ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..

อยากไปต้องได้ไป Shiretoko National Park





การเดินทางวันสุดท้ายของทริปน้องอ้นพาทัวร์
เริ่มต้นจากที่พัก Blue Elephant ของน้องอ้น



ได้พักก็สดใสขึ้นมาทันทีเลยค่ะ



จัดการอาหารเช้าง่าย ๆ ที่น้องอ้นเตรียมไว้ให้ และที่เราตุนไว้จากร้านสะดวกซื้อ
ได้กาแฟดริปที่น้องอ้นคัดสรรมา แถมยกให้เป็นของขวัญกลับบ้านได้อีก



แถมติดใจซุปข้าวโพด .. ที่ทำขายกันเยอะ พบเจอหลายยี่ห้อมากที่สนามบิน
เป็นของฝากให้หิ้วกลับบ้าน แต่ยี่ห้อที่น้องอ้นซื้อมา ดีงาม ด้วยว่า ไม่อูมามิรสผงชูรส และไม่เค็ม



บรรยากาศยามเช้าที่นี่ดี ... น้องอ้นบอกว่า ตื่นสายได้นะครับ แต่เจอลูกทัวร์กรุ๊ปนี้
ที่ตื่นสายไม่เป็น



เก็บบรรยากาศรอบที่พัก



ที่นี่นกเยอะมาก .. มาเกาะยั่ว ๆ มองเห็นได้จากหน้าต่างห้องพัก

ไหน ๆ ก็ตื่นกันแล้ว พร้อมออกเต็มที่ น้องอ้นเลยพาเราไปชมวิวเมือง Rausu ทั้งเมือง บน Rausu Kunashiri Observatory Tower



เรากล่าวถึงที่นี่ไปเมื่อตอนที่แล้ว มาชมภาพอีกฝั่งที่มองเห็นป่าและเขา บอกแล้วว่าเมืองนี้ซ็ายเป็นเขา ขวาตกทะเล









บนหอชมวิวนี่ไม่มีอาหารขาย แต่มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับเมือง Rausu ให้ได้ศึกษา
แค่เสพวิวดี ๅ ก็อิ่มนิด ๆ แล้วค่ะ



บนดาดฟ้าของอาคารนี้ เปิดโล่ง ให้เราได้ชมวิวและรับลมทะเลเป็นสด ๆ ..



ลงจากหอชมวิว เราก็มาแวะร้านค้าด้านล่าง ตรงถนนเส้นหลักของเมือง



ตรงนี้มี Soft cone ขาย .. รสที่เป็นที่นิยม คือ รสเกลือ .. ไม่เค็มมากค่ะ
ที่นี่มีร้านขายของฝากเยอะมาก ราคาเท่า ๆ กับที่สนามบินค่ะ เช็คราคามาแล้ว แค่ว่า ไม่มี Tax free เฉย ๆ

ของฝากมีทั้งอาหารสำเร็จรูป และอาหารทะเลสด ๆ ...



อันนี้ลูกอมรสเกลือ ... ทำเป็นสีฟ้า ผลึกน้ำแข็ง .. รสหวานบวกมีเค็มนิด ๆ แปลกดีค่ะ ซื้อแจกเป็น signature ของ Rausu

ส่วนอาหารทะเลอื่น ๆ แบบสำเร็จรูปที่ซื้อมา ก็มีพวกนี้ค่ะ





ราคาดี ซื้อไปเป็นของฝาก ลูกน้องทักว่า นึกว่าหัวหน้ามาจากทะเลบ้านเรา
แต่แหม .. แกะปุ๊บ หมดปั๊บ รสชาติต่างกันกับบ้านเราอยู่ค่ะ แต่ยืนยันว่าอร่อย

ส่วนอาหารทะเลสด .. ได้แต่มองค่ะ เย็นนี้ไม่มีครัวแล้ว เราต้องแยกจากน้องอ้นแล้ว








นอกจากจะมาที่นี่เพื่อชิม Soft cone และซื้อของฝากแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่เช็ครอบบริการการพาชมสัตว์ในฤดูกาล ว่ารอบไหนเปิด รอบไหนถูกยกเลิกบ้าง



ไฮไลท์ของการชมสัตว์ในธรรมชาติของแถบนี้ ก็มีหมี เหยี่ยว และปลาวาฬค่ะ



บนกระดานสืื่อสารนี้ก็จะบอกว่า ในฤดูที่เรามาถึง ดูอะไรได้บ้าง อย่างปลาวาฬเพชรฆาต ที่มีในฤดูที่เราไป จะมีเรือนำเที่ยวพาไปชมรอบไหนบ้าง ของบริษัทอะไร บางช่วงต้องยกเลิกไปเพราะคลื่นลมแรง ออกเรือไม่ได้ ก็จะอัพเดทที่หน้ากระดาน
ใครมาเที่ยวธรรมชาติแบบนี้ต้องพกแต้มบุญมาสูง ๆ ค่ะ


นอกจากนี้ชั้นบนของร้านก็ยังมีร้านอาหารบริการ สำหรับชิมอาหารทะเลสด ๆ



มาชมแต้มบุญของกลุ่มเราบ้าง เรานอนอยู่ปากทางเข้าอุทยาน ฝั่ง Rausu ซึ่งขับรถไปอีกนิดเดียวก็ถึงทางเข้าอุทยานแล้ว



แถมยังมีออนเซ็นธรรมชาติอยู่ปากทางเข้าอุทยานด้วย ชื่อว่า Kumanoyu hot spring






ซึ่งพบว่า .. ปิด .. ค่ะ เค้าเอาที่กั้นถนนมากั้นทางเข้า ขับไปอีกนิด ปากทางเข้าอุทยานก็... ปิด



ก็ตรงตามที่เจ้าหน้าที่ที่ Shiretoko Rausu Visitor Center บอกไว้
เหตุผลที่ปิดเพราะ หมีที่ตื่นมาจากการจำศีลในฤดูหนาว กำลังหิวโซ ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นหมีออกมาเดินที่ถนน ก็จะปิดอุทยาน ปล่อยให้พี่หมีอิ่มหนำ อารมณ์ดีแล้วค่อยเปิด แต่ทางเข้าอุทยานอีกฝั่ง ด้านติดทะเลต้านทิศเหนือเปิดให้เข้าได้ ซึ่งเราก็ต้องขับรถอ้อมโลก เพื่อไปให้ถึง น้องอ้นลุยจัดหนักให้เต็มที่



น้องอ้นหันหัวรถกลับไปทางเดิมที่เรามาเมื่อคืนนี้ เพื่อมุ่งหน้าไปเมือง Shari เค้าออกเสียงว่า ชารี .. เราก็เรียก ชาริ ตั้งนาน

เส้นทางขับรถเข้าอุทยานอีกเส้น จะผ่าน Shari ทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทร Shiretoko จากชิเบ็ตสึ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 335 (ทางหลวงคุนาชิริ) ทอดตัวไปทางเหนือตามแนวชายฝั่ง



วิวเดิมที่เคยขับผ่านมาค่ะ ..



ถึงจะต้องขับรถไกลขึ้น เป็น 3-4 เท่า แต่น้องอ้นก็ใจเย็น ขับช้า ๆ ให้เราชมวิวตลอดทาง ข้างบนนี่คือ ทางรถไฟ ที่สร้างไม่เสร็จ คงเหลือแต่อนุสรณ์สถานเสาตอม่อไว้ .. พื้นที่แถบนี้ รถไฟเข้าไม่ถึงค่ะ มีแค่รถบัส (น้อยรอบ) และรถเช่า รถส่วนตัวเท่านั้น




วิวทุ่งหญ้า (เลี้ยงวัว) ที่นี่ ได้ใจเหมือนที่ บิเอะ นะคะ แถมกลิ่นอุนจิวัวเข้ม ๆ มาด้วย



แดดมาเป็นช่วง ๆ ต้องทำใจ



ถึงแล้วค่ะ ที่เช็คอินระหว่างทาง Road to the Sky แห่งเมือง Shari







อยากเห็นหญ้าเลี้ยงวัวชัด ๆ มั้ยคะ .. นี่เลยค่ะ



บางช่วงก็ปรับปรุงดิน รอปลูกหญ้าค่ะ อาจมีปลูกมันฝรั่งแซมบ้าง แต่ที่มากสุดแถบนี้ก็หญ้าเลี้ยงวัวนี่ล่ะค่ะ





ไงคะ แต้มบุญของเรา แทนที่จะได้ไปเส้นสีเทา เราก็อ้อมมาด้านล่าง แล้ววกขึ้นข้างบน





ถนนเลียบทะเลจากเมือง Shari ไปสู่ทางเข้าอุทยาน Shiretoko National Park วิวดีไปอีกแบบค่ะ

จะพบกับน้ำตกริมทาง น้ำไหลซู่ซ่า น่าแวะมากค่ะ ชื่อว่า Waterfall of Oshinkoshin








วิวข้างทางถือว่าดีเลิศ



จอดแวะถ่ายภาพได้เป็นระยะ ๆ



ขับรถมาอีกนิดก็เข้าเขตอุทยานแล้วค่ะ ระหว่างทางมีน้องกวางเยอะแยะ มีน้องสุนัขจิ้งจอกด้วย สัตว์เหล่านี้จะโผล่มาตอนที่ จขบ.ก้มหน้าก้มตาทำธุรกรรมบนมือถืออยู่ ทำเอาคว้ากล้องไม่ทัน หลัง ๆ นี่ บอกสมาชิกเบาะหลังว่า เตรียมยกกล้อง เพราะมีเหตุให้ต้องเขี่ยมือถืออีกแล้ว ... ได้ผลค่ะ เค้าได้รูป ได้คลิปสัตว์ป่ากันสมใจ ยกเว้น จขบ.

มีมาให้ชมนิดหน่อยนะคะ







ก้นน้องกวางน่ารัก
สัตว์ป่าช่วงผ่านฤดูหนาวมาใหม่ ๆ จะซูบผอม ต้องรอขุนให้อ้วนกว่านี้อีกหน่อย




ถึงแล้วค่ะ ทางเข้าอุทยานอีกฝั่ง ที่นี่คือ Shiretoko Goko National Park



ฝ่ั่งนี้ใหญ่โต มีลานจอดรถกว้างขวาง มีร้านรวงร้านอาหาร ร้านค้า ห้องน้ำ

ที่ Shiretoko Nationa Park มีทะเลสาบ 5 แห่ง ทะสาบแห่งแรกสามารถเดินบนทางเดินที่จัดทำไว้ได้ แต่ที่อื่น ๆ ต้องเดินป่าเข้าไป



จัดมื้อเที่ยงเบา ๆ ด้วย แฮมเบอร์เกอร์เนื้อกวาง .. ไม่ตราม่านะคะ ที่นี่เค้ามีฟาร์มกวาง ไม่ได้จับน้องกวางในป่ามาทำเบอร์เกอร์






ที่นี่เค้าม่ีทางเดินให้ชมธรรมชาติ เป็นระยะทาง 1 เหนื่อย เดินง่าย ๆ สบาย ๆ ..



รอบทางเดิน จะมีรั้วลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ กันไม่ให้สัตว์ป่าขึ้นมาเดินแคทวอร์คพร้อมกับคน ดังนั้น ห้ามซุกซนเอามือไปแหย่










เดินไปเรื่อย ๆ ฝั่งขวาคือป่า มีภูเขา แต่วันนี้ไม่เห็นเพราะฟ้าปิด
ฝั่งซ้ายติดทะเล Okhotsk



ที่เห็นฟ้า ๆ นั่นคือทะเล กล้องไปไม่ถึง



เดินไปบนสะพานเรื่อย ๆ บอกแล้วว่า 1 เหนื่อย



แต่ที่ไม่เหนื่อยเพราะมีอะไรให้ดู แม้ฟ้าจะปิด แต่วิวใกล้ ๆ ก็ใช้ได้
เสียอย่างเดียว หมี กวางไปจำศีลที่ไหนไม่รู้ ไม่โผล่มาเลย หรือว่ากลัวคน


พอถึงตรงนี้ก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของสะพานไม้



จะผ่านตรงนี้ไปได้ต้องติดต่อให้เจ้าหน้าที่อุทยานนำทางเข้าไป จะเข้าจะออก เค้าก็จะเช็คจำนวนคนได้จากสิ่งนี้



ทางเดินเข้าไปในป่า พ้นสะพานไม้ช่วงสั้น ๆ ก็เดินบนดินแล้ว



เราไม่ได้เดินป่า .. เวลาเหลือน้อย คนญี่ปุ่นอาจเดินท้ัน แต่เราเดินไม่ทันแน่นอน เพราะเดินช้า รองเท้าเดินป่าก็ใส่มาพร้อม แต่ที่ไม่พร้อมคือเสื้อผ้า .. อากาศหนาวเกินกว่าที่เราประมาณไว้

ได้แต่ชมวิวที่จุดสุดท้าย คือ วิวทะเลสาบแห่งที่ 1 จากทะเลสาบทั้งหมด 5 แห่ง



เราได้ภาพแค่นี้ ตัดกลับไปที่ภาพที่น้องอ้นถ่าย



โชว์ภาพของน้องอ้น ฮอกไกโดตะวันออก-East Hokkaido

ตอนที่ฟ้าไม่ปิด ..
แค่เลนส์เราก็ไม่ได้ล่ะ ไม่นับเรื่องฟ้าปิด

ขากลับเรากลับเส้นเดิม แวะที่ สถานีรถไฟ Kitahama Station




สถานีรถไฟ Semmo Line ที่วิ่งเลียบชายฝั่งทะเล Okhotsk ก่อนไปวกกลับเข้าแผ่นดินใหญ่ที่สถานี Shiretokoshari station






เป็นสถานีรถไฟเล็ก ๆ ที่มีหอให้ขึ้นไปชมทะเล Okhotsk และเก็บภาพรถไฟวิ่งเลียบทะเล ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ในสถานีมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ภายในสถานีมีนามบัตรคนที่เข้ามาเยี่ยมชม เต็มไปหมด





และจุดสุดท้ายที่พลาดไม่ได้สำหรับ แสงยามเย็น คือที่นี่

Meruhen メルヘンの丘

ได้ภาพเท่าที่กล้องมือถืออำนวยนะคะ เพราะกล้องใหญ่แบตหมด ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องด้วย












สุดจะทนความหนาว เพราะอยู่ในที่โล่ง ลมแรง และอากาศหนาว เสื้อผ้าเราไม่อำนวยเท่าไหร่ ... กลับค่ะ




กลับไปวิ่งเส้นเดิมที่มาวันแรก ผ่าน Bihoro Pass

แต่ไปไม่ถึง Kushiro หิวซะก่อน น้องอ้นก็หมดแรง มีแต่อาหารเบา ๆ ทั้งวัน
แวะชิมราเมนขึ้นชื่อของแถบนี้ Teshikaga Ramen น้องอ้นเรียกเมืองนี้ว่า ทาชิกาก้า .. น่าร๊าก ฟังดูไม่เป็นญี่ปุ่น





พ่วงมาด้วยเกี๊ยวซ่า ตามฤดู ไส้ กระเทียมป่า หน้าตาเหมือนกุยช่ายกอเล็ก ๆ กลิ่นเหมือนกระเทียม ทำเป็นไส้เกี๊ยวซ่าแล้ว อร่อยใช้ได้



น้องอ้นขับไปส่งพวกเราที่โรงแรมในเมือง Kushiro เพื่อที่จะจับรถไฟกลับเข้า Sapporo

ส่วนน้องอ้นก็ต้องขับรถกลับเข้า Nakashibetsu อีกเกือบ 100 กม.
วันนี้น้องอ้นเหนื่อยที่สุดแล้ว เพราะตื่นเช้า นอนดึก ขับรถยาวกว่า 500 กม. ในวันเดียว

ประทับใจกับการพาเที่ยวของน้องอ้นมาก ถ้ามีโอกาสคงกลับมาแก้มือ ขอมาให้ถูกที่ถูกเวลา และไปสะสมแต้มบุญเพื่อจับสัตว์ป่าทั้งหลายก่อน



ปิดทริปฮอกไกโดตะวันออก .. แต่ทริปส่วน อื่น ๆ ในฮอกไกโด โดยเฉพาะ ซากุระในเดือนพฤษภาคม จะมาเล่าภายหลัง

 



ตอนที่ 1 เก็บแสงยามเย็นที่ทะเลสาบคุชชะโระ Kussharo Lake

ตอนที่ 2 ตะวันตื่นที่ Mashu Lake

ตอนที่ 3 นะคะชิเบ็ตสึ Nakashibetsu เมืองนี้มีดีหลายอย่าง

ตอนที่ 4 Notsuke Peninsula คาบสมุทรโนะซึตเกะ

ตอนที่ 5 Rausu ระอุสุ ... ประตูสู่อุทยานแห่งชาติชิเระโตโกะ Shiratoko National Park

 


 




 

Create Date : 09 กันยายน 2566
0 comments
Last Update : 9 กันยายน 2566 21:02:29 น.
Counter : 1019 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnamfaseefoon, คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2566
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
9 กันยายน 2566
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.