Group Blog All Blog
|
เบื่อนักโจ๊กล่าปา ข้าไม่ย้อนเวลาอีกได้ไหม อีเหมยถงเฉียน เขียน
อีเหมยถงเฉียน เขียน เจินจูไหน่ฉา แปล สำนักพิมพ์แจ่มใส แนวมากกว่ารัก 599 บาท 708 หน้า
หลังปก
คืนวันล่าปาแสนพิศวง ไข่มุกราตรีส่องสว่าง เชื่อมโยงวาสนารัก ไม่ให้ต้องเสียใจภายหลัง!
เมื่อวาสนารักระหว่าง ‘อวิ๋นจ้าว’ กับ ‘ลู่อู๋เซิง’ ตัดขาดกันนานสิบปีด้วยความค้างคาใจ ทั้งคู่ต่างไม่มีใครใหม่ แต่เหตุใดวันที่ทั้งสองนัดหมายกันกลับเป็นวันที่ลู่อู๋เซิงตกเขาเสียชีวิตได้เล่า
กระนั้นก็เหมือนโชคชะตายังไม่สะบั้นรักระหว่างนางกับเขาโดยสิ้นเชิง ด้วยอิทธิฤทธิ์ของสร้อยไข่มุกราตรีที่ลู่อู๋เซิงให้อวิ๋นจ้าวเอาไว้ นางไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะมีโอกาสได้พบกับเขาอีกครั้งในวันล่าปา โดยย้อนกลับมาเป็นเด็กสาวอายุสิบสี่
ทว่าดีใจได้ไม่ทันไร พอนางแก้ไขเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องก็พลิกผันเกินคาดเดาอีก เข้าทำนอง ‘ยิ่งแก้ ยิ่งแย่’ ยังดีที่โอกาส ‘ครั้งที่สอง’ นี้ไม่ได้มีมาแค่ครั้งเดียว แต่จะให้นางต้องย้อนกลับมาแก้ไขสิ่งต่าง ๆ เรื่อย ๆ เช่นนี้... ไม่คิดบ้างหรือว่านางอิ่มโจ๊กล่าปามากแล้ว!
คุยกันหลังอ่าน
สนุกค่ะ ดีเลย ไปหามาอ่าน จบ
เอิ๊ก
ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่าแนวย้อนเวลา ด้วยอิทธิฤทธิ์ของไข่มุกราตรี อวิ๋นจ้าว นางเอก ได้โอกาสย้อนเวลากลับมาสิบปี สมัยนางอายุสิบสี่ในวันที่แปดเดือนสิบสอง ซึ่งตรงกับเทศกาลล่าปาพอดี
ตอนแรกนางเอกก็ไม่รู้ว่าย้อนมาทำไม เดิมชีวิตนางก็ดี๊ดีอยู่แล้ว เป็นคุณหนูในตระกูลพ่อค้า ฐานะร่ำรวย ผู้ใหญ่รักและตามใจ อยากได้อะไรก็ย่อมได้ มีอย่างเดียวที่เป็นจุดด่างพร้อยคือเรื่องของอดีตคู่หมั้น ซึ่งก็คือ ลู่อู๋เซิง พระเอก
ตอนอายุสิบสี่ ก่อนเทศกาลล่าปาไม่กี่วัน นางเอกทะเลาะกับพระเอกรุนแรง ทำให้ตัดสินใจถอนหมั้นและไม่พูดกันอีกเลย ผ่านไปสิบปี รู้ข่าวอีกทีก็ตอนพระเอกประสบอุบัติเหตุตายไป หลังจากนั้นนางเอกก็ได้ย้อนเวลากลับมา นางจึงพอมองออกว่าการย้อนเวลาครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพระเอก แถมไข่มุกราตรีนั่นก็เป็นของที่พระเอกมอบให้นางด้วย
การมีโอกาสได้กลับมามีชีวิตเดิมอีกครั้ง ทำให้นางเอกเห็นอะไรหลายอย่างที่แต่เดิมนางไม่เคยใส่ใจ มองเห็นความดีของคนรอบข้าง รวมถึงรู้ว่าครั้งนั้น ทั้งนางและพระเอกเข้าใจกันผิดไป เป็นเหตุให้ต้องแยกจากกันทั้งที่ยังมีเยื่อใยต่อกัน
แต่ถึงจะเข้าใจกันดีแล้ว การมีชีวิตอยู่กลับไม่ง่ายเลย เพราะมีคนต้องการเอาชีวิตพระเอกอยู่ นางเอกพยายามสืบหาคนร้าย และสาเหตุที่จำเป็นต้องเอาชีวิตพระเอก เมื่อรวบรวมหลักฐานและเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกัน นางพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังนั้นใหญ่โตกว่าที่คิดไว้มาก ทำให้เรื่องนี้ยากขึ้นอีกหลายเท่า
ย้อนเวลากลับมาครั้งแรก เรื่องเล็กที่ดูไม่สลักสำคัญอะไรกลับกลายเป็นเหตุให้คนใกล้ตัวนางต้องจบชีวิต ย้อนเวลากลับมาครั้งที่สอง อวิ๋นจ้าวยังขาดความเข้าใจเรื่องราวและเบาะแสของคนที่อยู่ในมุมมืด ทำให้สุดท้ายลู่อู๋เซิงต้องจบชีวิตเพื่อปกป้องนาง ย้อนกลับมาครั้งที่สาม ครั้งนี้แม้อวิ๋นจ้าวพยายามดิ้นรน แต่พละกำลังของนางคนเดียวยากที่จะเอาชนะได้ นางใจร้อนและขาดความระมัดระวังเกินไป ครั้งนี้เป็นตัวอวิ๋นจ้าวเองที่ตาย ย้อนกลับมาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง กลับมาอยู่ในวันที่แปดเดือนสิบสอง ทุกครั้งที่ย้อนกลับมาได้เพราะมีคนใกล้ชิด หรือไม่ก็ตัวนางเองที่จบชีวิตลง อวิ๋นจ้าวพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเหตุการณ์กลับดูรุนแรงมากขึ้นทุกที ตัวละครมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างทยอยกันเบิกโรง ก้าวเข้ามาในละครชีวิตฉากสำคัญนี้
อวิ๋นจ้าวได้เรียนรู้ว่า การเปลี่ยนแปลงเรื่องบางอย่างเล็ก ๆ อาจส่งผลต่อเรื่องราวบางอย่างที่ใหญ่โต และบางอย่าง ถึงแม้จะหลบเลี่ยง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเป็นชะตากรรม
+++
ร้อยหน้าแรกค่อนข้างอืดไปหน่อยสำหรับโอ แต่หลังจากนั้นสนุกค่ะ นางเอกต้องสืบหาตัวคนร้ายที่ต้องการเอาชีวิตพระเอก กว่าจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างยากเย็นแสนเข็ญซะเหลือเกิน
เห็นพัฒนาการของนางเอกชัดมาก ตอนแรกนางเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจและค่อนข้างอารมณ์ร้าย ฉุนเฉียวง่าย ไม่ค่อยใส่ใจกับคนสำคัญที่อยู่รอบตัว ถึงแม้จริง ๆ แล้วนางเป็นคนดี เพียงแต่ถูกตามใจจนเหลิงไปหน่อย ต่อเมื่อเห็นคนสำคัญต้องตายลง ถึงได้รู้คุณค่าของคนใกล้ชิด รู้ค่าของเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด และรู้ค่าของโอกาสที่ได้รับ
ผู้เขียนค่อย ๆ แทรกการเปลี่ยนแปลงของนางเอกในแต่ละครั้งที่นางได้ย้อนเวลากลับมา กลับมาครั้งแรกสองครั้งแรก นางยังใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ผัดวันประกันพรุ่ง ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน ครั้งหน้าแล้วกัน ค่อยไปปรับความเข้าใจกับพระเอก แต่เมื่อเห็นว่าในแต่ละโอกาสที่ได้นั้นมีเรื่องที่สามารถพลิกผันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่มีทางรู้เลยว่าถ้าเกิดไปแตะต้องเส้นชะตาสำคัญ ‘วันนี้’ ในครั้งนี้จะสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ สปีดนางจึงเปลี่ยนเป็นฉึบฉับมาก และเร็วมากขึ้นในทุก ๆ ครั้ง มีอะไรพูด รู้สึกอย่างไรบอก ชอบพระเอก รักพระเอกก็ไม่เก็บงำ กอดจูบลูบคลำ อยากทำอะไรทำหมด จากชีวิตที่ไม่มีแก่นสารอะไร กลายเป็นว่าทุก ๆ นาทีมีค่า เพราะหมายถึงโอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายอยู่เหนือศัตรู ลำดับเรื่องที่ต้องทำและแผนการในหัวจึงสำคัญมาก ย้อนเวลากลับมาช่วงแรก ๆ นางเอกอยู่ได้แค่ไม่กี่วันเองนะ แล้วก็เกมโอเวอร์ ต้องกลับไปเริ่มใหม่ การผ่านในบางวันที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจึงเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นทุกครั้ง คนอ่านก็ลุ้นตามตลอด มีตอนหนึ่งที่โอชอบ พูดถึงเรื่องบางอย่างที่ครั้งก่อน ๆ นางเอกทำ และนางรู้สึกว่าสะใจดี ต่อมานางเอกถึงเข้าใจแล้วว่าเรื่องนั้นเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว ความสะใจนั้นช่วยให้รอดไม่ได้ เรื่องที่เคยคิดว่าใหญ่โตก็ไม่ได้รุนแรงถึงเพียงนั้น เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า มุมมองนางเปลี่ยนในทุก ๆ ครั้งที่ได้ย้อนกลับมา
แต่ละครั้งที่ได้มีชีวิตใหม่ทำให้นางมีประสบการณ์มากขึ้น จุดเด่นของนางเอกเรื่องนี้จึงไม่ใช่ความฉลาดหรือเก่งกาจ แต่เป็นความอดทนและมุ่งมั่น (จริง ๆ นางเอกไม่ได้โง่ ถือว่ามีไหวพริบดีมากเลย แต่ตัวร้ายนั้นรับมือยากมาก)
อ้อ โอชอบที่ผู้เขียนเขาเก็บคำพูดบางประโยคหรือการกระทำของตัวละครบางอย่างที่เกิดขึ้นในครั้งก่อนมาใส่ในการย้อนเวลาแต่ละครั้ง ทำให้เห็นว่าแม้จะมีอะไรเปลี่ยนไป แต่คนเราก็ยังเป็นแบบเดิม ต่อให้ฉากหรือลำดับเวลาเปลี่ยน แต่เหตุการณ์บางอย่างก็ยังวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นลูกเล่นที่ใส่มาแล้วรู้สึกดี แถมวิธีนำเสนอก็ไม่จำเจด้วย
ความรักในเรื่องนี้ดีมากเช่นกัน พระเอกเป็นคนสุขุม ฉลาด อบอุ่น ให้เกียรตินางเอก และเข้าใจนางเอกดีมาก สองคนนี้ไม่ยอมพลาดเรื่องไม่เชื่อใจกันอีกแล้ว มีอะไรพวกเขาจะคุยกัน และเชื่อใจกันมาก พระเอกเหมือนนิ่ง ๆ นะ แต่เขาจะรู้ว่าเมื่อไรนางเอกกำลังวิตกกังวล เมื่อไรที่ต้องการการปลอบโยน เขาจะมีวิธี อาจจะพูดล้อเล่นสักประโยคหนึ่งให้นางเอกขำ ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้น หรือพยักหน้าให้ความเชื่อมั่นนางเอก ว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะคอยช่วยเหลือไม่ไปไหน ส่วนความมุ่งมั่นของนางเอกที่จะช่วยชีวิตพระเอกก็น่าชื่นชม กลับไปวันเดิม ทำเรื่องแบบเดิม อธิบายเรื่องเดิมซ้ำ ๆ เสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วกลับมาหาวิธีเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น มันดีมากเลย
ตัวละครอื่นก็ออกแบบมาดีค่ะ บุคลิกไม่ซ้ำ เรื่องของพวกเขาน่าสนใจและน่าประทับใจเช่นกัน
ด้านครอบครัว เรื่องนี้ก็ไม่ด้อยเลย เป็นเรื่องที่อบอุ่นมาก ผู้เขียนให้ความสำคัญกับครอบครัว พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ให้ตัวละครและผู้อ่านเห็นถึงความรักที่พวกเขามีให้แก่กัน
โทนเรื่องโดยรวมไม่เครียดค่ะ จะกดดันเพราะสถานการณ์ แต่จะมีมุกมาเบรกเป็นช่วง ๆ
เป็นแนวสืบสวน โรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่น ดราม่า อาจจะมีอะไรที่เกินจริงบ้าง แต่ภาพรวมยังรักษาความแนวสืบสวน ค่อย ๆ คิดวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ จากเบาะแสที่มี ดึงอารมณ์ร่วมได้ดีเลย
รวม ๆ แล้วออกมาดี 4.5 ดาว
จริง ๆ สำหรับโอเรื่องนี้ถือว่าอ่านรู้เรื่องกว่าหลายเรื่องด้วยซ้ำ แต่มันจะมีจุดที่เหมือนเลือกใช้คำเชื่อมผิด ทำให้ประโยคภาพรวมไม่เคลียร์ ถ้าแก้ได้ ต่อไปน่าจะดีขึ้น ที่เด่น ๆ คือ ‘ก็’ (หมายถึง แล้ว จึง ย่อม) เป็นคำสันธาน ใช้เชื่อมประโยค แสดงการคล้อยตาม ส่วนใหญ่มันจะต้องมีประโยคหนึ่งมาก่อนหน้า แล้วค่อยใส่ ก็ ในประโยคที่แสดงการคล้อยตามประโยคแรก หรือถ้า ก็ อยู่ในประโยคแรก ก็จะมีคำเชื่อมแสดงการขัดแย้งในประโยคต่อมา ตัวอย่างเช่น ถ้าเขาไป ฉันก็จะไปด้วย (ถ้าเขาไป ฉันย่อมจะไปด้วย) ฉันก็ไม่อยากไปนักหรอก แต่เขาไปไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน (แล้วฉันไม่อยากไปนักหรอก แต่เขาไปไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน)
*มีสปอยล์นะคะ ให้อ่านเรื่องก่อน ถ้าจะอ่านต่อไปนี้
เล่ม 1
85 สถานที่ตั้งศพจัดอยู่กลางห้องโถงใหญ่ของจวนสกุลลู่ แต่เดิมก็เป็นจวนหลังใหญ่ที่ฮ่องเต้พระราชทาน ฉะนั้นจึงมีอาณาบริเวณกว้างขวางกว่าคฤหาสน์ทั่วไป >> ซึ่งแต่เดิมเป็นจวนหลังใหญ่
121 เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะเผยพิรุธออกมา การล้มคะมำคราวนี้จึงแลดูครึ่งจริงครึ่งเท็จ แต่ก็เจ็บกระทั่งร้องเสียงดังขึ้นมา โอว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะเข้าเค้ากว่ามั้ยคะ >> การล้มคะมำคราวนี้จึงออกมาจริงครึ่งเท็จครึ่ง แต่ก็เจ็บจนต้องร้องเสียงดังออกมา
(Note: กระทั่ง (1) หมายถึง จนถึง กระทั่ง (2) หมายถึง แม้ แม้แต่)
148 อวิ๋นจ้าวกะพริบตาปริบ ๆ ไม่กล้าส่งเสียงอีก นางกลับมานิสัยย่อมเปลี่ยนไปบ้าง ทว่าลู่อู๋เซิงก็เปลี่ยนด้วยหรือ กลับมา ในที่นี้ คือ ย้อนเวลากลับมา โอคิดว่าควรเขียนขยายความเต็ม ๆ เพราะประโยคใกล้ ๆ กันยังไม่พูดถึงการย้อนเวลา >> นางย้อน (เวลา) กลับมานิสัยย่อมเปลี่ยนไปบ้าง
152 ผู้อันเชิญราชโองการ >> อัญเชิญ
164 เพิ่งจะย่างเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ย่างเท้า หมายถึง ย่าง เดิน ยกเท้าก้าวไป จริง ๆ ไม่ได้ผิดอะไร แต่เป็นคำที่ค่อนข้างสะดุดตาและมีลีลาทางภาษา จึงทำให้เห็นชัด ยิ่งใช้ถี่ ๆ ยิ่งรู้สึกง่าย ลองเปลี่ยนไปใช้คำอื่นในความหมายเดียวกันดูบ้าง เก็บคำที่ค่อนข้างพิเศษไว้ใช้ในสถานการณ์ที่พิเศษจะดีกว่า
170 ใช่แล้ว ‘หนก่อน’ ในวันที่สิบเดือนสิบสอง นางออกจากบ้านตอนเกือบจะถึงยามเฉินถึงได้เจอมือสังหารนั่น หรือก็คือคราวนี้นางไม่สะกดรอยตามมือสังหาร แต่ไปดักรอที่จวนว่าการก่อน ดูว่าวันนั้นใครกันที่อยู่ที่นั่น เป็นแบบนี้จะเหมาะกว่ามั้ยคะ >> ใช่แล้ว ‘หนก่อน’ ในวันที่สิบเดือนสิบสอง นางออกจากบ้านตอนเกือบจะถึงยามเฉินถึงได้เจอมือสังหารนั่น เท่ากับว่าคราวนี้นางไม่จำเป็นต้องสะกดรอยตามมือสังหาร แต่ไปดักรอที่จวนว่าการก่อนได้เลย ดูว่าวันนั้นใครกันที่อยู่ที่นั่น
212 ถึงขนาดอาฉางที่ปากคอเราะร้ายมาตลอดยังเอ่ย >> ปากคอเราะราย
213 “แม่นางซือกับแม่นางอวิ๋นต่างเป็นแขกประจำของเรา ไม่คิดว่าวันนี้จะมาด้วยกันได้” อวิ๋นจ้าวจดจำใบหน้าผู้คนได้แม่นยำ ไม่อาจพูดได้ว่าผ่านตาไม่ลืมเลือน แต่อย่างน้อยก็จะมีภาพจำอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าซือหลิงหลงก็จะเป็นแขกประจำของที่นี่ ยามปกตินางกลับไม่เคยพบหน้า ใครที่แต่ก่อนไม่เคยรู้จักสนิทสนม พอย้อนกลับมาวันที่แปดเดือนสิบสองแล้ว เรื่องราวเดิมก็ดูสับสนวุ่นวาย โอคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ >> คิดไม่ถึงว่าซือหลิงหลงเป็นแขกประจำของที่นี่ด้วยเช่นกัน ยามปกตินางกลับไม่เคยพบหน้า ใครที่แต่เดิมไม่เคยรู้จักสนิทสนม พอได้ย้อนกลับมาวันที่แปดเดือนสิบสองอีก เรื่องราวก็ดูสับสนต่างจากเดิมไป
232 อวิ๋นจ้าวขยับเข้าไปใกล้อีกก้าว แต่ซืออู่เหยียนก็มาขวางนางไว้อีก นางเกือบจะตะโกนว่า ‘ย้ายบ้าน!’ ใส่เขา แต่ก็จำใจยืนพูดอยู่ที่เดิม ย้ายบ้าน คืออะไรคะ เดานะ มันน่าจะเป็นพวกสแลง แนว ๆ ให้เคลื่อนย้ายออกไป โอลองหาดู มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า removal ซึ่งออกแนวไล่ออก ถอดออกจากตำแหน่ง เดาความเป็นไปได้ น่าจะตรงกับคำว่า ‘ไสหัวไป!’ หรือเปล่าคะ (Note: ‘หัวมันกลิ้งไป’ อะไรนั่น โอก็ไม่ค่อยเก็ต น่าจะมีคำภาษาไทยที่อธิบายมุกอ่านแล้วเข้าใจมากกว่านี้นะคะ)
247 ต่อให้นางจะไม่ไปช่วยซือหลิงหลง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องของซือหลิงหลงก็ได้ สี่เชวี่ยจิตใจดีและขี้สงสาร จะเก็บงำไม่ยอมพูดได้อย่างไร น่าจะเป็น >> ต่อให้นางไม่ช่วยซือหลิงหลง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องของซือหลิงหลงแม้แต่น้อย
276 เขายิ้มแย้มทักทาย “ลู่อู๋เซิง” “วั่นเสี่ยวเซิง” ดูเหมือนวั่นเสี่ยวเซิงจะพบอะไรบางอย่าง “ชื่อใช้ได้นี่” “ใช้ไม่ได้สักนิด” อวิ๋นจ้าวขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที น่าจะเป็นความหมายชื่ออะไรสักอย่าง ที่โอไม่เข้าใจ เดาว่าหมายถึงโชคดี พ้นเคราะห์หรือเปล่า ถ้ามีเชิงอรรถอธิบายน่าจะเข้าใจขึ้น
299-300 ไม่รู้ว่าเรือลำใดเป็นของคุณชายลู่ ทว่าเขารับปากเอาไว้ว่า ขอเพียงวันนี้นางเชิญซือฮูหยินมาล่องทะเลสาบได้ ก็จะสนับสนุนกำลังทรัพย์และความช่วยเหลือน้องชายนาง ซึ่งยามนี้กำลังเจออุปสรรคทางการค้า คุณชายที่มีฐานะเป็นถึงบุตรชายแม่ทัพลู่ ส่วนตัวเขาก็เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก คงไม่หลอกลวงนางกระมัง >> คุณชายมีฐานะเป็นถึงบุตรชายแม่ทัพลู่ อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นขุนนางในราชสำนัก คงไม่หลอกลวงนางกระมัง
เล่ม 2
145 อวิ๋นจ้าวที่ถูกลมหนาวตลอดทั้งคืนก็ตื่นแต่เช้า ยามนี้นางยังคงจามไม่หยุด ลองสวมเสื้อบุนวมเพิ่มก็ไม่ดีขึ้น >> อวิ๋นจ้าวที่ถูกลมหนาวตลอดทั้งคืนตื่นแต่เช้า ยามนี้นางก็ยังคงจามไม่หยุด
178 ซือหลิงหลงพูดไปแล้วก็รู้สึกว่าบังเอิญมาก ทว่าอวิ๋นจ้าวกลับไม่มีท่าทีประหลาดใจมากนัก ทำให้ความคิดที่อยากจะค้นหาความประหลาดใจของซือหลิงหลงเจือจางลง ไม่เข้าใจค่ะ ความคิดที่อยากจะค้นหาความประหลาดใจอะไร ใครอยากค้นใคร โอเดานะ น่าจะเป็นแนว ๆ >> ทำให้ความรู้สึกประหลาดใจของซือหลิงหลงเจือจางลง
256 เห็นชัดว่าเขาสามารถถอนพิษได้ แต่เพราะมี ‘ใคร’ สั่งมาว่าเขาทำได้ ในขณะเดียวกันที่เขาถอนพิษไม่ได้ ก็เพราะมีคนสั่งมาว่าเขาทำไม่ได้ >> เห็นชัดว่าเขาสามารถถอนพิษได้ เพราะมี ‘ใคร’ สั่งมาว่าเขาทำได้ ในขณะเดียวกันที่เขาถอนพิษไม่ได้ ก็เพราะมีคนสั่งมาว่าเขาทำไม่ได้
270 อวิ๋นจ้าวก็ไม่มั่นใจว่าเวลาไข่มุกราตรีอยู่ในมือจ้าวเยี่ยนแล้ว มันจะยังแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาหรือไม่ ทว่าเงื่อนไขจำเป็นในการแสดงอิทธิฤทธิ์ของไข่มุกราตรีที่แท้จริงก็คือลู่อู๋เซิงต้องอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ต่อให้ต้องย้อนกลับมาอีก ครั้งหน้าไม่มีลู่อู๋เซิงอยู่ข้างกาย องค์ชายก็ยังมาหาและซักถามพวกเขาได้อีก ขอเพียงไม่บอกวิธีที่ถูกต้องกับเขาวันหนึ่ง เขาก็ไม่มีทางสังหารนางกับลู่อู๋เซิงง่าย ๆ อันนี้งงเลย น่าจะเป็นประมาณนี้ >> อวิ๋นจ้าวไม่มั่นใจว่าเมื่อไข่มุกราตรีอยู่ในมือจ้าวเยี่ยนแล้ว มันจะยังแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาหรือไม่ ทว่าเงื่อนไขจำเป็นในการแสดงอิทธิฤทธิ์ของไข่มุกราตรีที่แท้จริงก็คือลู่อู๋เซิงต้องอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ต่อให้การย้อนเวลากลับมาครั้งหน้าไม่มีลู่อู๋เซิงอยู่ข้างกาย องค์ชายก็ยังสามารถมาหาและซักถามพวกนางได้อีก ขอเพียงไม่บอกวิธีที่ถูกต้องกับเขาสักครั้ง เขาย่อมไม่มีทางสังหารนางกับลู่อู๋เซิงง่าย ๆ
275 “ใต้เท้าลู่ ความจริงข้าชอบท่านมากนะ แต่พอเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน พ่อท่านปฏิเสธเสด็จพ่อของข้า ส่วนท่านก็ปฏิเสธข้า แต่วันนี้พอข้าเห็นตัวจริงของท่านแล้วก็ยังชอบท่านอยู่ดี หากท่านรับปากเป็นราชบุตรเขย ข้าก็จะให้อภัยท่าน” >> “ใต้เท้าลู่ ความจริงข้าชอบท่านมากนะ ถึงแม้ว่าพอเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน พ่อท่านปฏิเสธเสด็จพ่อของข้า ส่วนท่านก็ปฏิเสธข้า แต่วันนี้พอข้าเห็นตัวจริงของท่านแล้วก็ยังชอบท่านอยู่ดี หากท่านรับปากเป็นราชบุตรเขย ข้าก็จะให้อภัยท่าน”
286 ยามรุ่งอรุณยังไม่มาเยือน ภายในวังหลวงจะมีโคมไฟจุดสว่างไสวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ในค่ำคืนที่อากาศหนาวเหน็บก็พยายามรักษาแสงไฟอันน้อยนิดนี้เอาไว้สุดกำลัง >> แม้ในค่ำคืนที่อากาศหนาวเหน็บ
310 จ้าวเยี่ยนไม่อยากจะเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับคนพวกนี้อีก เขาก็แค่มาทวงไข่มุกคืนไปเท่านั้น แม้ห้องข้างเคียงจะมีคนอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องระวังคำพูด แค่พูดจาตามมารยาทสองสามประโยค เขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อชิงไข่มุกราตรีคืนมา โอว่าต้องระวังคำพูด แต่ไม่ต้องระวังการกระทำ เพราะห้องข้าง ๆ มองไม่เห็น ได้ยินอย่างเดียว น่าจะเป็นอย่างนี้มากกว่ามั้ยคะ >> ถึงห้องข้างเคียงจะมีคนอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าที แค่พูดจาตามมารยาทสองสามประโยค แล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อชิงไข่มุกราตรีคืนมา
323-324 แล้วก็เป็นไปตามคาด จ้าวเยี่ยนสั่งให้คนไปขนอาวุธจริง ทว่าคนที่ขนส่งอาวุธเพียงคนเดียวไม่มีทางเปิดเผยฐานะของจ้าวเยี่ยน แต่ว่าคนไม่กี่คนไม่สามารถขนอาวุธตั้งมากมายขนาดนั้นได้ และคนที่เขาสามารถหามาได้ก็ใช่ว่าจะเป็นหน่วยกล้าตายทั้งหมด หากหาตัวคนที่กลัวตาย ปากไม่ปิดสนิทแน่นหนา เท่านี้ก็ไม่ยากแล้ว ความหมายประมาณว่า คนหนึ่งคนไม่มีทางเปิดเผยความลับ (เพราะเลือกมาแล้ว) คนสองสามคนขนอาวุธไม่ไหว ต้องใช้หลายคน จึงต้องมีสักคนที่กลัวตาย ยอมเปิดเผยความลับ >> แล้วก็เป็นไปตามคาด จ้าวเยี่ยนสั่งให้คนไปขนอาวุธจริง คนขนอาวุธเพียงคนเดียวไม่มีทางเปิดเผยฐานะของจ้าวเยี่ยน คนไม่กี่คนไม่สามารถขนอาวุธตั้งมากมายขนาดนั้นได้ และคนที่เขาสามารถหามาได้ก็ใช่ว่าจะเป็นหน่วยกล้าตายทั้งหมด หากหาตัวคนที่กลัวตาย ปากไม่ปิดสนิทแน่นหนา เท่านี้ก็ไม่ยากแล้ว
328 เขานึกว่าอวิ๋นจ้าวย้อนกลับมาไม่กี่ครั้งก็ทรมานเหลือเกินแล้ว >> เพียงแค่นึกว่าอวิ๋นจ้าวย้อนกลับมาไม่กี่ครั้งก็ทรมานเหลือเกินแล้ว
330 ช่วงเที่ยงวัน อวิ๋นจ้าวก็ไปช่วยซือหลิงหลงจับขโมย หลังจากนั้นก็กลับมาที่บ้าน >> ช่วงเที่ยงวัน อวิ๋นจ้าวไปช่วยซือหลิงหลงจับขโมย หลังจากนั้นก็กลับมาที่บ้าน
. . . “ขอโทษนะ” อวิ๋นจ้าวเอ่ยเสียงสั่นเครือ ตั้งแต่เล็ก บิดามารดาก็บอกว่านางนิสัยดื้อรั้นเกินไป ต่อไปจะต้องเสียเปรียบคนอื่น นางกลับไม่เคยจดจำใส่ใจ ยังคิดว่าเป็นนิสัยที่ทำให้เสียเปรียบคนตรงไหนกัน บิดามารดาคงมองผิดไปแล้ว
แต่นางไม่เคยรู้เลยสักนิด ที่แท้นางเสียเปรียบผู้อื่นไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ยังหลงใช้ชีวิตอย่างสบายใจเต็มภาคภูมิ
“ลู่อู๋เซิง...ขอโทษนะ”
อวิ๋นจ้าวรู้สึกว่าดวงตาตนเองแสบร้อน เพียงกะพริบตาเบา ๆ ครั้งหนึ่งน้ำตาก็ไหลรินออกมา
น้ำเสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง เต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ ลู่อู๋เซิงตะลึงงันก่อนจะยื่นแขนมาโอบกอดนาง “อวิ๋นอวิ๋น ต่อไปพวกเราจะไม่สงสัยกันและกันอีก ต่อให้เกิดเรื่องใหญ่โตสักแค่ไหน พวกเราก็ต้องมาเจอกันสักครั้ง อธิบายกันต่อหน้าอย่างชัดเจน”
“จะไม่มีเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้อีกแล้ว” หน้า 72 เล่ม 1 บทที่ 4 .
คุณSai Eeuu, คุณnewyorknurse ขอบคุณที่โหวตบล็อกให้โอนะคะ เรื่องนี้โอชอบค่ะ ถ้าใครชอบแนวเหมือนเล่นเกมหน่อย ๆ ผูกเรื่องดี ความสัมพันธ์พระนางดี แนะนำให้อ่านเลย
โดย: ออโอ วันที่: 30 ธันวาคม 2563 เวลา:12:53:53 น.
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
Friends Blog |