คำเตือน...
ไดอารี่หน้านี้ยาวสามล้านปีแสง
..............................................
18 เมษา 08
ตื่นมาตั้งแต่แปดโมงเพราะมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการก่อนบินหนี
อย่างแรกคือตัดผม(จำเป็นมาก)กันคิ้ว(จำเป็นสุดๆ)
ไปมหาลัยเพื่อยื่นเรื่องทำเรื่อง(อันนี้ชิลล์ๆ)
เดินข้าวสารซื้อเสื้อผ้า(ไม่ทำไม่ได้ถึงตายทีเดียว)
เที่ยงครึ่งถึงได้ฤกษ์ทำการขนกระเป๋าเข้าแท็กซี่มุ่งหน้าไปสุวรรณภูมิ
นับว่าโชคดีมากที่ใหม่มาส่ง
เพราะถ้ามาเองคงงงไม่มีชิ้นดี
เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ออกนอกประเทศและขึ้นเครื่องบินพานิชย์
(เคยขึ้นแต่เครื่องทหาร)
thx you!!!!!
มาถึงก็ทำการเช็คอิน ตอนแรกพนักงานหน้าบึ้งมากๆ
พอเปิดพาสปอร์ตพลอยดูแล้วเห็นว่าพลอยเดินทางครั้งแรก
อยู่ดีๆชีก็friendlyขึ้นมาซะงั้น
ขำแต่น่ารักดี
จากนั้นไปนั่งกินข้าวกะใหม่ที่คาเฟ่ นีโร่
อร่อยแบบตกใจ
คือสั่งแกงเขียวหวานกะแกงเผ็ดเป็ดย่างแล้วได้รับของแถมเป็นหมั่นโถวสีม่วง
กินข้าวเสร็จนั่งเม้าท์รอเช็คอิน ปรากฎว่าลางแรกปรากฎคือส้นรองเท้าหัก
-"-
นั่งซ่อมส้นกะใหม่ด้วยกาวตราช้าง
พอเสร็จก็ได้เวลาเช็คอินพอดี ก็ทำการร่ำลาอาลัยเหมือนจะไปเมืองนอก
(แล้วแกไปเชียงใหม่รึไงยัยพลอย)
เดินเข้าไปที่ดิวตี้ฟรีซื้อของนิดหน่อย
แล้วก็ไปนั่งรอที่เกจd1a
ระหว่างรอมีสาวเมียนม่ามาชวนคุย
คุณเจ้อายุอานามประมาณกว่าๆชื่อว่าโมโม่
บอกว่าไปมาเลเซียเพื่อไปช้อปปิ้งและศัลยกรรมโดยเฉพาะ
แกเม้าท์ให้ฟังว่าที่นั่นถูกกว่า แต่เจ็บพอกัน(มันมีที่เจ็บน้อยกว่าด้วยหรอ)
แล้วแกก็ถามว่า
"are you a model"
ฮาาาาา เจ้ฮาจริงๆด้วย
ขึ้นเครื่องครั้งแรกทุกอย่างดูตื่นตาตื่นใจไปหมด
ควักกล้องมาถ่ายนู่นถ่ายนี่ตลอดเวลา
ฝรั่งที่นั่งข้างๆชวนคุย
รู้สึกดีมากทริปนี้เพื่อนใหม่เพียบบบบ
ตอนเครื่องลงปวดหูมาก
แอบคิดเลิกอยากเป็นแอร์ไปห้านาทีเศษ
พอลงมาก็เดินงงในแอร์พอร์ตที่มาเล
อาศัยเดินตามชาวบ้านไปเรื่อยๆ
เดินลงมาอย่างแรกคือรองเท้าที่ซ่อมไว้หักอีกรอบ
เป็นลางร้ายที่สอง..จะบ้าตาย
ไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินต่อทั้งที่ไม่มีส้นข้างนึงมีส้นข้างนึงอย่างงั้น
มันฮาทีเดียว
ต.ม.ที่นี่ใจดี ไม่ตรวจอะไรมากปล่อยผ่านหมด
จากนั้นเดินงงไปเอากระเป๋า
ยืนรออยู่เกือบสิบนาทีก็ยังไม่มา
ฝรั่งที่นั่งข้างๆเดินมาเจอบอกว่า
เฮ้ย กระเป๋าพวกเราอยู่ช่องนู้น มายืนทำไมที่นี่
แป่ว......
ก็เลยพาโมโม่เดินไปอีกช่อง
ปรากฎว่าคนเดินตามเพียบเลย
5555
หลงกันหมด
คุณพี่ฝรั่งใจดีแกเห็นเราเอ๋อขนาดนั้น
ก็เลยอาสาลากกระเป๋าพาเราเดินไปจุดที่นัดกะพี่กะทิ(ลดสถานะจากฮันนี่มาเป็นกะทิ)ไว้
ขอบคุณแกไปสามล้านรอบแล้วก็นั่งรอเฮียกะทิ
เครื่องแกจะลงหลังเราชั่วโมงนึง
นั่งอยู่พักนึงมีพนักงานเครือข่ายโทรศัพท์maxisของมาเลถามว่าเราเป็นคนมาเลรึเปล่า
ก็บอกว่าไม่ใช่
แล้วเค้าก็ชวนคุยต่อ...ว่ามาจากไหนจะไปไหน
ดูๆไปไม่ต่สงจากคนไทย หน้าตาน่ารักดีคล้ายๆแพนเึค้ก ใจดีด้วยคอยแนะนำนู่นนี่
นั่งรอกะทิอยู่ชั่วโมงนึงกะทิก็ถึง
เดินมาบีบจมูกพลอย(เพื่ออะไร)
แล้วทำการลากกระเป๋าไปขึ้นแท็กซี่
แท๊กซี่เป็นคนจีน ชื่อหว่อง
เป็นคนที่ฮามากๆ นั่งเม้าท์กะพลอยอย่างดิบดีไปตลอดทาง
ส่วนกะทิก็เอาแต่นั่งขำ ไม่รู้ขำพลอยหรือขำหว่อง
taxi @ kl
ก่อนลงแท๊กซี่ให้นามบัตรมาบอกว่าถ้าพรุ่งนี้จะให้มารับก็ให้โทรหา เค้าลดให้ครึ่งราคา
กะทิตาโตเลยบอกว่ายูนี่มีพรสววรค์เนอะ
ตอนแรกแอบคิดว่าที่ลดได้เพราะว่ารอบนี้แกคิดเกินราคาไปไกลรึเปล่า
เลยลองไปถามรีเชฟชั่นโรงแรม ปรากฎว่าเป้นราคาปกติ
เย้ ไม่โดนหลอก
เอาของไปเก็บที่ห้องแล้วก็ทำการเดินมาราธอน
เฮียกะทิแกบอกว่าไม่ไกล เดินไปก็ถึง
เราก็เอาวะเดินก็เดิน
ปรากฎว่าไอ้ที่ไม่ไกลของแกนี่เกือบครึ่งชั่วโมงได้ เหงื่อตกกันไปตามกัน
เดินเล่นในกัวลาลัมเปอร์
ก็คล้ายๆบ้านเรานะ
เหมือนย่านสยามสุขุมวิทประมาณนั้น
twin tower
เดินไปถึงตึกแฝด ไปนั่งกินข้าวที่ร้านdome
เป้นร้านอาหารอิตาลี่(มั้ง)ที่อร่อยมาก
coconut @ dome
พี่กะทิสี่งพาสต้ามาอร่อยมากๆๆๆๆ
ส่วนพลอยมามาเลทั้งทีจะกินอาหารอิตาลีทำไมเมืองไทยก็มี
เลยสั่งlocal delightมา
ได้มาหนึ่งจานเป็นข้าวกะแกงเนื้อแห้งๆ
มีเครื่องเคียงเป็นข้าวเกรียบ น้ำพริกเผา
ก็กินงงๆ ก็โอเคนะ แต่พาสต้าอร่อยกว่า
เลยลงเอยด้วยการกินพาสต้าพี่กะทิไปแล้วเหลือแกงเต็มจาน
..........................................................
จากนั้นกลับโรงแรมนอนหลับสนิท
ตื่นมานั่งแท็กซี่พี่หว่องไปสนามบิน ร่ำลากันโขมงโฉงเฉง
เช็คอินแล้วไปนั่งกินสตาร์บัค
the have lollipop at starbuck here!
ลางร้ายที่สามปรากฎคือเฮียกะทิแกนั่งเล่นเน็ตจากโน็ตบุ๊คเป็นอันดีไม่มีปัญหา
พอพลอยเอามาเล่นปุ๊บใใเน็ตใช้ไม่ได้ทันที...อารายยเนี่ยยย
seng!!!!
ก็เลยไปเดินเล่นแทน ซื้อพวงกุญแจฝากชานหนึ่งอัน
กะเดินซื้ออายไลน์เนอร์ด้วยเพราะทำหายที่โนงแรมแต่ดิวตี้ฟรีที่มาเลไม่มีMACเลยอดไป
จากนั้นขึ้นเครื่องไปพบกับลางร้ายที่สาม
คือที่นั่งซ้ำกะชาวบ้านเค้า
เลยต้องไปนั่งคนละที่กะพี่กะทิ
ระหว่างนั้นแอร์ชวนคุยว่าหน้าตาเราคล้ายลูซี่ ลูว(คล้ายตรงไหน)
จากนั้นเครื่องพักผ่อนที่สิงคโปร์
คราวนี้ได้นั่งกะพี่กะทิแล้ว
ระหว่างทางไปมอริเชียสก็มันส์ดี
นั่งดูหนังเล่นเกมส์ไปตลอด
lots of games!
ชอบสายการบินนี้มากเลย
เพราะเกมส์เค้าเล่นด้วยกันได้
เลยนั่งเล่นโป๊กเ้กอร์กะพี่กะทิอย่างเพลิดเพลิน
good food on plane
9ชั่วโมงจากมาเลในที่สุดก็ถึงมอริเชียส(เย้)
first sight of mauritius!
veryyy cloudyyy
เดินลงไปแอร์พอร์ตเค้าเหมือนที่ว่าการอำเภอบ้านเราเลย
ระบบที่นี่ค่อนข้างช้า โดยเฉพาะตอนรอกระเป๋า ช้ามากกกกกก
ออกจากแอร์พอร์ตปรากฎว่าเจอลางร้ายถัดมาคือฝนตก
แล้วเฮียกะทิแกพาเดินตากฝนตามหาพ่อแม่แก
เพิ่งรู้ตอนนั้นว่าพ่อแม่แกมารับตั้งตัวไม่ถูกเลย
ในที่สุดก็หากันเจอ สภาพคือเปียกยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำ
หัวหูดูไม่ได้ขั้นรุนแรง
นั่งรถต่อชั่วโมงนึงไปส่งพ่อแม่เค้าที่บ้าน
จากนั้นนั่งต่อครึ่งชั่วโมง(พี่กะทิขับ)ไปซูเปอร์มาเก็ต
ทุกอย่างที่นั่นเป็นภาษาฝรั่งเศสหมด
งงก๊งทีเดียว
เจอผลิตภัณฑ์ไทยและภาษาไทยเยอะมากๆ
ทั้งแป้ง ข้าว เครื่องแกง
รู้สึกเหมือนอยู่บ้านดี
จากนั้นก็ไปที่คอนโดพี่กะทิ
แล้วในทันทีที่ขนกระเป๋าลงก็ตระหนักได้ว่า
หยิบกระเป๋ามาผิดไป
ตึ่งโป๊ะ!!!!
คือมันเป้นกระเป๋าแบบเดียวกัน
ติดแท๊กการบินไทยเหมือนกัน
แต่มันไม่ใช่ของหนูค่ะพี่...
สุดท้ายเลยต้องกลับไปเปลี่ยนกระเป๋าที่แอร์พอร์ตใหม่
ใบนั้นเป็นของคนไทย(น่าทึ่งมาก)เหมือนกัน
แต่ไม่รู้จะติดต่อเค้ายังไงอยากขอโทษในความซุ่มซ่ามของเรามากๆ
ในที่สุดก็ได้กลับมานอนที่ห้องพี่กะทิ
ห้องสวยมากกกกก สามห้องนอน มีครัว มีห้องรับแขก ห้องน้ำกว้างโคดๆ
ห้องนี้อยู่เมืองไทยไม่ต่ำกว่าสิบล้าน
แต่พี่กะทิแกบอกว่าที่นี่แค่ล้านห้าเท่านั้น
กรี๊ดดด
อิจฉา
จบแบบเหนื่อยๆ
เป้นวันที่ซวยแปลกแหกโค้งเสียนี่กระไร
......................................................................
ไปก่อนนะแล้วจะมาเล่าใหม่
เอารูปมาให้ดูเรียกน้ำย่อย
โฮะๆ
ป.ล.ในรูปนั่นคือมอริเชียสนะไม่ใช่บางแสน
-"-
....................................................................................................