Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
21 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
โบรกแนะเก็งกำไร 16 หุ้นดาวเด่น ดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัว เน้นกลุ่มรับประโยชน์ราคาน้ำมันลด

ขอบคุณที่มา ข่าวหุ้นดอทคอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.46 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 3.65 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หลังจากเฟดไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นศก.ใหม่และไม่มีการส่งสัญญาณ QE3 แต่อย่างใด ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลง รอซื้อหุ้นแถว 1150-1140 จุด เก็งกำไร 16 หุ้นเด่น ได้แก่ PF, THAI, CPF, ADVANC, BBL, SAT, SF, SIRI, AP, HEMRAJ, ROBINS, BAY, SAMART, SAT ,IHL ,TOG รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาดตลาดจะเริ่มพักฐาน ดังนั้นรอแถว 1150-1140 จุดแล้วเลือกหุ้นซื้อ!!

กลยุทธ์: คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงอีกครั้ง โดยมีโอกาสย้อนลงไปแถว 1150-1140 จุดได้ ซึ่งน่าสนใจเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนได้ เพราะมองว่าความคาดหวังว่าจะมีมาตรการต่างๆ ในการดูแลปัญหาหนี้ยูโรโซนจะช่วยหนุนตลาดให้วิ่งขึ้นได้ ซึ่งเป้าหมาย SET ปี 2012 เรายังมองที่ 1350 จุด โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ KBANK, TCAP, SIRI, SPALI, PS, INTUCH, CPF, CPALL, MINT, BH, STANLY, THAI, BTS และ DRT เป็นต้น

หุ้นเด่นทางเทคนิค   PF, THAI, GLOW (SBL)

แนวโน้ม ผลการประชุมเฟดเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) ออกมาตามที่คาด แต่ส่งผลให้ตลาดผิดหวังกับการไม่มีมาตรการ QE3 โดยเฟดเพียงประกาศขยายระยะเวลาการใช้ Operation Twist ออกไปถึงสิ้นปี 2012 รวมทั้งยังปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงมาเหลือเพียง 1.9-2.4% ขณะที่สเปนก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะต้องขอเงินกู้รอบ 2 หลังอัตราผลตอบแทนยังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์  ทำให้ FSS คาดว่า SET จะตอบรับในเชิงลบ หลังจากช่วงที่ผ่านมา SET ขยับขึ้นมาเพื่อรอลุ้นข่าวของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ จากทั้งยุโรปและสหรัฐ แต่ก็ยังไม่ได้มีความคืบหน้าออกมาสนับสนุน ดังนั้นเราคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ตลาดกลับมาปรับพักตัวลงอีกครั้งได้ โดยเช้านี้ตลาดยังมีข้อมูล PMI ของจีนที่ต้องจับตาเพราะอาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดในระยะนี้ด้วย ซึ่งเรายังคงแนะนำให้รอจังหวะเลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อในช่วง SET ปรับฐานลงอีกครั้งก่อน โดยเฉพาะถ้าดัชนีปรับตัวลงไปใกล้ๆ กับจุดที่ดัชนีดีดขึ้นมารับข่าวการช่วยเหลือแบงก์ในสเปนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 1150-1140 จุด โดยเน้นที่หุ้นพื้นฐานดี และมีแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลังจะยังดีต่อเนื่อง เพื่อถือไว้รอลุ้นผลการประชุม EU Summit ในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย. นี้อีกครั้ง

แนวรับ  1165-1160 , 1156-1150 , 1143 จุด    แนวต้าน  1175-1178 , 1182-1185  จุด

บล.ฟิลลิป ระบุว่าแนวโน้มตลาดวันนี้: Sideways ในกรอบ 1166-1180 กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไรหุ้นรายตัว

ภายหลังผ่านพ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปเรียบร้อยวานนี้โดยเฟดเลือกการต่ออายุมาตรการ Operation Twist ออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ตามตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ผลเชิงบวกต่อตลาดทุนมีไม่มาก ในทางตรงกันข้าม กลับส่งผลเชิงลบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ เช้านี้ (7.50 น.) ดีดตัวแข็งค่าขึ้นต่ออีกเล็กน้อยมาแถว 81.558 จากวานนี้ที่ 81.499 จุด ส่งผลให้บาทอ่อนค่ามาที่ 31.57 บาท/ดอลลาร์ โดยรวมจึงดูเหมือนจะเริ่มขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดในช่วงนี้ คาดว่า SETI จะแกว่งตัวในกรอบ Sideways ต่อไป เพื่อรอปัจจัยใหม่ ในวันนี้มองระหว่าง 1166-1180 จุด

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: เลือกหุ้นรายตัวเป็นหลัก และยังเน้นการเก็งกำไรแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ต่อไป แนวต้าน : 1180-1188 แนวรับ : 1166-1158

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 30% : เงินสด 70%

ถือต่อในพอร์ต : CPF, ADVANC, BBL, SAT

หุ้นที่ปรับออก : TOP

หุ้นที่แนะนำ :SF ความผันผวนของรายได้ต่ำ+กำไรจากเมกะบางนาเข้า 3Q55 FV 9.50 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 8.40 รับ 7.90 Cut loss 7.70 บาท

KGI ประเมินหุ้นไทยวันพฤหัสฯ แกว่งลงแต่จะไม่มาก หุ้นพลังงานคงอ่อนตัวตามราคาน้ำมันที่ร่วงกว่า 3% เมื่อคืนนี้หลังจากตลาดการเงินผิดหวังเล็กน้อยต่อผลการประชุมเฟด โดยเฟดได้ปรับลดประมาณการ GDP สหรัฐฯ ปีนี้จากเดิม 2.4-2.9% เป็น 1.9-2.4% และประกาศต่ออายุโครงการ Operation Twist (ขายพันธบัตรอายุต่ำกว่า 3 ปี เดือนละประมาณ 4.5 หมื่นล้านเหรียญฯ เป็นเวลา 6 เดือน รวม 2.67 แสนล้านเหรียญฯ และนำเงินดังกล่าวนี้ไปซื้อพันธบัตรที่อายุ 6 ปีหรือยาวกว่านั้น) อย่างไรก็ดีเฟดไม่ได้ประกาศ QE3 แต่อย่างใด ซึ่งสร้างความผิดหวังบ้างแต่ไม่มากนัก ทั้งนี้ KGI มองว่าปัจจัยสหรัฐฯ จะลดความสำคัญลงในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า และสเปนจะกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้งก่อนหน้าที่จะมีการประชุม EU Summit ในวันที่ 28-29 มิ.ย. ทั้งนี้เริ่มมีการคาดการณ์จากสำนักวิจัยต่างประเทศว่าการประชุมดังกล่าวจะมีการส่งสัญญาณให้ ธ.กลางยุโรปกลับมาซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหา (โครงการ SMP) เพื่อลดแรงกดดันต่อตลาดพันธบัตร เราเริ่มเห็นสัญญาณดังกล่าวจากดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของสเปนที่ลงมาเหลือ 6.74% เมื่อคืนนี้ จากระดับ 7.04% เมื่อวันก่อน

จนถึงปลายเดือน KGI คาดว่าหุ้นไทยจะแกว่งตัวกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติน่าจะขายสุทธิต่อไปท่ามกลางเงินบาทที่อ่อนลงและการที่สหรัฐฯ ไม่ออกมาตรการแข็งกร้าว แต่ความหวังต่อมาตรการช่วยเหลือของยุโรปจะหักล้างปัจจัยสหรัฐฯ ได้ ในขณะเดียวกันแรงซื้อของสถาบันในประเทศน่าจะมีอยู่ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิ.ย. เพื่อทำราคาปิดงวดบัญชีไตรมาส 2/2555 และลดช่วงติดลบของราคาหุ้นในไตรมาสนี้ ซึ่งตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัญหาในยุโรป

กลยุทธ์: คงแนะนำเลี่ยงหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีต่อไป เน้นซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง และโอกาสที่สูงขึ้นที่ดอกเบี้ยไทยจะปรับลง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มค้าปลีก และสถาบันการเงินที่เน้นสินเชื่อบุคคล น่าจะได้รับประโยชน์ แนะนำซื้อ SIRI, AP, HEMRAJ, ROBINS และ BAY

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาด: ในช่วงสั้นหุ้นน่าจะมีแรงขายทำกำไรหลังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ออกมาไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด โดยประกาศขยายเวลาและวงเงินสำหรับมาตรการ Operation Twist ไปจนสิ้นปี 2555 (จากที่จะหมดใน มิ.ย.นี้) โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 6 ปีขึ้นไปและขายพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 3 ปี ในวงเงินเท่ากันที่ 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังได้แรงกดดันจากการที่ Fed ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจลงเหลือขยายตัว 1.9-2.4% (ลดลงจาก เม.ย.ที่ 2.4-2.9%) และอัตราว่างงานที่ 8.0-8.2% (เพิ่มขึ้นจาก 7.8-8.0%) ผลกระทบระยะสั้นคือทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งขึ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์เพิ่มปริมาณเงินลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในสัปดาห์ล่าสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ (หลังในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนหน้าลดลงถึง 40%) ซึ่งเรามองว่าเป็นสัญญาณว่าdownside น่าจะอยู่ในระดับที่จำกัด

ปัจจัยภายในประเทศที่เด่นวันนี้ ได้แก่ ยอดการผลิตรถยนต์ที่ดีเป็นประวัติการณ์ (ดีกับ SAT IHL AH APCS) กลยุทธ์การลงทุน: คงมุมมองว่า SET Index อยู่ในกรอบ 1150-1200 โดยยังให้น้ำหนักกับการแกว่งตัวเพื่อขึ้น กลยุทธ์ยังคงเป็นทยอยสะสม และเน้นเลือกหุ้นรายตัว หุ้นแนะนำวันนี้ SAMART PF SAT IHL (หุ้นวันก่อนที่ยังน่าสนใจ TOG)

สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: เมื่อ 15 มิ.ย. เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก 10% เป็น 60% และยังเตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก โดยยังคงประเมิน downside ของ SET Index ที่ 1050 จุด หุ้นที่อาจพิจารณาทยอยสะสม ได้แก่ TICON TCAP KK TISCO EGCO RATCH PS AP SIRI QH PF PTTGC PTT KTB NMG RS




Create Date : 21 มิถุนายน 2555
Last Update : 21 มิถุนายน 2555 10:02:19 น. 0 comments
Counter : 2148 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Panatee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




Friends' blogs
[Add Panatee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.