนัก นิยายก็ไปไม่ถึงไหน ยังค้างอยู่ที่ 141 หน้ามา 5 วันแล่ววววว)

ขอสูบกำลังใจจากทุกคนไปเร่งนิยายก่อน เอ้า ฮึ๊บ!!


โดย: ตุยเหมี่ย วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:10:58 น.  

 
ก่อนอื่น...ส่งกำลังใจให้อย่างมากมายเลย เอ้า รับไปนะค่ะ

คุณอิทธิ์ใช้วิธีให้อินเข้าไปผิดไปเรื่อยๆ มันก็เสี่ยงอยู่นา...ส่วนคุณก้องทำไมแฟนเยอะจัง มีแฟนเก่าเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วแบบนี้พีชจะรับมือไหวเหรอทั้งลี ทั้งปราย...

รักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงนะค่ะ ส่งกำลังใจมาให้ในทุกๆ เรื่องค่ะ


โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:3:43:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตุยเหมี่ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"ดากร" ... ณ ตอนนี้ขอเปลี่ยนนามปากกาเป็นชื่อนี้แล้วนะคะ

นามปากกานี้เป็นการดึงชื่อจริงของตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ว่าเข้าไปนั่น)

เหตุที่เปลี่ยนก็เพราะว่า รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่เอานางเอกของเรื่องมาทำเป็นนามปากกา มันเขินบวกรู้สึกชาที่หน้าแบบบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้

ดากร ... จำไม่ยากหรอกค่ะ ดากร
< /embed>

Friends' blogs
[Add ตุยเหมี่ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.