เกียวโต ฮาโกเน่ โยโกฮาม่า : หนาวจัง เหม็นจริง ยิ่งกินยิ่งอร่อย 1
เช้าตรู่อีกแล้ว...
พวกเราออกจากโรงแรม มุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์ อากาศหนาวมากๆถึงมากที่สุด ... วันนี้ส่งเอสเอ้มเอสไปช่อง7ได้อีกครั้ง ..เกียวโตหนาวมาก..
(จนแม่เรากลายร่างเป้นสาวอียิปต์) ลงรถเมล์ที่สถานีรถไฟแล้วต่อชิงคันเซนไปโกระ จุดมุ่งหมายแรกของเราในวันนี้คือ..ฮาโกเน่ สารภาพตามตรงว่า ไม่รู้ว่าฮาโกเน่คืออะไร และ เราจะไปทำอะไรกันที่นั่น
พอถามหม่าม้า ก็ได้รับคำตอบมาคำเดียวสั้นๆ ..ไข่ดำ.. งงต่อไป..ไข่ดำอะไร ไข่เยี่ยวม้าหรอ แล้วจะไปทำไม บ้านเราก็มี ............................................................................. เอาเถอะ..ไหนๆก้มากะเค้าแล้ว ยังไงก็ต้องไปกะเค้านั่นแหละ เอาเป็นว่าจากเกียวโตเรานั่งชิงคันเซน3ชั่วโมง (ตระหนักได้ว่าเมื่อวานนั่งไม่ถึง3ชั่วโมง วันนี้ต่างหากที่3ชั่วโมง จำสลับกันซะงั้น) เพื่อไปลงยังโกระ จากนั้นจะไปพบปะกะเพื่อนหม่าม้าชื่อฮามาชิม่าซัง แล้วต่อรถไฟสายฮาโกเน่ไปหุบเขาโอวาคุดานิ ............................................................................. ก่อนขึ้นเจ้ารถไฟหัวกระสุน.. เราก็ทำการเตรียมเสบียงให้พร้อมสรรพ ไปลงตัวที่ข้าวกล่องเบนโตะ เคยเห็นมามากในทีวีแชมเปี้ยน วันนี้มีโอกาสกินจริงๆก้รู้สึกดี๊ด๊าสุดฤทธิ์
(สวยเกินไปแล้ว)
นอกจากนั้นยังมีขนมขะแหนมอีกมากมาย เอารูปมาอวดพอหอมปากหอมคอ
(ป๊อกกี้อันนี้อร่อยสะใจ) เพราะเรามีเวลาถ่ายรูปน้อย ต้องเก็บเวลาไว้กินกะนอน แฮ่ๆ ......................................................................................... มาถึงโกระ.. ด้วยความอิ่มและงัวเงีย
(ไม่ได้ไปคันนี้ แต่เห้นว่ามี2ชั้นเลยถ่ายมา) เดินลงบันไดสายตามองหาเพื่อนหม่าม้า ตามจินตนาการของเรา..ฮามาชิม่าซัง(รู้จักแต่ชื่อเค้า)ที่เราคิด คือเป้นผู้ชาย แก่หน่อย ลุงๆ พอมาเจอตัวจริง ฮามาชิม่าซังกลายเป้นผู้หญิง..ซะงั้น แถมยังหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกะน้าคนหนึ่งของเราอย่างมาก แถมชียังมีลูกชายสองคนเหมือนน้าคนนั้นของเราอีกต่างหาก
ฮามาชิน้าหน่อยซัง หม่าม้า หม่ามี้ แม่
เราจึงทำการนินทาฮามาชิม่าต่อหน้าเค้าได้ ด้วยการเรียกเค้าว่า..น้าหน่อย.. น้าของเราคนนั้น เค้าจะได้ไม่รู้ตัวว่าโดนเรานินทา อิอิ พอเจอน้าหน่อยของเราแล้ว เราก็ทำการถกเถียงกันอย่างซีเรียส
เนื่องจากเราได้พกพากระเป๋าเดินทางขนาดหนัก(ใหญ่มั้ยไม่รู้ รู้แต่ว่าหนัก) ของเรากันมาเต้มอัตราศึก การที่เราจะพากระเป่าขึ้นเขาไปเที่ยวด้วยก็ดูจะทุลักทุเลเกินไป.. จึงตกลงใจว่าจะฝากไว้ที่ล๊อกเกอรืที่นี่ แม้ว่าจะต้องกลับไปกลับมาหลายรอบก้ยังดีกว่าต้องแบกกระเป๋ามาๆไปๆ ดังนั้นเราจึงทำการเดินหาล็อกเกอร์ ก่อนจะพบปัญหาถัดมา... ..ล็อกเกอร์ใหญ่มีไม่พอ.. เนื่องจากกระเป่าของเราขนาดบิ๊กเบิ้ม ใส่ล็อกเกอร์เล็กไม่ได้ รวมถึงล๊อกเกอร์ใหญ่มีจำนวนน้อย เราจึงต้องทำการเดินตามหาล๊อกเกอร์ทั่วสถานี ลงท้ายด้วยการฝากกระเป่าไว้ที่ล๊อกเกอร์คนละที่ ราวกับจะระเบิดสถานีรถไฟเค้าโดยการวางไว้ทั่วทุกจุด น่ายินดีมากว่าหลังจากที่เดินหากันจนขาลาก เราก็ฝากกระเป๋าได้ทั้งหมด ( ฝากไว้5จุดน่ะ คิดดู)
แต่ปัญหาที่คิดว่าจะหมด ก็ยังไม่หมดลงง่ายๆ..พระเจ้าจอร์จ
จุดสุดท้าย...เป็นจุดที่จะฝากกระเป่า2ใบสุดท้ายคือของพลอยกะของน้ำ ล็อกเกอร์ใหญ่เต็ม เหลือแต่ขนาดกลาง พอลองยัดกระเป๋าเข้าไปปรากฎว่า.. ล็อกเกอร์ปิดไม่ลงค่ะ หลังจากพยายามยัดเยียดความเป้นสามี..เอ้ยยย..บร้า หลังจากพยายามยัดกระเป่าเข้าล็อคเกอร์อยู่สี่สิบห้ารอบ(เว่อร์ดีมั้ย) พวกเราก็ถอนหายใจอย่างยอมแพ้ ในใจคิดว่า..ตายแน่กูต้องลากไปเที่ยวด้วยจริงหรอเนี่ย ไอ้น้ำตระหนักได้ว่า ถ้ายัดไม่ลงมันต้องซวยแน่ เพราะมันคงต้องโดนพลอยโบ้ยให้มันลาก(เนื่องจากความเป้นพี่สาวที่ดีน่ะนะ) มันกลัวซวยจัดจึงพยายามอีกครั้ง ครั้งนี้มันใช้เทคนิคพิเศษ จัดวางกระเป๋าจนประตูปิดเข้าไปได้มากขึ้น(เก่งมากนะที่ทำได้) ก่อนที่พวกเรา4คนจะช่วยกันดันๆๆๆประตูล็อกเกอร์จนปิดเข้าไปได้ (4คนช่วยกันยันล็อกเกอร์เล็กๆอันเดียว เป้นภาพที่หาดูยากมาก) ระหว่างที่เราช่วยกันดัน.. ก็เรียกฮามาชิม่าซังให้ช่วยหยอดเหรียญล็อกเกอร์ให้แล้วรีบล็อกเอากุญแจออกมา ในที่สุด มันก็ปิดเข้าไปและล็อคได้...เย้ อยากจะบอกว่าส่วนล่างของล็อกเกอร์มันปิดไม่สนิทและเผยอออกมาเลย..คิดดู นี่แหละพลังอึดของครอบครัวเรา
ทำเอาฮามาชิม่าหรือฉายาว่าน้าหน่อย... ยินตบมือแปะๆๆๆๆเป้นการสดุดีกลางสถานีรถไฟเลยที่เดียว .................................................................. เอาล่ะ ไปต่อกันดีกว่า... ปกติถ้าไปทัวร์เค้าจะพาขึ้นรถบัสแล้วขับไปตรงตีนเขาเลยค่ะ แต่เนื่องจากเรามาเองหลงเองไม่ใช้ตัวแสดงแทน..เราจะทำการนั่งรถไฟสายฮาโกเน่ขึ้นไปกัน
บรรยากาศที่นั่นคนเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แอบงงว่าไข่ดำมันพิเศษขนาดนั้นเลยหรอ..คนถึงเยอะขนาดนี้
ที่นี่นั่นเอง..เจ้าน้ำแอบไปชอบผู้ชายคนนึง หน้าตาแนวเกาหลี แม่ๆน้าๆเห้นหน้าแล้วแอบตั้งฉายาให้เค้าทันทีว่า..น้องตาห่าง การยืนบนรถไฟของเราจึงสนุกสนานขึ้น..เนื่องจากมีแผนประกอบการมากมาย เช่น...แผนไปยืนรถไฟตู้เดียวกะเค้า..นั่งใกล้ๆเค้า เรื่อยไปจนถึงการแอบถ่ายรูปเค้า..ว่าไปนั่น
(อุโมงค์) หลังจากลวนลามน้องตาห่างทางสายตาอย่างเพลิดเพลินพักใหญ่... เราก็มาถึงกระเช้าที่จะส่งเราขึ้นไปยังหุบเขา (จนถึงบัดนี้พลอยยังไม่รู้เลยว่าจริงๆที่เราจะไปมันเป็นอะไรกันแน่.. ไก่ดำรึเปล่าเลยออกไข่มาเป็นสีดำ)
(กระเช้า) หลังจากที่พยายามเดินตามน้องตาห่างเพื่อขึ้นกระเช้าคันเดียวกะเค้า(ออกแนวโรคจิตนะเนี่ย) พวกเราก็ไม่ประสบความสำเร็จ(ซะงั้น)
ก็เลยละสายตามามองความงามตามธรรมชาติกัน(ซะที)
(ความงามตามธรรมชาติ..55555)
(ศาลเจ้าที่สถานี) วิวสวยมากๆ ต้นไม้ครึ้มไปหมด..
(มองลึกลงไป)
ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสี
แอบคิดในใจว่าทำไมไก่ดำต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขา หนอนจากที่ราบมันไม่อร่อยหรอ.. .......................................................................................................... ขึ้นไปซักพักก็ไปเจอกับทะเลทรายซาฮาร่า....
(จากมุมสูง) โอววว สวยแบบแห้งแล้งมากๆเลย หม่าม้าพูดขึ้นมาว่า..ถึงแล้ว ถึงตระหนักได้ตอนนั้น ว่ามันไม่ใช่ไก่...
แต่เป็นหุบเขาที่มีน้ำพุร้อนแร่ซัลเฟอร์อยู่ จะมองเห้นว่ามีควันลอยออกมาเยอะๆมากๆๆๆๆๆๆ
พอก้าวเท้าลงเท่านั้นแหละ...หนาววววววยะเยือกกกก..นี่ขนาดไม่ใช่ฤดูหนาวนะเนี่ย แอบคิดในใจ..ไหนบอกที่ไหนมีควันที่นั่นมีไฟไง.. ไม่เห้นมีไฟเลย หนาวจะตายอยู่แล้ว
(หน้าคุ้นๆ) เอาล่ะเลิกบ่น..เที่ยวต่อ พอมาถึงด้วยธรรมชาติที่สวยงามใครเห้นก็อยากไปชมใกล้ๆในทันที..
แต่ด้วยความที่พวกเราไม่ใช่คนทั่วไป เราจึงทำการเชิดใส่มันซะงั้นก่อนจะหันไปบอกฮามาชิม่าซังว่า..
..หิวข้าว.. ฮามาชิม่าซังหัวเราะเอิ๊กๆ ก่อนจะพยักหน้าไฮ้ๆ แล้วเดินพาไปกินกันยังสกาย เรสเตอรอง(หรือชื่ออะไรไม่รู้ที่ใกล้เคียงกัน จำไม่ได้วุ้ย)
(ร้านนี้) ไปถึงต่อคิวนานทีเดียว คนกินเยอะ พอได้นั่งก็รีบสั่งเลยด้วยความหิว..จนลืมดูไปเลยว่าที่นี่วิวสวยนะ มองลงไปเห็นหุบเขาด้วย เอาล่ะ..อย่าไม่สนใจมัน..กินกันก่อนดีกว่า ที่นี่นั่นเองเราพบไข่ดำฟองเเรก..
(ดำได้ใจ) แนบมาข้างๆคัตสึคาเร..แกงกะหรี่หมูทอด
ไข่ดำลวก
เอามาคลุกๆๆๆกะแกงกะหรี่ อาหย่อยยยยยยยยยยยยยยยยย จากนั้นก็ยังคงกินไม่หยุด
เกาลัด และ
มันเผานี่อยากกินเพราะว่าอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเยอะ เลยเกิดค่านิยมในการกินมันเผาขึ้นมา ก้ออร่อยดีนะ ..........................................................................................
หลังจากกินกันจนอิ่มท้องเราก้มาสนใจการเที่ยวกันอย่างจริงจัง เริ่มต้นด้วยการ... ถ่ายรูป
โชะ
อ่าไม่สวย..เอาใหม่
โอววว สวยยยยแล้ว แล้วทำการเเบกสังขารเดินขึ้นเขาไปหาไข่ดำในตำนาน (จะว่าไปมันก็เป้นการหาของกินอยู่ดีนี่นา)
เนื่องจากผู้ร่วมขบวนการอายุอานามรวมกันเฉียดพันแล้ว เราจึงต้องเดินไปขานชื่อไปเป็นระยะ..ว่ายังอยู่กัยครบมั้ยเนี่ย
หม่ามี้สังเกตเห้นว่าเค้ามีกระเช้าขนไข่ดำ.. แอบอยากให้พลอยไปถามให้ว่าถ้าเราไปนั่งจะเสียตังค์เท่าไหร่ เอ่อ..หม่ามี้..พลอยว่าประเด็นมันอยู่ที่กระเช้าจะรับน้ำหนักเราไหวมั้ยมากกว่านะคะ
(น้ำแร่สีขาว ตดออกมาเป็นไข่สีดำ)
ที่ว่าตดที่ไม่ได้ประชด..เพราะเหม็นเหมือนตดจริงๆ .................................................. และแล้ว..ในที่สุด.. พวกเราทั้งหมดก็ขึ้นได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย(หายใจหอบนิดหน่อย)
รู้สึกดีประหนึ่งพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่แบกสังขารขึ้นมาเพื่อเจอกับบ่อต้มไข่ ที่มีความร้อนจัดชัดจริงขนาดนี้...
ร้อนเนอะ
ซึ่งบ่อนี้...พอหย่อนไข่ดิบธรรมด๊าธรรมดาลงไปปุ๊บ... ทิ้งไว้พักหนึ่งยกแล้วขึ้นมา..น้องไข่ก็จะมีเปลือกที่ดำปิ๊ดปี๋ เนื่องจากผ่านสารกำมะถัน(หรือซัลเฟอร์๗ในน้ำนั่นเอง
(ลุงต้มไข่ดำ..ดีนะที่แกไม่ได้ชื่อต้ม) ด้วยความรู้นิยายปรัมปะราส่วนตัว เค้าว่ากันว่าสารที่พบมากในนรกคือซัลเฟอร์นี่แหละ
นึกในใจว่าจากนี้ต้องทำดีมากๆ ไม่งั้นตกนรกไปต้องตัวดำแน่ๆเลย ว่าไปนั่น... กลับมาที่ญี่ปุ่นต่อ (เฮ่อ...) เอาเป็นว่าเราไปทำการซื้อไข่ดำมาแบ่งกันกิน ถุงหนึ่งมี6ฟองพอดิบพอดี
(ร้านขายไข่..ไข่มั้ยครับไข่ ซื้อมั้ยครับจะกลับแล้วไข่..มุกนี้คนไม่แก่จะไม่เข้าใจนะเนี่ย)
ในถุงจะมีเกลือมาด้วย เอามาโรยไข่กิน น้ำแอบบอกว่าน่าจะพกแม้กกี้มานะเนี่ย เอ่อ...แกจะจริงจังเกินไปมั้ยนี่..
(นั่งกินกันเต็มไปหมด) มาถึงโต๊ะปอกไข่ส่วนกลาง... จะเห้นว่ามีแปรงใหญ่ๆวางอยู่ หม่าม้าเดินไปด้วยความมั่นใจ..หยิบแปรง..มาปัดไข่
ครอบครัวญี่ปุ่นที่ยืนกินไข่มองหม่าม้าด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะทำเครื่องหมายกากบาทอุลตร้าแมนใส่พร้อมรัวภาษาโด๊ะเด๊ะๆออกมายาวพรืด เราจึงรู้ว่า แปรงมันมีไว้ปัดเปลือกไข่ลงจากโต๊ะ.. ไม่ได้เอาไว้ปัดไข่ก่อนจะปอก นะจ๊ะ -"- เอาเถอะ..ว่าแล้วแอบถ่ายครอบครัวนี้ดีกว่า..ลูกสาวน่ารักดี
ยัยตัวแสบสีชมพูของครอบครัวนี้ดูท่าทางจะชอบกินไข่มากๆ แม้ว่าฟังไม่ออกแต่ดูจากท่าทาง...
มาปอกไข่กินกัน..
ปอกๆ
โรยเกลือ
(ไม่ได้อร่อยเว่อ แต่เค้าว่าจะเพิ่มอายุให้7ปีต่อ1ฟอง) กลับมาที่ยัยแสบสีชมพูดีกว่า.. พอเรายกกล้องจะถ่ายน้องแก แกก็หนีมุดไปหลบหลังแม่เลย ทั้งครอบครัว(เค้าและเรา)ขำกันใหญ่
(แต่ยังแอบถ่ายมาได้) ตอนเราปอกไข่อยู่..ก็เห็นคุณน้องทำท่าทำทางอ้อนแม่..ตีความจากท่าทางแปลว่าแบบนี้.. คุณน้องแกหันไปอ้อนแม่ว่า.. แม่ ขอกินอีกฟองนะนะ แม่ถามกลับว่า.. กินไปกี่ฟองแล้วอีนางเอ๊ย คุณน้องชูนิ้วว่า.. สอง คุณแม่ตอบว่า.. พอแล้วจะกินอะไรมากมาย ทำยังกะที่บ้านไม่มีไข่กิน ไอ้เรามองเห้นก็เกิดความสมน้ำหน้า..ไม่ช่าย..แหมๆไม่นางงามเลย เรามองก็รู้สึกขำๆปนสงสาร เลยทำการยื่นไข่ไปให้ยัยแสบครึ่งฟอง ชีก็มองหน้าทำตาปริบๆ ก่อนจะ.. เอื้อมมือมาหยิบไปจริงๆด้วย
ฮ่าๆๆๆๆ เห้นแก่กินใช้ได้เลยนะเนี่ย ขำดี จากนั้นขอน้องแกถ่ายรูป.. แกก็ยินยอมเป็นดิบดี พอเราจัดท่าเสร็จทำการนับ.. วัน.. ยังยืนนิ่งอยู่ ทู.. ยังยืนนิ่งอยู่ แต่พอนับทรีพร้อมกดซัตเตอร์... เจ้าตัวแสบก็หักหลังเอาแบบนี้.. ........ ................. ...............................
มุดหนีเฉยเลย.. แสบมาก..ยัยแสบชมพู ............................................................................. ในที่สุดเราก็เดินลงเขากันมา เดินลงมาถึงรออยู่พักนึงหม่ามี้ถึงลงมาสมทบ เนื่องจาก.. แกไปเดินแอบฟังชาวจีนคุยกันอยู่ -"-
(คิตตี้ไข่ดำ) ก่อนจะมาเล่าอย่างภูมิใจว่าชาวจีนคุยกันว่าไข่มันดำได้ยังไง
พลอยกะน้ำเลยทำการเฉลยเคล็ดลับไข่ดำว่า.. จริงๆแล้วเค้ามีห้องลับไว้ใต้บ่อน้ำแร่น่ะ..เอาไว้ทาสีไข่ให้ดำแล้วส่งกลับขึ้นมา จบ .................................................................................
Free TextEditor
Create Date : 07 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 15:48:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 652 Pageviews. |
|
|