ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.44 น. ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับ 31.51 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดที่เปิดมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ จากช่วงเช้าที่เปิดลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เงียบเหงา เน้นหุ้นที่ยังราคาถูก โดยนักลงทุนยังคงจับตาผลการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างรัฐบาลกรีซกับเจ้าหนี้ภาคเอกชน การประชุมรมว.คลังกลุ่มยูโรและยุโรป (23-24 ม.ค.) การประชุมเฟด (24-25 ม.ค.) และการประชุม กนง. (25 ม.ค.) เก็งกำไร 9 หุ้นเด่น ได้แก่ AIT, THAI, SCB,TK ,LPN , PS,DCC, STEC และ SAT

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะเงียบเหงาเนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาคได้ปิดทำการ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยมองกรอบการเทรดจะจำกัดระหว่าง 1053-1061 ขณะที่ปัจจัยที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจยังมุ่งรอผลการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างรัฐบาลกรีซ กับเจ้าหนี้ภาคเอกชน ซึ่งคาดจะมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นก่อน การประชุมรมว.คลังของยูโรโซนในวันจันทร์นี้ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางทั้งของ สหรัฐและไทยในช่วงกลางสัปดาห์ และการที่ตลท.จะเริ่มต้นประกาศ Trading Alert List สำหรับหลักทรัพย์ที่มีราคาและปริมาณการซือขายที่ผิดปกติในวันนี้ อาจสร้างความ ผันผวนให้กับตลาดได้ในระหว่างทาง

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นยังเน้นซื้อเก็งกำไร โดยคงพอร์ตในหุ้นไม่เกิน 50% แนวต้าน : 1061, 1070 แนวรับ : 1053, 1047

การจัดพอร์ตระยะสั้น-หุ้น 50% เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต: AIT THAI SCB

หุ้นที่ปรับออก: STA

หุ้นที่ปรับเข้า: TK คาดปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 5.7% ราคาพื้นฐาน 14.70 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 11.30-12.00 รับ 10.40-10.20 Cut loss 10 บาท

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันตรุษจีนนี้จะทรงตัว หลังจากตลาดหุ้นหลายประเทศในเอเชียหยุดทำการในเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นจีน เกาหลีใต้ เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ส่งผลให้กระแสทุนต่างชาติจะอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติในวันนี้ไม่ว่าทางซื้อหรือทางขาย ในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะอ่อนลงในระยะสั้นมาก หลังจากราคาน้ำมันสหรัฐฯ ลดลง 2% ตามรายงานข่าวว่าชาติตะวันตกอาจผลักดันให้อิหร่านกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจานิวเคลียร์อีกครั้ง อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ KGI มองว่าราคาน้ำมันจะไม่ลงไปมากๆ เนื่องจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตอ. กลางยังสูงและแนวโน้มการใช้น้ำมันจากสหรัฐฯ ดูดีขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารน่าจะทรงตัวหรือขึ้นได้บ้าง หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 4/54 ออกมาแล้ว และนักลงทุนกำลังรอข้อสรุปของการเก็บค่าธรรมเนียม ธ.พาณิชย์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงกว่าการจัดเก็บจะอยู่ที่ไม่เกิน 0.6% ของฐานเงินฝาก (คาดว่าราคาหุ้นรับรู้แล้ว) ในวันนี้ ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตามได้แก่การประชุม รมว.คลังของกลุ่มยุโรป ซึ่งน่าจะพยายามกันเต็มที่ในการสรุปดีลกรีซขอลดหนี้ภาครัฐฯ ให้ได้ หลังจากมีการเจรจากันมา 3-4 วันแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งในขณะนี้ประเด็นของกรีซกลับมาเป็นศูนย์กลางของข่าวสารในยุโรป หลังจากตลาดหุ้นดูเหมือนไม่ตกใจนักกับข่าวที่ออกมาก่อนหน้า เช่นการลดเครดิตของประเทศต่างๆ เป็นต้น ทาง KGI เชื่อว่าหากกรีซตกลงกับเจ้าหนี้ได้ ตลาดหุ้นจะตอบสนองเชิงบวกในระยะสั้น แต่ในระยะยาวต้องมาดูว่าภาคธนาคารจะรับมือกับผลจากการลดหนี้ได้อย่างไร

กลยุทธ์: จากที่ได้เพิ่มพอร์ตหุ้นใหญ่มาเมื่อพฤหัสฯ ที่แล้ว แนะให้ถือหุ้นต่อไป ส่วนในระยะสั้นมากเราคาดว่ากลุ่มบ้านจะเด่นกว่าตลาด ก่อนหน้าการประชุม กนง. ในวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งน่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 3.00% และเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อธุรกิจบ้านและที่ดิน แนะซื้อต่อ LPN และ PS* รวมทั้งหุ้นอีก 3 ตัวที่แนะนำมาก่อนหน้านี้ คือ DCC*, STEC และ SAT

จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ซื้อ

ดัชนี SET วันนี้หากยืนในระดับต่ำกว่าต้าน 1060 จุด จะทรงตัวในกรอบราคา 1060-1052 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ยืนเหนือต้าน 1060 จุด จะเกิดกำลังผลักทางขึ้นในเวลาอันสั้น ขึ้นสู่ระดับแนวต้าน 1082 จุด

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดหุ้นโลกปิดทำการสัปดาห์ก่อนกระจัดกระจายและด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลง ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าสู่ช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนซึ่งตลาดหุ้นหลายแห่งในเอเซีย ปิดทำการในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ความสนใจของนักลงทุนยุโรปและสหรัฐฯในสัปดาห์นี้น่าจะให้ความสนใจมากขึ้นกับการประชุมรมว.คลังกลุ่มยูโรและยุโรป (23-24 ม.ค.) การประชุมเฟด (24-25 ม.ค.) ขณะที่ในประเทศมีการประชุม กนง. (25 ม.ค.) ซึ่งเราคาดว่าอาจจะเห็นลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 3% น่าจะยังเป็นปัจจัยให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงเก็งกำไรต่อไปซึ่งเรายังเน้นในหุ้นที่ถูก และไม่ได้รับผลกระทบด้านกำไรจากภาวะน้ำท่วม

เราคาดว่าด้วยบรรยากาศการซื้อขายที่อาจจะเบาบางลงประกอบกับภาวะที่ไม่มีข่าวร้ายที่เด่นชัดจากฟากยุโรป จะทำให้นักลงทุนกลับมามองปัจจัยพื้นฐานและประเด็นการลงทุนเฉพาะตัวของหุ้นมากขึ้น และบรรยากาศดังกล่าวน่ายังเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในเชิงเก็งกำไรไปอีกระยะ โดยมีประเด็นเสี่ยงระยะสั้นที่ต้องติดตามคือ 1) การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ที่ยังคงไม่ได้ข้อสรุป 2) ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอาจกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

กลยุทธ์การลงทุน: เราคงคำแนะนำให้เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ใน theme การลงทุนเดิม1) หุ้นพื้นฐานดี KSL CPF HMPRO TPC BCP SIRI KTB 2) หุ้นปันผล INTUCH, TTW BAFS HMPRO และ 3) หุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ valuation ถูก ปันผลดี ได้แก่ AP SC SIRI 4) หุ้นอาหารส่งออกที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน ได้แก่ CPF, TUF, GFPT 5) ปัจจัยเฉพาะตัว THAI IRPC 6) หุ้นที่เราปรับเพิ่มประมาณการ TICON BAY

สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว ให้ Wait and See และรอสัญญาณกลับเข้าไปซื้อใหม่ ซึ่งเราคาดว่าช่วงม.ค.-ก.พ.55 ตลาดจะมีการปรับตัวลงส่วนนักลงทุนที่มีต้นทุนสูงและยังไม่ได้ลดพอร์ต ใช้จังหวะนี้ลดพอร์ต ส่วนพอร์ตที่ยังมีอยู่เน้น switch พอร์ตมาหาหุ้นปันผลก่อน โดยเราค่อนข้างชอบ TTW, BAFS, CPF, INTUCH EGCO MAKRO

Create Date : 23 มกราคม 2555
Last Update : 23 มกราคม 2555 12:05:01 น.		0 comments
Counter : 542 Pageviews.
Share Tweet