โบรกแนะเก็งกำไร 6 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ดัชนีหุ้นไทยร่วง เอเชียดิ่ง วิตกอิตาลี-กรีซ
โบรกแนะเก็งกำไร 6 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ดัชนีหุ้นไทยร่วง เอเชียดิ่ง วิตกอิตาลี-กรีซ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.32 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ที่ระดับ 30.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงแรง 2-4% ตามการทรุดหนักของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ดิ่งลงมากกว่า 3% หลังข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติของกรีซยังล้มเหลว ขณะที่ความไร้เสถียรภาพและล่าช้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจของอิตาลี ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปี ของอิตาลีขึ้นแตะ 7.25% และต้นทุนประกันความเสี่ยงแตะ 571bps ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้ง 2 ตัวเลข ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อการปัญหาหนี้ยุโรป นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยดิ่งลงตามตลาดต่างประเทศ ลดพอร์ตหุ้นใหญ่ เก็งกำไร 6 หุ้นเด่น ได้แก่ BGH, CPF, SCC, DCC, HEMRAJ และ ADVANC
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : อิงทางลงจากแรงกดดันหนี้อิตาลี
การทรุดหนักของตลาดหุ้นต่างประเทศวานนี้โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ดิ่งลงมากกว่า 3% เป็นผลจากความกังวลใจต่อเรื่องหนี้สินของอิตาลี ทั้งเรื่องความล่าช้าในการปฏิรูป เศรษฐกิจจากการที่นายกรัฐมนตรีอิตาลีเลือกที่จะจัดการเลือกตั้งแทนการตั้งรัฐบาลชั่วคราว รวมถึงการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีสู่ระดับ 7% ซึ่งเป็นระดับที่ไอร์แลนด์และโปรตุเกสจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงิน ทั้งนี้ แรงกดดันดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวแข็งค่า ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัวลงแรงตามๆ กัน และค่าเงินบาทเช้านี้ (7.50 น.) อ่อนตัวอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 30.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ต่างชาติเริ่มขายสุทธิต่อเนื่องในปริมาณมากกว่า 1 พันล้านบาทเป็นวัน ที่ 2 ติดต่อกัน ดังนั้น คาด SETI วันนี้จะผันผวนอิงทางอ่อนตัวลงต่อจากบ่ายวานนี้ โดยมองแนวรับแถว 960-950
กลยุทธ์การลงทุน : การเก็งกำไรระยะสั้นยังคงให้เน้นการทยอยขายในช่วงดีดตัวเป็นหลักต่อไป ขณะที่ตลาดค่อนข้างมีความอ่อนไหวต่อข่าวความคืบหน้าของปัจจัยทั้งใน และนอกประเทศค่อนข้างมาก
แนวต้าน : 980-990 แนวรับ: 960-950
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25-50% : เงินสด 75-50%
ถือต่อในพอร์ต : BGH, CPF, SCC
หุ้นที่ปรับออก : IVL, STEC
บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาด SET จะเริ่มแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบ 920-1000 จุดยังเน้นแค่เทรดดิ้ง!!
แนวโน้ม วิกฤติหนี้ยูโรโซนกลับมากดดันรุนแรงต่อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง หลังข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติของกรีซยังล้มเหลว ขณะที่ความไร้เสถียรภาพและล่าช้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจของอิตาลี ก็ยิ่งเพิ่มความวิตกต่อสถานการณ์หนี้ในยุโรปมากขึ้นอีก ส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาปรับตัวลดลงรุนแรงกว่า 2% รวมทั้งนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มกลับมามียอดขายสะสมตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเดือน ต.ค. มียอดซื้อสะสมทั้งเดือนถึง 3 หมื่นล้านบาทไปแล้ว ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลงในด้านลบต่อเนื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตามความพยายามในการที่จะหาแนวทางแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนยังมีให้เห็นอยู่ ดังนั้นคาดว่าตลาดจะมีลักษณะแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ในกรอบกว้างระหว่าง 920-1000 จุดได้
กลยุทธ์: ดังนั้นช่วงถัดจากนี้จึงยังเน้นเป็นเพียงการเข้าเทรดดิ้งตามรอบ ในลักษณะรอหาจังหวะซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงแรง และขายทำกำไรเมื่อดัชนีขยับบวก โดยยังไม่แนะนำให้เพิ่มพอร์ตในส่วนของการถือลงทุน
KGI ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ปัจจัยยุโรปแย่กว่าคาด ลดพอร์ตหุ้นใหญ่ โดยประเมินตลาดหุ้นไทยวันพฤหัสฯ เปิดร่วงทดสอบระดับ 950 จุด หลังจากปัจจัยในอิตาลีไม่เป็นไปตามที่เราคาด โดยจิตวิทยาที่ดีขึ้นหลังจากนายกฯ เบอร์ลุสโคนีลาออกและเปิดทางให้ปฎิรูปเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นนั้นดำรงอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะมีข่าวลบเข้ามาจำนวนมาก กล่าวคือ i) ความเสี่ยงในตลาดพันธบัตรอิตาลีเพิ่มขึ้นอีกหลัง LCH ClearNet ซึ่งเป็นบริษัทชำระบัญชี (ที่เรียกว่าเคลียร์ริ่งเฮ้าส์) เพิ่มวงเงินประกันการซื้อขายในตลาดพันธบัตรอิตาลีขึ้น ii) สื่อเยอรมันรายงานว่าพรรคการเมืองของนายกฯ เมอร์เคลกำลังศึกษาแผนที่จะลดจำนวนประเทศที่ใช้เงินยูโรลง ซึ่งสร้างความกังวลว่ากรีซและอิตาลีอาจจะต้องออกจากสกุลเงินยูโร ข่าวต่างๆ ดังกล่าวส่งผลให้ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปี ของอิตาลีขึ้นแตะ 7.25% และต้นทุนประกันความเสี่ยงแตะ 571bps ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งสองตัวเลข และเมื่อพิจารณาปริมาณหนี้ภาครัฐฯ ของอิตาลีที่ 2 ล้านล้านยูโร ซึ่งมากกว่าหนี้ของกรีซ โปรตุเกส สเปน และไอร์แลนด์รวมกันเสียอีก ก็เป็นสิ่งที่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงได้มาก
นอกจากนี้ เมื่อวานก่อนตลาดปิดเราคาดว่า พอร์ตบล. เป็นผู้ขายทำกำไรสั้นกดตลาด ปรากฎว่านักลงทุนต่างชาติกลับขายสุทธิมากและสถานะซื้อ 3.8 พันล้านบาทตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ของ พอร์ต บล. ยังคงอยู่และกลายเป็นความเสี่ยงต่อตลาดในระยะสั้นเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศที่กลับมาเป็นลบนั้นจะทำให้ต่างชาติไม่เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้
กลยุทธ์: เมื่อวานนี้ที่ให้เพิ่มพอร์ตหุ้นไป เราแนะนำให้ลดพอร์ตหรือขายตัดขาดทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและแบงก์ แล้วกลับมารอดูสถานการณ์ในอิตาลีก่อน ส่วนหุ้นที่ให้ถือต่อไปได้หรือซื้อเพิ่มช่วงอ่อนตัว เน้นเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำท่วม หรือหุ้นกลุ่มที่มีประเด็นหนุนเฉพาะเช่น เป็นนิคมฯ ที่น้ำไม่ท่วมหรือธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำมาก เช่น SCC, DCC, HEMRAJ และ ADVANC เป็นต้น << Back
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 10:12:12 น. |
Counter : 480 Pageviews. |
|
|
|