โบรกแนะเก็งกำไร 11 หุ้นเด่น ดัชนีพักตัว ปัจจัยตปท.กดดัน เน้นหุ้นอาหาร โรงพยาบาล

โบรกแนะเก็งกำไร 11 หุ้นเด่น
ดัชนีพักตัว ปัจจัยตปท.กดดัน เน้นหุ้นอาหาร โรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.50 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.78 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ โบรกเกอร์คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้พักตัวจากแรงกดดันภายนอก หลังข่าวยื่นล้มละลาย ตามมาตรา 11 ของบริษัทเอ็มเอฟ โกลบอล โฮลดิ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์สัญญาล่วงหน้าซึ่งลงทุนจำนวนมากในตราสารหนี้ยุโรป เน้นถือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และโรงพยาบาล แนะนำเก็งกำไร 11 หุ้น ได้แก่ BGH, CPF, TUF, SCC, PTT, TMB, ITD, MAKRO, BIGC, ADVANC, RATCH

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : พักตัวจากแรงกดดันภายนอก คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสพักตัวจากแรงกดดันภายนอก หลังข่าวยื่นล้มละลาย ตามมาตรา 11 ของบริษัทเอ็มเอฟ โกลบอล โฮลดิ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์สัญญาล่วงหน้าซึ่งลงทุนจำนวนมากในตราสารหนี้ยุโรป นับเป็นความเสียหายมากที่สุดของ สหรัฐจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรปดิ่งหนักระดับ 2-3% กันถ้วนหน้า ขณะที่นักลงทุนจะจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 1-2 พ.ย. นี้อย่างใกล้ชิดเพื่อรอดูมุมมองของเฟดต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐและการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรป พร้อมจับสัญญาณการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปของเฟด อย่างไรก็ดี แรงซื้อต่างชาติที่ยังแข็งแกร่งทั้งในตลาดหุ้นและอนุพันธ์ กอปรกับสัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นที่ยังอยู่ในกรอบ Uptrend จะเป็นตัวช่วยในการประคองการอ่อนตัวของตลาดในระดับหนึ่ง โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 963-985 จุด

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นเทรดดิ้งต่อในกรอบ 963-985 โดยยังจำกัดพอร์ตลงทุนไว้ไม่เกิน 25-50% เพื่อรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ อาทิ ความคืบหน้าปัญหาหนี้ยุโรป, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ, สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ เป็นต้น แนวต้าน : 985, 995 แนวรับ : 970, 96

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25-50% : เงินสด 75-50%

ถือต่อในพอร์ต : BGH, CPF, TUF, SCC

หุ้นที่ปรับออก : PTT, KBANK

บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ยังอยู่ใน Zone ของการปรับฐาน หลังตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนกว่า 15% ในช่วง 1 เดือน จึงน่าจะมีการปรับพอร์ตระยะสั้น แนะนำถือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และโรงพยาบาล CPF, TUF, MAKRO, BIGC, ADVANC, RATCH, BGH

การประนอมหนี้กรีซอาจสะดุด กดดันเงินยูโรกลับมาอ่อนค่า สวนทางดอลลาร์ฟื้นกดดันหุ้นปรับฐานดังที่ได้เสนอไปแล้วเมื่อวานนี้ว่า แม้การเจรจาประนอมหนี้ของกรีซ จะได้รับการยินยอมจากธนาคารในยุโรป (ผ่านตัวแทนธนาคาร) ในฐานะเจ้าหนี้ในการลดหนี้ (write down) ให้กับรัฐบาลกรีซ 50% ของมูลค่าพร้อมต้องเตรียมเพิ่มทุนให้ขนาดของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (ของธนาคารในยุโรปที่ผ่านการ write down)

เป็น 9% ของสินทรัพย์เสี่ยง ภายในกลางปีหน้าแล้วก็ตาม แต่หนทางข้างหน้ายังคงมีอุปสรรคอีกหลายประการ กล่าวคือ ประเทศกรีซในฐานะลูกหนี้ ยังจะต้องนำเสนอให้สภาฯ อนุมัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งประเด็นนี้ถือว่ายังเป็นความเสี่ยงต่อตลาด และอาจจะทำให้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาในกลุ่มยุโรปยืดเยื้อไป นอกจากนี้เชื่อว่าผู้นำยุโรป และ IMF จำเป็นจะต้องเดินสายประนอมหนี้กับอีก 2 ประเทศในกลุ่ม

PIIGS คือ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะ และได้ขอรับความช่วยเหลือจาก IMF และยุโรป ไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้การประนอมหนี้ล่าช้า และได้กดดันให้ค่าเงินยูโร กลับมามีทิศทางอ่อนค่าลงอีกครั้ง โดยล่าสุดได้หลุดแนวรับ 1.4 เหรียญฯต่อยูโร ลงมาที่ 1.385 เหรียญฯ ในเช้านี้ (หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน 1 เดือนหรือราว 6.8%) หรือตรง

กันข้าม Dollar Index ได้กลับฟื้นตัวขึ้น โดยสามารถทะลุ 76 จุดอีกครั้ง และมีโอกาสแตะแนะต้านที่ 77.2 จุดครั้ง (หลังจากที่ Dollar Index หลุดแนวรับที่ 75 จุด เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หรืออ่อนตัวราว 6.1% ในช่วง 1 เดือน) การฟื้นตัวรอบใหม่ของ Dollar Index ในขณะนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า นักลงทุนระยะสั้นกำลังเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์ (Risk asset) มาที่ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย (Risk free asset) ซึ่งพัฒนาของ Dollar Index ที่คาดว่าจะฟื้นตัวในรอบนี้ ฝ่ายวิจัย ASP ได้นำเสนอตลอดหลายวันที่ผ่านมา (ได้ส่งสัญญาณว่า Dollar Index จะฟื้นตัวตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา) และเป็นการยืนยันว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีการปรับฐานในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ

ทั้งนี้ ข่าวร้ายที่อาจจะกลบตลาดก็คือ MF Global ซึ่งเป็น The broker dealer ที่กำลังยื่นศาลให้ความคุ้มครองจากการถูกเจ้าหนี้ยึดทรัพย์ (ผ่านการยื่น Chapter 11 ต่อศาล เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้) เนื่องจาก MF Global อาจจะเกิดความเสียหายจากการลงทุน

สินทรัพย์ในยุโรป ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนที่สูงกว่า 95% เมื่อเทียบกับยอดสินทรัพย์รวม (41 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ทำให้ MF Global เตรียมขายสินทรัพย์ให้กับคู่แข่ง ขณะที่เจ้าหนี้หลักของ MF Global 2 รายคือ JPMorgan Chase และ Deutsche Bank มียอดหนี้สินราว 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประเด็นนี้จึงอาจจะกลายเป็นประเด็นใหม่ที่อาจจะกดดันตลาดหุ้นโลก เพราะแนวทางการแก้ไขหนี้สาธารณะโดยการให้ haircut มิได้จบอยู่เพียงธนาคารพาณิชย์ในยุโรปเท่านั้น แต่หมายถึงเจ้าหนี้

สถาบันการเงินของโลกรายอื่น ๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินในสหรัฐ อังกฤษ หรือแม้แต่ญี่ปุ่นจะต้องได้รับความเสียหายในอัตราใกล้เคียงกัน

KGI คาดวันนี้ดัชนี SET จะอยู่ภายใต้แรงซื้อและแรงขายคละกัน ผู้ที่กังวลว่าด้วยปัญหาหนี้ยุโรปที่เป็นอยู่เดิมนี้ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจสน์ลดลง 2.2% วานนี้ ก็อาจขายหุ้นทำกำไรสั้นออกมา ขณะที่ผู้รับรู้ปัจจัยน้ำท่วมในประเทศว่าอาจได้คลายความกังวลงลงได้ในระดับหนึ่งก็อาจเข้าซื้อหุ้นได้ในวันนี้ วานนี้ดัชนี SET นั้นแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอยู่มาก ด้วยมีแรงเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร พลังงงาน และ

ที่ดิน และเราคาดว่าแนวโน้มนี้ จะคงอยู่ในวันนี้

กลยุทธ์: เราแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่อิงเส้นกราฟเป็นสำคัญวันนี้ และแนะนำนักเก็งกำไรสั้นให้ขายหุ้นออก หากวันนี้ดัชนี SET ปิดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 965 จุด นัยคือหากวันนี้ ดัชนี SET สามารถปิดเหนือแนวรับ 965 จุดได้ เราแนะนำให้ซื้อเพื่อเก็งกำไร โดยมีหุ้นที่เราแนะนำคือ SCC, PTT, TMB และ ITD

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554		0 comments
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 12:13:34 น.
Counter : 624 Pageviews.
Share Tweet