Japan in my mouth : เมากญชาที่ซึกิจิ
eating is not just eating.. most of time it's also soul fufilling.
when you eat..you dont just eat. you see, smell, touch and think..
one food can take you furthur than a kitchen table, it can take you to the new culture..new stories
of people around the world.
Now i'm tasting Japan..
Bon Appetit! ........................................................... อย่างที่บอกไปหน้าที่แล้วว่า พลอยและเบิ๊ดอยากไปตลาดปลาซึคิจิ มาก!!!!! คิดกันได้เวลาสี่ทุ่ม ทำการเดินดุ่มลงไปใช้อินเตอร์เน็ตข้างล่างหอ เสิร์ชไปเสิร์ชมาแบบงงๆ พักหนึ่งมองไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ เบิ๊ดจำได้ว่าเป้นเพื่อนพี่แพรชื่อ แคโลรีน่า (ชาวฮอนดูรัส) เราสองจึงทำการตะโกนเรียกอย่างดีใจ...แข่โหล่รี้นา..... แคโลรีน่าหันมาทำหน้างงๆก่อนว่าอีพวกนี่ใคร ก่อนจะจำหน้าได้เซย์ฮัลโหลทักทายกันเป็นอันดี บอกพี่แค(ชื่อยาวไปขอย่อนะ)ไปว่าอยากไปซึกิจิ พี่แคบอกว่า เออ..น่าไปเนอะ(อ้าว) แต่เค้าเองก็ไม่เคยไป(อ้อ) จากนั้นก็ทำการโทรถามข้อมูลจากเพื่อนให้ น่ารักมากๆๆ หลังพี่แคคุยกับเพื่อนเสร็จก็ได้ความมาบอกเราว่า ..ซึกิจิเนี่ย ถ้าจะไปทันประมูลทูน่า ก็ต้องไม่หลับไม่นอน (ห๊า) นั่งรถไฟเที่ยงสุดท้าย(เที่ยงคืน) ไปแถวนั้น จากนั้นก็ทำการ(ชอบคำนี้มาก) พาร์ตี้ ทิว โฟร์...ปาร์ตี้ให้ถึงตีสี่ แล้วเดินเริ่ดๆเชิ่ดๆ ไปดูเค้าประมูลปลากัน เพราะมันเริ่มเวลานั้น ป้าดดดดดดดดดดดด ไปตอนเช้าไม่ได้ค่ะ..เพราะรถไฟเริ่มวื่งประมาณตีห้า ป้าดดดดดดดดดดด นั่งแท็กซี่ไปก็ไม่ไหวค่ะ..เพราะประมาณ7พันเยน โฮกกกกกกกกกกกกกกกก จากนั้นพี่แคก้ออวยพรให้เราโชคดี ก่อนจะจากไปพี่แคทิ้งท้ายได้เจ๋งมาก ..ถ้าพวกยูอยาก "พาร์ตี้ ทิว โฟร์" ก็โทรหาไอได้นะ.... เจ๋งมากอาเจ้ คารวะสามจอก 555555 สรุปแล้วไม่มีทางเลยที่เราจะไปทันการประมูลปลาทูน่า แบบที่เห็นชินตาในการ์ตูนและซีรี่ย์สญี่ปุ่น แงๆๆๆๆ แต่ไม่เป็นไรไหนๆมาญี่ปุ่นทั้งทีไม่ไปซึกึจิก็ดูไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ไอ้หนูซูชิ (นี่เธออายุเท่าไหร่เนี่ยยัยพลอย) เราจึงตกลงกันว่า..เอาวะ ทันไม่ทันก็ไปตายเอาดาบหน้า ยังไงมันต้องมีอะไรให้ดูให้กินกันบ้างแหละ สู้!! ............................................................................ คิดได้ดังนั้นสองพี่น้องเลยรีบนอน ก่อนจะตื่นมาเวลาตีสี่ ล้างหน้าล้างตาแปรงฟนแต่งตัว จากนั้นก็เดินไปขึ้นแท็กซี่ (เริ่มที่710เยน แพ๊งงง) ถึงสถานีก็ถามนายสถานีว่าไปไงซึกิจิเนี่ย จนเค้าสังเวชต้องให้แผนที่พร้อมลูกศรบอกทางว่าไปงี้ลงไหนไปอะไรต่ออย่างละเอียดมา แต่ขอโทษ..เป็นภาษาญี่ปุ่น -"- (สถานีร้างมาก เช้าจัด ไม่มีคน) ถึงกระนั้นเราก็งมๆคลำๆกันจนได้สิน่า.. ถึงแล้ว... ซึกิจิ แต่ที่ยากกว่านั้นคือ..ตรงขึ้นเราขึ้นรถไฟมาไม่เห็นเป็นตลาดปลาตรงไหนเลย.. มีแต่เจ้ยืนโพสท่าเท่อยู่ ช่วงนั้นประมาณ6โมงเช้า นักท่องเที่ยวแบกเป้สะพานกล้องเดินว่อนไปมามาก เห็นดังนั้นก็เลย..เดินตามเค้าไป.. ว่าง่ายน่ะ.. เดินไปๆบรรยากาศตลาดปลาก็มากขึ้นๆ จนในที่สุดเราก็ไปอยู่ในที่ที่น่าจะเป็นซึกิจิ.. น่าจะนะ.. เพราะงง.. หลง.. ไม่รู้เรื่อง ตกลงตอนนี้เราอยู่ไหน อยู่ในซึกิจิยัง แถมเวลานี้เดินตามใครก็ไม่ได้ เพราะดูๆไปหน้านักท่องเที่ยวแต่ละคนก็อารมณ์เดียวกับเรา ..ที่นี่ที่ไหน มันมีไรให้เราตื่นเช้าถ่อมาดู(วะ)... หลังจากนั้นเราก็เดินหลงอีกพักนึง รถขนปลา(ที่ไวและตามใจตัวเองมาก)เกือบชนเราตายไปหลายรอบ
ก็มาถึงตลาดที่ขายอาหารทะเลอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
เลยทำการแก้เขิน..ถ่ายรูปของซื้อของขายก็ได้.. ระหว่างถ่ายรูปนั้นเอง.. มีพ่อค้าหอยคนนึงเห็นเสื้อไมเคิล แจ็คสันของเบิ๊ดแล้วชอบใจ ร้องทักขึ้นว่า.. "อ่าโน...ไมเคิง แจ็คคุซัง" พวกเราเลยได้ใจ ถามกลับเลยว่า "เฮียๆ...Tuna Auction อยู่จังไส" ดูเหมือนอาเฮียแกจะไม่เข้าใจเรา เลยพูดย้ำว่า "ทูน่า ทูน่า" คิดท่าไม่ออกด้วยว่าควรใบ้คำว่า "ประมูล" ยังไงให้เฮียเข้าใจ น่าจะจดศัพท์ภาษาญี่ปุ่นมาเนอะ... แต่ในที่สุดก็ไม่รู้ว่าผีไมเคิลรึเปล่าที่ไปดลใจให้เฮียเข้าใจเราจนได้ ก่อนจะชี้ไปทางขวา บอกว่าทางนี้ๆ และก่อนที่เราจะดีใจไปกว่านั้นอาเฮียก็ทำมือเป้นสัญลักษณ์กากบาทอุลตร้าที่แสนคุ้นเคยเเล้วพูดว่า "close" ปิดแล้ว จบแล้ว ไม่ทันแล้ว..นั่นเอง... แป่วววว แต่เอาน่า ก็มาถึงแล้วอ่ะ ไปดูลานประมุลก็ยังดีเอ้า.. เลยเดินๆไป ระหว่างทางก็เริ่มเห็นทูน่าตัวใหญ่กว่าหมาให้ตื่นตาตื่นใจ ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือวิธีแล่ปลา ที่มีทั้งการใช้เครื่องแล่แปบเดียวเสร็จ (ยังกะเลื่อยไม้) และการแล่เเบบประณีตแต่เร็วจัดด้วยปลายมีด โอ้วว โดเรมอน อายิโนะโมโต๊ะ อิไตๆ มันยอดมากกก สุดทางเดินเราก็พบลานประมุลทูน่าในที่สุด แน่นอนว่าการประมูลจบแล้ว แต่ยังพอเห็นการลากทูน่ากลับร้านตัวเอง ตัวใหญ่จริงจัง ที่นี่มีส่วนหนึ่งที่เค้ากั้นห้ามเข้า..น่าจะเป็นลานประมูลปลาที่เรามาไม่ทันดูนั่นแหละ เดินตลาดจนอิ่มใจ ไปหาอะไรให้อิ่มพุงต่อดีกว่า คริคริ ..................................................................................... ทีนี่มีชื่อมากเรื่องร้านซูชิ ซึ่งมีสองซอยให้เลือกเลยว่าจะกินร้านไหน ตั้งกันเรียงรายไปหมด บางร้านไม่มีคนเลย บางร้านคนแน่นมากๆ แน่นอนว่าเราเป้นคนไทยก็ต้องเอานิสัยไทยมุงมาใช้ พี่มุงร้านไหน..หนูไปกินด้วย ร้านที่เรามุงตามนั้นไม่ได้เลือกว่านักท่องเที่ยวมาก แต่เรื่องเพราะคนญี่ปุ่นเยอะ ต่อแถวกันตรงแหนวอยู่หน้าร้าน (ร้านนี้ค่ะ..สังเกตได้ว่าไปอย่างโทรม หน้าตาไม่แต่ง) เราก็เดินไปต่อแถวด้วยอย่างว่าง่ายในทันใด.. คิวข้างหน้าเรานั้นมีประมาณ8-9คน ที่นั่งในร้านมีประมาณ12ที่ เฮือกกกกกกก 15นาทีผ่านไป.. คิวหน้าเรามี8-9คน คิวหลังเราก็มี8-9คน ............. ...................... ...................................... 25นาทีผ่านไป.. มีอาเจ้มาจัดระเบียบแถว โดยให้จัดแถวหน้ากระดานเรียง5 ต่อๆๆๆกันไป..นับได้5-6แถว ............. ...................... ...................................... โฮกกกกกกกกกกก(ท้องร้อง) ............. ...................... ...................................... 30นาทีผ่านไป.. เริ่มสาปแช่งคนที่นั่งกินอยู่ข้างใน ทำไมพี่ช้ากันแบบเน้ คนมันหิวนะรู้มั้ย ............. ...................... ...................................... (โครกกกกกกกกกกก) ............. ...................... ...................................... คนข้างหน้าเราเริ่มอยู่ไม่สุข แหวกม่านประเพณีถ้ำมองคนข้างใน
พร้อมส่งสายตากดดันเมื่อไหร่จะกินเสร็จซะที ให้มีความไวหน่อยได้มั้ย (อันนี้จะอินจัด เพราะทำเหมือนกัน 555)
เบิ๊ดเองก็หิวจนไม่รู้จะทำอะไร.. ถ่ายรูปลอดม่านเค้าเลย.. 35นาทีผ่านไป.. คิวข้างหน้ามี7-8คน คิวข้างหลังมีเท่าไหร่ไม่นับแล้ว หิววววววววววว ............. ...................... ...................................... แฮ่...(เริ่มอยากขู่คนข้างในให้ออกมา) ............. ...................... ...................................... 45นาทีผ่านไป.. คิวข้างหน้ามี6คน หิวววววว ข้าววววววววว ตอนนี้ทุกคนที่ต่อคิวทำหน้าเดียวกันหมด คือ หิว หงุดหงิด อย่ามายุ่งกะชั้นตอนนี้นะไม่งั้นกัดตอบแน่ๆ ตอนนี้อาเจ้เห้นท่าไม่ดี รีบเอาเมนูมาให้เลือก ซึ่งเมนูเป็นตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นสองแถว แถวแรกเขียนว่า..ชุดใหญ่ 3600 เยน แถวที่สองเขียนว่า..ชุดเล็ก 2500 เยน จะมีเมนูเพื่อ... -"- พลอยกับเบิ๊ดเลยเรียกใหญ่ชุด เล็กชุด เอามาแชร์กัน ............. ...................... ...................................... 55นาทีผ่านไป.. ปาฏิหาริย์มีจริง คนข้างในลุกพรึ่บ..ทีเดียว6คน ได้กินแล้ววววว แว้ววว แว้ววว แว้วว พอเดินเข้าไปพ่อครัวทั้งสามก็หันมายิ้มแย้มทักทายเสียงใส ชั่วเวลาสั้นๆนั้นทำให้บรรยากาศมาคุเมื่อกี้กลายเป็นความชื่นมื่นได้ทันที โดนสอนมาดีนะพ่อครัวที่นี่... พอนั่นไม่ทันไรก็ได้รับเซ็ตนี้.. ชาเขียว..ขมอร่อยกำลังดี ซุป(มีไข่ปลาด้วย)..อร่อยมากๆๆๆๆ รสชาติท้องทะเลเป้นเยี่ยงนี้ ขิงดอง...หอมหวานสดชื่นเป้นที่สุด โชยุ...ยังไม่มีอะไรจิ้ม เลยยังไม่ได้กิน แฮ่ ระหว่างนั้นพ่อครัวก็ชวนคุยไปเรื่อย..พูดภาษาอังกฤษคล่องมากๆ เราเองก็หันไปคุยกับคนข้างๆด้วย บรรยากาศดีสุดๆเหมือนเพิ่งถูกหวยพร้อมกันเลยพากันมากินซูชิ ฝรั่งข้างๆแอ๊บสาวแต่น่ารักดี มาจากนิวยอร์ก มาทำงานตั้งเดือนนึง แถมนี่เป็นวันแรกในญี่ปุ่น ฉลองด้วยซุชิเลย เกร๋ซะ.. คุณพ่อครัวถามเราว่า..มาจากไหน เราก็บอกไปว่าเมืองไทย เค้าก็มีท่าทีตื่นเต้นและเริ่มพูดไทยใส่เราทันที..555 จากนั้นซุชิก็เริ่มทยอยมา ที่นี่จะเสริฟทีละอันๆ ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่ามีอะไร แต่อะไรมาก่อนหลัง รู้แต่ว่าทุกอัน สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่มีอะไรคาวเลยแม้แต่น้อย ได้ความหวานของปลา ของหอย รวมถึงหอยไข่เม่นแบบวิเศษสุดๆ ข้าวนุ่มกำลังดี แน่นกำลังดี ทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะไปหมด ที่สำคัญชอบวิธีเสริฟที่มาทีละคำมากๆ ทำให้เรามีเวลาappreciateซุชิอย่างเต็มที่ ถึงตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนกันไปทั้งร้าน กิน มองหน้า ยิ้ม หัวเราะ กันแบบมีความสุขสุดๆ ตอนนี้พ่อครัวหันมาถามพลอยกับเบิ๊ดว่า "honeymoon?" กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก "no..cousin" พอตอบไปพ่อครัวหันมาชมพลอยทันที "น่ารักมากๆ" ภาษาไทยชัดแจ๋ว โอ้ววว...ปากหวานมากเฮีย รู้เลยว่าชมไปงั้น ไม่แต่งหน้าขนาดนี้รู้ตัวดีว่าโทรมม้ากค่า ระหว่างนั้นเบิ๊ดยังแอบถ่ายคนที่รออยู่นอกร้านได้อีก.. เหอะๆๆๆ เป็นพลอยเห็นคนในร้านทำงี้คงด่าไม่มีชิ้นดีว่ารีบๆกินไปเหอะ ชั้นก็หิวนะยะ
แต่ได้นั่งกินแล้วนี่..ไม่สน 5555 กินต่อๆ.. จำได้ว่าชอบปลาหมึกมากเพราะหอมและหวานยังกะชุบน้ำตาลมา
แล้วก็จำซูชิหน้าหอยอันนึงที่พอพ่อครัววางปุ๊บ..หอยจะเด้งปั๊บ..
พลอยเลยตั้งกล้องรอถ่ายวิดีโอ.. ปรากฎว่าพอพ่อครัววางหน้าเราปุ๊บ..หอยเราไม่เด้งค่ะ -"- ขนาดเอามือเขี่ยๆก็ไม่เด้งอ่ะ -"- ไรเนี่ย... โดนขำใส่เลย ชริ.. ไม่สน..กินต่อ..
กินกันไปพลอยกับเบิ๊ดก็ตบตีแย่งชิงกันไปว่าใครจะกินชิ้นไหน จนในที่สุดก็มีไข่มาวางตรงหน้า
ถ้าวางไข่ใส่นี่แปลว่าจะจบเซ็ตแล้วค่ะ เหลือกฟินนาเล่อีกชิ้นเดียว ไข่หวานนี่อร่อยดี ไม่หวานเลี่ยน กำลังพอดีละมุนลิ้น และเมื่อจัดการไข่เสร็จ ฟินนาเล่แสนสวยก็มาวางตรงหน้า โอ้วววววววว เธอคือความงามของโลก มันคือซุชิหน้าปลาไหลทะเล ที่สวย หรู ดูดี เป็นที่สุด กรี๊ดดดดด นั่งมองอยู่ครู่หนึ่ง..ไม่กล้ากิน ก่อนจะทำใจ หยิบขึ้นมาด้วยปลายนิ้ว.. ส่งเข้าปาก กัดช้าๆ อ้ำ....... โอยยยยยยยยย... อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ต่างจากปลาไหลญี่ปุ่นที่เคยกินมาอย่างฟ้ากับเหว อร่อยสุดๆหยุดไม่อยู่จริงๆ เนื้อนุ่มมาก เหมือนเป็นฟองครีมมากกว่าเป็นปลาไหล รสก็หวานล้ำชุ่มฉ่ำไปทั้งปาก สุโค่ยยยยยยยยยย ขนาดฝรั่งที่นั่งข้างๆยังร้อง "ว้าว" ออกมา(สาวแตกได้อีก) ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับพลอยว่า "this is too dilicious" พลอยพยักหน้ากลับไปสิบกว่ารอบ อร่อยจริงๆค่ะ นี่คือหนึ่งในสิ่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิตนี้ ขนาดนั้นจริงๆนะ.. ขณะที่กำลังเคลิ้ม และ ทอดอาลัยว่าปลาไหลหมดไปแล้ว พ่อครัวตัวดีก็เดินมาพร้อมเซอร์ไพรส์ว่า.. ..เลือกอีกชิ้นสิ..ชิ้นที่คุณชอบที่สุดน่ะ.. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด จะเป้นอะไรไปได้อีกนอกจาก.. หวานใจคนเดิม เฮ้อออออ...มีความสุขหยุดไม่อยู่ ฮูเรฮาๆ (บ้าไปแล้ว) อยากบอกว่าตอนเดินออกมาจากร้าน สองพี่น้องมีสภาพเหมือนคนเมากัญชามาก คือมีความสุขแบบล้นๆ เดินไปยิ้มไปหัวเราะไป เท่านั้นไม่พอเกิดความซาบซึ้งใจจนร่ายกลอนสดเป็น "นิราศซึกิจิ" ออกมา น่าเสียดายมากๆที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ ครอบครัวเรานี่บ้าบอทุกคนสินะ -"- ชอบร้านนี้มาก.. เป้นร้านต้นแบบที่ไม่ได้เติมเต็มแค่ความหิวของเรา แต่เติมเต็มความรู้สึกเราด้วย ทั้งบรรยากาศ ทั้งพ่อครัว ทั้งอาหาร ทุกอย่างมันเพอร์เฟ็คลงตัวมากๆ จริงๆ ไปญี่ปุ่นครั้งหน้าสัญญาว่าจะไปยืนรออีกหนึ่งชั่วโมง.. โอยเขียนต่อไม่ไหว เห็นปลาไหลแล้วมือไม้สั่น มาติดตามต่อคราวหน้านะคะ พลอยจะพาเที่ยว ชิบูย่า-ฮาราจูกุ :) ..................................................................................... full? full of happiness? if you're happy of what i've done.. i'm happy too!! xoxoxo ................................................................
Free TextEditor
Create Date : 21 สิงหาคม 2552 |
|
11 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 16:44:47 น. |
Counter : 1853 Pageviews. |
|
|
|
ถ้าเรามีโอกาสไป...ต้องแวะร้านนี้บ้างแล้วล่ะ
พ่อครัวอัธยาศัยดีจัง บรรยากาศคึกคักดีด้วย