หนังสือเล่มแรกที่ทำให้รู้จักนิ้วกลมคือ..
โตเกียวไม่มีขา
สะดุดตา(+หู)กับชื่อเรื่อง
ซื้อมา..อ่านไป..ผู้ชายคนนี้ลีลาการเขียนคล้ายเรา(หรือเราคล้ายเค้า)..มากๆเลย
หลังจากนั้นตามติดผลงานเค้าทุกเล่ม
กัมพูชาพริบตาเดียว เนปาลประมาณสะดือ สมองไหวในฮ่องกง นั่งรถไฟไปตู้เย็น
เพลงรักประกอบชีวิต อิฐ นวนิยายมีมือ
นิ้วกลมเป็นก๊อปปี้ไรท์เตอร์(อาชีพในฝันของเราอีก)
เป็นนักเขียน นักคิด และที่สำคัญ..
นักท่องเที่ยว
การเที่ยวของนิ้วกลม..
เหมือนการเดินทาง..ตามหาตัวตน..คุยกับตัวเอง..มองสิ่งรอบข้างมาผสมผสานเป็นความคิด
ติสต์มากก เท่โคดดด
แต่อย่าคาดหวังว่า..
อ่านหนังสือของเค้า แล้วเราจะได้เที่ยวตาม
เพราะเค้าเที่ยวเอาเรื่อง ไม่ได้เที่ยวเอามันส์
โตเกียวไม่มีขา..
มันเดินมาหาเราไม่ได้
เรานี่แหละต้องเดิน(ไปขึ้นเครื่องบิน ต่อรถไฟ ต่อรถเมล์)ไปหามัน
ไปกันเถอะ...
เราไปเที่ยวเอามันส์กัน
.................................................................................................
เช้าวันที่4 ตื่นขึ้นมาที่อีเคะบุคุโระ..
ณ โตเกียว(ไม่มีขา)
ถ้าอยากรู้ว่าเรา(ที่มีขา)ตื่นกันเช้าแค่ไหน และง่วงแค่ไหน..ให้ดูรูปนี้
(ละเมอกิน)
หน้าง่วงกันมากๆ(ถึงมากที่สุด)
และเห็นได้ชัดว่ายังมืดอยู่เลย
อาหารเช้าที่โรงแรม..ฟังดูดีมากๆ
มีชา กาแฟ น้ำผลไม้ ขนมปังปิ้ง ซุป
ตอนหลังพบว่ามันเป้นกาแฟ(ขมปี๋) ชา(ลิปตัน) ขนมปัง(ปิ้งเอง) ซุป(ซอง..ใส่น้ำร้อนเอง)
เออ..เอาวะ กินกันตาย
หลังจากนั้นหน้าตาค่อยสดใสขึ้น
มีอารมณ์มาถ่ายกะ..เอ่อ..ถ่ายกะอะไรแล้วถ่ายทำไมกันเนี่ย...
เอาเป็นว่าถ่ายให้เห็นละกันว่ายังมืดอยู่
จากนั้นเดินทางไปสู่อีกโรงแรมนึง เพราะว่าจะได้เที่ยวอย่างสบายใจไร้กกังวล
ไม่งั้นต้องมาห่วงว่าถ้าเช็คอินสายไป..เค้าจะเอาห้องเราไปให้คนอื่นมั้ย
(ร้านขนม..นี่อีก ไปถ่ายกะมันทำม้ายยย)
เอาล่ะ เดินทางด้วยปาก(ถามทางตลอดสาย)ไปเรื่อย
หม่าม้าบอกว่า นายสถานีมันต้องด่าในใจแน่ๆว่า..
อีพวกนี้ยังไม่กลับประเทศกันซะที..มาถามอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน
ป้าดดด
ลงจากสถานีจิมโบโชะ(ชื่อน่ารักเนอะ)..แล้วเดินต่อไปโรงแรมซากุระจิมโบโชะ
ปรากฎว่าหลงเข้าซอยผิดไป1ซอย เนื่องจากเห็นพี่ๆเค้าถอดเสื้อโชว์หุ่นขุดถนนกันอยู่
พวกเราเลยตามไปโดยง่าย(ซะงั้น)
แต่หลงคราวนี้เราได้เจอกับร้านข้าวหน้าปลาไหลท่าทางน่าหม่ำมั่กๆ
เลยทำการจับจองทางสายตาว่าพรุ่งนี้จะมากิน(นะจ๊ะ)ห้ามหนีไปไหน(นะจ๊ะ)
พอเช้คอินฝากกระเป๋าที่ดรงแรมเป้นที่เรียบร้อย
เราทำทำการเดินขา(ไปขึ้นรถไฟ) ท่องเที่ยวโตเกียวกัน
เย้
...................................................................................
ระหว่างทางเจอวัดเล็กๆ เลยเดินเข้าไปนั่งเล่น
เล็กและเงียบซะจนกลัวมาก..ว่าจะมี่คนเดินมาบอกว่า
..พี่ๆ นี่มันบ้านผม เดินเข้ามาทำไมกัน..
.......................................................................
จุดหมายเเรกของเราในวันนี้ คือ วัดเซ็นโจจิ
เพราะอยากไปเห้นร้านขายของมากมายรายทาง(แต่ไม่ได้อยากซื้อนะ)
ดังนั้น..อยากไป..ก็เลยไป
ง่ายๆยังงั้นแหละ
เดินไปถึงพบกับ..
หมู่มวลชนมากมายมหาศาลล้านแปด
แอบเศร้าว่าวันนี้เค้าไม่ปล่อยโคมแดงอันใหญ่ยักษ์ลงมา
เพราะว่าวันนี้ฝนตก.. อดเลย..โคมแดงแต้ๆที่เป้นสัญลักษณ์ของวัดนี้
เลยต้องนั่งร้องเพลง..เห็นโคมแดงแสลงในใจ..กันต่อไป
เดินข้าไปก็พบกันคลื่นผูงชนอีกครั้ง..มันจะมาเดินอะไรกันนักหนาเนี่ย..
สองข้างทางก็เจอร้านขายของมากมายสมใจจริงๆ
ทั้งขนม ของที่ระลึกต่างๆนานา
คนก็รุมกลุ้มกันทุกร้าน..ดูร่าเริงดี
อีกอย่างที่พบเยอะมากที่นี่..คือคนไทย
เดินไปทางไหนได้ยินภาษาไทยกระจัดกระจายไปหมด
...............................................................
มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนบ้าง
(เห็น โคมแดง(ขาว ดำ) แสลงในใจ)
(ร้านอะไรน้า คนเพียบ)
(ทอดอะไรดูน่ากิน)
(กินแล้ว...อร่อยด้วย)
มุงอะไรกันคนเยอะเลย
(อยากรู้ต้องลอง)
(เจ้าโคม(ขนม)นี่เอง)
(รำพัด)
(อันไหนดี)
(จุ๊ๆ)
(ดังโงะ)
หม่าม้าทำการตั้งฉายาให้ที่นี่(เหมือนกะที่เรียกคิโยมิซึว่าวัดหลวงพ่อโสธร)
เซ้นโจจิ มีฉายาว่า.. ตลาดหนองมน
เออ..เหมือนจริงๆด้วย
.......................................................................................
เข้าไปในตัววัดคนก็ยังไม่เจือจางลงเลย..
เยอะมากมายเหมือนเดิม
(ยุ่บยั่บ)
(ตีกลองร้องป่าว)
วัดที่นี่ก้สวยงามตาแบบญี่ปุ่น
แต่ก็ไม่เท่าคิโยมิซึนะ..
(ส้นเตี้ยกันแล้ว..เมื่อยมาก)
(ยิ้มแย้ม)
(เคียงโรม)
เดินเข้าก็ไปจุดธูปก่อน
ตอนแรกออกตัวไว้แล้วว่าไม่จุด ไม่ไหว้นะ เพราะว่าแพ้ควันธูปอย่างมาก
โดนเข้าไปจะน้ำหูน้ำตาไหล..
ไม่ใช่อะไร กลัวมาสคาร่าเยิ้มน่ะ
เดี่ยวคนเค้าจะตกใจกันว่าผีหลอกกลางวัน
แต่พอไปเห็นวิธีจุดธูปของญี่ปุ่น ก็เกิดอาการอย่างเก็บรูปไว้แบบใกล้ชิด..
เอาว่ะ เยิ้มก็เยิ้ม
เลยไปจุดกะเค้าด้วย
(จุดธูปแบบ..สดใหม่จากเตาทุกวัน)
เสร็จแล้ว
ตอนแรกจะจุดให้ติดหมดทุกก้าน มีคนป้าญี่ปุ่นคนนึงเห้นแล้วทนไม่ได้ เดินมาบอกว่า
เธอ..แค่นี้พอแล้ว โอเคแล้ว ไม่เป้นไร อย่าเครียด
ฮ่าๆ
(เสร็จแล้วโยนไปเลย ไม่ต้องปัก)
ออกมาซับน้ำตาเรียบร้อย..
เดินเข้าไปในวัด
ไปพบกับสิ่งนี้
ใหญ่และยาวมากๆ(กรุณาอย่าโฟกัสไปเรื่องอื่นกันนะ)
เป็นช่องโยนเหรียญบริจาคลงไป
ออกมาจากตัววัดเดินเล่นอีกหน่อย
เก็บภาพความชุลมุนวุ่นวายอันน่ารักตามทาง
ในที่สุดก็ออกจากหนองมน
คราวนี้เราจะไปบางแสนกัน..
(ว่าไปนั่น)
...................................................................................